Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทขอรับได้ภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต มีผลบังคับใช้ทันที

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทได้ 3,000 บาท จาก พม.ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรได้ทุกคนที่เป็นคนไทย ขอรับภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต

(28 ก.ค. 66) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะได้รับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.) อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2.) สัญชาติไทย
3.) ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

'ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ในประกาศนี้รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์

การยื่นคําขอเพื่อขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต

ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้ยื่นคําขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องยื่นคําขอภายในกําหนด 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้

1.) ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
2.) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3)
3.) บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย
4.) สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ
5.) หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ขอรับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ จำนวน 93,127 ราย เป็นเงิน 279.38 ล้านบาท

“เทศบาลตำบลเทพารักษ์” ร่วมเทิดพระเกียรติทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในโดมสวนสาธารณะเทศบาลตำบลเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ ประธานในพิธี นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 

โดยมี นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี นายนันทสิทธิ์ พรหมฤทธิ์ รองนายกเทศมนตรี นางสาวปราณี นาคคำ ปลัดเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมในพิธี โดยได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์จำนวน 10 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะนำพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมือง สมุทรปราการ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ นำคณะผู้บริหารท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ สภ.สำโรงเหนือ สภ.บางปู คณะแม่บ้านมหาดไทย และประชาชนจิตอาสา จำนวนกว่า 300 คน ร่วมในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ โดยการทำความสะอาดกวาดพื้นและพัฒนาบริเวณพื้นที่โดยรอบภายในเขตพื้นที่เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ และคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฏาคม 2566 อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียวและร่วมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ลดปัญหาสภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66  นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน  นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้  ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ  พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์  สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก

ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งหลอกทำงานออนไลน์อ้างแพลตฟอร์มดัง พบเหยื่อเพียบกว่า 50 ราย เสียหายกว่า 20 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากผู้เสียหายจำนวนมาก ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า ผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง และต้องโอนเงินตามแพกเกจ จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป
10-20% โดยในช่วงแรกๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว จะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่างๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายในขบวนการได้เพิ่มเติม ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอปพลิเคชันอื่นด้วย โดยคดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนว่า นายมาวิน อายุ 23 ปี บุคคลตามหมายจับ พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบชายที่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงกับนายมาวิน อยู่บริเวณชั้น 3 อาคารศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมทั้งแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งนายมาวิน ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยนายมาวินให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนได้ขายบัญชีให้กับกลุ่มคนร้ายจริง จำนวน 2 บัญชี ได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ประชา หงส์พูนพิพัฒน์ , พ.ต.ท.วีระ หอมเย็น รอง ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สั่งการ พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา, พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.ฯ กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #CyberPolice #จับกุม #หลอกทำงานออนไลน์ #ฉ้อโกง

DSI จับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ DCHL

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว จับกุม นางธิดาพร หรือ ลำพึง แก้วพันยู และนายอริย์ธัช หรือศักดาวุธ แก้วพันยู สามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ของบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด (DCHL) ได้ที่บริเวณตลาดสายบ้านครัว ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 
และบริเวณร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลนำโชค ตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ ถ.สมบูรณ์กุล ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2566 โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายต่างต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ในเรื่องนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายกว่าหมื่นราย ได้ร้องทุกข์บริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ DCHL ซึ่งมีนายวาเลอรี่ ริยนฮ์ หรือ กิมฮวง สัญชาติฝรั่งเศส และนายสรวีย์ รวยฟูพันธ์ เป็นกรรมการบริษัท ประกอบกิจการขายตรงประเภทน้ำหอม โดยในช่วงปี พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2555 ได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไป
เข้าสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นจำนวนเงินคนละประมาณ 192,000 บาท และจะได้รับเงินคืนจากการลงทุนครั้งแรกประมาณ 42,000 บาท เป็นการตอบแทน หลังจากนั้นสมาชิกจะต้องหาสมาชิกใหม่ให้ได้จำนวน 5 - 6 ราย 

เพื่อเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและทำให้ตนเองได้อยู่ในระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น รวมทั้งได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาสมาชิกรายละ 21,000 บาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว และสำนักงาน ป.ป.ง. ได้อายัดเงินในบัญชีไว้กว่า 75 ล้านบาท ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แต่งตั้ง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เป็นผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 (ตำแหน่งในขณะนั้น) และได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษชุดใหม่เข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถติดตามยึดอายัดทรัพย์สินไว้ได้ดังกล่าว รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท

‘หลวงปู่ทอง’ เกจิดังทายาทสายพุทธาคม วัดดอนไก่ดี มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุรวม 107 ปี 83 พรรษา

คณะศิษยานุศิษย์สุดอาลัย พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ วัดดอนไก่ดี เกจิดังแถวหน้าของเมืองไทย ทายาทสายพุทธาคม ‘หลวงพ่อรุ่ง’ วัดท่ากระบือ ได้มรณภาพลงแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 เวลา 16.52 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุ 107 ปี 83 พรรษา

เพจเฟซบุ๊ก ‘วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร’ ได้แจ้งข่าวการมรณภาพของ พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ โดยลงข้อความ ระบุว่า น้อมกราบถวายความอาลัย พระเดชพระคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ทอง สุวิชาโน) วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 เวลา 16.52น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุ 107 ปี 83 พรรษา

ทั้งนี้ พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ เป็นพระเกจิชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทย ทายาทสายพุทธาคม ‘หลวงพ่อรุ่ง’ วัดท่ากระบือ อดีตพระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำท่าจีน

‘หลวงปู่ทอง’ มีนามเดิมว่า ‘สุวรรณ รุ่งอารีย์’ เกิดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2460 ที่บ้านดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร อุปสมบทเมื่อพ.ศ.2483 ที่วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน โดยมีพระครูสังวรศีลวัตร (หลวงพ่ออาจ) วัดดอนไก่ดี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุทรคุณาจารย์ (หลวงปู่ฮะ) วัดดอนไก่ดี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ‘หลวงพ่อเล็ก’ วัดหงอนไก่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับการอบรมในด้านสมาธิภาวนาจาก ‘หลวงปู่ฮะ’ ด้านวิทยาคม ได้รับการอบรมชี้แนะจาก ‘พระครูสังวรศีลวัตร’ หรือ ‘หลวงพ่ออาจ’ วัดดอนไก่ดี

หลังได้ศึกษาจนมีความชำนาญ จึงเดินทางไปกราบฝากตัวเป็นศิษย์ 'หลวงพ่อรุ่ง' วัดท่ากระบือ ได้รับการแนะนำสั่งสอนอบรมหลายอย่าง โดยเฉพาะการถ่ายทอดวิชาเขียนยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ลงตะกรุดทำน้ำมนต์ ทำให้ ‘หลวงปู่ทอง’ ได้รับการกล่าวถึงในหมู่ลูกศิษย์ถึงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ ‘หลวงปู่ทอง’ จัดสร้างขึ้น ซึ่งที่ได้รับความนิยม เช่น พระขุนแผนมหาเมตตาใหญ่, สีผึ้ง, แม่นางกวัก, เหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นมหาลาภ เป็นต้น

สำหรับลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2564 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ ‘พระราชมงคลวุฒาจารย์’

‘ทุเรียนไทย’ กลิ่นหอมขจรขจายทั่วนครฮาร์บิน ตอนเหนือของจีน ด้วยการขนส่งก้าวหน้า โดย ‘ขบวนด่วน’ ของทางรถไฟจีน-ลาว

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, ฮาร์บิน รายงานว่า ณ ตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรฮาต๋า ซึ่งเป็นศูนย์กลางจัดจำหน่ายผักผลไม้ที่พลุกพล่านที่สุด ในมณฑลเฮยหลงเจียงทางตอนเหนือสุดของจีน มีรถบรรทุกทุเรียน 1,000 กล่อง ถูกรุมล้อมด้วยพ่อค้าแม่ขายที่มารอรับสินค้า โดย ‘เสี่ยวเหิง’ เป็นพ่อค้าคนหนึ่งที่ร่วมรอรับทุเรียน เพื่อขนขึ้นรถส่วนตัวพร้อมกับผลไม้เมืองร้อนอื่นๆ อย่างฝรั่งและมะม่วง

‘เสี่ยวเหิง’ ผู้ค้าขายผลไม้มานานกว่า 10 ปี เล่าว่าเขาเริ่มต้นขายผลไม้ปี 2013 ตอนนั้นชาวฮาร์บินชอบรับประทานทุเรียนกันแล้ว แต่ยังมีของขายไม่มากและราคาไม่ถูก แถมการขนส่งที่ใช้เวลานานทำให้ทุเรียนที่ขนส่งมาถึงเปลือกแห้งและดำ ต่างจากปัจจุบันที่ล่าสุดได้ยินว่าขนส่งด้วย ‘ขบวนด่วน’ บนทางรถไฟจีน-ลาว ทั้งมีคุณภาพดีและราคาลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนๆ

ย้อนกลับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผลไม้เมืองร้อนจากไทยที่วางจำหน่ายในนครฮาร์บิน เมืองเอกของเฮยหลงเจียง ต้องผ่านมือเหล่าพ่อค้าคนกลางในกว่างโจว เสิ่นหยาง ปักกิ่ง และอื่นๆ เพราะไม่มีช่องทางซื้อขายโดยตรง ทำให้ราคาพุ่งสูง ขณะเดียวกันรูปลักษณ์และรสชาติของผลไม้แย่ลงเพราะใช้ระยะเวลาขนส่งยาวนาน

ทว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของจีน ช่วยลดระยะเวลาขนส่งลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณภาพของผลไม้นำเข้าดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แม้แต่เฮยหลงเจียงที่เป็นมณฑลทางเหนือสุดของจีน ยังสามารถเพลิดเพลินกับผลไม้เมืองร้อนเลิศรสที่ส่งมาจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทย มาเลเซีย และลาว

หากวันนี้ลองเยี่ยมเยือนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในนครฮาร์บิน คุณจะได้พบทุเรียนหมอนทองสุกพร้อมรับประทานวางเรียงรายดึงดูดลูกค้ามาเลือกซื้อจำนวนมาก โดยมีราคาช่วงโปรโมชันอยู่ที่ราว 43.8 หยวน (ราว 210 บาท) ต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าราคาค้าปลีกในท้องตลาดอย่างมาก

พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เผยว่า ทุเรียนมีราคาถูกเช่นนี้เพราะต้นทุนการขนส่งลดลง โดยทุเรียนจากไทยถูกขนส่งสู่นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ก่อนจะถูกกระจายไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกันที่นี่มีบริการปลอกเปลือกทุเรียนฟรีและตรวจดูคุณภาพทุเรียนก่อนจ่ายเงิน เพื่อรับประกับความสดใหม่ทุกลูก

อนึ่ง ทางรถไฟจีน-ลาว ถือเป็นโครงการสำคัญของการร่วมสร้าง ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ (BRI) ที่มีคุณภาพสูง และกลายเป็นช่องทางโลจิสติกส์ที่สะดวกระหว่างจีนและอาเซียน โดยทางรถไฟสายนี้ช่วยให้ขนส่งทุเรียนจากไทยถึงคุนหมิงภายใน 3 วัน ซึ่งช่วยให้ไทยสามารถส่งออกทุเรียนที่สุกมากขึ้นและรสชาติดีขึ้นได้

ปัจจุบันไทยมีทุเรียนกว่า 200 สายพันธุ์ และถือเป็นประเทศส่งออกทุเรียนสดมากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่าจีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนไทยขนาดใหญ่ที่สุดในปี 2022 ครองส่วนแบ่งร้อยละ 96 ของทุเรียนไทยส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 3.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.05 แสนล้านบาท)

ด้าน ‘ขบวนด่วน’ บนทางรถไฟจีน-ลาว ช่วยลดระยะเวลาขนส่งทุเรียนสู่จีนอย่างมาก โดยกลุ่มสื่อไทยรายงานว่า ‘รถไฟขบวนทุเรียน’ จากสถานีมาบตาพุดไปยังนครกว่างโจวของจีน ทำสถิติขนส่งผลไม้จากไทยสู่จีนเร็วที่สุดครั้งใหม่ และการเน่าเสียระหว่างการขนส่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เสี่ยวเหิง เผยทิ้งท้ายว่า เขาขายทุเรียนได้หลายร้อยลูกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยเขายังมี ‘บริการหลังการขาย’ อย่างเช่น การแลกคืนทันทีหากพบทุเรียนด้อยคุณภาพ ขณะการรับประกันอุปทานและการพัฒนาโลจิสติกส์ช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่เสี่ยวเหิง และเกื้อหนุน ‘กลิ่นหอม’ ของทุเรียนไทยขจรขจายทั่วดินแดนตอนเหนือสุดของจีน

‘บิ๊กป้อม’ ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ล้างไพ่คณะกรรมการบริหาร แล้วเป็นหัวหน้าใหม่

(29 ก.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐประจำปี ครั้งที่ 3/256 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นทั้งคณะ และจะเลือกหัวหน้าพรรคและกรรรมการบริหารพรรคต่อไป และยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร จะไม่ทิ้งพรรคและจะดูแลพวกเราตลอดไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า บัดนี้จะมีเลือกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมเสนอ พล.อ.ประวิตร กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

‘ETIAS’ กระบวนการยื่นขอวีซ่าเข้ายุโรป ที่นักเดินทางสหรัฐฯ ต้องรู้ ก่อนเดินทางเข้าประเทศสมาชิกยุโรป 30 ประเทศ เตรียมเริ่มปีหน้า

ปีหน้า (ค.ศ. 2024) ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ
จะต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 30 ประเทศ

ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ ซึ่งประสงค์ที่จะเดินทางไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จะต้องยื่นขออนุญาตผ่าน ‘ระบบข้อมูลและการอนุญาตการเดินทางของยุโรป’ (the European Travel Information and Authorization System : ETIAS) และต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าก่อนเดินทาง

ในขณะที่ปัจจุบัน บุคคลที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ยังสามารถเดินทางเข้าสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าจากประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ความสะดวกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกับกระบวนการระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอนุญาตการเดินทาง (The U.S. Electronic System for Travel Authorization : ESTA) ของสหรัฐฯ ซึ่ง ETIAS มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศ ที่จะช่วยให้นักเดินทางชาวอเมริกันได้รับความสะดวกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน นักเดินทางชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางทั่วโลก 185 แห่ง โดยไม่ต้องใช้วีซ่า อ้างอิงจาก Henley Passport Index ด้วยในขณะที่ปัจจุบันนี้หนังสือเดินทางของสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหนังสือเดินทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อสหภาพยุโรปเพิ่มข้อกำหนดด้านเอกสารใหม่สำหรับชาวอเมริกัน

แบบฟอร์มใบสมัครซึ่งจะมีอยู่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันบนมือถือ มีค่าธรรมเนียม 7 ยูโรหรือ 7.79 ดอลลาร์สหรัฐฯ การสื่อสารทั้งหมดทำได้ทางอีเมล เมื่อได้รับการอนุมัติให้เดินทางแล้ว การอนุญาตดังกล่าวจะให้สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่จะพำนักในประเทศในยุโรป ที่ต้องใช้ ETIAS เป็นเวลาสูงสุด 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน วันใดก็ได้ และผู้เดินทางจะต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องในครอบครองตลอดการเข้าพัก

ETIAS เป็นการอนุญาตการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อมโยงกับหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง ซึ่งอนุญาตให้เข้าประเทศในยุโรประยะสั้นได้สูงสุดนาน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน อย่างไรก็ตาม ETIAS ไม่สามารถรับประกันการเข้าประเทศในยุโรปของนักเดินทางผู้ที่ได้ลงทะเบียนในระบบ ETIAS โดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อมาถึงเมืองแรกในยุโรปเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ จะมีการตรวจสอบว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทาง มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศหรือไม่

หากต้องการสมัคร ETIAS สามารถกรอกแบบฟอร์มการสมัครบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS หรือสามารถใช้แอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการสมัครอยู่ที่ $7.79 แต่ผู้เดินทางบางรายอาจได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้ (ต้องอ่านข้อกำหนดการสมัคร และข้อยกเว้นการชำระเงินก่อนดำเนินการ)

ใบสมัคร ETIAS ส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีแอปพลิเคชันอาจใช้เวลานานกว่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ผู้ยื่นจะได้รับคำอนุมัติภายใน 4 วัน ในกรณีพิเศษ และระยะเวลานี้อาจขยายได้ถึง 14 วัน ในกรณีที่ต้องการข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติม หรืออาจนานถึง 30 วัน หากจำเป็นต้องมีการสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในนาทีสุดท้าย จึงควรสมัครล่วงหน้าก่อนการเดินทางตามแผน

เมื่อส่งใบสมัครแล้ว จะได้รับการยืนยันทางอีเมลพร้อมหมายเลขใบสมัคร ETIAS ที่ไม่ซ้ำกัน ให้เก็บหมายเลขนี้ไว้ใช้อ้างอิงในขณะเดินทางในยุโรป หลังจากดำเนินการแล้ว จะได้รับอีเมลแจ้งผลอีกครั้ง ผู้เดินทางต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมด เช่น ชื่อและหมายเลขหนังสือเดินทางของผู้ยื่นมีความถูกต้องบน ETIAS เนื่องจากข้อผิดพลาดใด ๆ อาจทำให้ผู้ยื่นไม่สามารถเข้าประเทศยุโรปได้ และหากใบสมัครถูกปฏิเสธ อีเมลจะระบุเหตุผลในการตัดสินใจ พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีอุทธรณ์

ใบอนุญาตเดินทาง ETIAS มีอายุไม่เกิน 3 ปี หรือจนกว่าหนังสือเดินทางของผู้ยื่นจะหมดอายุ แล้วแต่ว่าจะถึงอย่างใดก่อน โปรดจำไว้ว่า ผู้เดินทางต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องตลอดการเข้าพักในโรงแรม ซื้อตั๋วเดินทางในยุโรป และการอนุญาตให้ออกและกลับเข้ามาใหม่ได้ ตราบเท่าที่ผู้เดินทางปฏิบัติตามข้อจำกัดการเข้าพัก 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน

ETIAS ของผู้เดินทางจะเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารการเดินทางของผู้เดินทาง ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เอกสารเดียวกันกับที่ผู้เดินทางใช้ในใบสมัคร ETIAS เมื่อเดินทาง การไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้ผู้เดินทางไม่สามารถขึ้นเครื่องบิน รถประจำทาง เรือ หรือเข้าประเทศในยุโรปใด ๆ ที่ต้องใช้ ETIAS ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้เดินทางต้องรับทราบว่า การมี ETIAS ไม่ได้เป็นการรับประกันสิทธิ์ในการเข้าประเทศยุโรปของผู้นั้นได้โดยอัตโนมัติ ด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะทำการตรวจสอบว่า ผู้เดินทางตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศ และผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ นั่นหมายถึงการถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางโดยทันที

‘พล.ท.นันทเดช’ เล่าความหลังครั้งยังเป็นราชองค์รักษ์เวร และพระเมตตาอันเปี่ยมล้นของในหลวง รัชกาลที่ 10

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 66  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า…

เมื่อผมเป็นราชองค์รักษ์เวรของในหลวง รัชกาลที่ 10

ผมเริ่มต้นทำหน้าที่ราชองค์รักษ์เวรครั้งแรก เป็นการปฏิบัติหน้าที่ถวายในหลวง ร.9 ส่วนใหญ่อยู่ที่พระตำหนักสวนจิตรลดา เวลาเข้าเวรช่วงกลางคืน ถ้าอยู่ตรงทางขึ้นพระตำหนักในตอนหัวค่ำ เมื่อมองออกไปทางเขาดิน จะเห็นฝูงยุงจำนวนมหาศาล บินออกมาจากเขาดิน คล้ายก้อนเมฆสีดำเล็กๆ มุ่งหน้ามายังสวนจิตรลดา และบ้านเรือนผู้คนที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชวิถี ดังนั้น เมื่อในหลวง ร.10 ทรงย้ายเขาดิน ผมจึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพราะนอกจากยุงแล้ว ใครพาเด็กๆ ไปเที่ยวเขาดิน ก็จะกลับมาไม่สบายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด สะสมเชื้อโรคไว้นานาชนิด นานกว่า 80 ปี ผมจึงคิดว่า ถ้าพระองค์ไม่ลงมือทำใครจะทำครับ

ต่อมาผมได้ย้ายมาเป็นราชองค์รักษ์เวร ของในหลวง ร.10 (พระยศ ขณะนั้นเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ) ตอนแรกก็เกิดความวิตก เนื่องจาก ผมทั้งอ้วนจากการนั่งโต๊ะทำงานจนดึก และกินมาก เวลาออกกำลังกายมีน้อย ถ้าให้วิ่งในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร ผมก็เริ่มมีอาการหอบแล้ว ประกอบกับผมไม่ได้มาจากโรงเรียนเหล่าทัพโดยตรงด้วย เหมือนราชองค์รักษ์ประจำคนอื่น จึงกลัวว่าผมจะไปทำอะไรผิดเข้า ซึ่งก็เป็นจริง วันแรกก็ผิดแล้ว ตอนถวายรายงานเลยครับ ผมลงท้ายว่า “... ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” พระองค์ทรงยิ้ม กล่าวว่า “ยังไม่ต้องเดชะหรอก” และก็ไม่ได้ทรงตำหนิอะไรอีก

หลายวันต่อมา พระองค์ทรงรถกอล์ฟเสด็จจากพระตำหนักไปเปิดร้านค้าที่หน้าพระราชวัง ระยะทางประมาณ 150 เมตร ผมก็วิ่งตามไปสัก 50 เมตร ก็เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบแล้ว ทันใดนั้น ปรากฏว่ารถกอล์ฟส่วนพระองค์ ก็ชะลอช้าลงอย่างผิดปกติ ผมจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปอย่างสบายๆ ทั้งขาไปและกลับ พระองค์มีทรงพระเมตตายิ่งนัก จากนั้นมา ผมก็เริ่มหาเวลาออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลทำให้ผมมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น อยู่มาอย่างสบายจนถึงทุกวันนี้ แม้อายุใกล้จะ 80 ปีเข้าไปแล้ว

เมื่อเกิดเหตุรุนแรงทางภาคใต้ได้ประมาณ 2 ปี ผมถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้า ในหลวง ร.10 (ขณะนั้นพระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่ง พระบรมโอรสสาธิราชฯ) เพื่อกราบทูลรายงานเบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว โดยมีประธานองคมนตรีท่านปัจจุบันร่วมอยู่ด้วย ผมได้กราบทูลเรื่องราวอย่างค่อนข้างเป็นทางการ แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เมื่อกราบทูลจบ พระองค์ทรงยิ้ม มีพระราชดำรัสว่า “ให้เล่าใหม่ เอาจริงๆ เลย” ผมจึงกราบทูลใหม่โดยลงละเอียดอย่างไม่ตกแต่งให้เป็นทางการหรือสวยหรูอะไรอีก พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถามเป็นระยะๆ บางคำถาม ผมซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ก็ยังนึกไม่ถึง เมื่อผมเล่าถวายจบ ซึ่งใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พระองค์ทรงยิ้มอีก และมีพระราชดำรัสว่า “ต้องอย่างนี้ซิ”

ในใจผมซาบซึ้งถึงพระเมตตา นึกอยู่ตลอดเวลาว่า พระองค์ทรงสนพระทัยทุกข์สุขของประชาชนและบ้านเมืองอย่างจัง และยังทรงมีพระปฏิภาณไหวพริบถึงขนาดนี้ ผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรุดตัวลงกราบแทบเบื้องพระบาทด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “เขาเป็นองค์รักษ์ของฉันด้วย”

ยังมีอีกหลายเรื่องที่บอกได้ว่า ในหลวงของเรา เป็นเสาหลักค้ำจุนชาติสืบเนื่องต่อกันมาจากบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ได้อย่างสมบูรณ์

ซึ่งจะขอนำมาเล่าให้อ่านกันอีกในปลายเดือนกรกฎาคม ปีหน้าครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top