Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

‘นายกสมาคมโรงแรมไทย’ เผย อัตราเข้าพักพุ่ง 85-90% อานิสงส์หยุดยาว หนุนท่องเที่ยว-เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง

(29 ก.ค. 66) นายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า การมีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 6 วัน ถือเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ดีมาก เนื่องจากจะมีวันเที่ยวมากกว่าเดิม และยังแบ่งวันพักผ่อนได้ด้วย โดยแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวระยะใกล้กรุงเทพฯ ถือว่าได้รับอานิสงส์เชิงบวกสูงกว่าในภาพรวม อาทิ พัทยา ที่มียอดจองเข้ามาหนาตามากในวันที่ 28-29 กรกฎาคมนี้ ส่วนวันที่เหลือก็เป็นการจองด่วนที่ปรับขึ้นได้ดี คือ เป็นการเข้าพักวันนี้และจองวันนี้ทันที ไม่ได้เป็นการจองล่วงหน้าเหมือนเดิมแล้ว สาเหตุก็เป็นเพราะการประกาศวันหยุดที่มีเวลาเตรียมตัวไม่นาน ทำให้ประชาชนที่ต้องการเที่ยวต้องตัดสินใจแบบเร่งด่วนกว่าเดิม

“เดิมช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นวันหยุดยาวอยู่แล้ว แต่พอมีการประกาศวันหยุดเพิ่มเป็นวันที่ 31 กรกฎาคมเข้ามา ก็ทำให้มีวันหยุดยาวมากขึ้นไปอีก จากที่อัตราการเข้าพักก็วิ่งกันอยู่ประมาณ 60-70% พอมีวันหยุดเพิ่มก็ดันอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นถึง 85-90% แต่วันที่ 30 กรกฎาคม ก็จะปรับลดลงบ้าง เพราะมีการทยอยกลับในกลุ่มที่บริษัทไม่ได้นับวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นวันหยุดพิเศษเพิ่มให้ โดยในกลุ่มจังหวัดระยะใกล้ก็ได้อานิสงส์มากขึ้นกว่าภาพรวม เพราะใกล้กรุงเทพฯ พฤติกรรมของคนในจังหวัดนี้จะตัดสินใจเร็ว อย่างตอนเช้าอยากเที่ยว ก็ออกเดินทางทันที” นายสรรเพ็ชร กล่าว

นายสรรเพ็ชร กล่าวว่า ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลซ์ซีซัน) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน อัตราการเข้าพักวิ่งอยู่ประมาณ 40-50% แต่ก็มีบางโรงแรมที่มีฐานลูกค้าเฉพาะตัว อาทิ นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีงานเลี้ยง หรือเป็นลูกค้าหน่วยงานรัฐ ก็จะมีอัตราการเข้าพักวิ่งได้ดีกว่า ซึ่งหากประเมินในภาพรวมก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบมากมายนัก ทั้งนี้ ยืนยันว่าราคาห้องพักในโรงแรมยังไม่มีการปรับตัวขึ้น เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยมากๆ มีความต้องการ (ดีมานด์) ฟื้นตัวแบบชัดเจน จึงยังไม่ได้ขายในราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นมาเหมือนช่วงหน้าหนาว ราคายังสามารถจับต้องได้อยู่

นายสรรเพ็ชร กล่าวว่า แนวโน้มตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป คาดการณ์อัตราการเข้าพักจะดีขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเที่ยวไทย ปะปนกับไทยเที่ยวไทยได้มากปกติ รวมถึงเป็นช่วงปิดภาคเรียนของหลายประเทศทั่วโลก และปิดงบหน่วยงานของรัฐ จึงจะมีฐานลูกค้าเหล่านี้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้บริการโรงแรมในภาคตะวันออกได้มากกว่าเดิม อาทิ พัทยา หัวหิน โดยประเมินสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมากกว่าคนไทยในช่วงสิ้นปี 2566 ที่เป็นไฮซีซันของต่างชาติเที่ยวไทยแบบชัดเจน

‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เผย ‘เพนกวิน’ บวชเงียบที่เชียงใหม่ หลัง ‘พระไมค์ ระยอง’ เข้าพิธีอุปสมบทไปเดือน มิ.ย.

(29 ก.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ ‘เพนกวิน’ แกนนำม็อบสามนิ้ว ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เข้าพิธีอุปสมบทแล้วเมื่อเช้าวันนี้ แต่ไม่เปิดเผยสถานที่ โดยระบุข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

“อนุโมทนา สาธุ ‘พระเขมปัญโญ เพนกวิน’ ขอสว่างในธรรม สงบในใจ สง่าในชีวิต ตลอดกาล”

ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ขออนุโมทนา ลูกแม่บวชที่วัดผาลาด เชียงใหม่”

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าพิธีอุปสมบทแต่อย่างใด ในขณะที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ‘ไมค์ ระยอง’ เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่วัดบ้านฉาง จ.ระยอง

โดยพระไมค์ ระยอง โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่า ครบกำหนดบวช 15 วันของการบรรพชาที่อาตมาตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น แต่ด้วยความอยากปฏิบัติศาสนกิจ อาตมาจึงขออยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ต่อไป

‘ไอซ์ ปรีชญา’ เปิดใจ!! หลังผ่านพ้นช่วงมรสุมชีวิต เผย ความสุขตอนนี้ คือการทำงาน พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกคน

(29 ก.ค. 66) ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับนางเอกสาว ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’ ที่เรียกได้ว่า เจอมรสุมชีวิตอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา... ทั้งเรื่องข่าวเกี่ยวกับสารไซยาไนด์ จนถูกยกเลิกงานหลายงาน ความรักมีปัญหา อีกทั้งเจอความเครียดสะสมคุณพ่อป่วย และเพิ่งทราบว่าแม่คุณป่วยเป็นมะเร็งตับ จนเกิดวูบหมดสติ หามตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน!!

ล่าสุด ไอซ์ ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรก หลังป่วยเข้าโรงพยาบาล ว่า “สภาพจิตใจดีขึ้นในระดับหนึ่ง ดีขึ้นจากกำลังใจหลายๆ ฝ่าย คุณพ่อคุณแม่ เพื่อน แฟนคลับ ทำให้ไอซ์ใจฟูขึ้นเยอะ มีพูดคุยกับคุณหมอ ก็ดูแลกันอยู่ติดตามในเรื่องสุขภาพและจิตใจ พักผ่อน การทานอาหาร เรื่องความเครียดที่สะสม

เวลาที่เครียดเยอะๆ ก็จะนอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ได้ เลยทำให้วูบ ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าวิกฤตแล้ว เพราะเจอปัญหาจากหลายด้าน ทำให้นอนไม่หลับ วันที่เกิดเหตุทำให้วูบ คือ วันนั้นเครียดมาก ไปฟื้นอีกทีรู้ตัวว่าอยู่โรงพยาบาลแล้ว ก็งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอบอกว่าอาจจะเกิดจากความเพลียของเราที่มีมากเกินไป บวกกับเราเป็นความดันต่ำอยู่แล้ว

สำหรับเรื่องที่หลายคนคิดว่าไอซ์จะทำร้ายตัวเอง ยืนยันไม่ใช่ ไม่ถึงขนาดนั้น เป็นความเครียด ส่วนยาคือทานปกติอยู่แล้ว ไอซ์ขอบคุณมาก ที่เข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก อ่านทุกคอมเมนต์ ดีใจ เข้าใจว่าไอซ์ว่าเราเป็นอะไร เรียกว่าดิ่งที่สุดในชีวิต ทุกอย่างโถมเข้ามาในชีวิต

ตอนนี้เริ่มกลับมาแล้ว คนแรกที่ถึงโรงพยาบาล คือ เพื่อน น้ำชา จับมือไอซ์คนแรก ที่โรงพยาบาล เริ่มจากเครียดเรื่องข่าวที่เป็นคดีความ ซึ่งเรื่องนั้นก็จบไปแล้ว เรื่องงาน ปัญหาเรื่องคุณแม่ไม่สบาย เป็นช่วงที่ใช้เงินเก็บ คุณพ่อผ่าตัดใช้เงินรักษาเก็บส่วนตัว

ตอนนั้นปัญหามันเยอะมาก ไม่กล้าปรึกษาใคร ไม่กล้าปรึกษาคุณแม่ เพราะพ่อแม่ก็ไม่สบายด้วย  ไอซ์เป็นคนไม่ค่อยพูด พูดน้อย เราไม่อยากเอาปัญหาไปปรึกษาใคร กลัวเขาเครียดไปด้วย ค่าใช้จ่ายเงินที่หายไปประมาณหลักล้าน 3-5 ล้าน ส่วนใหญ่เป็นค่ารักษาทั้งหมด มีช่วงเครียดหนักไม่ดูโซเชียลเลย ก็ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเราก็ทำงานตรงนี้ด้วย

ความสุขของไอซ์ตอนนี้ คือการทำงาน ก็จะได้มีการแอคทีฟด้วย ก็อยากให้กำลังใจทุกคนด้วย ตอนนี้พยายามนอนเยอะๆ ทานอาหารเยอะๆ ผอมลงประมาณ 5 กิโลกรัม 1 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทำงาน ทำได้หมดทุกอย่าง”

สุดทันสมัย!! ‘รถไฟไทยทำ’ ผลสำเร็จโครงการพัฒนารถไฟต้นแบบ พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง ดันเศรษฐกิจโตก้าวกระโดด

(29 ก.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่เพียงแต่เดินหน้าโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อยกระดับเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังมุ่งมั่นผลักดันนโยบาย ‘Thai First’ ของรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางของประเทศที่ต้องการให้มีตัวรถไฟที่จะมีการซื้อ-ขาย ในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้ต้องมีส่วนประกอบหรือชิ้นส่วนผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า 40% จากเดิมที่มีการนำเข้าสินค้าประเภทตัวรถไฟและส่วนประกอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึง 2561 มีมูลค่าสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของสินค้าทุกประเภทในระบบราง

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้ไปอีก 20 ปี จะมีความต้องการตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 2,425 ตู้ จากการเพิ่มขึ้นของทางรถไฟที่รัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารถไฟต่อตู้ เฉลี่ยตู้ละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าสำหรับตลาดการผลิตตู้รถไฟโดยสารประมาณ 100,000 ล้านบาท

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เป็นการสนับสนุนภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปยังหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้การกำกับของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่มีภารกิจในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์

“โครงการวิจัยและพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ) โดยสำนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข. เพื่อพัฒนาตู้รถไฟโดยสารต้นแบบที่เน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีรายงานความคืบหน้าล่าสุดสามารถประกอบตัวรถไฟที่มีชิ้นส่วนภายในประเทศได้เป็นครั้งแรก คิดเป็น 44.1% ของมูลค่าสินค้ากรณีรวมแคร่รถไฟ และหากคิดเฉพาะตู้รถโดยสารพร้อมอุปกรณ์ประกอบไม่รวมแคร่รถไฟจะมีมูลค่า local content ถึง 76%” น.ส. ทิพานัน กล่าว

ทั้งนี้ ตัวรถออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สคลาสในรถไฟความเร็วสูง มีที่นั่งจำนวน 25 ที่นั่ง ประกอบด้วยชั้น Super Luxury 8 ที่นั่ง และชั้น Luxury 17 ที่นั่ง ทุกที่นั่งมีจอภาพส่วนตัวสำหรับให้บริการด้านความบันเทิงและสั่งอาหาร ซึ่งจะมีพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์นำอาหารมาส่งถึงที่นั่ง จุดเด่นของรถขบวนชุดนี้ยังเป็นขบวนที่มีความเงียบ เนื่องจากไม่มีตัวเครื่องยนต์ปั่นไฟในตัวรถ

นอกจากนี้ ยังมีระบบห้องน้ำสุญญากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักที่เบาลง จากการออกแบบด้วยระบบ Space Frame Modular Concept และแคร่รถไฟที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งได้มีการจดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากโครงการแล้วจำนวน 7 ผลงาน ขณะนี้อยู่ในขั้นของการทดสอบบนทางรถไฟจริง สำหรับการให้บริการ หากผ่านการทดสอบตรงนี้แล้วก็จะสามารถนำไปใช้จริงได้

“พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ผลักดันให้โครงการสำเร็จ ถือเป็นภาคภูมิใจในองค์ความรู้และความสามารถของคนไทยไม่ด้อยไปกว่าชาติใด ซึ่งความสำเร็จของโครงการนี้จะช่วยให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ยกระดับการเดินทางที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัยและปลอดภัยในระดับสากล รองรับการแข่งขันและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นผู้นำที่พลิกโฉมยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของไทยในทุกมิติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

โกดังพลุระเบิด จ.นราธิวาส ดับ 9 บาดเจ็บนับ 100 ราย บ้านเรือนพังยับ ผู้ว่าฯ-จนท.เร่งเปิดศูนย์ช่วยเหลือ ปชช.

จากกรณี เกิดเหตุโกดังเก็บพลุระเบิด ในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ล่าสุดยอดเสียชีวิต 9 คน ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 106 คน บาดเจ็บสาหัส 15 คน ส่วนสาเหตุ คาดว่าเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังเก็บประทัด แล้วเปลวไฟได้กระเด็นไปติดกล่องกระดาษเก็บดอกไม้เพลิง

(30 ก.ค. 66) ความคืบหน้าเหตุโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิดในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ระเบิด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบ้านเรือนเสียหายกว่า 200 หลัง ซึ่งชาวบ้านในที่เกิดเหตุบอกว่าเคยแจ้งเตือนผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการเก็บพลุดอกไม้ไฟในชุมชนแต่กลับถูกเพิกเฉยจนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่

ชาวบ้านหลายครอบครัวในพื้นที่หมู่ 1 ต.มูโนะ ซึ่งอยู่ในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิด ต้องอาศัยแสงสว่างจากแสงเทียนเพื่อใช้ชีวิตยามค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความรุนแรงจากเหตุระเบิดนอกจากทำให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหายราบเป็นหน้ากลองเป็นวงกว้างแล้ว แต่พื้นที่ชุมชนซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางจุดเกิดเหตุหลายร้อยเมตรก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ระบบไฟฟ้ายังใช้ไม่ได้ชาวบ้านต้องอยู่อาศัยในความมืดมิด ท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เสียหายเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว

โดยหนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ติดกับโกดังเก็บดอกไม้ไฟบอกว่าบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด ภรรยาและลูกๆ แทบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยแจ้งเตือนผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการเก็บพลุดอกไม้ไฟในชุมชนแต่กลับถูกเพิกเฉยจนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ จึงเรียกร้องให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้

สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างเบื้องต้นได้รับความเสียหายหนักอย่างน้อย 200 หลังคาเรือน

ทั้งนี้ ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงค้นหาผู้สูญหาย และเก็บหลักฐาน จากเหตุการณ์โกดังพลุดอกไม้ไฟระเบิดระเบิด เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านจำนวนหลายร้อยคน บ้านเรือนได้รับความเสียหายเบื้องต้น 200 หลัง ในพื้นที่รอบระยะ 500 เมตรได้รับความเสียหายหนัก

นายนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสสั่งการตั้งศูนย์พักพิงให้กับผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมจัดโรงครัวพระราชทานและทหารจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุ โดยเฉพาะ อาหาร น้ำดื่ม และที่พักอาศัย โดยใช้พื้นที่สนามกีฬาเทศบาลมูโนะเป็น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุพลุไฟระเบิด เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว

สำหรับความเสียหายในขณะนี้ ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 106 คน หลังได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นสามารถกลับบ้านได้ และบาดเจ็บสาหัส 15 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตนับถึงเวลาเที่ยงคืนวานนี้เพิ่มขึ้นเป็น 9 คนแล้ว เป็น ชาย 7 คน เด็กชาย 1 คน เด็กหญิง 1 คน

พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผย เบื้องต้นทราบแล้วสาเหตุคาดว่าเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังเก็บประทัด แล้วเปลวไฟได้กระเด็นไปติดกล่องกระดาษเก็บดอกไม้เพลิง ที่ตั้งกองสุมไว้เป็นกองใหญ่ จนเกิดระเบิดขึ้น

และคาดว่าช่างที่เข้าต่อเติมโกดังในครั้งนี้ มีทั้งหมด 5 คน เสียชีวิตทันที ส่วนรายละเอียดคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดของเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความประมาทของผู้ใด มีการตรวจสอบการเก็บประทัดเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และจากการสอบสวนในเบื้องต้นยังทราบว่าระหว่างเกิดเหตุเจ้าของโกดัง ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว จึงพาสมาชิกในครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุโกดังเก็บประทัดในตลาดมูโนะครั้งนี้ ถือว่ามีความรุนแรงมากเพราะแรงระเบิดส่งผลให้ตลาดมูโนะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าชายแดนแหล่งใหญ่ที่สุดของอำเภอสุไหงโก-ลก ได้รับความเสียหายบ้านเรือนและร้านค้าถูกแรงระเบิดจนกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง เป็นที่เศร้าสลดของประชาชนในพื้นที่ หลังจากเพิ่งฟื้นตัวจากอุทกภัยครั้งใหญ่ช่วงปลายปี 2565

สมุทรปราการ-“พสกนิกรชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ และ “ชุมชนสถาบันราชประชาสมาสัย” ร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในหลวง ร.10

โดยชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ ร่วมกับ พสกนิกรชาวชุมชนหมู่ 7 สถาบันราชประชาสมาสัย ศาลปู่เจ้าสมิงพราย และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้ง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

 โดยมี ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย เป็นประธานในพิธี นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มหน้าพระฉายาลักษณ์และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ จากนั้น ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย กล่าวถวายพระพรสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมีทางคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล นายประเทือง แซ่เอี๊ย ประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นายยุทธพิชัย กังวานสิทธิ์ ประธานชุมชน ม.7 สถาบันราชประชาสมาสัย นายเส่ย แซ่ตั้ง ประธานศาลปู่เจ้าสมิงพราย นางสาวทัศนีย์ ศรศิริ ประธานศูนย์ช่วยเหลือสังคม ต.บางหญ้าแพรก นายสำเริง อัมระนันท์ รองประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นายบุญช่วย ทองเอี่ยม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นางยุวดี นิลกมล ประธานกองทุนหมู่บ้าน นำผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ที่พักรักษาตัวอยู่ในสถาบันราชประชาสมาสัย ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยภายในพิธีมีการแสดงรํานาฏศิลป์ การแสดงของกลุ่มวัฒนธรรมอำเภอเมือง และการจุดพลุมหามงคล เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 นอกจากนี้ ภายในงาน ทางผู้นำชุมชนหมู่ 7 สถาบันราชประชาสมาสัย ได้นำอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม มาจัดตั้งโรงทานเพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมในพิธีได้รับประทานฟรีกันอีกด้วย โดยทุกคนต่างน้อมรำลึกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘นิด้าโพล’ ชี้!! ‘ก้าวไกล’ เดินเกมพลาด จนชวดตั้งรัฐบาล เพราะไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย-ประมาทเสนอ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

(30 ก.ค. 66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘ความผิดพลาดของพรรคก้าวไกล’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับข้อผิดพลาดของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อผิดพลาดของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 42.98 ระบุว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย เพื่อให้ได้การสนับสนุนเพิ่มขึ้น รองลงมา ร้อยละ 30.46 ระบุว่า พรรคก้าวไกล ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ทั้งนั้น ร้อยละ 27.56 ระบุว่า พรรคก้าวไกลสู้เกมการเมืองในสภาไม่ได้ ร้อยละ 11.68 ระบุว่า พรรคก้าวไกลทำตัวปิดกั้นตัวเอง ทำให้ไม่ค่อยมีพันธมิตรทางการเมือง ร้อยละ 10.23 ระบุว่า พรรคก้าวไกลไม่เข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นจริงทางการเมืองแบบไทย ๆ

ร้อยละ 9.54 ระบุว่า พรรคก้าวไกลประมาทในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่พรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) ร้อยละ 7.94 ระบุว่า พรรคก้าวไกลสร้างศัตรูทางการเมืองไว้มากในช่วงที่ผ่านมา ร้อยละ 7.86 ระบุว่า ปัญหาจากพฤติกรรมของแฟนคลับ พรรคก้าวไกลทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนในรัฐสภา ร้อยละ 7.56 ระบุว่า พรรคก้าวไกลฟังแฟนคลับของตนเองมากเกินไป ร้อยละ 6.11 ระบุว่า พรรคก้าวไกลหลงไปกับตัวเลข 14 ล้านเสียง และ 151 สส. มากเกินไป ร้อยละ 5.88 ระบุว่า กุนซือ นักวิชาการของพรรคก้าวไกลที่อยู่นอกพรรคฯ ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง หากพรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.19 ระบุว่า จะมีการชุมนุมใหญ่แต่จะสามารถควบคุมได้ รองลงมา ร้อยละ 24.81 ระบุว่า จะมีการชุมนุมเพียงเล็กน้อยและสามารถควบคุมได้ ร้อยละ 23.66 ระบุว่า จะมีการชุมนุมใหญ่และไม่สามารถควบคุมได้ ร้อยละ 11.99 ระบุว่า จะไม่มีการชุมนุมใด ๆ ร้อยละ 2.90 ระบุว่า จะมีการชุมนุมเพียงเล็กน้อยแต่จะไม่สามารถควบคุมได้ และร้อยละ 1.45 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีพรรคการเมืองใหม่ที่มีลักษณะบุคลากรและวิธีการดำเนินการทางการเมืองคล้ายกับพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น แต่มีความประนีประนอมมากกว่า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.88 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ รองลงมา ร้อยละ 33.89 ระบุว่า เป็นไปได้มาก ร้อยละ 19.54 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย ร้อยละ 9.62 ระบุว่า เป็นไปไม่ค่อยได้ และร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

แฟนคลับฟิน!! ‘พิธา-แอฟ ทักษอร’ โผล่ตัดผมร้านเดียวกัน ชาวเน็ตตาดี ส่องเสื้อที่เจ้าของร้านใส่เป็นตัวเดียวกันเป๊ะ

(30 ก.ค. 66) ทำชาวเน็ตมโนอีกรอบ หลังจากที่ปรากฏภาพ ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไปตัดผมร้านชื่อดังที่คนบันเทิงชอบใช้บริการ โดยเป็นร้านเดียวกับ ‘แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ ซึ่งเจ้าของร้านตัดผมดังกล่าว ได้เผยภาพคู่กับทิม พิธา พร้อมข้อความว่า “เป็นเกียรตินะครับ” และก่อนหน้านี้ก็ได้โพสต์ภาพคู่ ‘แอฟ ทักษอร’ ระบุว่า “สวยมากครับ”

โดยชาวเน็ตพุ่งเป้าไปที่เสื้อเจ้าของร้านว่าเป็นตัวเดียวกันเป๊ะ!! ทำเอฟซีแห่ถามกันกระจายว่าทั้งคู่มาด้วยกันหรือไม่ งานนี้เอฟซีที่เชียร์ทั้งคู่ให้ลงเอยต่างก็ฟินไปตามๆ กัน

แฟนคลับกรี๊ด!! ‘หน่อง ปลื้มจิตร์’ โพสต์ภาพร่วมเฟรม ‘คิม ยอน คยอง’  พร้อมแคปชัน “พบปะเพื่อนร่วมสาย” กระชับสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 66 เป็นที่รักของแฟนๆ วอลเลย์บอลทั่วโลกจริงๆ สำหรับ ‘คิม ยอน คยอง’ (Kim Yeon Koung) อดีตหัวเสาตัวแบกของทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ตอนนี้แม้จะวางมือจากทีมชาติไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นเธอเฉิดฉายไม่เปลี่ยนในลีกในประเทศ

แต่ด้วยความที่ไม่ได้เล่นให้ทีมชาติอีกแล้ว ทำให้แฟนๆ กีฬาชาวไทยแอบผิดหวังว่าจะไม่ได้เจอ คิม ในฐานะนักกีฬาอีกแล้ว แต่กระนั้น คิม ก็ยังคัมแบ็กทีมชาติอีกครั้ง ในรอบ 2 ปี แต่เป็นการกลับมาในฐานะที่ปรึกษาทีมวอลเลย์บอลหญิง ซึ่งจะคอยให้คำปรึกษาน้องในทีม แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยเรื่องการฝึกซ้อมแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่น่าจับตาก่อนหน้านี้ก็คือ ‘นุศรา ต้อมคำ’ อดีตมือเซตเบอร์หนึ่ง ได้อัลฟอลโลอินสตาแกรมของ คิม ยอน คยอง ซึ่งทำให้แฟนวอลเลย์บอลใจหายความว่าสัมพันธ์ในวงการวอลเลย์บอลไทย-เกาหลีใต้ยังดีอยู่หรือไม่

ก่อนที่ ‘ซาร่า นุศรา ต้อมคำ’ จะออกมาอธิบายว่า ความสัมพันธ์ที่เคยดีต่อกันระหว่างตัวเธอกับคิมได้ยุติลงแล้ว ส่วนการอันฟอลโลอินสตาแกรม ก็เพื่อประกาศความชัดเจน แต่ไม่ขอพูดถึงสาเหตุที่เลิกกัน ส่วนที่ออกมาชี้แจงเพราะต้องการหยุดกระแสในสื่อโซเชียลที่เริ่มไปไกลเกินจริงแล้ว โดยเฉพาะการพาดพิงไปยังบุคคลอื่นๆ

ล่าสุด ‘หน่อง ปลื้มจิตร์ ถินขาว’ ได้ลงภาพที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อยในโลกออนไลน์ ซึ่งตำนาน บอลเร็ว NO.5 ทีมชาติไทยได้โพสต์ภาพของเพื่อนๆ ร่วมทีมชาติและที่สะดุดตาที่สุดก็คือ มีคิมอยู่ในนั้นด้วย

พร้อมกันนี้ หน่อง ปลื้มจิตร์ ยังได้เขียนแคปชันด้วยว่า “พบปะเพื่อนร่วมสาย” ซึ่งแม้ไม่ชัดเจนว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นที่ใด แต่แฟนๆ วอลเลย์บอลก็แอบลุ้นไม่ได้ว่า เร็วๆ นี้วอลเลย์บอลทั้งไทยและเกาหลีใต้จะมีโปรเจกต์อะไรร่วมกันหรือไม่

‘บิ๊กป้อม’ เสียใจ เหตุโรงงานประทัดระเบิด ที่ จ.นราธิวาส ส่ง สส.พปชร ลงพื้นที่ดูแล-บรรเทาความเดือดร้อน ปชช.

(30 ก.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนชาว ตำบลมูโน๊ะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส จากอุบัติเหตุโรงงานประทัดระเบิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมถึงบ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายในวงกว้าง

โดยมอบหมายให้นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ลงพื้นที่เปิดครัว และที่พักชั่วคราว พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการให้ความช่วยเหลือและดูแลพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น นอกจากนั้นในฐานะรองนายกดูแลด้านความมั่นคง ได้สั่งการลงในพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โดยด่วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top