Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

ประวัติ ‘กิมย้ง’ ผู้เขียน ‘มังกรหยก’ ผู้สร้างจักรวาลแห่งยุทธภพ และจอมยุทธ์ผู้กล้า สะท้อน!! ‘ภาพสังคม-ประวัติศาสตร์จีน-ปรัชญาเต๋า-ขงจื้อ’ ด้วยการต่อสู้ที่เข้มข้น

(23 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘All around China’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ประวัติคุณกิมย้ง ผู้เขียนมังกรหยก 

1. ภูมิหลังครอบครัว ความชอบ และการศึกษา 

สารภาพว่าไม่ใช่แฟนตัวยงของคุณกิมย้งครับ แต่เห็นมังกรหยกกลับมาบูมอีก แล้วก็ดูเป็นวรรณกรรมอมตะที่ไม่หายไปตามเวลาเลย ผมอยากรู้จนต้องมาหาประวัติคนเขียนแล้วก็ต้องบอกว่า Wow จริงๆ ต่อไปคงต้องลองอ่านจริงๆ จังๆ ละครับ (ถ้ามีเวลา) คุณกิมย้ง 金庸 จีนกลาง - จินยง) มีชื่อจริงว่า ฉา เหลียงยง (查良镛) เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1924 ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ครอบครัวเป็นตระกูลที่มีการศึกษาอย่างดี และคุณกิมย้งก็รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะวรรณกรรมจีนคลาสสิก เช่น สามก๊ก และ ซ้องกั่ง ในปี ค.ศ. 1944 ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย Chongqing Central Political School (重庆中央政治学校外交系) แต่ไม่ชอบรูปแบบการสอนเลยย้ายไปศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยตงอู่ ( 东吴大学Dongwu University)

2. การทำงาน
หลังจากสำเร็จการศึกษา ก็ทำงานให้กับ หนังสือพิมพ์ต้า กงเป่า (大公报) ในเซี่ยงไฮ้ และต่อมาย้ายไปฮ่องกง ปี ค.ศ. 1959 คุณกิมย้งก่อตั้ง หนังสือพิมพ์หมิงเป้า (明报) ซึ่งกลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลสูงมากในฮ่องกงเวลานั้น

3. ผลงานวรรณกรรมและนวนิยายกำลังภายใน
คุณกิมย้งเริ่มเขียนนวนิยายกำลังภายในในปี ค.ศ. 1955 และสร้างจักรวาลแห่ง "ยุทธภพ" ขึ้นมา โดยแต่งนิยายทั้งหมด 15 เรื่อง ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการวรรณกรรมจีน

ผลงานเด่นมีดังนี้ครับ:
• "ไตรภาคมังกรหยก" (The Condor Trilogy):
•《射雕英雄传》(มังกรหยก เล่ม 1, The Legend of the Condor Heroes, 1957-1959)
•《神雕侠侣》(มังกรหยก เล่ม 2, The Return of the Condor Heroes, 1959-1961)
•《倚天屠龙记》(ดาบมังกรหยก, The Heaven Sword and Dragon Saber, 1961-1963)
• 《天龙八部》(แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, Demi-Gods and Semi-Devils, 1963-1966)
• 《笑傲江湖》(กระบี่เย้ยยุทธจักร, The Smiling, Proud Wanderer, 1967-1969)
• 《鹿鼎记》(อุ้ยเสี่ยวป้อ, The Deer and the Cauldron, 1969-1972)

นิยายจะเต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่เข้มข้น ปรัชญาเต๋า พุทธ และขงจื๊อ รวมถึงสะท้อนสภาพสังคมและประวัติศาสตร์จีน 

4. อิทธิพลและการดัดแปลงเป็นสื่ออื่น
นวนิยายของคุณกิมย้งถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายครั้ง รวมถึงเกม การ์ตูน เช่น มังกรหยก และ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วเอเชีย และยังได้รับการแปลเป็นหลายภาษา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลี

5. บทบาทด้านวิชาการและวัฒนธรรม
คุณกิมย้งได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย Cambridge โดยงานวิจัยของเขาเกี่ยวกับ "อิทธิพลของปรัชญาขงจื๊อต่อการเมืองจีน" และเคยเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง

6. บั้นปลายชีวิตและการจากไป
วันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2018 กิมย้งถึงแก่กรรมในฮ่องกง ขณะมีอายุ 94 ปี

*นอกจากนี้หลังจากที่คุณกิมย้งประสบความสำเร็จในในงานเขียน ก็ได้ไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่ Cambridge University โดยใช้เวลาทั้งหมด 13 ปี (1992-2005) แต่ผมเดาว่าน่าจะเรียนไปทำงานไปเพราะป.เอกที่อังกฤษแทบไม่ต้องเจออาจารย์เลยครับผม ชัวร์ 

หัวข้องานวิจัยคือ 《试论中国历史上的儒家思想与法律制度》("An Examination of the Relationship Between Confucianism and the Rule of Law in Chinese History")ซึ่งน่าสนใจมากๆเพราะเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของลักทธิขงจื้อกับระบบกฏหมายในประวัติศาสตร์จีน 

‘กลุ่มก่อความไม่สงบ’ สร้างสถานการณ์!! ต้อนรับ ‘ทักษิณ’ ‘แยม ฐปณีย์’ หวิดโดนไปด้วย เผย!! เพิ่งออกมา แค่แป๊บเดียว

(23 ก.พ. 68) เจ้าหน้าที่สภ.เมืองนราธิวาส ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิด บริเวณในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส 

จากการตรวจสอบเบื่องต้นทราบว่า พบเป็นรถยนต์กระบะ ดีแม็ก สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 6955 นราธิวาส ของ เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงประจำสนามบินนานาชาตินราธิวาส ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ 

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปิดกั้นจุดเกิดเหตุเพื่อทำพื้นที่ให้ปลอดภยก่อน นำกำลังเจ้าหน้าที่และหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอีกครั้ง 

ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สร้างสถานการณ์เพื่อต้อนรับดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะเดินทางลงมาในพื้นที่ ท่าอากาศยานนราธิวาส ในเวลา 09.50 น. 

ซึ่งงานนี้ก็ได้มีคณะสื่อมวลชน เดินทางติดตาม ลงพื้นที่ไปทำข่าวกันหลายสำนัก รวมทั้ง ‘แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย’ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว ‘The Reporters TV’ 

งานนี้เรียกได้ว่า ‘เฉียดตาย’ เพราะระเบิดได้ดังสนั่นขึ้น หลังจากที่ แยม ฐปณีย์ นั้น ได้ออกมาจากจุดเกิดเหตุ ‘แค่แป๊บเดียว’ 

ล่าสุดอัพเดทแล้ว แยม ฐปณีย์ นั้น ‘ปลอดภัย’

‘อ.เจษฎา’ ชี้!! ประธานาธิบดียูเครน ‘โวโลดีมีร์ เซเลนสกี’ ไม่ใช่ เผด็จการ เผย!! ประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ทำให้การเลือกตั้ง ถูกระงับไปก่อน

(23 ก.พ. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …

วันนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ โกหกอะไร ? 
สลิ่มไทยหัวใจรัสเซีย ออกมาเชียร์กันใหญ่ เมื่อฮีโร่คนใหม่ของพวกเขา อย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา (ประเทศที่พวกเขาเคยเกลียดเข้ากระดูกดำกัน แถมประกาศจะยึดครองกาซ่าด้วย) ..

..ออกมาโจมตีประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ ที่ประชาชนไม่สนับสนุน" เหมือนอย่างกับยืมคำของจอมเผด็จการตัวจริงอย่าง ปูติน มาใช้

โดย ทรัมป์ ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดียกล่าวหาประธานาธิบดีเซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ ที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง" เหมือนที่ปูตินเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ 28 มกราคม ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าเซเลนสกีนั้นไร้ความชอบธรรมในการเป็นประธานาธิบดี

เพราะยูเครนไม่ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 (ซึ่งตอนนั้น เซเลนสกีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายถึง 73%) และวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ได้สิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2024 

แต่ จริงๆ แล้ว ยูเครนอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก มาตั้งแต่ที่โดนรัสเซียบุกรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ปึ 2022 ทำให้การเลือกตั้ง ปธน. ถูกระงับไปก่อน
โดยกฎหมายกฎอัยการศึกนี้ ร่างขึ้นตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่รัสเซียบุกเข้ามายึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครน เมื่อปี 2014 เนื่องจากอดีตประธานาธิบดียูเครน ที่ฝักใฝ่รัสเซีย ถูกประชาชนประท้วงขับไล่ออกจากตำแหน่ง

ซึ่งนั่นก็คือ กฎหมายนี้มีมาหลายปี ก่อนที่เซเลนสกี จะได้เป็นประธานาธิบดี (ไม่ใช่ว่าเขาเขียนกฎหมาย หรือแก้กฎหมาย เพื่อต่ออำนาจต่อเอง แบบที่ปูตินเคยทำ) 

เซเลนสกี ก็เคยประกาศให้คำมั่นแล้ว ว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ หลังจากสงครามสิ้นสุดลง 

ในโลกความจริง ใครจะจัดเลือกได้ ถ้าประเทศยังมีสงครามแบบนี้ รัสเซียยังคงโจมตีหลายเมืองของยูเครนทุกวัน ยิงจรวดใส่ยูเครนทุกวัน 
และมีชาวยูเครนนับล้านคน ต้องอพยพลี้ภัยไปต่างประเทศ รวมถึงอีกจำนวนที่ติดอยู่ในพื้นที่ที่รัสเซียกำลังยึดครองอยู่

นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค อดีตนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า "โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมโดยสมบูรณ์ เราไม่สามารถจัดการเลือกตั้งภายใต้กฎอัยการศึกได้"

กระแสโต้ทรัมป์จากฝั่งยุโรป

เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาสนับสนุนประธานาธิบดีเซเลนสกี ในการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำยูเครน

เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศสหราชอาณาจักร แสดงการสนับสนุนว่า "การระงับการเลือกตั้งในช่วงสงครามเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับที่สหราชอาณาจักรเคยทำ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 "

ที่แย่กว่านั้นคือ ทรัมป์ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรถึงการตัดสินใจของปูติน ที่สั่งรุกรานยูเครนแม้แต่น้อย .. 

กลายเป็น victim blame โทษแต่เหยื่อฝ่ายเดียว ว่าเป็นฝ่ายไปเริ่มก่อน และไม่ยอมหยุดขัดขืน (ซึ่งจริงๆ คือการปกป้องอธิปไตยของตนเอง) จึงมีคนบาดเจ็บล้มตายนับล้าน 

ปูตินบุกยูเครน โดยอ้างว่าจะกำจัดลัทธินาซี ของรัฐบาลเซเลนสกี และห้ามไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมกับนาโต

ทั้งที่เซเลนสกี จริงๆ แล้วเป็นชาวยิว พรรคของเขาเป็นพรรคสายกลาง และผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของยูเครน ก็มีผู้สมัครกลุ่มขวาจัด ได้คะแนนเสียงเพียง 2% 

แถมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต ระบุในปี 2021 ด้วยว่ายูเครนเป็นเพียง "ผู้สมัคร" ที่อาจเข้าร่วมพันธมิตรในอนาคต แต่ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการ อย่างเป็นทางการใด ๆ

แถมทรัมป์ยังโกหกด้วยว่า ความนิยมของเซเลนสกี ในยูเครน ตอนนี้มีเพียง 4% .. ทั้งที่ผลสำรวจที่จัดทำในเดือนกุมภานี้ พบว่า 57% ของชาวยูเครนให้ความไว้วางใจกับประธานาธิบดี

ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ ขณะลงพื้นที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

(23 ก.พ. 68) ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ ที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ 
ว่า มีความตั้งใจที่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น

‘สว.สงขลา’ ฟันธง!! ระเบิดสนามบินที่นราธิวาส เป็นฝีมือของ ‘บีอาร์เอ็น’ ชี้!! ไม่ต้อนรับ การกลับมาแก้ปัญหาไฟใต้ ของ ‘อดีตนายกรัฐมนตรี’

(23 ก.พ. 68) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยถึงระเบิดแสวงเครื่อง ที่เกิดขึ้นในสนามบินจังหวัดนราธิวาส ก่อนที่ คณะของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางมาถึงประมาณ 50 นาทีว่า ประเด็นที่ 1 เป็นการแสดงออกจาก ขบวนการแบ่งแยกดินบีอาร์เอ็น ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ และไม่ต้อนรับการ เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ บีอาร์เอ็น กล่าวหาว่า เป็นผู้จุดชนวนของไฟใต้ ในครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2547  และเป็นผู้ที่เรียก ขบวนการบีอาร์เอ็นว่าเป็นโจรกระจอก เป็นผู้ยุบ ศอ.บต. และ.พตท. 43  และก่อนหน้านี้ หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปพบกับ นายอันวาร์ อิบราฮิบ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการ ปราบปราม ขบวนการบีอาร์เอ็น ที่มีฐานที่มั่นอยู่ใน รัฐกลันตัน และรัฐตรังตานู ประเทศมาเลเซีย โฆษกบีอาร์เอ็น ก็ออกมา ข่มขู่ว่าหากมีการให้รัฐบาลมาเลเซียเข้ามากดดันบีอาร์เอ็น สถานการการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะรุนแรงมากขึ้น

“เป็นที่น่าสังเกตว่า การวางระเบิดคาร์บอมบ์ ครั้งนี้ บีอาร์เอ็น ต้องการเพียงการแสดงถึงสัญลักษณ์ให้รู้ว่า ไม่ต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นผู้กำกับการดับไฟใต้ คาร์บอมบ์ลูกดังกล่าว จึงเป็นเพียงระเบิดขนาดเล็ก ที่ไม่มี สะเก็ดระเบิด ไม่ต้องการทำลายล้างแต่ต้องการสื่อไปยัง ทักษิณ ชินวัตร และ รัฐลบาลเท่านั้น” นายไชยยงค์ ระบุ

นายไชยยงค์ ระบุว่า ประเด็นที่ 2 ระเบิดแสวงเครื่อง ที่เป็นคาร์บอมบ์ สามารถหลุดรอดจากการตรวจของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นความหย่อนยาน ความบกพร่อง ของท่าอาการยานและหน่วยงานความมั่นคง ที่มีหน้าที่ในการ รักษาความปลอดภัย ที่ปล่อยให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ซึ่งแนวร่วมของบีอาร์เอ็น ได้นำระเบิดแสวงเครื่อง ไปติดตั้งไว้ในขณะที่รถยนต์คันนี้ จอดอยู่นอกพื้นที่ของท่าอากาศยาน ระเบิดที่แนวร่วม นำมาติดตั้งในรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาย จึงเป็นระเบิดขนาดเล็กที่ต้องการให้เกิดเสียงดัง แต่ไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้เจ้าหน้าที่ จึงมีเพียงเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการ หูอื้อ แน่นหน้าอกเพียง 4 ราย

“ถ้าแนวร่วมบีอาร์เอ็น ติดตั้งระเบิดแสวงเครื่อง ที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม และมีการใส่สะเก็ดระเบิด อานุภาพการทำลายล้างก็จะทำให้รถยนต์ที่เป็นคาร์บอมบ์แหลกและต้องมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายหลายคนและต้องมี เจ้าหน้าที่ทั้งท่าอากาศยานและกอ.รมน.ภาค 4 ต้องกลายเป็นเป้าหมายในความสูญเสียที่เกิดขึ้น การวางระเบิดเพื่อต้อนรับ ทักษิณ ชินวัตร และคณะในครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสียงเตือนให้อดีตนายกรัฐมนตรี ถอยจากการเข้ามาวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น” นายไชยยงค์ ระบุ

นายไชยยงค์ ระบุด้วยว่า ประเด็นที่ 3 การเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมี หมุดหมายที่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง เพราะในปี 2547 ที่ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการจับกุม มะแซ อุเซ็ง อดีต เลขาธิการ บีอาร์เอ็น เจ้าของแผน บันได 7 ขั้นได้ที่นี้ โดยยึดเอกสารได้ที่โรงเรียนแห่งนี้ พร้อมทั้งการออกหมายจับนายมะแซ อุเซ็ง ในข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร และแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นโรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ ที่เคยเป็นศูนย์รวมการ แบ่งแยกดินแดน การนัดหมาย พบปะกับผู้นำศาสนา ณ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยาของทักษิณ ชินวัตร จึงมีนัยทางการเมืองของการดับไฟใต้ในครั้งนี้

นายไชยยงค์ ระบุว่า เช่นเดียวกับการเดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เนื่องจากวัดดังกล่าวเจ้าอาวาสซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเจ้าคณะภาค 18 เป็น ที่เคารพของชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่เป็น ศูนย์รวมของพี่น้องชาวไทยพุทธ การเดินทางมานมัสการเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พบพบปะชาวไทยพุทธ จึงเป็นการได้คะแนนเสียงและได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ลั่น!! ‘พรรคประชาชน’ ชนะเลือกตั้งปี 70 ได้แน่ ยัน!! สมัยนี้ ไม่ไปร่วมรัฐบาล ย้ำ!! มีข้อมูลแน่น พร้อมอภิปราย

(23 ก.พ. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมบรรยายในหัวข้อ "การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์" ว่า วันนี้พูดคุยหัวข้อการขับเคลื่อนงานทางการเมือง โดยเฉพาะที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงเตรียมพูดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานทางการเมืองของพรรคประชาชนและผลงานช่วงที่ผ่านมานับจากพรรคก้าวไกลถูกยุบจนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสมาชิกพรรคให้เดินทางต่อ ถึงความคืบหน้าในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าหากเดินหน้าลงมติ จะมีการยื่นร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ  พร้อมกล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก สว.ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหากเป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ชี้ว่ากระบวนการเลือก สว. ครั้งนี้ไม่โปร่งใส

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเผยว่ามีการได้รับข้อมูลจากคนในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อหรือรายละเอียด ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองบุคคลดังกล่าว โดยชี้ประเด็นการอภิปรายไม่มั่นใจไปที่ความไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการแผ่นดิน และรอยร้าวของคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้

ส่วนกรณี 44 สส.ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม นายณัฐพงษ์เปรียบ “หยักไหล่” แล้วเดินหน้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป เชื่อว่าทุกคนไม่มีข้อกังวลใจว่าจะหลุดหรือไม่หลุดจากตำแหน่ง เพราะหากมีความกังวลการเดินหน้างานในสภาผู้แทนราษฎรจะหยุดชะงักลง ทุกการกระทำและการแสดงออกสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้กังวลใจในส่วนนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครจะต้องโดน

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการที่ปรับวิธีการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายของพรรคว่า ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียหลักการ หรือทำให้หลักการน้อยลง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้องทำการบ้านหนักเรื่องการสื่อสารกับฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งในวันอังคารที่ 25 ก.พ.นี้พรรคประชาชนจะเปิดแคมเปญ รับสมัคร สก. เปิดสนามเลือกตั้ง กทม. ส่วนบุคคลที่จะส่งชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย

"เชื่อว่าจุดแข็งของพรรคประชาชนมี สส.ในสภาฯ ทำให้ผลักดันวาระต่างๆได้ พร้อมวิเคราะห์จุดแข็งของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ว่ามีความตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือการแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5" นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาชนยังตั้งใจทำงานในการเลือกตั้งปี 2570 เชื่อว่าชนะการเลือกตั้งได้ ถ้าชนะเลือกตั้งมาแล้วกลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่ไม่สามารถตอบได้แต่หน้าที่ขณะนี้คือเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ โดยหยิบยกคำพูดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล  อดีตเลขาฯพรรคอนาคตใหม่ กล่าวไว้ว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง เพื่อนำใบอนุญาตใบที่1 ในการรัฐบาลให้ได้ก่อน และประกาศชัดเจนในสมัยรัฐบาลชุดนี้ไม่ไปร่วมรัฐบาลแน่นอน

“สิ่งที่เกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศเสียเวลาไปเยอะ โดยเฉพาะการสลับขั้วการเมืองไปมา แต่สิ่งที่จะทำให้ผลักดันนโยบายเชิงโครงสร้างอย่างแรกหนีไม่พ้นการได้เสียงจากประชาชนเกิน 20 นั้นเสียงเพื่อทำให้มีพลังมากพอที่จะผลักดันวาระต่างๆได้ ดังนั้นในสภาสมัยนี้ไม่มีวันไปร่วมรัฐบาลแน่นอน และมั่นใจว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาไม่มีใครย้ายค่าย ตอนที่ยุบพรรคอนาอนาคตใหม่มาก้าวไกลทุกคนมาด้วยกันทุกคน“ นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าอยู่ที่ข้างหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศจุดยืนตัวเองอย่างไร และจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง ยกตัวอย่างครั้งหน้าว่าหากจำเป็นต้องจับมือกับพรรคร่วม ต้องลงนามMOU การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอยู่ในวาระตกลง  ส่วนโอกาสการยุบสภานั้นชี้ว่าอยู่ที่รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลเอง หากเกิดเอ็กซิเดนท์ทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสยุบสภาสูง

ช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ ได้เปิดใจถึงเรื่องส่วนตัวแบบไม่เคยพูดที่ไหน  ยอมรับว่าเป็นคนพูดน้อย เซฟโซนที่สุดคืออยู่บ้าน กับครอบครัว กับภรรยา อยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ได้พูดอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ตอนที่มีชื่อเสนอเป็นหัวหน้าพรรค ก็ปรึกษาภรรยา ภรรยาก็บอกว่าทำได้ วันหนึ่งถ้าไม่รับอาจจะเสียใจหรือไม่

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า ตนและภรรยายังไม่อยากมีลูก เพราะคุยกับภรรยาแล้วว่ามีแล้ว ในสังคมของเรา ถือว่ามีแล้วลำบาก ไม่ใช่เพราะฐานะเราไม่สามารถมีได้ แต่ไม่อยากส่งลูกไปเรียนพิเศษ อยากให้ใช้ชีวิตธรรมดา เพราะเราเองก็เรียนโรงเรียนรัฐบาล อยากให้มีสังคมตามความเป็นอยู่ที่แท้จริง

นอกจากนี้ สส.กทม.พรรคประชาชน ยังอัพเดทงานช่วง 1 ปีครึ่ง นำโดยนางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, นายภูริวรรธก์ ใจสําราญ, นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ และนางสาวรักชนก ศรีนอก เช่น การขับเคลื่อนแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 ที่เคยเสนอญัตติด่วนเพื่อเสนแแนะแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาลแล้ว ,ปัญหาเรื่องผังเมืองสืบเนื่องถึงปัญหาการจราจรติดจัด ที่หารือสำนักจราจร กทม. ซึ่งหวังว่าจะมีการนำระบบ AI มาใช้แก้ปัญหา และเสนอการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาโดยตรง 

‘มือมีด’ ไล่แทงผู้คน!! ในฝรั่งเศส พร้อมตะโกนสรรเสริญ ‘อัลเลาะห์’ ‘มาครง’ ออกประณาม!! เป็นการกระทำของ ‘ผู้ก่อการร้ายอิสลาม’

(23 ก.พ. 68) เกิดเหตุชายคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนในเมืองมูว์ลูซ ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 2 นาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ชายคนร้ายขณะใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คน ได้ตะโกนสรรเสริญอัลเลาะห์ว่า อัลลอหุอักบัร หรืออัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ ระหว่างเกิดเหตได้มีพลเรือนเป็นชาวโปรตุเกส อายุ 69 ปี พยายามเข้ามาขัดขวางชายคนร้าย ก่อนถูกแทงเสียชีวิต ส่วนตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุถูกแทงได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ก่อนที่จะจับกุมชายคนร้ายเอาไว้ได้ ซึ่งจากการสอบสวน พบว่า เป็นชาวแอลจีเรียอพยพ อายุ 37 ปี ไม่พอใจที่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับการอพยพลี้ภัย และพยายามผลักดันให้เขาออกนอกประเทศ

ภายหลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งกล่าวระบุด้วยว่า เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายอิสลาม (Islamic terror act.) เมื่อพิจารณาคำพูดของผู้ก่อการร้ายขณะก่อเหตุ

พรรคประชาธิปัตย์ จัดเดโมแครต ฟอรัมครั้งที่4 “วาระนโยบายน้ำ ก้าวใหม่ประปาหมู่บ้าน” หวังยกระดับคุณภาพน้ำสะอาดเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนกว่า6หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ

“การสุ่มเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน ตั้งแต่ปี 2562-2567 จำนวน 10,271 แห่งพบว่ามีเพียง 420 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 เท่านั้นที่ผ่านการรับรองเป็นน้ำประปาหมู่บ้านสะอาด”

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่าดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์สั่งการให้จัดเดโมแครต ฟอรัมครั้งที่4 หัวข้อ
“วาระนโยบายน้ำ ก้าวใหม่ประปาหมู่บ้าน“โดยตั้งเป้ายกระดับคุณภาพน้ำเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เวลา 9.00-12.00 น.โดยมีนาย เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานจัดงาน เดโมแครต ฟอรัม(Democrat Forum)กล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580)แต่ที่ผ่านมายังประสบกับปัญหาคุณภาพน้ำประปาไม่ได้มาตรฐาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของน้ำประปาหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ประชาชนใช้มากที่สุด ข้อมูลจากกรมอนามัยในการสุ่มเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน ตั้งแต่ปี 2561-2567 จำนวน 10,271 แห่ง พบว่า มีเพียง 420 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 เท่านั้น ที่ผ่านการรับรองเป็นน้ำประปาหมู่บ้านสะอาด ที่มีความปลอดภัยสำหรับนำมาบริโภคในครัวเรือน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้ำประปาในเขตเมือง และปัญหาสำคัญ คือ ยังขาดความครอบคลุมในการตรวจวิเคราะห์เพื่อประเมินคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน อันเนื่องมาจากขาดงบประมาณดำเนินการ ซึ่งทั้งประเทศมีประปาหมู่บ้าน ทั้งหมด 69,028 แห่ง

“ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และนาย
เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญใน

การพัฒนายกระดับคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านซึ่งจะทำให้สุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนกว่า6หมื่นหมู่บ้านดีขึ้นและยังเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาชุมชนและประเทศอย่างยั่งยืนสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายที่6 (Sustainable Development Goal: SDG6) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)กำหนดให้ทุกคนเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยโดยการสัมมนาครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายและแผนปฏิบัติการเร่งด่วนของพรรคประชาธิปัตย์จึงขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว”

‘ยิว’ เข้ายึด!! ‘ปาย’ เพราะ ‘ไกลปืนเที่ยง - ค่าครองชีพถูก’ ปลอดผู้มีอิทธิพล!! เจรจาง่าย ถ้าได้ผลประโยชน์ที่ลงตัว

(24 ก.พ. 68) เมื่อเอย่าไปหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกยิวที่เข้ามายึดเมืองปายในบทความที่แล้วก็ทำให้เอย่าได้พบกับเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชาวยิวถึงเลือกจะมาสร้างชุมชนที่เมืองปาย ซึ่งหลายเหตุผลที่เอย่าได้มาเป็นอะไรที่น่าสนใจมากจนเอย่าต้องมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกัน

ประการแรกคือ  ปายเป็นเมืองไกลปืนเที่ยง แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบไปกลับเพราะความเจริญในปายยังมีน้อยหากเทียบกับเชียงใหม่หรือเชียงราย  อีกทั้งหน่วยราชการเป็นหน่วยเล็กๆสามารถใช้เงินเพื่ออำนวยความสะดวกได้ไม่ยากและคงไม่มีใครมาตรวจสอบ

ประการที่สอง คนที่อยู่ปายจริงๆจะเป็นคนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย  และสามารถเจรจาได้ง่ายหากมีผลประโยชน์ลงตัว

ประการที่ 3 ปายมีศาสนาหลักคือพุทธ แม้จะมีชุมชนมุสลิมอยู่แต่ก็เป็นชุมชนเล็กๆที่รักสงบ

ประการที่ 4 ค่าครองชีพในปายถือว่าถูกมากๆหากเทียบกับเมืองที่มีชาวต่างชาติเข้าไปตั้งรกรากเพื่อทำธุรกิจ

ประการที่ 5 ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นส่วนที่ชาวต่างชาติต้องการและนั่นเองคือสิ่งที่ชาวยิวมองเห็น

ประการที่ 6 ปายยังเป็นดินแดนปลอดผู้มีอิทธิพลและต่อให้มีผู้มีอิทธิพลก็มีจำนวนน้อย ซึ่งชาวยิวส่วนใหญ่มีเงินสามารถซื้อคนเหล่านี้ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้แก่ผู้มีอิทธิพลหลายคน หลายส่วนหากเทียบกับในเมืองใหญ่

เหตุผลที่กล่าวมา 6 ข้อนี้เป็นอะไรที่น่าคิดเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องขอบคุณที่ปายมีชุมชนที่แข็งแกร่งผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งชาวยิวเหล่านี้ไม่มีกลุ่มการเมืองหนุนหลังในไทยที่ส่งผลให้การจัดการยุ่งยากมากขึ้น ก็หวังว่าปัญหาชาวยิวยึดเมืองปายนี้จะถูกแก้ไขได้ในเร็ววัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top