Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

ปูติน-สี จิ้นผิง ร่วมสวนสนาม ประกบอดีตทหารผ่านศึกสงครามโลก วัย 99 และ 101 ปี

(10 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ผู้อาวุโส 2 ท่านที่นั่งชมสวนสนาม ประกบผู้นำจีน และรัสเซีย คือ แขกพิเศษของ ปธน.ปูติน นั่งติดกับ ปธน.จีน คืออิวาน มาตินุชกิน วัย 101 ปี อดีตทหารโซเวียตในสมรภูมิยูเครน เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง

ที่นั่งติดกับ ปธน.รัสเซีย คือนายเยฟเกนี่ ซนาเมนสกี้ วัย 99 ปี จากเบลารุสที่บุกเบอร์ลิน ในปี 1945

‘เอกนัฏ’ ส่ง!! ‘ทีมสุดซอย’ กำราบ โรงงานเหล็ก BNSS ในนิคมฯ เมืองชลฯ ลงดาบ 5 ข้อหาโทษหนัก จำคุก 10 ปี ตั้งสอบ จนท. ฐานปล่อยผีเหล็ก IF ระบาด

(10 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘ทีมสุดซอย’ พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตจากโรงงานนี้ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจังหวัดภูเก็ตว่า ซื้อเหล็กเส้นจากโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำไปสร้างอาคาร แต่เมื่อนำมาดัดโค้งงอปรากฎว่าเหล็กหัก จึงได้ประสานมายังทีมสุดซอยเพื่อตรวจสอบ 

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตนำตัวอย่างเหล็กจากหน้างานบริเวณที่ก่อสร้าง ส่งมาตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบเหล็กที่ส่งมาตรวจทั้ง 10 ท่อนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ตกค่าโบรอนทั้งหมด“ นายเอกนัฏ กล่าว

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กข้ออ้อย มีอักษร BNS DB16 SD4oT IF กำกับ ซึ่งเป็นเหล็กที่ผลิตโดย บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ชนิดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กรูปพรรณ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ใช้เตาหลอมแบบ IF ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน ตรวจพบการกระทำความผิดหลายเรื่อง อาทิ ไม่ขออนุญาตแจ้งเดินเครื่องจักร ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมที่เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานในส่วนของค่าโบรอน ซึ่งตรงกับผลการตรวจวิเคราะห์ล่าสุดโดยสถาบันเหล็กฯ ตามที่ประชาชนจังหวัดภูเก็ตร้องเรียนมา และยังมีกรณีลักลอบจำหน่ายกากอุตสาหกรรมด้วย

”โรงงานแห่งนี้มีพฤติกรรมทำผิดเป็นระบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ลักลอบประกอบกิจการ ฝ่าฝืน กฎหมายหลายฉบับ จึงต้องจัดการให้เด็ดขาด” นางสาวฐิติภัสร์ ระบุ

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบเชิงลึกพบสัญญาว่าจ้างผลิตเหล็กของ บริษัท เวล เอสทาบลิช จำกัด ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเมื่อตรวจสอบจากเอกสารภายในบริษัท ประกอบคำบอกเล่าของพนักงานพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีการตั้งบริษัทเพื่อรับเป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบและจำหน่ายเหล็ก ซึ่งในวันที่เข้าตรวจค้นยังพบพฤติกรรมต้องสงสัยของชาวจีนหลายคน ซึ่งในส่วนนี้ กขค. จะขยายผลและเร่งตรวจสอบโดยเร็วต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีกับบริษัทฯ 5 ข้อหา คือ 
1. ทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
2. ติดเครื่องหมาย มอก. บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
3. จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 
4. ทำลายเครื่องหมายและป้ายคำเตือนที่เจ้าพนักงานยึดอายัดของกลาง โทษคดีอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ  
5. เคลื่อนย้ายทำลายของกลางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ พร้อมสั่งให้บริษัทฯ รีบดำเนินการเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล็กที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดกลับมาทั้งหมด และให้แจ้งรายละเอียดการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทฯ ทั้งหมดภายใน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับไปจำหน่ายและประชาชนทราบโดยเร็ว

“นอกจากนี้จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า เหตุใดถึงปล่อยให้บริษัทฯ แห่งนี้มีการฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องขอบคุณประชาชนที่เป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือในการร่วมกำจัดปัญหาโรงงานเถื่อนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้สิ้นซากไป” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

รองโฆษกฯ เผย!! ‘พีระพันธุ์’ เร่งรัดให้ดำเนินการ ‘ลดค่าไฟฟ้า’ อย่างเป็นรูปธรรม เน้น!! ไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่บริหารจัดการเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ ‘เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า’ ว่า รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเสียงสะท้อนในเชิงบวก ต่อการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะมาตรการลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เร่งรัดการดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น 'ปีแห่งการลดค่าไฟฟ้า' โดยมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อปี 2566 ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย, ปี 2567 ทั้งปี ค่าไฟอยู่ที่ 4.17 บาทต่อหน่วย, ต้นปี 2568 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย ล่าสุด ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการยืนยันว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี

รองโฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นการบริหารจัดการเชิงโครงสร้าง อาทิ การปรับลดค่า Ft และการเจรจาลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาคเอกชน โดยอาศัยต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่ลดลง ในส่วนของราคาน้ำมัน รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการแต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนลงในระดับที่เหมาะสม เพื่อชดเชยภาระภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน ลดภาระค่าครองชีพ และวางรากฐานความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนไทยทุกคน” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

สาวสั่ง ‘ทิชชู่เปียก’ แอปพลิเคชันดัง แกะกล่องมาได้ ‘ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด - ยาไอซ์ 2 กิโล’ รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบ!! ด้าน ‘ขนส่งเอกชน’ ยัน!! ไม่รู้ มีหน้าที่ส่งอย่างเดียว

(10 พ.ค. 68) นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ นายอำเภอปะทิว ได้รับแจ้งจาก นายประเดิมชัย พัธการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่ามีลูกบ้านได้สั่งสินค้าจากกระดาษทิชชู่เปียกจากแอปพลิเคชันหนึ่ง แต่เมื่อเปิดกล่องพัสดุดู พบกระดาษฟอยล์ห่อเป็นก้อนลักษณะคล้ายห่อยาบ้า จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว

ที่เกิดเหตุพบ นายประเดิมชัย พร้อม นางเอ (นามสมมติ) ลูกบ้าน ยืนรอพร้อมกล่องพัสดุสีน้ำตาลวางอยู่บนพื้นหน้าบ้าน โดยกล่องพัสดุเป็นของบริษัทขนส่งเอกชนเจ้าหนึ่ง ลักษณะการบรรจุสินค้าทางบริษัท ได้นำกล่องจำนวน 2 กล่องมาสวมติดกัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยกกล่องออกจากกัน พบภายในมีกล่องสีดำคาดแดง ระบุเป็นลำโพงชื่อ BIG SOUND จำนวน 2 กล่อง และเมื่อยกขึ้นมาตรวจสอบพบบริเวณด้านหลังของลำโพงมีชุดเชื่อมต่อสายสัญญาณปิดหลอกไว้ จนมองเห็นกระดาษฟอยล์อย่างชัดเจน

เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ไขควงขันสกรูดึงฝาครอบลำโพงออก เมื่อภายในออกมาดูพบกระดาษฟอยล์ จึงนำออกมาพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าทั้งหมด 40,000 เม็ด ขณะที่ลำโพงอีกชิ้นออกพบ ยาไอซ์ บรรจุในห่อชาจีน วางเรียงอย่างดี 2 กิโล

นางเอ เล่าว่า ตนได้สั่งทิชชูเปียกยกลัง 10 แพ็ก ในราคา 169 บาท จากแอปพลิเคชันหนึ่ง วันนี้ช่วงบ่ายพนักงานส่งเอกชนนำพัสดุมาส่งให้ตน 1 กล่อง ก็เซ็นรับเรียบร้อย แต่ตนรู้สึกแปลก ๆ เพราะมันหนัก จึงได้เปิดกล่องดูหลังพนักงานส่งกลับไปแล้ว พบกล่องกระดาษบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 2 กล่อง และภายในกล่องเป็นลำโพง

ทีแรกคิดว่าถูกหลอกให้ซื้อของถูก แต่เมื่อมาพิจารณาดูลำโพงบริเวณด้านหลังตู้แปลก ๆ ช่องสัญญาณเหมือนทำหลอกไว้ จึงให้แฟนมาดู จึงพบสิ่งผิดสังเกต เกรงว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงแจ้งทางผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดู

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพร้อมตำรวจ นำยาบ้าและไอซ์ มาห้องสืบสวน สภ.ปะทิว พร้อมเชิญตัว นายวิทวัส อายุ 32 ปี พนักงานส่งพัสดุ และ นายพลาดิศัย อายุ 43 ปี ผู้จัดการสาขา มาสอบปากคำ ทราบว่าสินค้าดังกล่าวได้ส่งตรงมาจากต้นทางที่กรุงเทพฯ และจะส่งไปที่จุดกระจายสินค้า ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะสินค้าส่งมาให้ลูกค้าปลายทางที่ จ.ชุมพร ตนไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เพราะปลายทางมีหน้าที่ส่งอย่างเดียว ขอให้พัสดุนั้นถึงมือผู้รับตามใบสั่ง

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอรายชื่อผู้รับพัสดุจากบริษัททั้งหมดไว้ เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่เชื่อว่าหรืออาจมีพฤติกรรมที่ทางตำรวจมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำไปสู่การขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดรายนี้ต่อไป

‘เพื่อไทย’ ลั่น!! ‘กฎหมายกาสิโน’ ไม่ต้องทำ ‘ประชามติ’ ชี้!! สส. คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

(10 พ.ค. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ สส. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชนช่วงปิดสมัยประชุมสภาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร(เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

และวันที่ 13 พ.ค. ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยหรือไม่ ว่า คงไม่ได้คุยกัน เพราะเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องหลัง มีเวลาอีก 2 เดือน เป็นหน้าที่รัฐบาลชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ตอนนี้เห็นรัฐมนตรีหลายคนได้ชี้แจงไปแล้ว เชื่อมั่นว่า มีเวลาให้ศึกษาได้ทำความเข้าใจกันก่อน คงไม่ได้มีการพูดกันในช่วงนี้ ช่วงนี้เน้นเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ

เมื่อถามว่า ทางออกของความขัดแย้งควรจะมีการทำประชามติหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้พูดถึงการทำประชามติก็ยังไม่เคยเห็นรัฐมนตรีท่านไหนพูดเรื่องประชามติ เวลากฎหมายประชามติเข้าไปก็อยู่อีกหลายเดือน กฎหมายประชามติยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นหากออกกฎหมายฉบับนี้ต่อไป ถ้ามีคนเรียกร้องว่าต้องทำประชามติทุกครั้ง แล้วเราจะออกกฎหมายได้หรือไม่ ตัว สส.คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

“ฉะนั้น ต่อไปหากใครเสนอกฎหมายอะไร แล้วมีการเรียกร้องให้ทำประชามติ รอบละ 3,000 ล้านบาทไหวหรือไม่ เดือนนึงถ้าออกกฎหมาย 3 ฉบับ และทำประชามติทั้ง 3 ฉบับมันก็ไปไกลแล้ว เพราะฉะนั้น สส.คือตัวแทน ถ้ารัฐธรรมนูญทำประชามติอันนั้นเห็นด้วย แต่เรื่องอื่นให้อธิบายความกันก่อน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเมื่อเข้าใจแล้วเราค่อยมาว่ากัน ซึ่งมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน ก็ไม่เร่งด่วนอะไรเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำไป

แต่วันนี้ สส.พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ก็ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ทุกคนก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร ไม่ใช่วิ่งไปตามกระแสอย่างเดียว ต้องพูดในข้อเท็จจริงก่อนถึงเวลานั้นจะเป็นอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกที วันนี้ต้องเอางบประมาณฯให้ผ่านก่อน เรื่องใหญ่” นายวิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top