Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

‘ชาวสงขลา’ วอนเร่งสร้างสะพาน ช่วยยกระดับการเดินทาง หลังแพขนานยนต์เหลือแค่ 1 ลำ ทำชาวบ้านสัญจรลำบาก

(27 ก.พ. 68) สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับแพขนานยนต์เหลือเพียง 1 ลำ จากเดิมที่มีถึง 5 ลำ ทำให้ชาวสงขลาต้องเผชิญกับวิกฤตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเดินทางที่เคยสะดวกสบายและรวดเร็วกลับกลายเป็นเรื่องยากลำบากที่ทุกคนต้องรับภาระ

หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า "ทำไมไม่สร้างสะพานใหม่?" เมื่อแพขนานยนต์ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ลดจำนวนลงอย่างมาก แต่การเดินทางที่ยังคงต้องพึ่งพาแพขนานยนต์นั้นไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อีกต่อไป การขาดแคลนบริการนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความลำบากให้กับชาวบ้าน แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องคิดถึงโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแพขนานยนต์ที่ไม่สามารถรองรับการเติบโตของประชากรและการเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้

คำถามที่ชาวสงขลาอยากได้คำตอบคือ "อีกนานแค่ไหนเราจะต้องทนกับสถานการณ์นี้?" ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่า "สะพาน" เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน หากต้องรอให้สถานการณ์กลับไปดีขึ้นอีกกี่ปี ความทุกข์ที่พวกเขาต้องเผชิญวันนี้คงไม่สามารถทนไหวอีกต่อไป!

ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวน และดำเนินการอย่างจริงจังกับโครงการสร้างสะพานที่ทันสมัยและปลอดภัย เพื่อยกระดับการคมนาคมในพื้นที่สงขลา!

ทรัมป์คุมสื่อ!! จำกัดนักข่าว AP-Reuters-Bloomberg อ้างปรับสมดุล แต่สื่อใหญ่ฟาดกลับ คุกคามเสรีภาพ

รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มใช้มาตรการใหม่ในการควบคุมการเข้าถึงของสื่อมวลชนภายในทำเนียบขาว โดยการจำกัดการเข้าร่วมของนักข่าวบางสำนักในกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้ AP, Reuters และ Bloomberg ออกแถลงการณ์ประณามว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพสื่อและขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ (26 ก.พ.68) ตามเวลาท้องถิ่น การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกของรัฐบาลทรัมป์มีการเลือกสำนักข่าวที่สามารถเข้าถึงข้อมูลในทำเนียบขาว โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้คัดเลือกสื่อที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม ซึ่งนักข่าวจาก AP, Reuters, HuffPost และ Der Spiegel ถูกปฏิเสธ ไม่ให้เข้าร่วมงาน ในขณะที่สำนักข่าวที่ได้รับอนุญาตกลับเป็น ABC News, Newsmax, Axios, Bloomberg และ NPR

มาตรการนี้เป็นไปตามคำแถลงของทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งระบุว่า ทำเนียบขาวจะเป็นผู้กำหนดว่าใครสามารถทำข่าวในพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของการบริหารงานของประธานาธิบดี

ยิ่งไปกว่านั้น รายงานยังเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สั่งให้พนักงานทุกคนยกเลิกการสมัครสมาชิกสื่อที่ถูกมองว่าเป็น 'ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล' เช่น The Economist, New York Times, Politico, Bloomberg, AP และ Reuters ซึ่งจะส่งผลต่อการเข้าถึงข้อมูลจากสำนักข่าวเหล่านี้ในระดับโครงสร้าง

ไม่เพียงแค่ทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (Pentagon) ก็ได้มีการถอดสำนักข่าวใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ NBC News, The New York Times, NPR และ Politico ออกจากพื้นที่ของเพนตากอน พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อขนาดเล็ก เช่น One America News Network (OAN), New York Post, Breitbart News Network และ HuffPost เข้ามาทำข่าวแทน ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็น 'การปรับโครงสร้างการรายงานข่าว'

การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากหลายฝ่ายในวงการสื่อและนักวิเคราะห์ ที่มองว่าเป็นความพยายามในการจำกัดการเข้าถึงของสื่อที่มีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่สนับสนุนทรัมป์มองว่าเป็นการ 'ปรับสมดุล' ให้กับสื่อมวลชนที่มีอคติต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม

ขณะนี้ยังไม่มีการตอบโต้จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับแถลงการณ์ของ AP, Reuters และ Bloomberg แต่คาดว่า ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทรัมป์และสื่อหลักจะทวีความรุนแรงในอนาคต

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นเข้าสวนฟรีทั้งเดือนสำหรับใครที่เกิดเดือนมีนาคม

(27 ก.พ.68) สวนนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่มีวันเกิดเดือน มีนาคม รับบัตรผ่านประตูเข้าชมสวนสวยฟรี ตลอดทั้งเดือนส่วนในเดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพียงแสดงบัตรประชาชนแล้วรับสิทธิได้เลยไม่จำกัดจำนวน ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31มีนาคม 2568

ส่วนโปรโมชั่นที่ทางสวนนงนุชพัทยาจัดให้อย่างต่อเนื่องสำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140 ซม.(ที่มากับครอบครัว) และผู้พิการเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ ท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยา 

สวนนงนุชพัทยาเป็นสถานที่ ที่มีความพิเศษในการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ผู้สูงอายุจะได้รับความสะดวกสบายในสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทางลาด,รถชมสวน,ลิฟต์ในสวนลอยฟ้า,ห้องน้ำสำหรับวิวแชร์ และชมสวนที่ติดหนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลกมากกว่า 60 สวน ในส่วนของเด็กจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของไดโนเสาร์ ขนาดเท่าตัวจริงมากกว่า 1,700 ตัว โดยเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.- 18.00น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

‘พีระพันธุ์’ ยันไม่ทิ้งโครงการสูบน้ำด้วยแสงอาทิตย์จากเหมืองเก่าลำพูน เผยบรรจุไว้ในงบปี 69 แล้ว - เพิ่มพื้นที่เกษตรใช้ประโยชน์เป็น 600 ไร่

(27 ก.พ. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตอบกระทู้ถามทั่วไปในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเรื่อง ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร โครงการเหมืองถ่านหินเก่า ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ว่า

ในลำดับแรก ตนขอนำเรียนว่าสำหรับโครงการก่อสร้างระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร โครงการเหมืองถ่านหินเก่า ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ควรเป็นโครงการที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 ต่อปี 2565 ในส่วนของกระทรวงพลังงานนั้นได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากสำนักงานประสานงานโครงการพระราชดำริ เนื่องจากมีราษฎรได้ยื่นฎีกาเพราะต้องการน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการสำรวจพื้นที่ ตรวจข้อเท็จจริงและปัญหาต่าง ๆ และนำมาสู่การที่จะต้องบรรจุในเล่มงบประมาณ ในส่วนของกระทรวงพลังงานไม่ได้มีปัญหาหรือข้อขัดข้องแต่อย่างใด ซึ่งได้มีการนำมาบรรจุงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 

แต่โครงการนี้เป็นโครงการที่ไม่ได้เริ่มต้นจากกระทรวง เมื่อมีการสำรวจพื้นที่ ฯลฯ ทำให้ไม่ทันที่จะบรรจุในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ต่อมาเมื่อทำใหม่ในปีงบประมาณปี 2567 ซึ่งเกิดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ขาดช่วงและล่าช้ามาจนถึงปลายปี ขณะเดียวกันก็ต้องมีการจัดทำงบประมาณปี 2568 ต่อกันไป เมื่อได้มีการบรรจุโครงการในงบประมาณปี 2567 เรียบร้อยแล้วจึงไม่มีการบรรจุในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 อีกต่อไป ปรากฏว่าในชั้นกรรมาธิการงบประมาณได้มีการตัดลดงบประมาณของกระทรวงพลังงานและได้มีการตัดโครงการนี้ออกไป 

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจากการตัดลดงบประมาณที่เกิดขึ้น จึงได้มีการบรรจุโครงการนี้ในปีงบประมาณ 2569 เรียบร้อยแล้วและยังได้มีการขยายพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว จาก 533 ไร่ เป็น 600 ไร่ อีกด้วย

‘เกรียงยศ’ เรียก สจส.กทม. เข้าให้ข้อมูล ‘ป้ายรถเมล์’ แบบใหม่ หลังพบงบก่อสร้างสูงถึง 3.3 แสน ทั้งที่ก่อนนี้เอกชนทำให้ฟรี

‘เกรียงยศ’ เรียก สจส.กทม. เข้าให้ข้อมูลกรณีป้ายรถเมล์ พบป้ายรถเมล์ราคาสูงถึง 3.31 แสน แพงกว่าบ้านน็อกดาวน์ทั้งหลัง เผยก่อนหน้านี้เอกชนสร้างให้ฟรี แนะทบทวนแนวทางก่อสร้างป้ายรถเมล์ใหม่

เมื่อวันที่ (26 ก.พ. 68) นายเกรียงยศ สุดลาภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ ศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษในวันนี้ ได้มีการเชิญผู้แทนจากกรุงเทพมหานครมาเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับป้ายรถเมล์รูปแบบใหม่ที่กรุงเทพมหานครดำเนินการก่อสร้าง 

จากกรณีการก่อสร้างป้ายรถเมล์แบบใหม่ของกรุงเทพมหานครรูปแบบใหม่นี้ได้เกิดข้อสงสัยแก่ประชาชนและสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากถึงงบประมาณที่ใช้ในโครงการดังกล่าวค่อนข้างสูง แต่ป้ายรถเมล์รูปแบบที่จัดทำขึ้นมีราคาไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทและไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ 

รวมถึงความแตกต่างในการก่อสร้างป้ายรถเมล์จากเดิมที่เคยใช้รูปแบบให้เอกชนดำเนินการก่อสร้างป้ายรถเมล์ให้โดยแลกกับสิทธิในการโฆษณาเพื่อประหยัดงบประมาณ 

นายเกรียงยศ กล่าวต่อว่าในครั้งนี้สำนักจราจรและขนส่ง(สจส.) กรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงว่าป้ายรถเมล์รูปแบบใหม่ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ Type M ขนาด 3 ที่นั่ง มีราคาประมาณหลังละ 242,000 บาทต่อป้าย หากคิดราคาเป็นตารางเมตร ราคาตารางเมตรละ 35,000 บาท  และ Type L ขนาด 6 ที่นั่ง มีราคาประมาณหลังละ 331,000 บาทต่อป้าย หากคิดราคาเป็นตารางเมตร ราคาตารางเมตรละ 33,000 บาท 

ทางคณะอนุกรรมาธิการ ศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ได้ให้ข้อเสนอแก่ทาง สจส. ว่าสมควรทบทวนรูปแบบในการดำเนินการก่อสร้างป้ายรถเมล์ในปีงบประมาณต่อไปเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากรูปแบบที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาสูงกว่าปกติ โดยที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชน เช่น กล้องวงจรปิด จอแสดงรายละเอียดเส้นทางเดินรถ ฯลฯ

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ‘บ้านหมีเนย’ ทอดพระเนตร 'โลกแห่งบัตเตอร์แบร์' เป็นการส่วนพระองค์

(27 ก.พ.68) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปยังงาน 'Buttery World Presented by 7-11' ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน  

ในการนี้ ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ และ ธนาภา ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน Butterbear รวมถึง ณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน COFFEE BEANS by Dao ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ  

งานดังกล่าวนำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษในธีม 'A Magical Journey to Our Buttery World' โดยมีไฮไลต์เป็น 'บ้านหมีเนย' ที่ตกแต่งอย่างอลังการผ่าน 7 ห้องธีมพิเศษ พร้อมสวนดอกไม้ที่ผสมผสานเทคนิคสุดสร้างสรรค์ สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและมหัศจรรย์

EEC จับมือ HSBC ดึง FDI 5 แสนล้านบาท ปั้นไทยสู่ศูนย์กลาง 5 อุตสาหกรรมอนาคต

(27 ก.พ.68) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคาร HSBC ประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเสริมศักยภาพการลงทุนในพื้นที่ EEC และยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมมูลค่าสูงระดับโลก

ข้อตกลงนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนระดับนานาชาติ โดยอาศัยเครือข่ายของ HSBC ที่ครอบคลุม 58 ประเทศและเขตดินแดน เชื่อมโยงโอกาสการลงทุนจากจีน ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อินเดีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนโซลูชันทางการเงินและคำปรึกษาครบวงจร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนใน EEC

ความร่วมมือนี้ตั้งเป้าดึงดูดเม็ดเงินลงทุนรวม 5 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี โดยเน้น 5 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมดิจิทัล, อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ, อุตสาหกรรมสีเขียว BCG และภาคอุตสาหกรรมบริการ

ดร.จุฬา กล่าวว่า "EEC เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ความร่วมมือกับ HSBC ซึ่งมีเครือข่ายและความเชี่ยวชาญระดับโลก จะช่วยเชื่อมโยง EEC เข้ากับองค์กรชั้นนำระดับนานาชาติ กระตุ้นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในพื้นที่และชุมชน"

HSBC หนุนโรดโชว์ ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก

HSBC จะสนับสนุนกิจกรรมโรดโชว์ในปี 2568 เพื่อประชาสัมพันธ์โอกาสการลงทุนใน EEC ไปยังจีน สิงคโปร์ ยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น ตอกย้ำบทบาทของ EEC ในฐานะจุดหมายสำคัญของการลงทุนระดับโลก

นายจอร์โจ กัมบา ระบุว่า "ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะใน EEC ซึ่งคิดเป็น 78% ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงทั้งหมดในปีที่ผ่านมา ความร่วมมือนี้จะช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ และเชื่อมโยงประเทศไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างแข็งแกร่ง"

ข้อมูลจาก HSBC ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจจากจีนสนใจขยายการลงทุนในอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งมีเม็ดเงินลงทุนสะสมในไทยตั้งแต่ปี 2561 จนถึงไตรมาส 3 ปี 2567 สูงถึง 2.75 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ยังได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มั่นคงและเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสองในอาเซียน

สถานทูตจีน เผยส่ง 40 ชาวจีนกลับประเทศ หลังลักลอบเมืองโดยผิด กม. - ถูกกักตัวในไทยกว่า 10 ปี

(27 ก.พ. 68) - เฟซบุ๊กเพจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน Chinese embassy in Bangkok โพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 40 รายถูกส่งตัวกลับซินเจียงของประเทศจีนจากประเทศไทย โดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำของบริษัทการบินพลเรือนของจีน ซึ่งเป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมระหว่างจีนและไทยที่ได้ร่วมมือจัดการกับอาชญากรรมการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองจีน ตามกฎหมายของสองประเทศและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ

ชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดหมายที่ถูกส่งกลับจีนในครั้งนี้ ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 10 กว่าปี เนื่องจากปัจจัยระหว่างประเทศที่ซับซ้อน หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะและหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้คนเหล่านี้กลับบ้านหลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ได้มาตรฐาน ยุติธรรมและมีอารยะ และช่วยให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตปกติ

จีนปฏิวัติวงการยา!! ใช้ AI คิดค้นยารักษามะเร็งปอดสูตรใหม่ ชี้ประสิทธิภาพเหนือกว่ายา 'คีทรูดา' ของสหรัฐฯ

(27 ก.พ.68) ซินหัวรายงานว่า ในขณะที่ดีปซีก (DeepSeek) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีน ทำให้โลกตะลึงกับนวัตกรรมที่มีราคาน่าเหลือเชื่อ บริษัทไบโอเทคสัญชาติจีนที่ก่อตั้งมาเกือบสิบปีและไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักอย่าง 'อะคีโซ' (Akeso) ได้สั่นสะเทือนวงการเภสัชกรรมด้วยยารักษาโรคมะเร็งปอดตัวใหม่

รายงานระบุว่าไอโวเนสซิแมบ (Ivonescimab) เป็นยาตัวใหม่ของอะคีโซที่ผ่านการทดลองในจีนและมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคีทรูดา (Keytruda) ยารักษาโรคมะเร็งที่พัฒนาโดยเมอร์ค (Merck) และสร้างรายได้แก่บริษัทอเมริกันที่ครองตลาดการรักษาโรคมะเร็งมากกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.4 ล้านล้านบาท)

ข้อมูลทางคลินิกจากการประชุมโรคมะเร็งปอดระดับโลก (World Conference on Lung Cancer) เผยว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาตัวใหม่ของอะคีโซสามารถระงับการเติบโตอีกครั้งของเนื้องอกร้ายได้นาน 11.1 เดือน ซึ่งนานกว่ายาคีทรูดาที่มีระยะการระงับการเติบโตของเนื้องอกร้ายราว 5.8 เดือน

อะคีโซเผยผ่านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ของอะคีโซเกิดจากความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับชีววิทยาของโรคและวิศวกรรมโปรตีน รวมถึงได้รับประโยชน์จากระยะเวลาการพัฒนาอันรวดเร็วและทรัพยากรผู้มีความรู้ความสามารถชั้นนำในจีน

รายงานเสริมว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหรือไบโอเทคของจีนได้เริ่มต้นคิดค้นและพัฒนายาขั้นสูงที่สามารถแข่งขันโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ยาจากตะวันตกเพิ่มขึ้น พร้อมกับลงนามข้อตกลงใบอนุญาตหลายฉบับมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐกับเหล่าหุ้นส่วนชาติตะวันตกเพื่อจัดจำหน่ายยาสู่ทั่วโลกด้วย

นทท. ต่างชาติ ฝ่าแนวเขตพื้นที่ฟื้นฟูปะการัง แถมโวยวายหยาบคายใส่เจ้าหน้าที่ไทยที่เข้ามาเตือน

(27 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดำน้ำที่ทะเลกระบี่บริเวณเขตพื้นที่ปิดเพื่อฟื้นฟูปะการัง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 750 เมตร โดยที่ไม่มีเรือไกด์ดูแล

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามและตักเตือน นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับตีมึน พร้อมมีท่าทางและคำพูดที่ไม่น่ารักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ไทย แถมยังโวยวายว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาเที่ยวเมืองไทย!

โดยทางเฟซบุ๊กเพจ “ทราย - merman ψ” นักว่ายน้ำและนักอนุรักษ์ทะเลภาคใต้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอและให้ข้อมูลว่า

ดูถูกประเทศเรา!! Is this appropriate behavior when visiting Thailand? Ignoring park rangers- disrespecting our people? Absolutely not… someone come collect your disgruntled Italian grandpa because Thailand is NOT your playground. 

ขอบคุณทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ช่วยควบคุม นทท ต่างชาติสองคนนี้... แต่ทำไมเจ้าหน้าที่เราต้องมารับมือกับ นทท คุณภาพต่ำแบบนี้? ไทยกลายเป็นที่ ๆ นทท คิดว่าจ่ายเงินแล้วทำอะไรก็ได้หรอครับ?ทำตามใจไม่ได้จะไม่มาอีกแล้ว!!? #ฟรีวีซ่า

เหตุการณ์: เราได้ตักเตือน นทท. สองคนนี้เรื่องการว่ายน้ำในเขตที่ปิดเพื่อรักษาปะการังเพราะ zone นั้นปะการังตายไปจำนวนมหาศาลจากการฟอกขาวปีที่แล้ว + นทท.ผิดอีกกรณี ที่ว่ายน้ำในพื้นที่แบบเสี่ยงเพราะไม่มีเรือบริษัททัวร์หรือไกด์อยู่ใกล้ๆคอยจับตาดูแล (เขาห่างออกจากหาด 750 เมตร)...

นทท. สองคนนี้ไม่ยอมฟังคำตักเตือนจนทำต่อและฝ่าฝืนคำสั่งรวมถึงใช้ภาษาและแสดงกิริยามารยาทที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดูถูกประเทศไทย นิสัยแปรปรวนที่จาก นทท บุคคลนี้เป็นอันตรายต่อทั้งตัวเขาและเจ้าหน้าที่บนเรือ - เราจึงจำเป็นต้องควบคุมและพากลับฝั่งและไม่อนุญาตให้ว่ายต่อ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top