Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

มหันตภัย...บุหรี่ไฟฟ้า #3 เข้าถึงง่ายเกินไปแล้ว ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ กำลังระบาดหนักในเด็กนักเรียนประถม

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเด็กนักเรียนประถมหลายรายมีอาการปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งเกิดจากการสูบ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ หรือที่เรียกว่า EVALI (E-cigarette or Vaping product use Associated Lung Injury) ด้วยประชาชนคนไทยบางส่วนมักเข้าใจว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ยาสูบ” โดยคิดว่า ควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงละอองไอน้ำที่มีเพียงสารปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอม จึงมักมีการกล่าวอ้างว่า สูบน้ำยาชนิดที่ไม่มีนิโคติน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าที่เห็นนั้น มีฝุ่นขนาดเล็ก PM 1.0 และ PM 2.5 มีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล และอโครลิน รวมทั้ง โลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ซึ่งที่มาของโลหะหนักอาจจะมาจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรือ อุปกรณ์สูบที่โลหะหนักหลุดลอยจากขดลวดที่ชุบน้ำยา ขณะที่สารปรุงแต่งกลิ่นรสที่มีนับหมื่นชนิดที่ถูกความร้อนจนเกิดเป็นไอระเหยมีผลกระทบต่อสุขภาพคือ ทำให้มีภาวะปอดอักเสบเฉียบพลันและโรคอื่น ๆ ได้ อีกทั้งบุคคลที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะพัฒนาต่อไปเป็นสูบบุหรี่ธรรมดาอีกด้วย

จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า แนวโน้มอัตราการสูบบุหรี่ ในปี พ.ศ. 2564 ร้อยละ 17.4 คิดเป็น 9.9 ล้านคนของคนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า คนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 78,742 คนในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นคนที่สูบทุกวัน 40,724 คน และสูบแบบไม่ทุกวัน 38,018 คน โดยผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 24,050 คน อายุระหว่าง 15 - 24 ปี แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่มุ่งเป้าที่กลุ่มเยาวชนเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการสำรวจการบริโภคยาสูบในเยาวชนระดับโลก (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) ในปี พ.ศ. 2565 พบว่าสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้า ของนักเรียน ในช่วงอายุ 13 – 15 ปี ที่เพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2558 โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.3 เป็นร้อยละ 17.6 และเมื่อแยกตามเพศของนักเรียน พบว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนเพศชาย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 20.2 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.3 เท่า ในขณะที่ เพศหญิง มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.9 เท่า โดยเพิ่มจากร้อยละ 1.9 เป็นร้อยละ 15.0 จากสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทยในเด็กและเยาวชนดังกล่าว สามารถสะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน เด็กและเยาวชนไทยมีแนวโน้มในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก และต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเยาวชนอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ ภาวะปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า EVALI เป็นอาการปอดอักเสบเฉียบพลันที่สัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยมีอาการแสดง ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว รวมถึงอาการทางระบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นต้น จากรายงานข้อมูลของ Centers for Disease Control and Prevention สหรัฐอเมริกา (ข้อมูลล่าสุดปี 2563) พบผู้ป่วย EVALI ในสหรัฐอเมริกาที่ต้องนอนโรงพยาบาล ทั้งสิ้น 2,807 ราย ส่วนใหญ่อายุของผู้ป่วยมีอายุระหว่าง 18 - 24 ปี คิดเป็นร้อยละ 37 และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 68 รายอายุเฉลี่ยของผู้ป่วย ที่เสียชีวิตคือ 49.5 ปี และอยู่ระหว่าง 15 - 75 ปี 

สำหรับประเทศไทย เคยมีรายงานผู้ป่วย EVALI อายุระหว่าง 20 - 30 ปี มาพบแพทย์ด้วยอาการ เหนื่อย ไอ มีไข้ และรู้สึกเหนื่อยง่ายมาประมาณ 1 เดือน มีการให้ประวัติว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าชนิดพอต (POD) แบบใช้แล้วทิ้งมาประมาณ 6 เดือน โดยใช้ทุกวัน ไม่ได้สูบบุหรี่ปกติ ไม่ได้ใช้กัญชา หรือสารเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วย แพทย์ได้ทำการส่องกล้องหลอดลมผู้ป่วยและตรวจทางพยาธิวิทยาพบว่า ผลตรวจทางพยาธิวิทยา และผลตรวจทางเซลล์วิทยาเข้าได้กับภาวะ EVALI

หลังจากผู้คนมีความตระหนัก จึงมีการควบคุมการใช้ มีการนำสารเคมีบางชนิดออกจากผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้มีรายงานจำนวนผู้ป่วย EVALI ในสหรัฐอเมริกาน้อยลง ซึ่ง อ.พญ.นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร หัวหน้าสาขาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทบุหรี่มักจะโฆษณาว่าบุหรี่ไฟฟ้าปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น tar และ carbon monoxide ต่างจากบุหรี่มวน แต่บุหรี่ไฟฟ้ามีสาร Nicotine, สารปรุงแต่งกลิ่น, Propylene glycol, vegetable glycerin และสารที่มีอยู่ในกัญชา เช่น Δ-9-tetrahydrocannabinol (THC), cannabidiol (CBD), butane hash oil (BHO) 

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด/หลอดลมอักเสบ มีสารก่อมะเร็งหลายชนิด มีโลหะหนักปนเปื้อน และโรคปอด EVALI โดยรายงานที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร New England Journal of Medicine เรื่อง Pulmonary illness related to e-cigarette use in Illinois and Wisconsin preliminary report ซึ่งรายงานกรณีศึกษาผู้ป่วยจำนวน 53 คนในช่วงเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2019 พบว่าผู้ป่วยส่วนมากอายุเฉลี่ยเพียง 19 ปี และมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสาร THC ประกอบประมาณ 80% แต่มี 20% ที่ไม่ได้ใช้ THC ก็สามารถเกิด EVALI ได้ โดย 95% ของผู้ป่วยมีอาการ ไข้หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่พบว่า 77% ของผู้ป่วยมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งผู้ป่วยทุกคนมีภาพ x-ray และ CT scan ปอดที่ผิดปกติ และถ้านำน้ำล้างปอดไปตรวจจะพบว่าในน้ำล้างปอดพบเซลล์เม็ดเลือดขาวกินอนุภาคไขมัน โดยตรวจไม่พบหลักฐานการติดเชื้อ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิด EVALI ในตอนแรก สมมติฐานว่าเกิดจากสาร propylene glycol, vegetable glycerin (glycerol), สารปรุงแต่งกลิ่น สารสกัดจากน้ำมันกัญชาหลายชนิด เช่น vitamin E acetate และมีสารอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งสารเหล่านี้หลายชนิดไม่มีในบุหรี่มวน โดยสาร vegeteble glycerine เป็นสารที่มีรสหวาน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สกัดจากน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว เมื่อโดนความร้อนจาก อุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะระเหยเป็นไอน้ำ และถูกสูบเข้าไปในปอด ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นการตอกย้ำถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าที่ผู้คนอาจไม่ทราบ มองข้ามหรือละเลยไป ที่ชัดเจนที่สุด

ร่วมเป็น 1 เสียง ปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมลงชื่อที่ https://shorturl.at/ADMRJ

‘ดร.ไชยันต์’ วิเคราะห์เลือกตั้ง ‘เยอรมนี’ ชี้ พรรคอนุรักษฯ อาจจับมือกับพรรคฝ่ายซ้ายตั้งรัฐบาล

(25 ก.พ. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ถึงการเลือกตั้งของเยอรมนี ว่า

ใครจะได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลผสม และใครจะผสมกับใคร ?
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนี (Bundestag)  การลงคะแนนครั้งที่ 2
พรรคอนุรักษนิยม (CDU/CSU)ได้ สส. มากสุด แต่แค่ 28.52% ตามมาด้วยพรรคขวาจัด (AFD) 20.8% และพรรคสังคมประชาธิปไตย (ซ้าย แกนจัดตั้งรัฐบาลชุดที่แล้ว) 16.41%
อนุรักษ์ฯยืนยันไม่ผสมกับขวาจัดที่ได้คะแนนเพิ่มมากกว่าที่ผ่านมา
ซ้ายตอนแรกยืนยันว่าจะไม่ผสมกับใครเลย แต่เริ่มเปลี่ยนท่าที

สภาพการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาหรือจะเรียกว่าธรรมชาติของสังคมที่ผู้คนเลือกหลายพรรคต่างๆกัน นั่นคือ ระบบหลายพรรค (multi-party system) ซึ่งของไทยเรา ตั้งแต่มีพรรคการเมือง เราก็เป็นระบบหลายพรรค ยกเว้นจะออกแบบรัฐธรรมนูญแบบภูฏาน ที่ให้เลือกตั้ง 2 รอบ รอบแรก กี่พรรคลงแข่งก็ได้ รอบ 2 ให้สองพรรคที่ได้คะแนนสูงสุดในรอบแรกแข่งกัน พรรคไหนชนะก็ตั้งรัฐบาล อีกพรรคก็เป็นฝ่ายค้านไป

'ดร.ปิติ' ชี้ ระเบียบโลกใหม่กำลังจะอุบัติ หลัง 'สหรัฐฯ - รัสเซีย - เกาหลีเหนือ ไหลอยู่ฝั่งเดียวกัน

(25 ก.พ. 68)  รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ระเบียบโลกเปลี่ยนไปแล้ว

ใครจะไปเชื่อว่าเราจะได้เห็น รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และ เกาหลีเหนือ รวมกับประเทศอื่นๆ อีก 15 ประเทศ คัดค้านการเรียกร้องให้ลดระดับความรุนแรง คัดค้านการยุติการสู้รบโดยเร็ว และคัดค้านการยุติสงครามกับยูเครนโดยสันติ ในที่ประชุมสหประชาชาติ เนื่องในโอกาส 3 ปีสงครามยูเครนที่เป็นความขัดแย้งของรัสเซียกับพันธมิตร NATO ที่นำโดยสหรัฐเอง

ระเบียบใหม่ต่อจากนี้คือ

1. รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า สามารถละเมิดอธิปไตยเข้ายึดครองพื้นที่ของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่าได้ หากการเข้ายึดครองนั้น สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ

2.ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ตามวิธีคิดของ Trump ที่ดูตัวเลขขาดดุล เกินดุลเป็นหลัก) คือกลไกขับเคลื่อนมิติความมั่นคง สงครามการค้า สงครามเศรษฐกิจ และสงครามในสนามรบจริง คือ สิ่งที่เจรจา ต่อรองแลกเปลี่ยนกันได้

‘ดร.ศราวุฒิ’ ชี้ จนท.ระดับสูงไทยไม่ควรทำเรื่องส่อเลือกข้าง หลัง รมว.ต่างประเทศ เยือน ‘กำแพงร้องไห้’ ในเยรูซาเล็มตะวันออก

(25 ก.พ. 68) จากกรณีที่มี ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยสื่ออิสราเอลเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 พบว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทย ได้แก่ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล เดินทางไปสวดมนต์ที่กำแพงร้องไห้ในเยรูซาเล็มตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อิสราเอลยึดครองตั้งแต่สงครามหกวันในปี 1967

ล่าสุด ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ขณะรอขึ้นเครื่องเพื่อไปบรรยายที่สงขลา มีเพื่อนบางคนส่งข่าวมาให้อ่าน พร้อมทั้งอยากให้ผมแสดงความคิดเห็น ข่าวที่ว่านั้นเป็นเรื่องที่ คุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทย ได้เดินทางไปที่กำแพงร้องไห้ในเยรูซาเล็มตะวันออก

ผมเห็นว่าการเดินทางไปปฏิบัติราชการของคณะผู้แทนไทยในประเทศอิสราเอลโดยมีภารกิจหลักเพื่อไปรับแรงงานไทย 5 คนที่ถูกปล่อยตัวออกมาล่าสุดนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การเข้าไปเยือนเยรูซาเล็มตะวันออกในนามของรัฐบาลไทยนั้นต้องพิจารณาให้รอบครอบ ไม่ใช่นึกอยากไปหรือได้รับรับเชิญไปก็ไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจในประเด็นอ่อนไหวที่ซ้อนอยู่ในนั้น

ประเด็นอ่อนไหวที่ว่ามีอยู่ 2-3 ประเด็นที่ผมอยากเอามาแลกเปลี่ยนครับ

ความอ่อนไหวในเชิงสถานะของเยรูซาเล็มตะวันออก

เยรูซาเล็มเป็นเมืองโบราณที่ถือเป็นหนึ่งในแก่นกลางของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ครับ อิสราเอลมองเยรูซาเล็มว่าเป็น "เมืองหลวงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่อาจแบ่งแยกได้" ของตน

ไม่นานหลังรัฐอิสราเอลถือกำเนิดขึ้นใน ค.ศ. 1948 และได้รับชัยชนะเหนือบรรดารัฐอาหรับในสงครามครั้งแรก อิสราเอลก็ได้จัดตั้งรัฐสภาขึ้นทางตะวันตกของเมืองเยรูซาเล็ม จากนั้นหลังจากที่อิสราเอลทำสงคราม 6 วันใน ค.ศ. 1967 กับเพื่อนบ้านอาหรับ อิสราเอลก็ได้ยึดเยรูซาเล็มตะวันออก รวมถึงเขตเมืองเก่าด้วย โดยได้ผนวกรวมเยรูซาเล็มตะวันออกให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตน อันถือเป็นการกระทำที่นานาชาติไม่ยอมรับ และเป็นเรื่องที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะที่ผู้นำอิสราเอลก็มักจะแสดงความไม่พอใจที่ไม่มีประเทศไหนให้การยอมรับอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเยรูซาเล็ม แม้แต่พันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอลเอง

ชาวปาเลสไตน์เห็นต่างอย่างสิ้นเชิง พวกเขาต้องการเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง และถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางแก้ปัญหาอย่างสันติที่นานาชาติสนับสนุนมายาวนาน หรือรู้จักกันในชื่อ "การแก้ปัญหาแบบให้มี 2 รัฐอยู่เคียงคู่กัน" (Two States Solution) โดยพื้นฐานแล้วก็คือแนวความคิดให้ก่อตั้งรัฐอิสระปาเลสไตน์ติดกับอิสราเอล ตามพรมแดนที่ปรากฏก่อน ค.ศ. 1967 ซึ่งมีการเขียนแนวทางแก้ปัญหาอย่างนี้เอาไว้ในมติสหประชาชาติ

ชาวปาเลสไตน์ถือเป็นประชากรจำนวนไม่น้อย คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดในเยรูซาเล็ม คนเหล่านี้มาจากครอบครัวที่อยู่ที่นี่มานานนับพันปี ความตึงเครียดเกิดขึ้นเมื่ออิสราเอลมีนโยบายขยายการตั้งถิ่นฐานชาวยิวเข้ามาในเยรูซาเล็มตะวันออก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่อิสราเอลไม่ยอมรับ

นอกจากจะไม่ยอมรับแล้ว อิสราเอลยังได้ผ่านกฎหมายในสภาเนตเซท (Knesset) เมื่อ ค.ศ. 1980 ให้มีการผนวกดินแดนเยรูซาเล็มตะวันออกให้เป็นส่วนหนึ่งของตน

อย่างที่ได้เรียนรับใช้ไป ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ให้การยอมรับการผนวกดินแดนครั้งนี้ แต่เมื่อทรัมป์เข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจึงเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่ให้การยอมรับว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมย้ายสถานทูตสหรัฐฯจาก เทล อะวีฟ เข้ามาตั้งอยู่ในเยรูซาเล็มเมื่อ ค.ศ. 2019 นี้เอง

ด้วยสถานะเยรูซาเล็มที่เป็นประเด็นขัดแย้งเช่นนี้ ทำไมเราจึงเลือกที่จะไปเยือนที่นั่นอันสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองในเชิงสัญลักษณ์ว่าไทยเห็นดีเห็นงามกับการที่เยรูซาเล็มทั้งหมดเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

ความอ่อนไหวในเชิงความเชื่อความศรัทธา

เยรูซาเล็ม (มุสลิมเรียกว่า อัล-กุดส์) ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา ทำให้เมืองนี้มีความสำคัญทั้งด้านการเมืองและประวัติศาสตร์ของโลกตลอดมา อันเป็นบ่อเกิดของสันติภาพและความขัดแย้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย

ในมิติความขัดแย้งนั้น ประเด็นหลักมักวนเวียนอยู่ที่ข้อถกเถียงว่า ศาสนาใดใกล้ชิดเกี่ยวพันกับดินแดนเยรูซาเล็มมากกว่ากัน จนเป็นที่มาของการอ้างสิทธิครอบครองเมืองนี้ของแต่ละฝ่าย กลายเป็นความขัดแย้งเรื้อรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอลเรื่อยมา

ขณะที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต่างให้การยอมรับความสำคัญของศาสนายูดาห์และคริสเตียน ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวโยงใกล้ชิดกับนครเยรูซาเล็ม แต่ก็ย้ำว่าสถานที่แห่งนี้ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน และเยรูซาเล็มมิได้มีความผูกพันทางจิตวิญญาณต่อชาวปาเลสไตน์หรือชาวอาหรับเท่านั้น แต่ดินแดนแห่งนี้คือศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมทั่วโลกอีกด้วย

เพราะนอกจากมัสยิดฮารอมในนครมักกะฮ์และมัสยิดนะบะวีย์ในมะดีนะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียแล้ว มัสยิดอัล-อักซอในเยรูซาเล็ม ยังถือเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดเป็นลำดับ 3 ของศาสนาอิสลาม อีกทั้งอัล-อักซอยังเป็น "กิบลัต" แรกในประวัติศาสตร์อิสลาม หรือชุมทิศแรกที่มุสลิมหันหน้าไปยามละหมาดและขอพรต่อพระเจ้า ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นนครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเวลาต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้แล้ว มัสยิดอัล-อักซอยังเป็นศาสนสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์อิสลามอันเนื่องมาจากมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดามุฮัมมัด ได้ละหมาดก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นสู่ชั้นฟ้าเบื้องสูงในเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “อิสรออ์และมิอ์รอจญ์”

แต่สำหรับชาวยิวแล้ว พื้นที่แห่งนี้คือที่ตั้งของ The Temple Mount หรือพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสร้างโดยศาสดาโซโลมอน หรือที่มุสลิมรู้จักในนามศาสดาสุไลมาน (ปกครองระหว่าง 971-931 ก่อนคริสต์ศักราช)

ทว่าพระวิหารยุคแรกนี้ก็ถูกทำลายโดยพวกบาบิโลนเมื่อ 587 ก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นก็มีการสร้างมหาวิหารยุคที่ 2 ขึ้นโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราชและดาไรอุส

อีก 500 ปีต่อมาพระวิหารที่ 2 (Second Temple) ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์โดยกษัตริย์แฮรอดมหาราช จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พระวิหารแฮรอด” แต่สุดท้ายพระวิหารแห่งใหม่นี้ก็ถูกทำลายโดยพวกโรมันใน ค.ศ.70 เหลือแต่ซากกำแพงเก่าที่ไม่ได้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นที่มาของ "กำแพงร้องไห้" ที่อยู่ทางตะวันตก หรือ “Western Wall”

นับจากนั้นเป็นต้นมา ผู้นับถือศาสนายูดาห์นิกายออร์โธด็อกซ์ ก็ตั้งหน้ารอคอยการสร้างพระวิหารยุคที่ 3 ในเยรูซาเล็ม พร้อมกับการรอคอยการปรากฏตัวของเมสไซยาห์ของชาวยิว (Jewish Messianism) ก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายโลก

ปัญหาก็คือ ตามความเชื่อของชาวยิวกลุ่มนี้ หากจะฟื้นฟูมหาวิหารยุคที่ 3 ขึ้นมาจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ รื้อถอนมัสยิดอัล-อักซอและโดมทองแห่งศิลา (Dome of the Rock) ของชาวมุสลิมเสียก่อน เพราะมัสยิดเหล่านี้ก่อสร้างอยู่บนเนินเขาที่ชาวยิวเชื่อว่าเป็น "The Temple Mount"

ในสภาวะอ่อนไหวเชิงความเชื่อความศรัทธาเช่นนี้ทำไมเราจึงต้องไปเยือนที่นั่น อันสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าไทยอาจเห็นดีเห็นงามกับการทำลายมัสยิดเพื่อประกอบสร้างวิหารยิวขึ้นมาใหม่

จุดยืนของไทยต่อประเด็นอ่อนไหวนี้ ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 2017 ไทยเป็นหนึ่งใน 128 ประเทศที่ลงคะแนนในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เพื่อสนับสนุนร่างมติเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเพิกถอนการรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แม้ว่าก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐขู่จะตัดความช่วยเหลือด้านการเงินกับประเทศที่หนุนร่างมตินี้ก็ตาม

ร่างมติดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจาก 128 ประเทศ ในจำนวนนี้มีตัวแทนจากรัฐบาลไทยรวมอยู่ด้วย ขณะที่ 9 ประเทศออกเสียงคัดค้าน และอีก 35 ประเทศงดออกเสียง

คำถามคือการเยือนเยรูซาเล็มครั้งนี้ในนามรัฐบาลไทยอาจถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของไทยต่อสถานะกรุงเยรูซาเล็มที่ไทยเคยแสดงเจตนารมณ์ไว้ในมติสหประชาชาติหรือไม่ มิตรประเทศในโลกมุสลิมจะมองเราอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังสงครามกาซ่าอันโหดร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป(และอาจปะทุขึ้นมาอีกระลอกใหม่

ฝากไว้ให้คิดครับ

ท้ายนี้ขอเรียนย้ำว่าการเดินทางเยือนเมืองเก่าเยรูซาเล็มสำหรับบุคคลทั่วไปนั้นเป็นเรื่องปรกติไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยเป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจในประเด็นความอ่อนไหว เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงครับ ที่ดีที่สุดคืออย่าได้เข้าไปจะดีกว่า

รทสช. ผลักดันเต็มที่ ‘กฎหมายโซลาร์เซลล์เสรี’ ขณะที่ ‘พีระพันธุ์’ เล็งใช้กลไกกองทุนฯ หนุนผ่อนจ่ายปลอดดอกเบี้ย

รทสช. เผย กฎหมายโซลาร์เซลล์เสรีอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นประชาชน สัญญาเร่งติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องขออนุญาต 4 หน่วยงาน ข่าวดี! ‘พีระพันธุ์’ เตรียมใช้กองทุนอนุรักษ์พลังงาน อุดหนุนให้ผ่อนจ่ายโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟ ปลอดดอกเบี้ย

(25 ก.พ. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า 

การประชุมในวันนี้นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติต่างเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้มีกฎหมายสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา ได้แก่ การพิจารณาในวาระที่ 2 และที่ 3 ของร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... ซึ่งทางพรรครวมไทยสร้างชาติมีมติเห็นชอบในทั้งสองวาระ

และการพิจารณาในวาระที่ 1 ของร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  ซึ่งเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ทางพรรครวมไทยสร้างชาติมีมติ รับหลักการในวาระที่ 1 ของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ

ทั้งนี้ในการประชุมได้มีบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สอบถามถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฉบับที่ ... พ.ศ. ... หรือกฎหมายโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟเสรี ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

ซึ่งขณะนี้กฎหมายฉบับนี้ได้บรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่รัฐสภามีความเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงินจึงจะต้องได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการพิจารณา ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่าจะติดตามอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมพลังงานสะอาด ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าราคาถูก และอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลรวมถึงนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว 

สำหรับกฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้ประชาชนไม่ต้องขออนุญาตสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟ กับ 4 หน่วยงาน อันได้แก่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.), กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.),องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.), และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) อีกต่อไป โดยเปลี่ยนเป็นการแจ้งเพื่อทราบ ซึ่งในอดีตการขออนุญาตจากหลายหน่วยงานทำให้เกิดความล่าช้าในการติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟของประชาชน และมีค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น

นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้เตรียมกองทุนอนุรักษ์พลังงานเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟได้ง่ายขึ้นผ่านการผ่อนจ่ายโดยไม่มีดอกเบี้ย โดยกองทุนอนุรักษ์พลังงานจะสนับสนุนในส่วนของดอกเบี้ยดังกล่าว 

และการผลักดันการติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้การนำของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ผลักดันให้ที่ประชุม ครม. วันที่ 17 ธันวาคม 2567 มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงอุตสาหกรรม ยกเว้นให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาหรือโซลาร์รูฟท็อปทุกกำลังการผลิตไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน และไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม 

การแก้ไขให้ไม่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานราชการทั้ง 4 หน่วยงานของกฎหมายโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟเสรี จะทำให้ต่อจากนี้ประชาชนไม่ต้องขออนุญาตเพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซลาร์รูฟเสรี ซึ่งทางพรรครวมไทยสร้างชาติยืนยันว่าจะเร่งรัดและผลักดันเพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงไฟฟ้าสะอาดในราคาถูกลงได้

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงการณ์จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญยึดยาบ้า 3.1 ล้านเม็ด 

(24 ก.พ. 68) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าวจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ยึดยาบ้า 3.1 ล้านเม็ด ผู้ต้องหา 6 ราย ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ
เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ มทภ.3 ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร,พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์, พล.ต.ต.พิชญา บุญขจร, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูล พิสุทธิ์ผบก.ภ.จว.ลำปาง ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35 ฝ่ายปกครอง โดย นายนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ นายชุติเดช มีจันทร์ ผวจ.ลำปาง สำนักงาน ปปส.ภาค 5 โดย นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี

1. กรณี สภ.สบปราบ จ.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 3,176,046 เม็ด
2. กรณี สภ.ช้างเผือก ร่วมกับ สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 201,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้าจำนวน 3,377,046 เม็ด

คดีที่ 1 สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดน เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยผ่านพื้นที่ อ.สบปราบ จ.ลำปาง โดยใช้รถยนต์กระบะจำนวน  2คัน ใช้ป้ายทะเบียน จ.เชียงราย ทั้ง 2 คัน จึงได้เพิ่มความเข้มในการตั้งด่านตรวจตามแผนการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียง ยาเสพติดตามยุทธศาสตร์ ตำรวจภูธรภาค 5

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ไล่ติดตามไป จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้จำนวน  2 คน ทราบชื่อ คือนายนวพลฯ และนายปรีชาฯ จึงได้ควบคุมตัวพร้อมทั้งนำรถยนต์มาตรวจสอบที่ด่านตรวจยาเสพติด พบเป็นยาบ้าจำนวน  13กระสอบ ประมาณ 3,176,046 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้ง 6 คน พร้อมทั้ง ตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพงส.สภ.สบปราบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้สืบสวนขยายผลจนพบผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในเขตพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จนสามารถจับกุม นายราชันย์ อายุ 42 ปี พบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,000 เม็ด จากการซักถามขยายผล พบว่านายราชันย์ฯยังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนสวนขยายผลเพิ่มเติม และสามารถตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อีกจำนวน 200,000 เม็ด

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนขยายผล ต่อเนื่อง จากกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดในเขตพื้นที่ จว.เชียงใหม่, พื้นที่ จว.ลำพูน และกลุ่มลูกค้าที่จะนำยาเสพติดไปจำหน่าย ในพื้นที่ จว.ลำพูน โดยสามารถจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้รวมทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางทั้งหมด เป็นยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 201,000 เม็ด พร้อมยึดทรัพย์ในการกระทำผิดเป็น รถยนต์จำนวน 3 คัน รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน โทรศัพท์จำนวน 6 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 1,700,000 บาท นำส่ง พงส.สภ.แม่แตง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้นำบัญชาและข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 23 ก.พ.68 จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 9,065 คดี คดียาเสพติดรายสำคัญ 44 คดี
- ยาบ้า 33 ล้านเม็ดเศษ - ไอซ์ 1,863 กิโลกรัมเศษ
ตรวจยึดของกลางยาเสพติด
- เฮโรอีน 143 กิโลกรัมเศษ - เคตามีน 802 กิโลกรัมเศษ
- ฝิ่น 8.9 กิโลกรัมเศษ

ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด

- มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 289 ล้านบาทเศษ
 

ส่อง 17 อันดับแรก โรงเรียนที่ได้คะแนนสูงที่สุดใน ‘ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ’ จากผลการสอบ O-NET ปี 2567

(26 ก.พ. 68) อย่างที่ทราบกันดีว่า การสอบ O-NET เป็นหนึ่งในการสอบวัดผลขั้นพื้นฐานที่นักเรียนไทยทุกคนต้องผ่านสนามสอบนี้ เพื่อนำคะแนนสอบไปใช้ยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเป็นการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนในระดับชาติ ขณะที่การจัดอันดับโรงเรียนที่นักเรียนมีผลสอบที่ได้คะแนนสูงสุด ก็เป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดมาตรฐานการเรียนการสอนของโรงเรียนอีกด้วย ในปี 2567 ที่ผ่านมา โรงเรียนใน ‘ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ’ 17 อันดับแรก มีโรงเรียนใดบ้าง ไปส่องกันเลย... 

‘นักข่าวลี้ภัยพม่า’ ยอมรับ กำลังเผชิญวิกฤติหนัก หลัง USAID ถอนทุนฟ้าผ่า แต่ขอเดินหน้าทำหน้าที่ต่อ

สถานการณ์สื่ออิสระพม่าที่ลี้ภัยอยู่ในเมืองแม่สอด ชายแดนไทย-เมียนมา กำลังเผชิญวิกฤติหนัก ภายหลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจระงับการสนับสนุนเงินทุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งเดิมเป็นผู้สนับสนุนหลักของสื่ออิสระในหลายประเทศรวมถึงเมียนมา การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบต่อนักข่าวพลัดถิ่นประมาณ 200 คนในไทย ซึ่งเคยได้รับเงินสนับสนุนจาก USAID จนไม่สามารถดำเนินการทำข่าวได้ตามปกติ โดยเฉพาะกลุ่ม ThanLwinKhet News ที่นำโดย ซู มยัต นักข่าวอาวุโสที่เคยพึ่งพิงงบประมาณดังกล่าว เธอเปิดเผยว่าต้องนำเงินส่วนตัวมาจ่ายเงินเดือนพนักงานได้เพียงครึ่งเดียว และต้องจัดหาอาหารและที่พักราคาถูกเพื่อให้พวกเขาอยู่รอด แม้กระทั่งนักข่าวบางคนที่ไม่ได้รับเงินเดือนอีกต่อไปยังคงยืนยันทำหน้าที่ต่อไป เพราะเชื่อว่าการรายงานข้อเท็จจริงเป็นภารกิจสำคัญเพื่อปกป้องประชาชนจากข่าวลวงและข้อมูลที่บิดเบือน

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาได้แสดงความเห็นว่าการสนับสนุนเงินทุนจากต่างชาติโดยเฉพาะจาก USAID ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศและเป็นการสนับสนุนกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลโดยตรง โดยมองว่าการสนับสนุนดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายในการสร้างเสรีภาพสื่ออย่างแท้จริง แต่มีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในการต่อต้านรัฐบาลเมียนมา

ด้านองค์กรสื่อใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น Irrawaddy ซึ่งได้รับทุนจาก USAID ประมาณ 35% ของงบประมาณทั้งหมด ออกมายอมรับว่าผลกระทบจากการตัดงบครั้งนี้รุนแรงอย่างมาก และจำเป็นต้องมีการปรับแผนดำเนินงานใหม่ทั้งหมด สื่อในกัมพูชาและอินโดนีเซียที่เคยได้รับเงินทุนลักษณะเดียวกันนี้ต่างแสดงความกังวลในลักษณะคล้ายกัน โดยระบุว่าการระงับเงินทุนครั้งนี้อาจทำให้รัฐบาลที่มีแนวคิดเผด็จการในภูมิภาคได้เปรียบ เนื่องจากสื่ออิสระไม่สามารถดำเนินงานได้เหมือนเดิม เปิดช่องให้เกิดการแพร่ระบาดของข่าวปลอมและโฆษณาชวนเชื่อเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักข่าวหลายรายยังคงยืนยันที่จะรายงานข่าวต่อไป แม้ไม่มีรายได้ เนื่องจากเชื่อว่าการรายงานความจริงยังเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ขณะที่บางส่วนก็ยอมรับว่าความเป็นกลางและอิสระในการทำข่าวอาจได้รับผลกระทบจากการรับทุนต่างชาติ แต่ก็ยืนยันว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นไปเพื่อเปิดเผยความจริงและสร้างความโปร่งใสต่อสถานการณ์ภายในเมียนมา

จับตาพระคาร์ดินัล ตัวเต็งสืบทอดประมุขคาทอลิก หลังโป๊ปฟรานซิสประชวรหนัก พระอาการทรงตัว

(26 ก.พ.68) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ หลังทรงเข้ารับการรักษาด้วยอาการปอดบวมทั้งสองข้างมาเป็นวันที่สี่ วาติกันแถลงเมื่อวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าพระอาการของพระองค์ทรงตัว ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ขณะนี้พระองค์มีพระชนมายุ 88 พรรษา และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรมเป็นคืนที่ 12 ซึ่งเป็นระยะเวลาการรักษาที่ยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 12 ปีแห่งสมณสมัยของพระองค์

"พระอาการทางคลินิกของพระองค์ยังคงอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ระบบไหลเวียนโลหิตยังคงเสถียร" วาติกันระบุในแถลงการณ์ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากวาติกันเผยว่า สมเด็จพระสันตะปาปายังสามารถเสวยพระกระยาหารและเคลื่อนไหวภายในห้องพักได้ตามปกติ

แม้ยังอยู่ระหว่างรักษาพระองค์ พระสันตะปาปายังคงปฏิบัติภารกิจบางประการ โดยมีการประชุมกับพระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน และคณะผู้ช่วยของพระองค์เมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้งบุคคลเป็นนักบุญ รวมถึงตำแหน่งที่ต้องได้รับการอนุมัติจากพระองค์

มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ได้เข้าเฝ้าพระองค์ที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้วาติกันเคยรายงานว่าพระองค์มีภาวะไตบกพร่องเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าปัญหาดังกล่าว "ไม่น่าเป็นห่วง" ซึ่งในแถลงการณ์ล่าสุดไม่ได้กล่าวถึงภาวะนี้อีก

ขณะเดียวกัน พระคาร์ดินัลหลุยส์ ตาเกล ได้นำการสวดภาวนาเพื่อพระสันตะปาปาที่จัตุรัสนักบุญเปโตร โดยมีผู้ศรัทธาจำนวนมากเข้าร่วม และพิธีนี้จะจัดขึ้นทุกวันตลอดสัปดาห์นี้

ภาวะปอดบวมสองข้างเป็นภาวะติดเชื้อที่ทำให้ปอดอักเสบและส่งผลกระทบต่อระบบหายใจ วาติกันเผยว่าการติดเชื้อครั้งนี้เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิด ซึ่งทำให้การรักษามีความซับซ้อน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2013 มีประวัติสุขภาพที่เปราะบาง โดยทรงเคยป่วยเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบในวัยเยาว์และต้องผ่าตัดปอดบางส่วนออก ทำให้ทรงมีความเสี่ยงต่อโรคปอดมากกว่าปกติ

ด้านพระคาร์ดินัลออสการ์ โรดริเกซ มาราเดียกา พระสหายชาวฮอนดูรัสของพระองค์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลา รีพับบลิกา ของอิตาลีว่า "ผมเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์"

ข่าวการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทำให้ผู้ศรัทธาจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออธิษฐานขอให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง โดยในกรุงบัวโนสไอเรส บ้านเกิดของพระองค์ มีการจัดพิธีสวดภาวนาที่พลาซ่าคอนสติทิวชัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์เคยประกอบพิธีมิสซาในอดีต

ขณะที่ คาร์ลา ราเบซซานา พระญาติของพระองค์วัย 93 ปี ที่อาศัยอยู่ในอิตาลี เปิดเผยว่าครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ ส่วนพระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน แห่งนิวยอร์ก กล่าวระหว่างพิธีมิสซาที่แมนฮัตตันว่า "พระองค์ทรงมีสุขภาพอ่อนแอมากและอาจใกล้จะสิ้นพระชนม์"

การสืบตำแหน่งพระสันตะปาปา

ในฐานะประมุขแห่งนครรัฐวาติกันและพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 แห่งคริสตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2013 ทรงมีปัญหาสุขภาพหลายประการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับเข่าและเส้นประสาทไซแอติก ซึ่งทำให้ต้องใช้รถเข็นหรือไม้ค้ำยันบ่อยครั้ง

หากพระองค์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไป การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเกิดขึ้นตามกระบวนการดั้งเดิม โดยคณะคาร์ดินัลจะประชุมลับและลงคะแนนเสียงในโบสถ์ซิสติน

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขยายวาระการดำรงตำแหน่งของพระคาร์ดินัลจีโอวานี บาททิสทา เร ซึ่งมีหน้าที่เตรียมการประชุมลับดังกล่าว

แม้จะยังไม่มีการกำหนดผู้สืบทอดที่แน่ชัด แต่ตามธรรมเนียมแล้ว พระสันตะปาปามักได้รับเลือกจากคณะคาร์ดินัล โดยรายชื่อบุคคลที่อาจได้รับการพิจารณา ได้แก่

พระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน เลขาธิการแห่งรัฐของวาติกัน

พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เติร์กสัน จากกานา อดีตประธานสภาสันติภาพและความยุติธรรมแห่งวาติกัน

พระคาร์ดินัลหลุยส์ ตาเกล จากฟิลิปปินส์ ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักวาติกัน

‘ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด’ มอง ‘ริยาดห์’ ของซาอุฯ มาแรง ชี้ อีเว้นต์ใหญ่เพียบ ทั้ง World Expo 2030 - ฟุตบอลโลก 2034

(26 ก.พ. 68) นายจิรวัฒน์ เดชาเสถียร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาดและการจัดการค้าปลีกค้าส่งในภูมิภาคอาเซียน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงผู้ประกอบการไทยควรมุ่งเจาะตลาดซาอุดีอาระเบียต่อเนื่อง ในตอนที่ 2 ว่า หลังจากที่คุยกับ รศ.ดร นิสิต หัวหน้าศูนย์อาเซียนศึกษาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อยากเขียนเรื่องเมีย เมียที่ว่าคือ MEA หรือ Middle East Africa โดยมีซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับ ซาอุฯนั้นโซนสำคัญคือโซนเมืองศาสนาทางตะวันตก ประกอบด้วยเจดดาห์ มักกะห์ เมดนะห์ โชนนี้มีศาสนสถานของมุสลิมอยู่และเป็นจุดที่ทำให้เกิดการเดินทางแสวงบุญ ท่องเที่ยว อีก 4 วันจะถึงช่วงรามาฎอน แน่นหนาแน่นอนสำหรับโซนนี้ ปีก่อนมีนักเดินทางไปซาอุทางเครื่องบินถึง 128 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนเยอะกว่าเมืองไทยอีก ขณะที่ซาอุฯ มีคน 35 ล้านคน 

“ผมพูดถึงโซนตะวันตกที่ติดทะเลแดง เมื่อก่อนเราส่งสินค้าไปเจดดาห์ ที่นั่นมี สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ไทยอยู่ด้วย เดี๋ยวนี้หาเรือไปเส้นทางนี้ลำบากขึ้น เพราะการไปทะเลแดงต้องผ่านโซมาเลียที่มีโจรสลัด ดังนั้นจึงมีสายเรือน้อยและไม่มีเรื่องประกันภัย ถ้ามีเบี้ยก็จะแพง ในขณะการค้าขายถูกเปลี่ยนผ่านไปโซนตะวันออกที่ Ad Damman ตรงนั้นเลยดูไบ ใกล้กาตาร์ อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย ที่โซนตะวันออกจึงยืดหยุ่นมากกว่า และมีต่างชาติเริ่มไปที่นั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ดามมานใกล้ริยาดห์ครับ ห่างกันโดยขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ในขณะที่การขับรถจากริยาดห์ไปเจดดาห์ใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมงทีเดียว”

สรุปสั้น ๆ ทำการค้า ไปทางตะวันออกน่าจะรุ่งกว่าในตอนนี้ โครงการยักษ์ ทั้งหลายเกิดที่ตะวันออกนี่หละ ไล่เรียง Timeline ดูครับ งานสำคัญๆ จะเกิดที่ซาอุตั้งแต่ Olympic e-sport ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ต่อด้วย World Expo 2030 ที่ริยาดห์ และต่อด้วยฟุตบอลโลก 2034 งานดึง tourist ไปที่นั่นนี่ชัดเจน

รัฐบาลริยาดห์ บอกว่า ธุรกิจตนจะพึ่งพาพลังงานอย่างเดียวไม่ได้ เลยพยายามกระจายการหารายได้ออกจากพลังงาน และท่องเที่ยวนี่แหละคือคำตอบ คนซาอุ โดยเฉพาะสตรีได้สิทธิเสรีมากขึ้น จำนวนผู้หญิงที่รัฐตั้งเป้าว่าปี 2030 จะมีผู้หญิงเข้ามามีบทบาทการทำงานให้ได้ถึง 30% ปรากฏว่าวันนี้สิ้นปี 2024 ผู้หญิงออกมาทำงานแล้ว 35% ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจภาคท่องเทียวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายังต้องการคนไทยไปทำภาค services ที่นั่นมากครับ เราปั้นเด็กๆ จบมหาวิทยาลัยแล้วต้องชี้ช่องให้เด็กๆ ด้วย ไม่งั้นตัวเลขคนตกงาน 4 แสนคนในเมืองไทย ลดลงยากครับ ถ้ารัฐมัวแต่เชียร์แขกไปเก็บผลไม้ที่หลายประเทศ คนของเราจะขาดโอกาสใน Tourist sector และ Entertainment ดันให้ถูกตัว คั่วให้ถูกคนครับ ช่างเชื่อมที่ต้องการมากในอิสราเอล ถูกนำไปซ่อมรถถังทั้งนั้น ท้ายสุดเรื่องความปลอดภัยก็ดูแลยาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top