Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

GDP พุ่ง 4.1% เร็วที่สุดในกลุ่ม G20 รั้งอันดับ 3 ของโลก แม้เผชิญคว่ำบาตร

(25 มี.ค. 68) รัสเซียสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เวทีเศรษฐกิจโลก หลังสามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในกลุ่ม G20 ประจำปี 2024 ด้วยอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 4.1% ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ตามการวิเคราะห์ของ Sputnik International ที่อ้างอิงจากข้อมูลสถิติระดับประเทศ

อินเดียจะชะลอตัวจาก 8.8% ในปี 2023 ลงมาอยู่ที่ 6.7% ในปี 2024 แต่ก็ยังครองอันดับ 1 ของกลุ่ม G20 ตามมาด้วยจีน ซึ่งขยายตัว 5% เท่ากับอินโดนีเซีย ขณะที่รัสเซียไต่อันดับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางแรงกดดันจากชาติตะวันตก เศรษฐกิจรัสเซียยังสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ 

1. การพึ่งพาตลาดภายในประเทศ – กระตุ้นการบริโภคและการผลิตภายใน ลดการพึ่งพาสินค้าจากต่างประเทศ 
2. การส่งออกพลังงานไปยังพันธมิตรใหม่ – หันไปทำการค้ากับจีน อินเดีย ตุรกี และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งช่วยชดเชยตลาดที่สูญเสียจากการคว่ำบาตร 
3. การลงทุนภาครัฐในอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน – โครงการขนาดใหญ่ได้รับงบประมาณสนับสนุนต่อเนื่อง กระตุ้นเศรษฐกิจภายในให้เติบโต

นอกจากอินเดีย จีน อินโดนีเซีย และรัสเซียแล้ว บราซิล มาเป็นอันดับ 4 ด้วยอัตราการเติบโต 3.4% ขณะที่ ตุรกี อยู่อันดับ 5 ที่ 3.2%

ในทางกลับกัน เยอรมนีและอาร์เจนตินา เผชิญกับเศรษฐกิจหดตัวติดต่อกันเป็นปีที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจในบางส่วนของโลกตะวันตก ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครน

ความสำเร็จของรัสเซียในการรักษาการเติบโตสูงภายใต้แรงกดดันจากตะวันตก อาจสะท้อนให้เห็นแนวโน้มใหม่ของ การจัดระเบียบเศรษฐกิจโลก โดยประเทศที่เคยถูกมองว่า 'ถูกตัดขาด' จากระบบการเงินตะวันตก กลับสามารถปรับตัวและขยายเศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่ง

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ เยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจฮีโร่ บาดเจ็บจากการเตะวัตถุระเบิดที่ถูกผู้ไม่หวังดีโยนเข้ามาในกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อปกป้องประชาชนและเพื่อนตำรวจ

(25 มี.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , ผศ.ดร.สุเนตร สุวรรณละออง รองประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี , พล.ต.ต.ประเสริฐ วิจิตรทัศนา ผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 2 และคณะแม่บ้านชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจ ร.ต.อ.ธีระเดช เล็กภู่ รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรแสนสุข ณ บ้านพัก อ.เมือง จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ ร.ต.อ.ธีระเดช เล็กภู่ ฮีโร่ผู้กล้าหาญที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน โดยการเตะวัตถุระเบิดจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่โยนเข้ามาในกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ตั้งด่านอยู่ในพื้นที่สะพานผ่านฟ้า กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2557 เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเสียสละและความกล้าหาญของ ร.ต.อ.ธีระเดชฯ ที่พร้อมปกป้องประชาชนและเพื่อนข้าราชการตำรวจ และรักษาความสงบเรียบร้อย แม้ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต

ในการเยี่ยมครั้งนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ และ คุณนภัสนันท์ฯ ได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค และเงินช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , สมาคมแม่บ้านตำรวจ , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และเงินช่วยเหลือส่วนตัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ ร.ต.อ.ธีระเดชฯ และครอบครัว พร้อมทั้งชื่นชมในความเสียสละและทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ กล่าวว่า ร.ต.อ.ธีระเดชฯ เป็นตัวอย่างของตำรวจที่กล้าหาญและเสียสละ สำนักงานตำรวจแห่งชาติชื่นชมในความกล้าหาญ และขอเป็นกำลังใจให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว

คุณนภัสนันท์ฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เห็นถึงความเสี่ยงและความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องประชาชนและรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม สมาคมแม่บ้านตำรวจพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลครอบครัวของตำรวจที่เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะอยู่เคียงข้างเสมอ

เชียงใหม่-กองบิน 41 จัดพิธีส่งข้าราชการและทหารกองประจำการไปปฏิบัติราชการสนาม

(24 มี.ค. 68) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีส่งข้าราชการและทหารกองประจำการไปปฏิบัติราชการสนาม พร้อมทั้งให้โอวาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลในการเดินทางไปราชการสนาม โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองบิน 41 ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ หอประชุมเดชะตุงคะ กองบิน 41
     
ทั้งนี้ ได้มีข้าราชการและทหารกองประจำการในสังกัดกองบิน 41 ที่ไปปฏิบัติราชการสนาม ณ ฝูงบิน 416 (เชียงราย) และสถานีรายงานดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ในวาระ 1 เมษายน 2568 รวมจำนวนทั้งสิ้น 38 คน โดยในพิธี ได้ทำการนิมนต์พระสงฆ์ มาประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและทหารกองประจำการที่ไปปฏิบัติราชการสนามในครั้งนี้

การอบรมหลักสูตรอาชีพเพื่อเลื่อนฐานะ ชั้นจ่าเอก พรรคนาวิน เหล่าทหารขนส่ง กรมการขนส่งทหารเรือ

(22 มี.ค. 68) กรมการขนส่งทหารเรือ โดย นาวาเอก เทพกร อินทร ผู้อำนวยการกองวิทยาการกรมการขนส่งทหารเรือ พร้อมคณะครู ได้นำนักเรียนหลักสูตรอาชีพเพื่อเลื่อนฐานะชั้นจ่าเอก พรรคนาวิน เหล่าทหารขนส่ง จำนวน 33 นาย เข้าศึกษาดูงานการผลิตรถยนต์โดยสาร ณ บริษัท อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

ซึ่งการศึกษาและดูงานนอกหน่วยในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ให้กับผู้เข้ารับการอบรมได้ทราบถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ในสายวิทยาการขนส่ง และได้รับความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตยานยนต์  ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในด้านงานส่งกำลังบำรุง เพื่อมาประยุกต์ใช้ในสายวิชาชีพต่อไป

#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
#เทิดทูนสถาบัน_ป้องกันรัฐ_พัฒนาชาติ_ราษฎร์ศรัทธา
#กรมการขนส่งทหารเรือ

ตร.ร่วมภาคี แถลงผลการส่งคลิปกล้องหน้ารถ โครงการ “อาสาตาจราจร” เผยศาลลงโทษหนักคดีชนคนบนทางม้าลาย 

(25 มี.ค. 68) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา 
ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  ผู้บัญชาการศึกษา/หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร  พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ รอง ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ต.สหัสสชัย  โลจายะ ผบก.ผค. พ.ต.อ.ฐิรวิทย์ บุษบัน รอง ผบก.จร. และ พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ คุณ กานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการขับเคลื่อนโครงการ อาสาตาจราจร ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 4โดยยังคงมอบเงินรางวัลให้กับเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี หรือเป็นคลิปที่เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่จะช่วยให้ประชาชนเกิดการตระหนักรู้ในการขับขี่ตามกฎจราจร โดยงานวันนี้ มีการมอบรางวัล ให้กับคลิปที่ได้รับการคัดเลือก ประจำเดือน ธ.ค.67 และ ม.ค.68 รวม 20 รางวัล เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท  โดยบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุน

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า คลิปจากประชาชนถือเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามผู้กระทำผิด รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีคลิปเหล่านี้ การจะชี้ว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ทำผิดกฎจราจรอาจจะพิสูจน์ลำบาก แต่คลิปที่ประชาชนส่งมาทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น คลิปจักรยานยนต์ที่เฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนน บริเวณโรงพยาบาลสถาบันโรคไต ภูมิราชนครินทร์ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุและนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานให้กับทาง สน.พญาไท ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ฟ้องศาลในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยศาลวางข้อกำหนดให้ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 240,500 บาท  หรือคลิปจักรยานยนต์ฝ่าฝืนมาขับขี่ในช่องทางด่วนบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่แซงช่องทางด้านซ้ายโดยผิดกฎหมาย  ซึ่งคลิปนี้เป็นตัวอย่างของการฝ่าฝืนกฎจราจรทั้งสองฝ่ายจนเกิดอุบัติเหตุ  
สำหรับโครงการนี้มุ่งหวังให้ประชาชนช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปมายังช่องทาง เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ได้แก่เพจมูลนิธิเมาไม่ขับ, สวพ.91 และ จส.100  คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้วยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนอกจากการบังคับใช้กฎหมายแล้ว มาตรการ Social Sanction เป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่ช่วยสร้างการตระหนักให้ผู้ใช้ทางปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะหากฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อไร จะมีตาจราจรคอยบันทึกเหตุการณ์ นอกจากส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้ว ยังอาจมีคลิปปรากฏในสื่อโซเชียลได้อีก ดังนั้นจะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งไม่ทำผิดกฎจราจร และยืนยันพร้อมขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อไปเป็นปีที่ 4 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่จะช่วยกันสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ขอให้ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด  โดยเฉพาะข้อหาความผิดเน้นหนัก ได้แก่ ดื่มแล้วต้องไม่ขับ รัดเข็มขัด และสวมหมวกนิรภัย ปฏิบัติตาม สัญญาณไฟ และขับรถตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัย บนท้องถนน ร่วมกัน   

เดินทางเข้าสหรัฐฯ เสี่ยงถูกส่งกลับโดยไม่ทราบสาเหตุ LGBTQ+ อาจเจออุปสรรคหนัก หลังทรัมป์ประกาศนโยบายจำกัดเพศ

(25 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลายประเทศในยุโรปออกคำเตือนแก่พลเมืองของตนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ หลังมีรายงานเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากยุโรปถูกกักตัวที่สนามบิน ถูกสอบสวนอย่างเข้มงวด และบางรายถูกส่งตัวกลับโดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน

รัฐบาลฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองให้ระมัดระวังในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยระบุว่าผู้โดยสารบางรายแม้จะมีวีซ่าถูกต้องหรือเดินทางภายใต้โครงการ Visa Waiver Program (VWP) ก็ยังเผชิญกับการปฏิเสธเข้าเมืองโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ

กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีแนะนำให้พลเมืองที่มีแผนเดินทางไปสหรัฐฯ “เตรียมเอกสารประกอบให้ครบถ้วน และพร้อมรับมือกับกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น” ขณะที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ระบุว่า “มีพลเมืองถูกกักตัวหลายชั่วโมงโดยไม่มีการชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน”

นอกจากคำเตือนเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นแล้ว กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก ได้ออกคำแนะนำเพิ่มเติมบนหน้าเว็บไซต์ทางการ โดยระบุว่า พลเมืองข้ามเพศ หรือชาว LGBTQ+ ทั้งหลาย ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้น หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าสหรัฐฯ จะรับรองเพียงสองเพศ คือ ชาย และ หญิง เท่านั้น

แถลงการณ์ของรัฐบาลเดนมาร์กระบุว่า “ถือแค่พาสปอร์ต เดินสวย-หล่อเข้าเมืองแบบที่แล้วมาไม่ได้อีกแล้ว” พร้อมแนะนำให้ชาว LGBTQ+ ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎหมายท้องถิ่นและมาตรการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อลดความเสี่ยงในการเผชิญกับการปฏิเสธเข้าเมืองหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการคัดกรองเข้มงวดขึ้นจากเหตุผลด้านความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรปเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่กระแสความกังวลในยุโรปอาจส่งผลต่อกระแสการเดินทางและความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกในอนาคต

ทั้งนี้ นักเดินทางจากยุโรปที่มีแผนจะเดินทางเข้าสหรัฐฯ จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับมาตรการเข้าเมือง และเตรียมพร้อมสำหรับการถูกสอบสวนที่อาจเกิดขึ้นก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่คาดคิด

PEA แจง งดจ่ายกระแสไฟฟ้าในเมียนมา ไม่ได้ล่าช้า!! ยัน ตัดกระแสไฟฟ้าทันทีหลัง สมช. มีมติ

(25 มี.ค.68) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายพาดพิงถึงการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ประเด็นปัญหากระบวนการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นไปด้วยความล่าช้ามีการเกี่ยงกันดำเนินงาน 

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชี้แจงว่ากระบวนการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าไม่ได้เป็นไปด้วยความล่าช้า แต่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยหลังจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้งดจ่ายกระแสไฟฟ้าจากการประชุมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็งดจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที เมื่อเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ในพื้นที่ 5 จุดซื้อขาย ประกอบด้วย อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 1 จุด อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 2 จุด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 2 จุด เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 2566 - 2567 PEA ระงับการจำหน่ายไฟฟ้าให้ประเทศเมียนมาแล้ว 3 จุด   

ทั้งนี้ การจำหน่ายไฟฟ้าของ PEA ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2539 โดยมีวัตถุประสงค์ด้านสิทธิมนุษยชน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งการจะดำเนินการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าหรือยกเลิกสัญญา สามารถดำเนินการได้ใน 2 กรณี คือ 

1. คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา 
2. กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ 

กระทรวงมหาดไทยเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในประเทศ ดังนั้น ในกรณีที่เป็นเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ จึงต้องสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความรอบคอบและให้เป็นไปตามสัญญา โดยหลังจากที่หน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีมติให้งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทรวงมหาดไทยก็ดำเนินการทันที

ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ออกแถลงการณ์ขอโทษ หลังบินไปแล้ว 2 ชม. ต้องวกกลับกลางทาง

(25 มี.ค. 68) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (United Airlines) ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังจากเที่ยวบิน UA198 ซึ่งมุ่งหน้าไปยังเซี่ยงไฮ้จากลอสแอนเจลิส ต้องบินกลับกลางทางหลังจากเดินทางไปได้เพียง 2 ชั่วโมง เนื่องจากนักบินลืมนำหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย

เที่ยวบินดังกล่าวซึ่งออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เวลา 14:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 Dreamliner ได้บินไปได้ประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่ทีมบินจะตระหนักถึงความผิดพลาดของนักบินที่ไม่มีเอกสารสำคัญสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ

หลังจากพบปัญหาดังกล่าว ทีมบินจึงตัดสินใจบินกลับและลงจอดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก (SFO) โดยไม่ได้เดินทางต่อไปยังเซี่ยงไฮ้ตามที่กำหนดไว้ ก่อนที่เที่ยวบินจะถูกเลื่อนออกไป

ทาง ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ พร้อมยืนยันว่าได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน และจะทำการตรวจสอบการทำงานภายในเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ขณะเดียวกันผู้โดยสารบนเครื่องก็ได้รับการดูแลและข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางใหม่ และทางสายการบินระบุว่าได้ทำทุกอย่างเพื่อให้การเดินทางดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด

“นักบินไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย” ยูไนเต็ดกล่าวในแถลงการณ์ “เราได้จัดเตรียมลูกเรือชุดใหม่เพื่อพาลูกค้าของเราไปยังจุดหมายปลายทางในเย็นวันนั้น โดยมอบคูปองอาหารและเงินชดเชยให้กับลูกค้า”

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ โดยหลายคนไม่พอใจและตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบเอกสารของนักบินก่อนการเดินทางไกล ส่งผลให้เที่ยวบินต้องล่าช้าและสร้างความไม่สะดวกให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก

เตรียมเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่เดือนกรกฎาคมนี้ รับการท่องเที่ยวและธุรกิจเติบโต ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในเอเชีย

(25 มี.ค. 68) กัมพูชาประกาศเตรียมเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังจากที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

สนามบินแห่งใหม่ของพนมเปญ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ สนามบินนานาชาติเทโช เริ่มสร้างขึ้นในปี 2562 ครอบคลุมพื้นที่ 6,425 เอเคอร์ ตั้งอยู่ที่ชายแดนของจังหวัดกันดาลและตาแก้ว ห่างจากเมืองหลวงไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร

ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและภาคเอกชน จะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล คาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 10 ล้านคนในปีแรกของการเปิดใช้งาน

โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติ ท่ามกลางการเติบโตที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดนี้

สถาปนิกของสนามบินแห่งนี้คือบริษัท Foster + Partners ของประเทศอังกฤษ โดยเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า “การออกแบบสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่แข็งแกร่งของสถานที่ และตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศแบบเขตร้อน”

ส่วนอาคารเทอร์มินัลตั้งอยู่ใต้สิ่งที่เรียกว่าหลังคาทรงโค้งเดี่ยวที่เป็นโครงเหล็กน้ำหนักเบา พร้อมหน้าจอนวัตกรรมที่กรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างให้กับพื้นที่เทอร์มินัลอันกว้างใหญ่

การก่อสร้างจะดำเนินการเป็น 3 ระยะ โดยในระยะแรกคาดว่าสนามบินจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 13 ล้านคนต่อปี และจะเพิ่มความจุเป็น 30 ล้านคนหลังปี 2030 และสูงสุด 50 ล้านคนในปี 2050

สนามบินแห่งนี้จะเป็นสนามบินหลักแห่งที่สองของกัมพูชาที่จะเปิดให้บริการภายในระยะเวลาสองปี โดยในปี 2023 สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ-อังกอร์ ซึ่งได้รับเงินทุนจากจีนได้เริ่มเปิดให้บริการในจังหวัดเสียมเรียบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากนครวัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศซึ่งมีอายุกว่าหลายศตวรรษไปทางทิศตะวันออกประมาณ 40 กิโลเมตร 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้แต่ละประเทศในภูมิภาคต่างพยายามลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน กัมพูชาหวังว่าการเปิดสนามบินแห่งใหม่จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ

สนามบินแห่งนี้จะเปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อนของปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มฟื้นตัวหลังจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 โดยคาดว่าการเดินทางทางอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจของกัมพูชา ตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยว กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 6.7 ล้านคนในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จากปี 2023

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชามั่นใจว่าโครงการสนามบินแห่งใหม่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในระยะยาว และจะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ในตลาดการท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันสูงในภูมิภาคนี้

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ เนื่องในวันระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ 

(25 มี.ค.68) รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ มอบหมายให้ น.อ.หญิง ปภัสร์พิมพ์ ชังเทศ หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศและเวชระเบียนฯ ผู้แทน ผอ.รพ.ฯ พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสา เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ เนื่องในวันระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า (วันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี)

โดยร่วมกิจกรรมจิตอาสา ทำความสะอาด และปรับปรุงภูมิทัศน์ ณ โดม 62 เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top