Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

พรรคการเมืองแอบหลังเด็ก ท่องจำแต่เกลียดรัฐประหาร แต่กลับรับได้กับรัฐบาลไร้ฝีมือที่ส่อทำไทยเสียดินแดน

(1 ก.ค. 68) พรรคการเมืองเน่า ๆ พรรคหนึ่ง ณ แดนสยามยุคใหม่ อ้างตนว่าจะทำการเมืองแบบ “คนรุ่นใหม่” จะช่วยกันกำจัด “นักการเมืองน้ำเน่า” ที่คอยโกงชาติ โกงแผ่นดิน โกงประชาชนให้หมดสิ้นไป 

แต่ก็เป็นได้เพียงการโกหกคำโต ตลบตะแลง กลิ้งกลอก หลอกต้มได้เพียงเหล่า ”สาวกผู้เบาปัญญา” ให้หลงคล้อยตามเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาทำเป็นขบวนการมาโดยตลอดคือการเดินหน้า “ล้มล้างการปกครอง” กับ “ก่นด่าการรัฐประหารในอดีต” แต่กลับไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ของการเป็นนักการเมืองที่ดีช่วยพยุงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนให้พ้นความทุกข์ยากได้เลย 

ยิ่งหลังจากที่มี “คลิปเสียง” ระหว่าง “นายกไอแพด” กับ “อดีตเขมรแดงผู้แปรพักตร์” ออกมาให้โลกได้ยินถึงความชั่วร้ายในใจ ก็ยิ่งเห็น “สันดานดิบ” ของพรรคการเมืองล้มสถาบันได้อย่างชัดเจน ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ที่มีจิตปกติ ไม่ได้เป็นคนโง่ บ้า หรือกินอคติเป็นอาหาร จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ทันทีว่าควรแสดงออกต่อเหตุการณ์ “นายกขายชาติ” อย่างไร 

คนไทยรับไม่ได้ อยากรักษาแผ่นดินของชาติเอาไว้ จึงนัดรวมพลในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสะท้อนว่าพวกเราคนไทยไม่นิยม “นายกทรยศแผ่นดิน” สมควรต้องขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่ง ไปรับโทษทางกฎหมาย หรือออกจากแผ่นดินไทยไปให้พ้น ๆ

ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน แม้เพียงสักหนึ่งตารางนิ้วเดียวก็ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ได้จริง ๆ นี่คือ “สัจจะสำนึก” ของคนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนโดยแท้ 

แต่ขณะที่คนไทยผู้รักชาติ เสียสละเวลาออกไปช่วยกันปกป้องแผ่นดิน “พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่” กลับไม่สนว่าประเทศไทยจะมีนายกโง่ รัฐบาลจะขายชาติก็ไม่ว่า ไม่แคร์แม้แผ่นดินไทยจะถูกเขมรโกงไป พรรคการเมืองไทยพรรคนี้รับได้ทั้งหมด ในสมองกลวง ๆ ท่องจำเพียงไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาทหาร และไม่เอาปฏิวัติ

การเกลียด “การปฏิวัติรัฐประหารโดยทหาร” นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เลว แต่การรับได้ที่ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดน รับได้ที่เรามีนายกโง่ที่แอบขายชาติ ต้องพูดว่า “เลวยังน้อยเกินไป” 

คนไทยเช่นนี้ ปล่อยอยู่ไปก็รกแผ่นดินของเรา 

เมื่อ ‘ผู้นำเขมรผยอง’ สั่งหยุดนำเข้าน้ำมันจากไทย ราคาหน้าปั๊มดีดจาก 30 -31 บาท/ลิตร แตะ 39–45 บาท/ลิตร

หลังจากรัฐบาลกัมพูชาประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันจากไทยตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2568 ราคาน้ำมันในประเทศก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เคยอยู่ในช่วงประมาณ 30–31 บาทไทยต่อลิตร กลายเป็นแตะระดับกว่า 39–45 บาทในเวลาเพียงไม่กี่วัน โดยล่าสุด ราคาหน้าปั๊มในเมืองชายแดนอย่างปอยเปตแสดงว่าดีเซลอยู่ที่ 4,800 เรียล (ประมาณ 39.00 บาท) และเบนซินพรีเมียมสูงถึง 5,550 เรียล หรือประมาณ 45.05 บาทไทย

โดยในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ตามป้ายราคาหน้าปั๊มน้ำมัน PTT Station และ L.H.R ที่ปรากฏในพื้นที่ชายแดนใกล้ตลาดปอยเปต ปรากฏราคาน้ำมันดังนี้:

ประเภทน้ำมัน ราคากัมพูชา (KHR) คำนวณเป็นบาทไทย (ประมาณ)
ดีเซล (Diesel) 4,800 ~39.00 บาท
เบนซิน Regular 4,950 ~40.20 บาท
เบนซิน Super 5,550 ~45.05 บาท

แม้รัฐบาลกัมพูชาจะอ้างว่ามีแหล่งพลังงานสำรองจากประเทศเพื่อนบ้านและไม่จำเป็นต้องพึ่งไทย แต่โครงสร้างการค้าระหว่างประเทศที่พึ่งพาชายแดนตะวันตกเป็นหลักกลับสะท้อนความจริงอีกด้านหนึ่ง เมื่อขาดซัพพลายจากฝั่งไทย ตลาดน้ำมันภายในจึงเกิดภาวะชะงักงันทันที ราคาจึงดีดตัวตามกลไกและความกังวลของผู้บริโภคที่เร่งกักตุน

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ชัดเจนว่า การใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือในการตอบโต้ทางการเมือง อาจสร้างภาพลักษณ์เข้มแข็งให้กับรัฐบาลในระยะสั้น แต่ผลลัพธ์ระยะยาวกลับเป็นภาระหนักอึ้งที่ตกอยู่กับประชาชนโดยตรง ซึ่งต้องแบกรับราคาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในทุกมิติของชีวิตประจำวัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top