Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

‘สตม.’ แกะรอยรวบ!! หนุ่มจีนแปลงกาย เปลี่ยนชื่อสกุล สวมสัญชาติวานูอาตู ท้าทายระบบไบโอเมตริกซ์ สุดท้ายพบเป็นผู้ร้ายหนีคดียักยอกเงิน 1.1 หมื่นล้าน

(22 มี.ค. 68) จากกรณีที่ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิด ที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง และชาวต่างชาติที่มีลักษณะเป็นอาชญากร หรือเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการ ตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง

โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา สตม. มีการเรียกประชุมชุดสืบสวนในการลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว หลังได้รับข้อมูลจากสายลับว่ามีเป้าหมาย บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนชื่อนายจางเหว่ย (นามสมมติ) ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือกระทำความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน หลังได้รับสั่งการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชุดสืบสวน ได้นำข้อมูลโดยเฉพาะใบหน้าของเป้าหมายมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์ พบความน่าสงสัยคือข้อมูลเชิงไบโอเมตริกซ์ของ features ต่างๆ ในใบหน้าของนายจางเหว่ย ไปสอดคล้องตรงกันกับ บุคคลต่างด้าวอีกคนหนึ่ง คือนายตู้หนาน สัญชาติวานูอาตู ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆในแถบโอเชียเนีย ชุดสืบสวนลงความเห็น ร่วมกันว่า นายจางเหว่ย กับนายตู้หนาน เป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้แบ่งหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์และมอนิเตอร์ระบบการแจ้งที่พักอาศัย และระบบการขอต่อวีซ่าของคนต่างด้าว ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดอนุญาต ของนายตู้หนาน ไม่พบว่ามีการยื่นคำร้องขออยู่ต่อ ในราชอาณาจักรแต่อย่างใด นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังพบ ความเคลื่อนไหวโดยมีการเช็คอินโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านราชประสงค์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบและเฝ้าสังเกตการณ์โดยกระจายกำลังบริเวณ โถงล็อบบี้และหน้าลิฟต์ของโรงแรม แต่คนต่างด้าวระมัดระวังตัว และไม่ยอมลงจากห้องดังกล่าว แต่จะใช้วิธีสั่งอาหารขึ้นไป เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังในการเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา

จนกระทั่งวันที่ 21 มี.ค. เวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่พบบุคคลต่างด้าวรายหนึ่ง มีตำหนิรูปพรรณตรงกับที่สายลับให้ข้อมูล จึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง คนต่างด้าวซึ่งพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ด้วยภาษาจีน ให้การในเบื้องต้นว่าตนไม่ใช่คนจีน และหนังสือเดินทางของตนหาย ต่อมาให้การกลับไปมาว่าจริงๆแล้วตนเป็นคนสัญชาติวานูอาตู พร้อมแสดงรูปถ่ายหนังสือเดินทางวานูอาตู เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ถูกจับชื่อ นาย ตู้หนาน อายุ 30 ปี สัญชาติวานูอาตู ประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว (60 วัน) ปัจจุบันการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกจับว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบแล้ว และได้แจ้งให้ทราบถึงการถูกจับกุมแล้ว จากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ถูกจับทำบันทึกจับกุมส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเกี่ยวกับหนังสือเดินทางวานูอาตูที่นายจางเหว่ย อ้างว่าทำหายไป เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานข้อมูลกับองค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ จนได้ข้อมูลยืนยันว่า บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าว เป็นบุคคลเดียวกับนายจางเหว่ย (นามสมมติ) บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ที่ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2567 ได้ร่วมกับพวก ก่อคดียักยอกเงินจากบริษัทก่อสร้างชื่อดังในมณฑลซานตง ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,400 ล้านหยวน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท จึงได้ใช้ระบบตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ไบโอเมตริกซ์ ตรวจเปรียบเทียบ ผลการตรวจสอบพบเป็นบุคคลเดียวกันจริง ซึ่ง สตม.จะได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อนำตัวนายจางเหว่ยไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม. บอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่อง มาจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง และระบบไบโอเมตริกซ์ เป็นเครื่องมือช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน รวมไปถึงเบาะแสสำคัญ จากการแจ้งของพี่ประชาชน จนนำไปสู่ความสัมฤทธิ์ผลในการจับกุม คนร้ายข้ามชาติรายสำคัญที่หลบหนีคดี และใช้ประเทศไทยเป็นที่ซ่อนตัวในครั้งนี้

‘จิรายุ’ มั่นใจ!! ‘แพทองธาร’ ชี้แจงได้ ทุกประเด็น ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรียกร้องฝ่ายค้าน!! อภิปรายในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ

(22 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 24 มี.ค.นี้ว่า ตนในฐานะเป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจมานับสิบครั้ง อยากให้การอภิปรายในวันจันทร์นี้โดยคนรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าแต่ยังเก๋าของพรรคฝ่ายค้านอภิปรายด้วยเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประเทศร่วมกัน

“วันนี้หมดยุคใช้วาทกรรมแบบในอดีตแล้ว ประชาชนเบื่อความขัดแย้งอยากเห็นประเทศเดินหน้าพัฒนาอย่างเจริญรุ่งเรือง อยากให้เศรษฐกิจดีขึ้นหลังจากจมปลักกันมาเป็นสิบๆ ปี ผมเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบหลายทศวรรษมานี้ไม่เคยเห็นการลงมติไม่ไว้วางใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะยังไงเมื่อลงมติเสียงข้างมากในสภาก็จะยกมือให้ผ่านอยู่แล้ว”

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ฝ่ายบริหารพร้อมรับฟังและชี้แจง แต่อยากให้สมาชิกพรรคฝ่ายค้านอภิปรายในเชิงสร้างสรรค์ ไม่มีน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง และอยากให้อภิปรายเสนอแนะ เพื่อช่วยกันเป็นสปอตไลต์นำทางให้ประเทศไทยเจริญมากยิ่งขึ้น เพราะตั้งแต่ต้นปีมานี้ดัชนีการเติบโตในทุกมิติของประเทศดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่อยากให้การเมืองไปฉุดรั้งการเติบโตของประเทศ

“มั่นใจว่านายกรัฐมนตรี จะชี้แจงได้ทุกประเด็น เพราะท่านเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งจริง เห็นได้จากหลักการสั่งการข้อราชการในแต่ละเรื่องที่หมักหมมในสังคมไทยมานานนับสิบปี ก็สามารถสั่งการแก้ไขอย่างทันท่วงที"

โฆษกรัฐบาล ยกตัวอย่างการลงพื้นที่ของนายกฯด้วยตนเอง หรือขึ้นปราศรัยในฐานะหัวหน้าพรรค หรือ ปาฐกถา หรือแสดงวิสัยทัศน์ในทุกเวที ในฐานะนายกรัฐมนตรี ทั้งระดับประเทศไทยและระดับโลกต่างได้รับความชื่นชมว่าเป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์มองเห็นโลกใน 2 มุมและมองเห็นมุมของความคิดของคน 2 วัยได้อย่างดี

นายจิรายุ คาดหวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายรูปแบบใหม่ ที่สมฐานะฝ่ายค้านรุ่นใหม่จริงๆ ที่จะช่วยกันแนะนำและส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร จากมุมมองของฝ่ายค้านได้อีกด้วย ไม่อยากให้ผู้อภิปรายฝ่ายค้านบางคนไปใช้คำล่อแหลมส่อเสียดหยาบคาย หรือบูลลี่ด้อยค่ากันเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา

"สังคมไทยรับไม่ได้กับการสบประมาทหรือหลอกด่าบุพการีของกันและกัน เพราะผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้ใครพาดพิงหรือด่าบุพการีของคนอภิปรายจากฝ่ายค้านอย่างแน่นอน"

‘ศาลอาญาระหว่างประเทศ’ ตั้งขึ้นเพื่อ!! จัดการคนไม่ดี หรือ!! จัดการ ‘คนที่เป็นปรปักษ์กับชาติตะวันตก’ กันแน่

ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court ที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า ICC นั้น  มีเรื่องแปลกอย่างหนึ่งหากใครไปพิจารณาถึงรายชื่อผู้ที่เป็นอาชญากรในลิสต์ของ ICC จะเห็นบางสิ่งที่ตรงกันคือเกือบทั้งหมดนั้นคือ กลุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับชาติตะวันตกยกตัวอย่างเคสแรกก็คือ Joseph Kony

นายโจเซฟ โคนี คนนี้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม Lord's Resistance Army เรียกสั้นๆ ว่า LRA เป็นกลุ่มกองโจรที่ทางตะวันตกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในอูกานดา โคนีถูกกล่าวหาว่าจับเด็กผู้ชายมาเป็นทหาร จับเด็กผู้หญิงมาเป็นทาสบำเรอกาม จนถูกศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ อีกทั้งในชาติตะวันตกมีการทำแคมเปญรณรงค์ในชื่อ Invisible children ในปี 2012 และมีการส่งทหารเข้าไปที่แอฟริกาเพื่อไล่ลาโคนี   แต่ที่แปลกคือ ในปี 2015 มือขวา ของโคนี ก็มามอบตัว ทำให้กองกำลังของโคนีระส่ำระสายมากๆ ซึ่งมือขวาผู้มอบตัวก็เผยว่า จริงๆ ในตอนนั้น ผู้ภักดีกับโคนีใน LRA ก็เหลือน้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งสุดท้ายชะตากรรมของมือขวาของโคนีก็ถูกศาลโลกตัดสินคดีว่ามีความผิดไปหลายสิบกระทง (แปลกไหม….อยู่ดีๆ มาให้จับเพื่อเข้าคุก) สุดท้ายในปี 2017 ทั้งทางรัฐบาลอูกันดาและสหรัฐอเมริกาก็ประกาศร่วมกันว่าจะยกเลิกการไล่ล่า โจเซฟ โคนี เพราะตอนนั้นเขาประเมินว่ากองกำลังที่เคยยิ่งใหญ่ระดับกำลังพล 3,000 นาย หดเหลือแค่ประมาณ 100 คนเท่านั้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงต่อไปและปัจจุบันมีรายงานว่า โจเซฟ โคนี สุขภาพไม่สู้ดีและกบดานอยู่ที่เมืองนาโซกา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ประเด็นคือถึงเขาไม่เป็นภัยต่ออูกานดาแล้วทำไมเขาไม่เป็นภัยต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เขาจึงสามารถที่จะอยู่ได้โดยปลอดภัยแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม  หรือความจริงแล้วคือในขณะนั้นอูกานดามีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับสหรัฐฯแล้ว นายโจเซฟ โคนีก็คือกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอูกานดาในขณะนั้น ดังนั้นจึงมีการจัดฉากให้นายโคนี คนนี้เป็นผู้ก่อการร้ายเสียเพื่อจะได้เอากองกำลังต่างชาติเข้ามาจัดการได้

ว่าแล้วเรื่องจับเด็กไปเป็นทหารก็มีเรื่องน่าแปลกนะคะ เพราะในเมียนมาเองก่อนที่จะมีข่าวการเกณฑ์ทหารของหนุ่มสาวชาวเมียนมาก็มีข่าวมาตลอดว่ากองกำลังชาติพันธุ์ออกมาจับเด็กชายเอาไปฝึกเป็นทหารของตน โดยภาพที่ออกมามีทั้งกองกำลังที่อยู่ติดชายแดนไทยและกองกำลังที่ติดชายแดนจีน แต่ที่น่าแปลกคือว่าทำไม ICC ไม่มาออกหมายจับผู้นำเหล่านี้บ้าง

หากดูในลิสต์ต่อๆ มาจะพบว่าทุกคนในหมายจับของ ICC คือกลุ่มคนที่เป็นปรปักษ์กับชาติตะวันตกหรือปรปักษ์กับพันธมิตรของตะวันตกทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของปูตินในรัสเซีย ที่โดนหมายจับตั้งแต่ที่ 2023-24 หรือกลุ่มกบฏลิเบียรวมถึงล่าสุดคืออดีตประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ที่ถูกรวบตัวที่สนามบินในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ในข้อหาฆ่าผู้บริสุทธิ์จากการทำสงครามยาเสพติดจนทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก น่าประหลาดนะคะที่ประเทศไทย คนที่ออกนโยบายทำสงครามยาเสพติดในประเทศไทย  ในปัจจุบันนี้ยังลอยหน้าลอยตาใช้ชีวิตสุขสบายไม่เห็นโดนคดีเหมือนดูแตร์เต้ เอย่าเลยไปขุดค้นหาข้อมูลและพบว่า การที่ดูแตร์เต้ถูกจับเพราะส่วนหนึ่งคือการดำเนินนโยบายที่เป็นกลางไม่เอียงข้างไปยังฝั่งอเมริกา  ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าคดีนี้เป็นการเช็คบิลของอเมริกาโดยใช้อำนาจของประธานาธิบดีมาร์กอสคนลูกที่ตอนนี้เป็นหมาน้อยของอเมริกาไปแล้ว

มาถึงฝั่งเมียนมาอีกครั้งถามว่าทำไม มิน อ่อง หล่าย ถึงไม่เป็นผู้โดนหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงญาละ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปง่ายมาก กล่าวคือ ในปี 2017 เมื่อเกิดวิกฤตการณ์โรฮิงญาครั้งใหญ่ ภายหลังกองกำลังติดอาวุธโรฮิงญา ในนาม ARSA (Arakan Rohingya Salvation Army) เข้าโจมตีฐานที่มั่นของตำรวจในรัฐอาระกัน จนเป็นเหตุให้มีตำรวจเสียชีวิต 12 นาย เป็นผลให้กองทัพเมียนมาเปิดฉากโจมตีเขตของชาวโรฮิงญาในรัฐอาระกันตอนเหนือ ตอบโต้กองกำลังก่อการร้ายดังกล่าว  และเช่นเดียวกับโจรใต้โมเดล เมื่อกองกำลังกองการร้ายสู้ไม่ได้ก็ใช้วิธีหนีเข้าไปแอบในชุมชน ดังจะเห็นได้ชัดภายหลังที่มีกลุ่ม PDF ซึ่งก็ใช้วิธีเดียวกันหากสู้กองทัพเมียนมาไม่ได้  แต่กองทัพเมียนมากลับเลือกที่จะเผาชุมชนนั้นเสียเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ และเช่นกัน ณ เวลานั้น นาง อองซาน ซูจีและพรรค NLD ที่ตอนนั้นเป็นแขนขาให้กับฝ่ายประเทศตะวันตกในเมียนมามีอำนาจ และนั่นทำให้หากจะต้องฟ้อง มิน อ่อง หล่ายในฐานะอาชญากรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็จะต้องมีชื่อของประธานาธิบดีและนางซูจีติดเข้าไปด้วยอย่างแน่นอน ที่นี่น่าจะเป็นสาเหตุว่าทำไม มิน อ่อง หล่ายไม่โดนหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศนั่นเอง

มาถึงจุดนี้สรุปศาลนี้มีไว้เพื่อจัดการคนไม่ดี หรือ จัดการคนที่เป็นปรปักษ์กับชาติตะวันตกกันแน่….

‘พีระพันธุ์’ ผงาด!! ขึ้นเบอร์หนึ่ง 3 เดือนติด จากการโหวตใน Line Todayหลังทำงานหนัก!! ตรึงราคาค่าไฟ พลังงาน เดินหน้า ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’

(23 มี.ค. 68) LINE TODAY ได้ทำการสำรวจคะแนนความนิยม ของบุคคลทางการเมือง ที่ประชาชนชื่นชอบ ประจำเดือนมีนาคม 2568 ผลปรากฏว่า ...

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ มีคะแนนนำคู่แข่ง ทิ้งห่างอย่างขาดลอย ขึ้นที่ 1 ด้วยคะแนน 1,913 คะแนน คิดเป็น 30.34% ทิ้งห่างที่ 2 นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาชน ซึ่งมีคะแนน 1,302 คะแนน คิดเป็น 20.65%

นอกจากนี้ ก็ยังมีนักการเมืองที่น่าสนใจ ท่านอื่นๆ อาทิ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่อันดับที่ 4 มีคะแนน 461 คะแนน คิดเป็น 7.31%

นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาชน อยู่อันดับที่ 5 มีคะแนน 317 คะแนน คิดเป็น 5.03%

ซึ่งการเป็นนักการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดนั้น นายพีระพันธุ์ ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 1 มาถึง 3 เดือนติดกันแล้ว

โดยเดือนมกราคม นายพีระพันธุ์ ขึ้นอันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 2,493 คะแนน หรือคิดเป็น 30.04%

และในเดือนกุมภาพันธุ์ ก็ได้ขึ้นมาอันดับที่ 1 อีกครั้ง ด้วยคะแนน 1,810 คะแนน หรือคิดเป็น 29.69%

‘ลูกศุภชัย โพธิ์สุ’ ร้อง!! ‘กกต.’ จัดเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนมใหม่ ส่งศาลรธน. วินิจฉัย ยุบ!! เพื่อไทย เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ‘ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง’

(23 มี.ค. 68) สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ จำนวน 47 จังหวัด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เสร็จสิ้นลงว่า มีเรื่องร้องเรียนกว่า 180 เรื่อง

แหล่งข่าวจากกกต. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า นางสาว ศุภพานี โพธิ์สุ อดีตผู้สมัครนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 2 และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาอบจ.นครพนม ในนาม ‘กลุ่มนครพนมร่วมใจ’ รวม 30 คน เรียกว่า ผู้ร้องที่ 1 ถึงผู้ร้องที่ 30 ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม และคณะกรรมการ กกต. ว่า ผู้สมัครนายกอบจ.นครพนม และผู้สมัครสมาชิกสภาอบจ.นครพนม ในนามพรรคเพื่อไทย ผู้ช่วยหาเสียงและผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีรายชื่อ เรียกว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 ดังนี้

1.นายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 8 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 1
ทั้งนี้ นางสาว ศุภพานี ได้รับคะแนนการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 จำนวน 118,352 คะแนน แพ้ให้กับนายอนุชิต หงษาดี อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 8 ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 1 จำนวน 167,169 คะแนน

2.นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคเพื่อไทย และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 2

3.นายดนัย สิทธิวัชระชัย ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดีและผู้ถูกวางตัวเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 3

4.นายชาญชัย คำจำปา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดีและผู้ถูกวางตัวเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 4

5.นางสาว มนพร เจริญศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 5

6.นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 6

7.นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 7

8.พรรคเพื่อไทย โดย นางสาว แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 8

9.ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ในนามพรรคเพื่อไทยทุกเขตเลือกตั้ง เป็นผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38

รายงานข่าวระบุว่า คำร้องของผู้ร้องขอให้ผู้อำนาจการเลือกตั้งการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม ตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนตามอำนาจหน้าที่และเสนอให้คณะกรรมการ กกต.วินิจฉัยการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 เป็นการกระทำอันฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2566 มาตรา 65 (1) (2) (5) หรือไม่ และให้ส่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 และ ผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 และให้มีคำสั่งดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 และ ผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 และบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้คำร้องของผู้ร้องขอให้ส่งคำร้อง สำนวนไต่สวนให้คณะกรรมการ กกต. เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยและมีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92

รวมถึงขอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เสนอความเห็นไม่รับรองผลการเลือกตั้ง และจัดให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.นครพนม ใหม่ ตลอดจนจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกอบจ.นครพนมใหม่ ในเขตเลือกตั้งนั้นต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการ กกต.ได้รับคำร้องเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 อย่างไรก็ตามเป็นการรับคำร้องไว้ในเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนแต่อย่างใด

ทีมงานแอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โพสต์!!ขอบคุณ ‘พี่เกลือ เป็นต่อ’ ให้เกียรติพากย์บท ‘พระยาทรงฯ’ ชี้!! ‘ห้าว-ปากแจ๋ว’ สมใจ ยินดีมากที่ได้ร่วมงาน

(23 มี.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘2475 Dawn of Revolution’ ได้โพสต์ข้อความประทับใจ เกี่ยวกับ ‘พี่เกลือ เป็นต่อ’ โดยมีใจความว่า ...

พี่เกลือ กับ แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ

ตอนเราคิดจะหาคนพากย์ งานแอนิเมชัน๒๔๗๕ เรามีพี่นกสินจัยและฉัตรชัย ที่วางไว้ตั้งแต่ต้น รวมทั้ง พี่ดี้และพี่สุเมธ ที่ยินดีร่วมงานอย่างมาก ซึ่งพี่ๆเหล่านี้ เราได้คุยไว้ตั้งแต่ตอนทำงานเพลงในหลวงครับ 

พี่เกลือล่ะมาไง?

งานหินของแอนิเมชันคือ เราต้องหาคนพากย์เป็น “ลุงดอน” ซึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่อง และมีบทพูดเยอะมาก สุดท้ายเราได้อาวอ มาพากย์และช่วยคุมงานพากย์ทั้งหมดครับ 

ระหว่างพากย์กันอยู่ อาวอแกก็อยากได้ดารามาเพิ่ม จึงลองโทรหาพี่เกลือ ถามว่าว่างมั้ย มาพากย์การ์ตูนกันหน่อย ปกติพี่เกลือจะไม่ค่อยว่าง งานเยอะ แต่วันนั้นพี่เกลือว่างพอดี และบ้านก็อยู่ไม่ไกล พี่เกลือเลยแวะมาแจม 

มาถึงห้องอัดก็นั่งเลือกว่าจะให้พากย์เป็นอะไร (เลือกกันสดๆหน้างาน) เราก็เห็นบทพระยาทรงฯ คู่ปรับปรีดีที่เป็นคนห้าวๆ และปากแจ๋ว ก็เลยให้พี่เกลือพากย์บทพระยาทรงฯ ซึ่งก็ออกมาปากแจ๋วสมใจครับ  (และพี่เกลือยังพากย์เป็นทหารหนวดที่ชอบชักปืนขู่ด้วยครับ) 

พากย์เสร็จผมก็ใส่ซองให้พี่เกลือ แกยังถามว่า ได้เงินด้วยเหรอ ผมก็บอกว่าต้องให้สิครับ (ถึงจะมีไม่มาก แต่ต้องให้) และผมไม่กล้ารบกวนมาก เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้รูปเดียว 

หลังจาก แอนิเมชัน ออก ดูพี่เกลือจะประทับใจมาก คอยแชร์คอยติดตามผลงานเราตลอด และถ้ามีการทำภาคต่อหรือเรื่องใหม่ พี่เกลือบอกว่ายินดีมาร่วมงานกันอีก 

ขอขอบคุณพี่เกลือมาอีกครั้งครับ 

ปล.พี่เกลือได้ค่าพากย์เท่าพี่ดี้เลยครับ

‘ดร.หิมาลัย’ ลุย!! แผนการจัดการน้ำ ฝายธงน้อย กางแผนเสริมระบบระบายน้ำ ลดผลกระทบ ‘อุทกภัย’ พร้อมพัฒนา!! โรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยเพื่อชุมชน

(23 มี.ค. 68) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานโครงการฝายธงน้อย จังหวัดน่าน ครั้งที่ 2 โดยมี นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน, นายทรงยศ รามสูต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน, นายมังกร ศรีเจริญกุล สมาชิกวุฒิสภา, นางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา, นายนันทนิษฎ์ วงศ์วัฒนา รองอธิบดี พพ. รวมถึงผู้แทนจากกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมมาลากุล 1 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือแนวทางบริหารจัดการน้ำจากโครงการฝายธงน้อยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมเดินหน้าพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน “วันนี้ทุกฝ่ายมารวมกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการน้ำ เราต้องมั่นใจว่า ประชาชนจะได้รับการดูแล และโครงการฝายธงน้อยจะสร้างประโยชน์สูงสุด เราจะทำงานเชิงรุกเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปพร้อมกัน” ดร.หิมาลัย กล่าว

โดยได้จัดทำแผนบรรเทาทุกข์โครงการแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

แผนระยะสั้น (พ.ศ. 2568–2570) ประกอบด้วยการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง การระบายน้ำผ่านทางผ่านปลา และการขุดลอกตะกอนดินทรายในลำน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เหนือฝาย ลดความเสี่ยงต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะสามารถช่วยระบายน้ำในช่วงที่น้ำหลากได้ถึง 50 ลบ.ม /วินาที

แผนระยะยาว (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2570 เป็นต้นไป) ประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน จำนวน 2 ช่อง พร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2569 โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยมีเป้าหมายในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดประมาณ 11.10 ล้านหน่วยต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 6,438 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และมีความสามารถในการช่วยระบายในช่วงน้ำหลากได้ถึง 220 ลบ.ม/วินาที  พร้อมทั้งสามารถจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย

ดร.หิมาลัย ได้กล่าวอีกว่า ถึงแม้จากผลการวิเคราะห์ทางอุทกวิทยา โครงการฝายธงน้อยมิใช่สาเหตุของน้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองน่าน  ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจและร่วมบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน ได้บูรณาการความช่วยเหลือร่วมกับทุกภาคส่วน และขอยืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินโครงการภายใต้หลักความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจะดำเนินการควบคู่กับมาตรการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

‘ดร.อานนท์’ โพสต์เฟซ!! มหาวิทยาลัยไล่ออก ‘นักศึกษาปริญญาเอก’ เหตุใช้ ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง!! นศ.โต้กลับ Professor ป้อนข้อมูลเอง

(23 มี.ค. 68) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า …

คำพิพากษาจะออกมายังไงหนอ มหาวิทยาลัยไล่นักศึกษาปริญญาเอกออก ถอดวีซ่าด้วย ข้อหาทุจริต เพราะใช้ Generative AI และ Large language model อย่าง ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง

นักศึกษาฟ้องศาล บอกว่ามีหลักฐานว่า professor ป้อนข้อมูลให้ ChatGPT เอง จนออกมาเหมือนคำตอบของเขา ฟ้องกันใหญ่โต 

ท่าทางจะเป็นตำนานเหมือนกันครับ ผมรอฟังคำพิพากษาเลยครับ

‘ปตท.–GPSC-Solar PPM’ สนับสนุนการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ วัดสระเกศฯ ส่งเสริมการใช้พลังงานจากธรรมชาติ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของทางวัด

(23 มี.ค. 68) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) พร้อมด้วย นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) และนายกฤษณ์ พรพิไลลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ พีพีเอ็ม จำกัด (Solar PPM) ร่วมถวายระบบ Solar Rooftop ขนาด 100 กิโลวัตต์ แด่พระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) เพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าของวัดให้เป็นระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับใช้งานภายในอาคารบำเพ็ญกุศล 1-2 และเมรุ โดยสามารถลดค่าไฟฟ้าของวัดได้ถึงร้อยละ 50 ภายใน 1 เดือน นับเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่วัดและเป็นการสนับสนุนเพื่อสาธารณประโยชน์ให้แก่วัดและชุมชนในพื้นที่อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top