Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศปรับการเดินรถชั่วคราว ให้สอดคล้องตามสถานการณ์โควิด-19 งดเดินรถเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการน้อยหรือขบวนรถที่มีความจำเป็นไม่มากต่อประชาชน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีนโยบายขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยง หรือชะลอการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

การรถไฟฯ จึงต้องปรับการให้บริการเดินรถใหม่ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ ศบค. โดยมีการงดการให้บริการขบวนรถเชิงสังคม ได้แก่ ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถท้องถิ่น และขบวนรถชานเมืองที่ไม่ได้วิ่งให้บริการในชั่วโมงเร่งด่วน จำนวน 57 ขบวน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนการให้บริการการเดินรถในครั้งนี้ การรถไฟฯได้คำนึงถึงความเหมาะสมในการให้บริการแก่ประชาชน โดยพิจารณางดเดินรถเฉพาะเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการน้อย หรือเป็นขบวนรถที่มีความจำเป็นไม่มากต่อประชาชนและไม่ได้วิ่งให้บริการในชั่วโมงเร่งด่วน โดยการรถไฟฯ ยังมีขบวนรถโดยสารให้บริการรองรับการเดินทางของประชาชนในทุกเส้นทางอย่างครบถ้วน

อีกทั้งการรถไฟฯ ยังได้มีการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง พร้อมกับให้สแกนแอพพลิเคชันไทยชนะ ก่อนและหลังใช้บริการ แต่หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันไทยชนะ สามารถกรอกข้อมูลการเดินทางแทนได้ สำหรับประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

สำหรับขบวนรถเชิงสังคมที่งดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 ประกอบด้วย

สายเหนือ จำนวน 13 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 207/208 กรุงเทพ – นครสวรรค์ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 209/210 กรุงเทพ – บ้านตาคลี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 211/212 กรุงเทพ – ตะพานหิน – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 303/304 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 317/318 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 401/402 ลพบุรี – พิษณุโลก – ลพบุรี
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 409 อยุธยา – ลพบุรี

สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 18 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 233/234 กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 339/340 กรุงเทพ – ชุมทางแก่งคอย – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 417/416 นครราชสีมา – อุดรธานี – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 419/420 นครราชสีมา – อุบลราชธานี – ลำชี
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 423/424 ลำชี – สำโรงทาบ – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 427/428 นครราชสีมา – อุบลราชธานี – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 433/434 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอย
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 437/438 ชุมทางแก่งคอย – ลำนารายณ์ – ชุมทางแก่งคอย
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439/440 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอย

สายใต้ จำนวน 12 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 251/252 ธนบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ธนบุรี
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 259/260 ธนบุรี – น้ำตก – ธนบุรี
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 261/262 กรุงเทพ – หัวหิน – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 455/456 นครศรีธรรมราช – ยะลา – นครศรีธรรมราช
  • ขบวนรถรวมที่ 485/486 ชุมทางหนองปลาดุก – น้ำตก – ชุมทางหนองปลาดุก
  • ขบวนรถรวมที่ 489/490 สุราษฎร์ธานี – คีรีรัฐนิคม – สุราษฎร์ธานี

สายตะวันออก จำนวน 14 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 275/276 กรุงเทพ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 277/278 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 279/280 กรุงเทพ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 281/282 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 367/368 กรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 379/380 กรุงเทพ – หัวตะเข้ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 389/390 กรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

นักลงทุนแห่จองหุ้น OR ปตท.วันแรกท่วมท้น!! ส่งผลแอปฯ - เว็บฯ 3 แบงก์ล่ม ด้าน KTB ยืนยันระบบจองซื้อหุ้น OR ทำงานได้ปกติ แจงเหตุขัดข้อง-ล่าช้า เพราะคนเข้าจองพร้อมกัน แนะทยอยจองวันอื่น ย้ำไม่มียอดจองเต็ม จัดสรรให้นักลงทุนทุกคน

จากการที่บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) ได้เปิดให้จองซื้อหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ผ่าน 3 ธนาคารใหญ่  ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันนี้ (24 ม.ค. 64 ) และจะเปิดให้จองไปจนถึงเวลา 12.00 น.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเปิดให้จองซื้อผ่านออนไลน์ได้ด้วย นอกจากสาขาของ 3 ธนาคาร ผ่านเว็บไซต์ K-My Invest  ของธนาคารกสิกรไทย , ผ่านเว็บไซต์ Money Connect ของธนาคารกรุงไทย และผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ธนาคารกรุงเทพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดจองในเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ทั้งเว็บไซต์ที่ให้ทำการจองซื้อหุ้น OR กับแอปพลิเคชันของ 3 ธนาคารดังกล่าว พบว่าไม่สามารถให้บริการได้ มีความล่าช้าในการใช้บริการ และบางช่วงติดขัดไม่สามารถทำรายการใด ๆ ได้ เนื่องจากมีผู้สนใจจองซื้อหุ้น OR เป็นจำนวนมาก

สำหรับการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยนั้น ทั้ง 3 ธนาคารแนะนำให้ทำรายการในช่วงระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2564 เพื่อหลีกเลี่ยงความหนาแน่นในช่วงแรก และช่วงท้ายของระยะเวลาการจองซื้อ

ทางด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้ออกมาชี้แจงว่า ระบบ Money Connect by Krungthai สามารถจองซื้อหุ้น OR ได้ตามปกติ เนื่องจากธนาคารได้เตรียมความพร้อมในการจองซื้อไว้ล่วงหน้า จึงยกระบบการบริการและเพิ่มระบบงานไอทีให้รองรับธุรกรรมการจองซื้อครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเช้าวันที่ 24 มกราคม 2564 เวลา 9.00 น. (เวลาเริ่มเปิดจองซื้อ) มีผู้ที่สนใจเข้ามาจองซื้อหุ้น OR ผ่านช่องทาง Money Connect by Krungthai พร้อมกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนรายใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการครั้งแรกจำนวนไม่น้อย ซึ่งต้องกรอกข้อมูลตั้งต้นสำหรับการจองซื้อหลักทรัพย์ เช่น ชื่อ ที่อยู่ วิธิการรับหลักทรัพย์ กรอกข้อมูลการลงทุนและแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุนในระบบ ทำให้ใช้เวลาอยู่ในระบบนาน จึงอาจส่งผลให้ระบบมีความล่าช้า ทำให้ลูกค้าบางท่านไม่สามารถทำรายการได้

ทั้งนี้ จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้บริการกด refresh และลองใหม่อีกครั้ง หรือทยอยทำรายการจองซื้อหุ้น OR ในวันอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาจองซื้อในวันนี้ เนื่องจากสามารถจองซื้อหุ้น OR ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน https://moneyconnect.krungthai.com

และจองผ่านสาขากรุงไทยทั่วประเทศ ได้จนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยไม่ปิดการจองซื้อก่อนกำหนด และไม่มียอดจองซื้อเต็ม ทุกคนมีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น เพราะใช้วิธิ Small Lot First โดยจะเป็นการจัดสรรหุ้นแก่นักลงทุนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด

 

พรรคประชาธิปัตย์ ระดม ส.ส.- อดีต ส.ส. เตรียมความพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. บ่ายพรุ่งนี้ โวมีผู้สนใจสมัคร ส.ก.ในนามพรรคฯ จำนวนมาก

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวเตรียมจัดทำนโยบายกรุงเทพมหานคร ว่า วันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) เวลา 14.00 น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กรุงเทพมหานคร ได้นัดประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส. อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร  เพื่อหารือ ระดมความคิดเห็น ในเรื่องนโยบายกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) การเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการจะเข้าไปทำงานไม่ว่าจะในส่วนของ บุคคลที่จะไปทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะเป็นผู้บริหาร และในส่วนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ส.ก.ซึ่งจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ

ทั้งสองส่วน มีความสำคัญที่จะต้องมีนโยบายเป็นหลักการทำงานพื้นฐานที่สำคัญ การระดมความคิดเห็นทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีหลายเรื่องที่จำต้องมีนโยบายใหม่เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด มีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และเรื่องใดที่เป็นของเดิมที่ดีอยู่แล้วก็จะมีการสานต่อและทำให้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอนโยบายที่ดี ในการทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม ต่อไป

นายราเมศ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ก.ได้มีผู้ที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลายคนเป็นคนมีศักยภาพ อยู่ใกล้ชิดทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว มีส่วนของคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจเข้ามาอาสารับใช้ประชาชนก็มีหลายคนความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรค การดำเนินการมีการดำเนินการรอบคอบ ผ่านการคิดที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม นโยบายที่จะนำไปใช้ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง

 

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (24 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 198 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,500 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 73 ราย รักษาหายเพิ่ม 119 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 10,567 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,860 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 198 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จาก เบลเยียม 1 ราย ,มาเลเซีย 1 ราย ,บาห์เรน 1 ราย, ฝรั่งเศส 2 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย
ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ คัดกรอง ณ ด่านฯ จากเมียนมา
ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 118 ราย
ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 73 ราย
ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 175 ราย รักษาหายแล้ว 169 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 458 ราย รักษาหายแล้ว 405 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.77 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.91 แสน เสียชีวิต 27,664 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.8 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.37 แสน ราย เสียชีวิต 667 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.37 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.21 ราย เสียชีวิต 3,045 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.68 แสน ราย เสียชีวิต 10,190 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,260 ราย รักษาหายแล้ว 59,015 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,548 ราย รักษาหายแล้ว1,411 ราย เสียชีวิต 35 ราย
 

ททท. หวั่นผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ไม่คลี่คลาย หากยืดเยื้อถึง 1 ไตรมาส อาจสูญเสียรายได้หลักแสนล้านบาทแน่นอน โดยเฉพาะลูกจ้างในสาขาโรงแรม จะตกงานเพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่ต้นปีนั้น เห็นว่า การระบาดครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนเพราะมีมุมมองการจัดการที่ดีขึ้น ทั้งความสามารถในการตรวจ การรองรับผู้ป่วยมากขึ้นกว่าเดิม ความตื่นตระหนกที่น้อยกว่ารอบแรก รวมทั้งความรุนแรงของโรคที่น้อยลง เช่นเดียวกับความพร้อมด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น และความพร้อมเรื่องวัคซีนชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

แต่ถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย โดยยังมีการควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจำกัดการเดินทาง ประเมินเบื้องต้นว่า อาจส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปไม่น้อยกว่าเดือนละ 4.6 หมื่นล้านบาท และถ้ายืดเยื้อถึง 1 ไตรมาสก็สูญเสียรายได้เป็นหลักแสนล้านบาทแน่นอน

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ระบุว่า ถ้าสถานการณ์การระบาดยืดเยื้อ การท่องเที่ยวจะมีความเสี่ยง โดยเฉพาะลูกจ้างในสาขาโรงแรมจะตกงานเพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนคน ขณะที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ประเมินว่า เอสเอ็มอีภาคท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องกว่า 93,437 ราย จ้างงาน 3.2 ล้านคน ถ้ารวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องไปอีกจะเป็นตัวเลขที่มากกว่านี้ถึง 3 เท่า หรือคิดเป็นการจ้างงานถึง 10 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นการจะฟื้นภาคการท่องเที่ยวได้รัฐจำเป็นต้องช่วยเหลือเอกชนก่อนเพื่อให้อยู่รอดในช่วงนี้ต่อไปได้

กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด บุกรวบพ่อค้ารายใหญ่ ‘เคนมผง’ ฉายา "ลูแปง ไต้หวัน" คาคอนโดย่านอโศก ขณะกำลังผลิตยา เตรียมส่งเอเย่นต์ในกรุงเทพฯ ยึดของกลางเพียบ ด้าน ผบ.ตร.รุดสอบปากคำด้วยตัวเอง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านอโศก หลังจากที่ชุดปราบปรามยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้สืบสวนแกะรอยผู้ต้องหาชาวไต้หวัน

จากการตรวจค้นห้องพักเป้าหมายพบยาเสพติด เคนมผง จำนวนมาก และสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ฉายา "ลูแปง ไต้หวัน" ทั้งนี้ ยังตรวจพบว่าผู้ต้องหามีการใช้ชื่อปลอม มีสำเนาหนังสือเดินทางหลายสัญชาติ และหลบหนีหมายจับของไต้หวันมในคดียาเสพติดอีกหลายคดี อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นครั้งนี้ พบของกลาง เช่น เคตามีน, เฮโรอีน, ไอซ์, ยาอี และ ยานอนหลับ จำนวนมาก

รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมสารเสพติดเป็นเคนมผง อาวุธปืนขนาด 9 มม. และเครื่องกระสุนปืน 8 นัด อยู่ภายในห้อง อีกทั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมพบว่า ผู้ต้องหากำลังผสมสารเสพติดเพื่อจำหน่ายให้กับเอเย่นต์ยาเสพติดส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์จะทำการสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเองก่อนจะแถลงข่าวให้ทราบต่อไป

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (25 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 187 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,687 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 75 ราย รักษาหายเพิ่ม 95 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 10,662 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,950 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 187 ราย เป็นคนไทย 7 ราย สัญชาติอังกฤษ 1 ราย ,รัสเซีย 1 ราย ,เยอรมัน1 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ จากสหราชอาณาจักร 6 ราย ,รัสเซีย 1 ราย ,มาเลเซีย 1 ราย ,บาห์เรน 1 ราย ,เยอรมนี 1 รายผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 61 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 116 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 175 ราย รักษาหายแล้ว 169 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 458 ราย รักษาหายแล้ว 409 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.89 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.99 แสน เสียชีวิต 27,835 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.84 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.41 แสน ราย เสียชีวิต 678 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.38 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.22 แสน ราย เสียชีวิต 3,062 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.14 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.76 แสน ราย เสียชีวิต 10,242 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,308 ราย รักษาหายแล้ว 59,041 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,548 ราย รักษาหายแล้ว 1,411 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ผ่านมา 2 สัปดาห์ กับเหตุการณ์เหมืองทองระเบิดที่ประเทศจีน ล่าสุดทีมกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตคนงานที่ติดอยู่ภายในตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ออกมาได้กว่า 10 ชีวิต แต่ยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไปอีกนับสิบชีวิตที่ยังไม่รู้ชะตากรรม

หลังจากทุ่มเทความพยายามถึง 14 วัน ในที่สุดหน่วยกู้ภัยจีนก็สามารถช่วยเหลือคนงานเหมืองชุดแรกออกมาได้แล้ว 10 คนอย่างปลอดภัย ถึงแม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย และจำเป็นต้องใช้ผ้าปิดตาป้องกันแสงแดดจากภายนอก เนื่องจากอยู่ในที่มืดเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ แต่โชคร้ายที่มีคนงานเหมือง 1 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนได้รับการช่วยเหลือ

คนงานเหมืองทองทั้ง 22 คน ติดอยู่ในเหมืองทองที่ลึกจากพื้นดินเกือบ 600 เมตร หน่วยกู้ภัยเคยคาดว่าอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะขุดโพรงเพื่อช่วยเหลือคนงานเหมืองได้ แต่ทางการจีนมีคำสั่งให้เร่งขุดเจาะเพื่อช่วยเหลือคนงานด้านในออกมาให้เร็วที่สุด และสามารถขุดสำเร็จในวันที่ 14 ของการช่วยเหลือ

แต่ยังเหลือคนงานที่ติดอยู่ข้างในอีก 10 คน ในชั้นเหมืองที่ลึกลงไปอีก 100 เมตร ซึ่งยืนยันได้ว่ามีชีวิตอยู่แค่ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 9 คนยังไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้นการช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป

ส่วนสาเหตุของการระเบิดในเหมืองทองฉิงเซีย ยังไม่เป็นที่เปิดเผย และอย่างที่รู้กัน อุบัติเหตุในอุตสาหกรรมเหมืองของจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ มักมีข่าวให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ในปี 2020 ที่ผ่านมีอุบัติเหตุในเหมืองจีนที่เป็นข่าวมากถึง 9 ครั้ง และทุกครั้งเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่มีผู้เสียชีวิต

อุบัติเหตุในเหมืองครั้งสุดท้ายของปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมในเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในมณฑลฉงชิ่ง เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์รั่วภายในเหมือง ที่คร่าชีวิตคนงานเหมืองถึง 23 คน

แหล่งข้อมูล

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55784231

https://www.theguardian.com/world/2021/jan/24/chinese-mine-accident-first-worker-rescued-after-two-weeks-underground

ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รมต. ขึงพืดประจานความไร้ประสิทธิภาพ บริหารราชการแผ่นดิน แย้มขอมากกว่า 5 วันกระหน่ำรัฐบาล โต้ไร้ผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเหตุปล่อยรมว.พลังงาน หลุดโพยไม่ไว้วางใจ

ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำและสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเล็ก 2 พรรค คือพรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สำหรับวันเวลาที่เราจะใช้ในการอภิปรายนั้น จากการพูดคุยกันเบื้องต้น เห็นว่าควรเริ่มวันที่ 16 ก.พ. จึงจะพอเหมาะ ส่วนวันที่สิ้นสุดนั้นจะดูตามความเหมาะสม และจำนวนผู้อภิปราย

ด้านนายชวน กล่าวว่า เมื่อยื่นญัตติฯแล้ว สภาฯก็จะให้ฝ่ายเลขาฯ ตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด ถ้ามีอะไรจะแจ้งไปที่ผู้เสนอญัตติภายใน 7 วัน จากนั้นจะดำเนินการเข้าสู่การบรรจุวาระแบบเร่งด่วน ซึ่งวันที่จะดำเนินการอภิปรายนั้น ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลตกลงกันไว้เบื้องต้นว่าจะใช้วันที่ 16-19 ก.พ. แต่คงจะต้องมีการตกลงเรื่องเวลากันให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีส.ส.ฝ่ายค้านร่วมเข้าชื่อ 208 คน ยื่นอภิปรายรัฐมนตรี 10 คนประกอบด้วย 1.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม 2.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข 4.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ 5.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 6.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 7.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ 8.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 9.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย 10.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์

ขณะที่มีส.ส.ประสงค์ที่จะอภิปรายนั้น หลังจากการยื่นแล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันทันที และจะได้คุยเรื่องกรอบเวลาด้วย

เมื่อถามว่า ประเด็นหลัก ๆ ที่จะอภิปรายมุ่งเน้นไปที่เรื่องใด นายประเสริฐ กล่าวว่า มีหลายประเด็น ทั้งเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ การบริหารราชการที่ผิดพลาด เรื่องเอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และเรื่องการขาดหลักนิติรัฐ นิติธรรม

เมื่อถามย้ำว่า การอภิปรายฯครั้งนี้มีหมัดเด็ด หมัดน็อกหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า อยากให้ติดตามดู มีหมัดเด็ดแน่นอน เพราะหลักฐานค่อนข้างชัดเจน นอกจากนี้ ฝ่ายค้านมีการปรับรูปแบบการอภิปรายให้มีรายการเด็ดทุกวันโดยยึดข้อมูลเป็นสำคัญ

การอภิปรายครั้งนี้จะกระชับ เน้นเนื้อหาสำคัญ ๆ โดยจะใช้เวลาอภิปรายนายกฯ อย่างน้อย 1 วัน แต่อาจจะมากกว่านั้น เพราะเรื่องโควิดก็วันหนึ่งแล้ว ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่น ๆ จะใช้ผู้อภิปราย 2-3 คน ต่อรัฐมนตรี 1 คน

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้จะไม่มีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาเหมือนครั้งที่แล้ว จะตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามเรื่องเวลาการอภิปราย ตัวผู้อภิปราย จะทำงานอย่างเป็นเอกภาพใกล้ชิดกัน ส่วนเรื่องระยะเวลาการอภิปรายนั้น อาจจะมากกว่า 5 วันก็ได้ เพราะมีรัฐมนตรีถูกซักฟอก 10 คน ทุกคนจะต้องถูกอภิปรายทั้งหมด รวมถึงคนที่ขออภิปรายจะต้องได้พูดครบประเด็นหมดทุกครั้ง ดังนั้นเป็นไปได้ที่อาจใช้เวลามากกว่าวันที่ 16-19 ก.พ.ตามที่วางกรอบไว้เบื้องต้น

เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยว่าทำไม่มีการอภิปรายรมว.พลังงาน นายประเสริฐ กล่าวว่า เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังมีน้ำหนักหลักฐานไม่เพียงพอจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ มาเกี่ยวข้อง ส่วนจำนวนผู้ถูกอภิปราย 10 คนที่ถูกวิจารณ์ว่ามากเกินไปนั้น อย่าดูที่ตัวบุคคล ขอให้ดูเนื้อหาการอภิปราย เพราะผู้ถูกอภิปรายล้วนมีประเด็นทั้งสิ้น

ในส่วนพรรคเพื่อไทยวางตัวผู้อภิปรายไว้ 15-16 คน ลดจากครั้งที่แล้วที่วางไว้ 30 กว่าคน ขณะที่การอภิปรายร.อ.ธรรมนัส ที่มีข่าวตอนแรกว่าชื่อจะหลุดจากการอภิปรายนั้น ยืนยันว่าชื่อของร.อ.ธรรมนัสเป็นชื่อแรก ๆ ที่ถูกเสนอ แต่มีผู้คัดค้านว่าจะน้ำหนักเพียงพออภิปรายหรือไม่ ในที่สุดผู้อภิปรายยืนยันว่า มีข้อมูลหนักแน่นเพียงพอ จึงยืนยันที่จะอภิปรายร.อ.ธรรมนัส

เมื่อถามว่า มีข้อมูลที่นำไปสู่การยื่นถอดถอนหรือดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีหลายเรื่อง แค่พูดแย้มไว้ก็มีอย่างน้อย 2-3 เรื่องแล้วที่จะยื่นต่อได้ แม้เสียงในสภาฯมืออาจจะสู้รัฐบาลไม่ได้ แต่หากพี่น้องประชาชนได้ฟังแล้วจะเรียกศรัทธาจากพี่น้องประชาชนได้

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเสริมว่า การอภิปรายครั้งนี้ต่างจากปีที่แล้ว เพราะครั้งก่อนมีความบีบคั้นเรื่องของเวลา แต่ครั้งนี้เรามีเอกภาพ ทำงานกันอย่างรอบคอบและละเอียด การอภิปรายครั้งนี้จะเข้มข้น สร้างสรรค์ ชัดเจน และอภิปรายไปในทางเดียวกัน

เมื่อถามว่ามีข้อครหาว่าจะมีมวยล้มต้มคนดู นายพิธา กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ หากท่านสังเกต เมื่อใกล้ช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจทีไรมักจะมีปฏิบัติการไอโอขึ้นมาว่าฝ่ายค้านยังไม่พร้อมบ้าง ไม่มีเอกภาพบ้าง ตนคิดว่า ไอโอเหล่านี้ควรเอาเวลาไปเตรียมข้อมูลในการแก้ต่างของตัวเองดีกว่า พยายามอย่าเป็นรัฐบาลดื้อแพ่ง ไม่ยอมรับความผิด ทั้งนี้ ทั้งส.ส. และตัวผู้อภิปรายจะพยายามประชุมกันให้บ่อยที่สุด รวมถึงวิปฯของแต่ละพรรคด้วย

“ตราบใดที่ผมเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไม่มีเหตุการณ์มีปัญหาเรื่องเวลาการอภิปรายเหมือนครั้งที่แล้วอีก” นายพิธากล่าว

ส่วนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ยืนยันไม่มีมวยล้มการอภิปราย ในครั้งที่แล้วก็ไม่มีมวยล้ม ฝ่ายค้านทำงานกันเต็มที่ แต่ขอให้ประธานที่ประชุมวางตัวเป็นกลาง อย่าเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล

ลูกสาวผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ชี้แจง แนวทางการรักษาบิดา เผยแพทย์กำลังประเมินวิธี “ปลูกถ่ายปอด” เป็นหนึ่งในทางเลือกรักษาพร้อมเปิด line@ ให้ส่งกำลังใจผ่านออนไลน์แทนการเดินทางมาโรงพยาบาล

จากกรณีที่ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการสมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด-19 และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ‘น้ำหวาน’ บุตรสาว ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ได้เปิดเผยอาการบิดา ว่า “ขอแจ้งไปยังญาติๆ และผู้ที่ห่วงใยคุณพ่อค่ะ จากที่ช่วงนี้มีข่าวเรื่องการปลูกถ่ายปอด ทำให้หลายท่านติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามอาการของคุณพ่อ จึงขอแจ้งเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจสถานการณ์ และไม่วิตกกังวลจนเกินไปนะคะว่าอาการของคุณพ่อตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างการประเมินของคณะแพทย์ว่าจะใช้วิธีการรักษาต่อไปแบบไหน โดยการปลูกถ่ายปอดเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีรักษาที่คุณหมอได้เสนอเป็นทางเลือกไว้ค่ะ หากได้ข้อสรุปหรือมีความคืบหน้าอย่างไร อาจารย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา จะเป็นผู้แถลงผ่านทางพี่ๆ สื่อมวลชน ให้ทราบกันอย่างต่อเนื่องนะคะ

สำหรับผู้ที่สอบถามเข้ามาถึงการมาเยี่ยม หรือนำแจกันดอกไม้ หรือสิ่งของอื่นๆ มามอบให้กำลังใจคุณพ่อ ต้องขอเรียนให้ทราบว่า คุณพ่อรักษาตัวอยู่ในวอร์ดสำหรับผู้ป่วยโควิดที่อาการวิกฤต คุณหมอจึงไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมเลย (รวมถึงตัวหวานเองด้วย) และไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับอาการ รวมถึงไม่สามารถนำของเยี่ยมเข้าไปภายในห้องได้

เบื้องต้น ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดสมุดลงนามไว้ ที่อาคาร 84 ปี (ซึ่งเป็นคนละอาคารกับที่รักษาตัวอยู่) ส่วนของเยี่ยมทั้งหมดหวานจะนำกลับไปที่บ้านนะคะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงของการควบคุมโรค ด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของทุกท่าน ว่าจะต้องเดินทางเพื่อมาเยี่ยมถึงโรงพยาบาล และทำให้ท่านมีความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น

จึงได้จัดทำเป็น line@ ของคุณพ่อ ID : @verasak.vich หรือกดลิงก์ https://lin.ee/IUu5zns เพื่อให้ทุกท่านได้ส่งกำลังใจถึงคุณพ่อผ่านช่องทางออนไลน์นี้ แทนการเดินทางมาโรงพยาบาล ท่านจะได้ไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน หรือเดินทางข้ามจังหวัด หรือส่งข้อความไปยังไลน์ส่วนตัวคุณพ่อ (ซึ่งตอนนี้น่าจะใช้ไม่ได้แล้ว)

และถ้าคุณพ่ออาการดีขึ้น จะรวบรวมให้คุณพ่อได้รับทราบถึงความห่วงใยจากทุกท่านต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านค่ะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top