Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

นายกรัฐมนตรีไทยจับมือนายกกัมพูชาเดินหน้ากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

(24 ก.พ. 68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับมอบหมายจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบในการปราบปราม กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศพดส.ตร.) ตามสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปประชุมร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อร่วมมือกันในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเป็นไปตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา ซึ่งในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางตำรวจกัมพูชาได้มีการระดมกวาดล้าง ตรวจค้น จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหลายจุด ซึ่งข้อมูลขณะนี้พบว่ามีจำนวนทั้งหมด 215 คน ในจำนวนนี้มีคนไทย จำนวน 125 คน และชาวต่างชาติจำนวน 90 คน โดยยังมีการดำเนินการปราบปรามจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำนวนจุดที่กวาดล้าง จำนวนของผู้ที่ถูกจับกุม และผู้ที่รับการช่วยเหลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการปฏิบัติ และขณะนี้ พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เกียรติก้อง ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะนำไปสู่การกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความต้องการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้มีการไปหลอกลวงไม่ใช่แต่คนไทยเพียงฝ่ายเดียว ยังมีการไปหลอกลวงคนทั่วโลก ซึ่งการค้นหาและการตรวจค้น จับกุม ยังมีปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจนกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไป

เชียงใหม่- คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดเสวนา แนวทางป้องกันฝุ่น PM2.5 ในสถานที่ทำงาน 

(24 ก.พ. 68 ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ มช. รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เป็นประธานเปิดการเสวนา แนวทางป้องกันฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ความรู้และเป็นแนวทางป้องกันฝุ่น PM2.5 ในสถานที่ทำงาน 

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า "ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็น ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพ ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ และเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับ PM2.5 จึงได้จัดกิจกรรมเสวนา "แนวทางป้องกันฝุ่น PM2.5 ในสถานที่ทำงาน" เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรและประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันฝุ่น PM2. ซึ่งปัญหา มลพิษทางอากาศที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง การป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 จำเป็นเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งการให้ความรู้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการลดมลพิษเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคน"

ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตระหนักถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ผลกระทบต่อสุขภาพ และในครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมเสวนาแนวทางป้องกันฝุ่นPM2.5 ในเชิงการจัดการทางกายภาพ และแนวทางการปฏิบัติเชิงพฤติกรรม ที่สามารถนำไปประยุกต์ และปฏิบัติได้ทั้งในสถานที่ทำงานและที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือ และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากฝุ่น PM2.5 

โดยมีหลักที่สำคัญ 2 ส่วนคือ
1. ด้านกายภาพ (กั้น กรอง ดัน) กั้น : ปิดประตูหน้าต่างที่สนิท ชื่อตามขอบหน้าต่าง หรือรูรั่วอื่น ๆ ให้ชิด และเปิดระบาย อากาศบ้าง ช่วงที่ฝุ่นภายนอกน้อย กรอง : ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เปิดเครื่องพ่อกอากาศ และปิดพัดลมดูดอากาศ(ถ้ามี) ดัน : ติดตั้งเครื่องเติมอากาศสะอาด สร้างแรงดันอากาศภายในห้องให้มากว่าภายนอก เพื่อ
ดันฝุ่นไม่ให้เข้ามาในห้อง

2.พฤติกรรม (3ส 1 ล)
ส.สะสาง คัดแยกสิ่งของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้แล้วออกไปเพราะจะเป็นแหล่งสะสมฝุ่น ส.สะอาด ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ และเช็ดถูทำความสะอาดพื้นและตามซอกมุมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น รวมทั้งล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น
พัดลม เครื่องปรับอากาศ แผ่นกรองอากาศและมุ้งลวด
สร้าง สร้างสุขนิสัย ในการดูแลและทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะมีฝุ่นละอองสูง อาจจะต้องเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้น รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยปลูกต้นไม้ที่มีลักษณะใบหนา หยาบ มีขน เพื่อช่วยดักฝุ่น ลดหรือเลี่ยง กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละองเพิ่ม เช่น การจุดธูป-เทียน การเผาขยะ การจุดเตาถ่าน และการสูบบุหรี่

ผศ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ รองคณบดีด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า"จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าคนเชียงใหม่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM2.5 เป็นระยะเวลานานเกือบครึ่งปี (ประมาณ กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ นอกจากนี้ สถิติยังบ่งชี้ว่าจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การป้องกันฝุ่นจึงไม่ควรจำกัดเพียงแค่การสวมใส่หน้ากากหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้ง แต่ควรรวมถึงการจัดการฝันในสถานที่ทำงานด้วย ซึ่งการป้องกันฝุ่น PM2.5 ในสถานที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญในการลดผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากร การติดตามคุณภาพอากาศ ปรับปรุงระบบระบายอากาศสวมหน้ากากที่เหมาะสม และดูแลสุขภาพของพนักงาน เป็นมาตรการที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

กิจกรรมในครั้งนี้มีการบรรยายใน 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ สถิติคุณภาพอากาศตัวเมืองเชียงใหม่ ป้องกันฝุ่น PM2.5 ในสถานที่ทำงานอย่างไร การเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศ การเฝ้าระวังและติดตาม การปรับปรุงด้าน PM2.5 คณะแพทยศาสตร์ การติดตั้งแผ่นกรองฝุ่น เครื่องปรับอากาศ และพัดลม โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ คือ รศ.ดร.ยศธนา คุณาทร อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มช. , ผู้แทนพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. , ผศ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ รองคณบดีด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม คณะแพทยศาสตร์ มช. , คุณวิชชากร จามีกร หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการระบบสนับสนุนคณะแพทยศาสตร์ มช. และคุณณัฐพล ไชยแก้ว วิศวกร สังกัดงานอาคารสถานที่ บรรยายใน 6 หัวข้อในการเตรียมความพร้อมและเสริมความรู้แก่บุคลากร ให้ทราบถึงแนวทางในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ใช้ในหน่วยงานช่วงที่เกิดภาวะฝุ่น PM2.5 เพื่อลดดผลกระทบด้านสุขภาพของบุคลากรและผู้ที่มารับบริการของคณะแพทยศาสตร์ มช.

ผบ.ตร.สั่งคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้า ย้ำกลุ่มเสี่ยงเด็ก เยาวชน ใกล้โรงเรียน สถานศึกษา ต้องไม่มีเด็ดขาด หากจับกุมได้ สั่งขยายผลทุกมิติ พร้อมลงดาบหากพบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องผลประโยชน์ ปล่อยปละละเลยจนกลายแหล่งมอมเมาเยาวชน 

(24 ก.พ. 68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลสั่งการให้ทุกหน่วยคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย หลังพบว่ามีข้อมูลในหลายพื้นที่มีร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเปิดขายผิดกฎหมายนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับทราบข้อมูล ขานรับนโยบาย พร้อมปฏิบัติทันที ได้สั่งการให้ทุกหน่วยกำหนดมาตรการคุมเข้มปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวัง เด็กและเยาวชนตามโรงเรียน สถานศึกษา หรือที่มีแหล่งข่าวว่ามีสถานที่พัก ลักลอบเก็บอุปกรณ์ สิ่งของ และนำออกไปจำหน่ายให้เด็ก เยาวชน นักศึกษา หรือใกล้สถานประกอบกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ จะต้องไม่มีโดยเด็ดขาด รวมทั้งตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าตามแนวชายแดน สนามบิน โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น ศุลกากร นอกจากนี้ ให้หน่วยประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ ประสานข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อบูรณาการร่วมปฏิบัติในการเข้าตรวจสอบ ปราบปรามจับกุม 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเข้มงวดในการตรวจสอบ กวดขันตามอำนาจหน้าที่ หากจับกุมได้ให้มีการสืบสวนขยายผลดำเนินการทุกมิติ และกำชับทุกหน่วยห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่มิชอบ หรือปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นแหล่งมอมเมาเด็กและเยาวชน หากพบจะมีการดำเนินการทั้งวินัย อาญา และปกครองอย่างเด็ดขาด

‘เอกนัฏ’ เล็งขุดรากถอนโคนขนขยะอันตรายเข้าประเทศ เตรียมชงเคส รง.ไฟไหม้ สมุทรสาคร ให้ DSI รับช่วงจัดการต่อ

(25 ก.พ. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยตำรวจสอบสวนกลางและคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีเหตุโกดังเก็บพลาสติกรีไซเคิลของบริษัท เถิงต๋า พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด มีนายฟูควน ลัว เป็นผู้เช่าอาคารโกดังต่อจากเจ้าของคนไทย ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เช่าและผู้ให้เช่ามีการกระทำความผิดกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหลายกรณี อาทิ มีการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการลักลอบประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ลักลอบตั้งโรงงานในพื้นที่ขัดผังเมืองและมีการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้ง ยังมีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำพวกสายไฟเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำมาทำการคัดแยกโลหะมีค่าและบดบ่อยเป็นเม็ดพลาสติกก่อนที่จะทำการจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. และความผิดอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ผิดกฎหมายทั้งหมด พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และได้ทำการยึดอายัดของกลางประกอบด้วย เศษสายไฟฟ้าและเศษพลาสติกที่บดย่อยแล้ว ปริมาณกว่า 6,900 ตัน ไว้ ณ ที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป  

นายเอกนัฏ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะผนึกกำลังร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร ผลักดัน ‘สมุทรสาครโมเดล’ ยกระดับมาตรการการตรวจกำกับโรงงานอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ต้นทางกระบวนการอนุญาต โดยจะจัดให้มีคณะทำงานกลั่นกรองร่วมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อร่วมกันให้ความเห็นประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตโรงงานกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานหล่อหลอมโลหะ โรงงานคัดแยกหรือรีไซเคิลวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เป็นต้น นอกจากนี้ จะมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ เพิ่มเติมให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของจังหวัดสมุทรสาครเพื่อร่วมกันเสริมกำลังให้กับชุดทำงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจตราและเฝ้าระวังการประกอบการที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนการเฝ้าดูแลและบริหารจัดการของกลางที่ได้ทำการยึดอายัดเอาไว้ ควบคู่ไปกับที่กระทรวงอุตสาหกรรมใช้เครื่องมือ ‘แจ้งอุต’ ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาเผ้าระวังการประกอบการที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีทีมตรวจการสุดซอยลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและรวดเร็ว 

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า กระทรวงอุตสาหกรรม จะได้เตรียมหารือร่วมกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อส่งต่อคดีนี้ให้ไปอยู่ในความดูแลเพราะถือเป็นคดีสำคัญระดับประเทศ และเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งจะต้องดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้ามายึดพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาคร ในการลักลอบนำเข้าวัตถุอันตรายและประกอบกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ไร้มาตรฐานสินค้าไทย และยังนำออกจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานสู่ผู้บริโภค ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

หากประชาชนพบเห็นปัญหาหรือเหตุต้องสงสัยเกี่ยวกับการประกอบการอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่าน ‘แจ้งอุต’ https://landing.traffy.in.th?key=wTmGfkav หรือไลน์ไอดี ‘traffyfondue’ เพื่อกระทรวงฯ จะเร่งส่งทีมสุดซอยลงพื้นที่จัดการกับปัญหาให้ประชาชนในทันที’ นายเอกนัฏกล่าวทิ้งท้าย

ส่อง 16 อันดับแรก โรงเรียนที่ได้คะแนนสูงที่สุดใน ‘ภาคเหนือ’ จากผลการสอบ O-NET ปี 2567

อย่างที่ทราบกันดีว่า การสอบ O-NET เป็นหนึ่งในการสอบวัดผลขั้นพื้นฐานที่นักเรียนไทยทุกคนต้องผ่านสนามสอบนี้ เพื่อนำคะแนนสอบไปใช้ยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเป็นการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนในระดับชาติ ขณะที่การจัดอันดับโรงเรียนที่นักเรียนมีผลสอบที่ได้คะแนนสูงสุด ก็เป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดมาตรฐานการเรียนการสอนของโรงเรียนอีกด้วย ในปี 2567 ที่ผ่านมา โรงเรียนใน ‘ภาคเหนือ’ 16 อันดับแรก มีโรงเรียนใดบ้าง ไปส่องกันเลย... 

‘ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว’ โต้กลับ PETA ปมแบน ‘หมูเด้ง’ หลังชี้นำ นทท. อังกฤษ ไม่ให้เข้าชม อ้างกักขังสัตว์แสวงหาผลกำไร

ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว โต้ "องค์กรอนุรักษ์" ปมชี้นำ นักท่องเที่ยวอังกฤษ ไม่ให้ไปเยี่ยมชม "น้องหมูเด้ง" อ้างกักขังสัตว์เป็นนักโทษเพื่อแสวงหาผลกำไร

(25 ก.พ. 68) จากกรณีองค์กรอนุรักษ์ทั้ง Born Free และ PETA ออกรณรงค์แคมเปญ “แบนหมูเด้ง” โดยห้ามนักท่องเที่ยวอังกฤษ บินมาเที่ยวชม “หมูเด้ง” ที่สวนสัตว์เขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งกักขังหมูเด้ง ในฐานะนักโทษเพื่อผลกำไร จึงวิตกว่ากระแสความโด่งดังของ หมูเด้ง จะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ในฐานะสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ หลังมีนักท่องเที่ยวปาขวดน้ำ สิ่งของ หรือส่งเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจเพื่อให้ “หมูเด้ง” มาอยู่ในเฟรมเพื่อที่จะถ่ายภาพเซลฟี่ ซึ่ง หมูเด้ง คงจะต้องตายอยู่คอกที่แห้งแล้ง ไร้โอกาสที่จะได้สัมผัสความอบอุ่นของถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติที่แท้จริงอย่างแอฟริกาตะวันตก 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.พ.68 นายณรงค์วิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว กล่าวถึงกระแสข่าวการโจมตีสวนสัตว์เรื่องให้ “หมูเด้ง” มาสร้างผลประโยชน์ว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะทางสวนสัตว์เน้นดูแลสวัสดิภาพให้กับสัตว์ทุกตัวที่อยู่ในสวนสัตว์เป็นหลัก และในเดือน มี.ค.นี้ จะมีทีมคณะมาตรวจประเมินสวัสดิภาพของสัตว์ ซึ่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ผ่านการประเมินทุกปี

“ก็ไม่เป็นความจริงอย่างที่เค้านำเสนอนะครับ คือเรายังคงความเป็นสวนสัตว์ที่มีภารกิจ 4 ด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอนุรักษ์ วิจัย ให้การศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ ของน้องหมูเด้ง เอง เราก็มีการตรวจสวัสดิภาพสัตว์ทุกปี ซึ่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จะได้รับการตรวจประเมินสวัสดิภาพสัตว์ ภายในเดือนมีนายนี้ ทุกปีจะต้องมีการตรวจประเมิน เราก็มีทีมคณะตรวจประเมินสุขภาพสัตว์จากหลากหลายพื้นที่เข้ามาตรวจเรา เพราะฉะนั้นเรายืนยันได้ว่า เรายังคงความเป็นสวนสัตว์ที่มีมาตรการในการจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีต่อไปด้วยนะครับ”

ขณะที่ น.ส.อิสริยา สเตาบ์ สาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเดินทางมาดู “น้องหมูเด้ง” พร้อมแฟนหนุ่มชาวอเมริกัน กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่ององค์กรอนุรักษ์ของประเทศอังกฤษ ประกาศแบน “น้องหมูเด้ง” ว่า กรณีดังกล่าวไม่น่าจะทำได้ เพราะตนและแฟนหนุ่มเคยเดินทางไปเที่ยวชมสวนสัตว์ในหลายประเทศ ซึ่งยอมรับว่า สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ดูแลสัตว์ต่างๆ ได้ดีมาก โดยเฉพาะ “น้องหมูเด้ง” ที่ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่ง น้องหมูเด้ง ไม่ได้โดนจำกัดพื้นที่แต่อย่างใด

“เคยไปเที่ยวสวนสัตว์ที่ไมอามี แฟนบอกว่าที่นี่เค้าเลี้ยงอย่างดีมาก แบบปล่อยเป็นธรรมชาติ ซึ่งน้องไม่ได้รู้สึกว่าโดนจำกัดพื้นที่เลยนะคะ จริงๆ ตรงนี้ดรามาที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นมันไม่ใช่ หรือแม้แต่ที่บอกว่าอยากให้คนเลี้ยงเปลี่ยนเป็นผู้หญิง ซึ่งจริงๆ แล้วคุณ ผอ.ก็บอกแล้วว่า น้องเบนซ์ เค้าเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นเค้ารู้ว่าต้องทำยังไง ผู้ชายเค้ามีกำลังมีแรงที่จะดูแลสัตว์ประเภทนี้ คิดว่าทุกอย่างดีมากๆ การดูแลที่นี่ดีมากๆ ดีใจมากๆ ที่ได้มาที่นี่”

น.ส.อิสริยา บอกอีกว่า หากเป็นไปได้ตนและแฟนหนุ่ม ขอเชิญนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้มาเที่ยวชม น้องหมูเด้ง และสัตว์ป่านานาชนิดที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว กันให้มากๆ เพราะที่นี่ถือเป็น The Best Zoo โดยเชื่อว่าหากมาเที่ยวชมจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

รร.สาธิตรามคำแหง ทำถึง! ช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง กำหนดใช้ชุดลูกเสือ - เนตรนารี แบบใหม่ ใส่ร่วมกับชุดพละ

(25 ก.พ. 68) โลกออนไลน์ แชร์ภาพและข้อความจาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง(ฝ่ายมัธยม) ที่ประกาศ ปรับรูปแบบการแต่งกายชุดลูกเสือ - เนตรนารี ปีการศึกษา 2568

โดยทางโรงเรียนระบุ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ อีกทั้งเอื้อต่อการเรียนการสอนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี ของกลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง(ฝ่ายมัธยม) จึงขอปรับเปลี่ยนเครื่องแบบ ชุดลูกเสือ-เนตรนารี  โดยใช้หมวก , ผ้าพันคอ , วอกเกิ้ล ร่วมกับชุดพละของโรงเรียน

โดยเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2568 นี้เป็นต้นไป โดยมีผู้เข้าไปร่วมชื่นชมและขอบคุณแนวความคิด นี้เพราะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้จริง

สมุทรปราการ-ลุยแล้ว!! ชัยรัชต์พงษ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงชุมชนหลังวัดหนามแดง ประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ

นายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา หรือเฮียน้อย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว หมายเลข 3 พร้อมด้วยคณะสมาชิกในนามกลุ่มบางแก้วรวมพลัง

ลงพื้นที่หาเสียงภายในชุมชนหลังวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ โดยมี นางสาวพัชรากร กุลรัตนจินดา หรือปลัดพัช สตรีอาสาพัฒนาบางแก้ว ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในครั้งนี้

พร้อมทั้งเดินชู้ป้าย แจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัคร และชูนโยบายในการบริหารงานและแผนพัฒนาการขับเคลื่อนท้องถิ่นของกลุ่มบางแก้วรวมพลัง ในสโลแกน โปร่งใส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 

โดยทางด้าน นายชัยรัชต์พงษ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว หมายเลข 3 กล่าวว่า ตนเองได้มีโอกาสลงพื้นที่มาพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ภายในชุมชนหลังวัดหนามแดงเพื่อขอคะแนนเสียงเข้าไปพัฒนาบริหารงานท้องถิ่น กับ 11 นโยบายเปลี่ยนบางแก้วให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ 1 ศูนย์พิทักษ์เมืองบางแก้ว ปลอดภัย 24 ชม. 2 โรงพยาบาลบางแก้วและศูนย์ฟื้นฟูผู้สูงอายุ 3 โรงพยาบาลสัตว์บางแก้ว 4 ศูนย์สร้างอาชีพเพื่อผู้สูงอายุสตรีและผู้ด้อยโอกาส 5 ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังน้ำท่วม 6 ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้

7 สำนักทะเบียนราษฎร์เทศบาลเมืองบางแก้ว 8 การพัฒนาด้านการศึกษา 9 นวัตกรรมการจัดการขยะสู่เมืองสะอาดไร้ขยะตกค้าง 10 การบริการสาธารณะ และ 11 การพัฒนาการจัดการเมือง (Smart City) นอกจากนี้ กลุ่มบางแก้วรวมพลังยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและพร้อมเข้ามาบริหารงานท้องถิ่นพัฒนาเมืองบางแก้วให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ กลุ่มบางแก้วรวมพลัง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชนชุมชนหลังวัดหนามแดงและอวยพรขอให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ในวันอาทิตย์ ที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น ณ. หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีรายชื่ออยู่

กกต.ประกาศรับรองผลนายกอบจ.ล็อตแรก 10 จังหวัดแล้ว

เมื่อวันที่ (24 ก.พ. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวแจ้งผลการพิจารณาของ กกต.เกี่ยวกับการประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณีครบวาระ ที่ได้จัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 และได้มีมติประกาศผลการเลือกตั้ง ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ 1.จ.น่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ 2.จ.หนองคาย นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก 3.จ.บึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี 4.จ.ศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล 5.จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ 6.จ.สิงห์บุรี นายศุภวัฒน์ เทียนถาวร 7.จ.กระบี่ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล 8.จ.พัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร 9.จ.ยะลา นายมุขตาร์ มะทา และ 10 จ.นราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน

และประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 19 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ น่าน หนองคาย เลย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว อุทัยธานี นครปฐม สิงห์บุรี ชัยนาท กระบี่ พัทลุง ยะลา และนราธิวาส

ทั้งนี้ การประกาศผลการเลือกตั้งดังกล่าว ไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

ส่วนรายละเอียดการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณีครบวาระ สามารถติดตามหรือสอบถามได้ทาง www.ect.go.th Application Smart Vote และสายด่วน 1444

‘ลิซ่า’ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ อีกครั้ง หลังมีคิวขึ้นโชว์บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ 2025

‘ลิซ่า’ จะได้ขึ้นแสดงบนเวทีออสการ์ที่จะมีการถ่ายทอดสดช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 3 มี.ค. 68 นี้ สามารถรับชมได้ทาง ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ ทั้งช่วงพรมแดง และประกาศรางวัล

(25 ก.พ. 68) ดิ อะคาเดมี่ อวอร์ดส ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ เวทีมอบรางวัลด้านภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประกาศว่า ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล, Doja Cat และ RAYE ที่ร้องเพลง Born Again ร่วมกัน จะได้ขึ้นแสดงในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2025 ที่จะมีขึ้นในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 ตามเวลาประเทศไทย

Born Again เป็นเพลงประกอบซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 ที่ลิซ่านำแสดง โดยเธอได้ร่วมร้องเพลงนี้กับ Doja Cat และ RAYE นักร้องสาวชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้แต่งและโปรดิวซ์เพลงนี้

อย่างไรก็ตาม การขึ้นแสดงครั้งนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ตามมา เนื่องจากในปีนี้ไม่มีศิลปินเจ้าของผลงานเพลงที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้ขึ้นเวทีแสดงแม้แต่รายเดียว

ขณะที่นักร้องเพลง Born Again ทั้ง 3 คน ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเวทีออสการ์เลยเพราะเป็นเพลงประกอบซีรีส์

นอกจากลิซ่าแล้ว ผู้ที่มีรายชื่อขึ้นแสดงบนเวทีออสการ์ในปีนี้ยังประกอบด้วย Queen Latifah ที่เคยได้เข้าชิงรางวัลในปีก่อน แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในปีนี้ รวมถึง ซินเธีย เอริโว และอาริอานา กรานเด้ ผู้มีรายการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเกี่ยวกับการแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Wicked โดยทั้งคู่จะมาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งไม่ได้เข้าชิงในสาขาเพลงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ต้องรอติดตามชมกันว่าโชว์ของ 'ลิซ่า' บนเวทีออสการ์จะออกมาในรูปแบบใด โดยเบื้องต้น เดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์ตเตอร์ สื่อบันเทิงชั้นนำ รายงานว่าการแสดงในปีนี้จะมีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชุมชนผู้สร้างหนัง และตำนานในวงการภาพยนตร์ และนอกจากศิลปินที่กล่าวถึงแล้วยังมีคณะนักร้องประสานเสียง Los Angeles Master Chorale มาร่วมแสดงด้วย

รับชมถ่ายทอดสดทาง ดิสนีย์พลัส - ทรูวิชั่นส์

สำหรับประเทศไทย สามารถรับชมการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ทั้งช่วงเดินพรมแดง และพิธีมอบรางวัล ในเช้าวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม  2568 เวลา 06:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ได้บนแอปพลิเคชัน Disney+ Hotstar และทางช่อง True Film 1 (222) และแอปทรูวิชั่นส์ นาว แพ็กเกจ NOW PRIME

ส่วนผู้ที่พลาดการรับชมสด สามารถดูการถ่ายทอดสดแบบย่อ 90 นาที ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจบงาน และสามารถรับชมได้ตลอด 24 วันบน Disney+ Hotstar โดยงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งนี้ได้ Conan O'Brien ผู้จัดรายการ และนักเขียนรางวัล Emmy® มารับหน้าที่พิธีกรเป็นครั้งแรก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top