Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

‘บก.ป.’ บุกทลายแก๊งขนยาข้ามชาติ ยึดเฮโรอีนกว่า 32 กก. ใช้กลวิธีซุกลังไม้หยกแกะสลัก เตรียมส่งไปออสเตรเลีย

(27 ก.ค. 66) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป. แถลงจับกุมนายธีรพงค์ หรือเบนซ์ หนูทอง อายุ 27 ปี นายธีรพงค์ หรืออ๊อด พริกเบ็นจะ อายุ 42 ปี นายจะอื่อ จะสือ อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันพยายามส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรและ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)” โดยจับกุมนายธีรพงค์ได้ที่ จ.นครปฐม ส่วนนายธีรพงค์ หรืออ๊อด จับกุมตัวได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายจะอื่อ จับกุมได้ที่ จ.เชียงราย

พล.ต.ต.มนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่รับงานจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนส่งเฮโรอีน หรือผงขาวไปยังต่างประเทศ โดยจะใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับเนื้อไม้ที่ใช้ทำเป็นลังสำหรับใส่หยกแกะสลักเป็นรูปปั้นของมงคลต่างๆเพื่ออำพรางการตรวจจับ เพื่อลักลอบส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส ก่อนจะตามตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนไปกับลังสินค้าดังกล่าวได้จำนวน 11 ลัง ภายในมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ 831 ห่อ น้ำหนักรวมกว่า 32 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากส่งไปถึงออสเตรเลียได้ มูลค่าก็จะเพิ่มไปถึง 100 ล้านบาท

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า หลังตรวจยึดของกลางได้แล้ว จึงเร่งสอบสวนขยายผลหาที่มาของยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่าหินหยกแกะสลักที่ซุกซ่อนเฮโรอีนนั้น มีต้นทางมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เตรียมจัดส่งไปที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อพักสินค้ารอขนขึ้นเรือส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ และผู้ควบคุมการขนส่ง

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติพบว่า นายธีรพงค์ หรืออ๊อด นั้นเคยถูกจำคุกถึง 22 ปี 9 เดือน 15 วัน ที่เรือนจำกลางสงขลา ความผิดคดีลักษณะเดียวกันด้วย จึงนำตัวส่ง บช.ปส. สอบสวนขยายผลต่อไป 

‘อดิศร’ เตือน!! ‘รุ่นน้องชูวิทย์’ อย่าแฉ 'เศรษฐา' ตามใบสั่ง ฝากกลอนสอนใจ 'ชนะอยู่ที่พวก สะดวกอยู่ที่เงิน ฉิบหายอยู่ที่ปาก'

(27 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย​ (พท.) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีวิดีโอคอลมายังที่ประชุม สส.พรรค ระบุว่า ให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อยู่ทำเนียบรัฐบาล และ น.ส.แพทองธารอยู่พรรค ว่าเป็นการพูดติดตลก สิ่งนายทักษิณ บอกว่า นายเศรษฐาก็ไปอยู่ทำเนียบรัฐบาล เพราะนายกฯ มีคนเดียว ดังนั้นอีกหนึ่งคนก็ต้องดูพรรค

ถามย้ำว่า แสดงว่าเป็นที่ชัดเจนว่าให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ชัดเจนมานานแล้ว

เมื่อถามว่าพูด แบบนี้แสดงว่าการจัดตั้งรัฐบาลราบรื่นแล้วใช่หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ไม่มีส่วนในเรื่องนี้ ยืนยันว่าพรรค พท.​ อ่อนน้อมถ่อมตน มีมิตรมีเพื่อนอยู่ทุกที่ และชี้ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อทุกฝ่าย มีศักดิ์ศรี เพื่อให้ชาติบ้านเมืองฝ่าวิกฤตตรงนี้ไปได้ ส่วนการรักษาการนายกฯ อีก 10 เดือนคนก็ไม่เอา เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เตรียมแถลงข่าวว่าการกลับมาของนายทักษิณ มีเอี่ยวเรื่องการเมืองนั้น นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ทราบกับนายชูวิทย์ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นน้องรุ่นน้องที่ รร.เทพศิรินทร์

เมื่อถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์ จะมีการเปิดเผยหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวกับนายเศรษฐา นายอดิศร กล่าวว่า เปิดให้ดีก็แล้วกัน ถ้าเปิดตามอำเภอใจ หรือเปิดตามใบสั่ง จะมีทั้งเท็จและจริง ขอฝากไปยังรุ่นน้อง รร.เทพศิรินทร์ ชนะอยู่ที่พวก สะดวกอยู่ที่เงิน เจริญอยู่ที่ไหน ฉิบหายอยู่ที่ปาก

เมื่อถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวดีลลับฮ่องกง นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เดินทางไป และไม่เดินทางออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เนื่องจากจะต้องมีการขออนุญาตศาล เพราะมีคดีความอยู่

‘Viper Bangkok’ บาร์แฮงค์เอาท์ ย่านสะพานควาย บรรยากาศดี ดนตรีสด พร้อมค็อกเทลสูตรพิเศษ

ค้นพบสวรรค์แห่งความสนุก ค้นหาความสุขกับเครื่องดื่มดีดี ลิ้มลองอาหารเลิศรสในบรรยากาศที่แปลกใหม่กับคนที่รู้ใจ วันนี้ THE STATES TIMES ขอแนะนำที่ร้าน Viper Bangkok

ร้านนี้อยู่ใจกลางเมือง ย่านBTSสะพานควาย ร้านสวย มู๊ดดี น่านั่งมาก แสงสีจัดเต็มถ่ายรูปออกมาคือเริ่ดมากเลยขอบอก ที่สำคัญเพลงเพราะด้วยมีทั้งดนตรีสด และช่วง DJ เครื่องดื่มครบมาก ทั้งเบียร์ ไวน์ และค็อกเทลต่าง ๆ เยอะมากตอบโจทย์ทุกคนอย่างแน่นอน

ตัดมาที่เมนูอาหารก็จัดเต็มไม่แพ้กัน เริ่มจาก ไข่ปลาหมึกทอดคลุกซอส กรอบนอกหนึบในกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติสุดฟิน หรือจะจานเส้นอย่างผัดหมี่กระเฉดกุ้งแม่น้ำ หอมกลิ่นคั่วกระทะกุ้งตัวใหญ่มาก สายแซบต้องยำดิบรวม หมึกกุ้งปลาสดมาก อร่อยฉ่ำ ๆ ทุกเมนูกินคู่กับเครื่องดื่มลงตัวมาก ใครกำลังมองหาที่แฮงค์เอาท์ โซนสะพานควายรีบแท็กชวนเพื่อน ๆ ด่วน สามารถโทรไปสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 093-624-9268

‘มิกค์ ทองระย้า’ ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล เทิดพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

(27 ก.ค. 66) ‘มิกค์​ ชรินทร์​ ทองระย้า’ นักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ‘mik_thongraya’ โดยระบุว่า…

“เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2566 ช่อง 7HD จัดกิจกรรม ‘7HD รวมใจถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ นำโดย นายพัฒนพงค์ หนูพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นักแสดง ผู้ประกาศข่าว และเจ้าหน้าที่ จากช่อง 7HD ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

'คาร์บอนเครดิต' ความหวังใหม่ แก้วิกฤต 'ฝุ่นควัน-โลกร้อน' แนวโน้มเริ่มมา หลังภาคเอกชนพากันคิกออฟ ลุ้นรัฐเข็น

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ประจำวันที่ 30 ก.ค.66 ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็นของวิกฤตโลกร้อน โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

วิกฤตโลกร้อน (Global Warming หรือ Climate Change) ที่กำลังเป็นภัยคุกคามโลกและประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน ได้พิสูจน์แล้วว่ามิอาจแก้ไขได้ด้วยวิธีการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว และกลไกภาครัฐไม่สามารถรับประกันความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนได้ ดังคำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ กรณีฝุ่น PM 2.5 เมื่อเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม โลกได้คิดค้นมาตรการที่อิงกลไกตลาด (Market based Solutions) ขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมให้ประเทศต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ได้ตามกำหนด เช่น การใช้ตลาดคาร์บอนเครดิต (Cap and Trade) ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และการปรับส่วนต่างที่พรมแดนของสหภาพยุโรป (Border Adjustment Mechanism) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตลาดกำหนดราคาและปริมาณคาร์บอน แต่ล้วนก็มีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะราคาหรือภาษีคาร์บอนจะทำให้ราคาสินค้าและพลังงานสูงขึ้น จึงต้องอาศัยความกล้าหาญและมุ่งมั่นทางการเมือง

ทว่าเป็นที่น่ายินดีที่ภาคเอกชนได้ริเริ่มงานด้านนี้ในหลายเรื่อง ตลาดเงินตลาดทุนได้นำแนวปฏิบัติการลงทุนแบบ ESG (Environmental, Social and Governance) มาใช้ ขณะที่ภาคการธนาคารได้มุ่งเน้นทำธุรกิจธนาคารยั่งยืน (Sustainable Banking) เพื่อให้มีการจัดสรรเงินทุนมากขึ้นไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

"แนวโน้มหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างน่าสังเกต คือ การเกิดธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ที่มุ่งจัดเก็บ/กำจัดคาร์บอน เพื่อนำมาขายต่อแก่ธุรกิจอื่นที่ปล่อยคาร์บอนเกินโควตา หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ธุรกิจจัดเก็บคาร์บอนน่าจะมีอนาคตที่สดใสและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโลกร้อนต่อไป" อาจารย์พงษ์ภาณุกล่าว

‘นครชัย ก้าวไกล’ ประกาศลาออกจาก สส. เซ่นปม ‘เคยติดคุก’ จากการใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่น

(27 ก.ค. 66) นายนครชัย ขุนณรงค์ ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตลอดสองวันที่ผ่านมา มีผู้สอบถามเข้ามามากมายว่าผมเคยติดคุกจริงหรือไม่ ผมขออภัยที่ไม่สามารถตอบได้อย่างทั่วถึง จึงขออนุญาตเรียบเรียงเรื่องทั้งหมดไว้ตรงนี้ เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องติดคุก เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2542 หรือ 24 ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอายุประมาณ 20 ปี กำลังวัยรุ่น วันนั้นผมสังสรรค์อยู่กับเพื่อนหลายคนในห้อง มีคนเดินเข้าออกไปมาเรื่อย ๆ ผมสังเกตเห็นนาฬิกาผู้หญิงเรือนเล็ก ๆ เรือนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะในห้อง ถามว่าของใครก็ไม่มีใครตอบ เลยหยิบมาดูเล่น ๆ

จากนั้นไม่นาน ตำรวจได้บุกเข้ามาในห้อง จับกุมผมและเพื่อนอีกคนหนึ่งที่สารภาพว่าเป็นผู้ขโมยนาฬิการาคาประมาณ 1,000 บาทเรือนนั้นมา ผมและเพื่อนถูกนำตัวไปโรงพัก ตำรวจให้เซ็นเอกสาร โดยบอกว่าเรื่องจะได้จบ ๆ ผมมาทราบทีหลังว่าเอกสารที่ผมได้เซ็นไป คือเอกสารยอมรับสารภาพ แม้ว่าเพื่อนผมจะให้การกับตำรวจไปแล้วว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

สุดท้าย ผมต้องโทษจำคุก 3 ปี และการรับสารภาพ ทำให้ได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ผมรับโทษตามนั้นและออกมาประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด จนกระทั่งตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เขต 3 ระยอง ในนามพรรคก้าวไกล ผมเชื่อว่าอดีตของผมไม่ทำให้ผมขาดคุณสมบัติ เพราะผมเชื่อว่าข้อหาของผมที่ทำให้ผมติดคุกไม่ใช่ฐานความผิดที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ

ผมขออภัยพี่น้องประชาชนทุกคนที่เลือกผมเข้ามาเป็น ส.ส. ผมขอน้อมรับคำวิจารณ์และกระบวนการทางกฎหมายที่จะตามมาหลังจากนี้ทั้งหมด และจะต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุดเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้จงใจสมัคร ส.ส. ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ

อย่างไรก็ตาม เพื่อความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ผมขอแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนโดยการลาออกจากตำแหน่งในสัปดาห์หน้าครับ

รู้จัก 'มาคาเลียส' แพลตฟอร์ม E-Voucher สัญชาติไทย  เสิร์ฟโปรดักส์โดนใจ ตอบโจทย์สายวางแผนเที่ยวเอง

ไม่นานมานี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยรายได้ภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย ในช่วงเกือบ 7 เดือนของปี 2566 พบตัวเลขทะลุ 1 ล้านล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นรายได้จากต่างชาติกว่า 6 แสนล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะแพลตฟอร์มการจองที่พัก, ร้านอาหาร และกิจกรรมในการท่องเที่ยวต่าง ๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ด้าน บริษัท มาคาเลียส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์สัญชาติไทย แหล่งรวม E-Voucher ด้านที่พัก, ร้านอาหาร, สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความครบครันในสินค้าเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวแบบครบจบ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจไทยที่กำลังผงาดจากแรงขับเคลื่อนของตัวเลขภาคท่องเที่ยวไทยที่โดดเด่น

คุณณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการ บริษัท มาคาเลียส (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า "มาคาเลียส เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจจำหน่าย Voucher ท่องเที่ยว ทั้งที่กินที่พักและกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวครบวงจร โดยจำหน่ายในรูปแบบ E-Voucher ส่วนคำว่า 'มาคาเลียส' เป็นภาษาลิทัวเนีย"

สำหรับความเป็นมาก่อนมาเปิดบริษัทฯ นี้ คุณณีรนุช เล่าว่า เธอเคยเป็นนักข่าว และเป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว และครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปพบเจอบล็อกเกอร์ชาวลิทัวเนีย ที่มีแนวคิดอยากพาคนลิทัวเนียมาเที่ยวเมืองไทย ก็เลยจับมือกันพานักท่องเที่ยวชาวลิทัวเนียมาเที่ยวเมืองไทย โดยเริ่มจำหน่าย Voucher ในรูปแบบของกระดาษก่อน จากนั้นกค่อย ๆ พัฒนาลงทุนด้านไอที จนปัจจุบันกลายเป็น E-Voucher ที่ถูกจับตามอง

นอกจากนี้ มาคาเลียส ยังมีจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดใจ 3 เรื่อง ได้แก่...

1.การทำตลาด Voucher มีความยืดหยุ่นให้กับลูกค้ามากกว่าจะใช้เลยก็ได้หรือจะใช้ในอนาคตก็ได้ โดยการันตีราคาเท่าเดิมในวันที่ลูกค้าซื้อวันแรก แต่ถ้าเป็น OTAs (Online Travel Agency หมายถึง ผู้ให้บริการด้านการจองที่พักโรงแรมรวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการให้บริการให้สมาชิก) จะมีการปรับขึ้นปรับลงตามช่วงเวลา 

2.เน้นสร้างความคุ้มค่า โดย Voucher จะมีที่พักพร้อมอาหารและกิจกรรมเพิ่มเติมให้กับลูกค้า

3.มีช่องทางให้ลูกค้าที่ซื้อ Voucher ติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า

เมื่อถามถึงเทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิด-19 จะมีการเปลี่ยนแปลงไป คุณณีรนุช เผยว่า "ลูกค้าส่วนใหญ่มีการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ลดน้อยลง โดยลูกค้าวางแผนการท่องเที่ยวเองมากขึ้น มีอิสระมากขึ้น เที่ยวเองได้ ไม่จำเป็นต้องตื่นพร้อมกันเที่ยวพร้อมกัน คนอยากเที่ยวแบบมีการวางแผนล่วงหน้าและจะใช้วันหยุดให้คุ้มค่ามากที่สุด

"อย่างกลุ่มลูกค้าของมาคาเลียสส่วนใหญ่ ก็จะเป็นกลุ่มคนทำงานและอาศัยในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ซึ่งเป้าหมายการเดินทางท่องเที่ยวจะไปจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ และเที่ยวบ่อยมากขึ้น ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยการจอง Voucher ที่พัก อันดับหนึ่งคือ พัทยา, ชลบุรี ส่วนบุฟเฟต์ อันดับหนึ่ง คือ บุฟเฟต์ซีฟู้ดปู, อาหารทะเล และรองลงมาคือ บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น"

เมื่อถามถึงกลยุทธ์สำคัญของมาคาเลียส คุณณีรนุช เผยว่า "เราใช้หลัก Customer Centric ในการยึดโยงลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง, การบริหาร, การพัฒนาแพ็กเกจ, ผลิตภัณฑ์, การบริการ เพื่อที่จะทำอย่างไรให้ถูกใจลูกค้าได้มากที่สุด

"ยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบันมาคาเลียสได้พยายามเฟ้นหาและขยายพาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่อง เรามีพันธมิตรทางธุรกิจจากกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารมากกว่า 300 ผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าต่อหนึ่งคนที่มีความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ได้ครบจบ ขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเที่ยวกับเพื่อน, เที่ยวกับครอบครัว, เที่ยวแบบคู่รัก โดยมีรูปแบบของ Voucher ที่สะท้อนต่อความต้องการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างกันไป (ระยะเวลาการเปิดให้ใช้ Voucher ส่วนใหญ่จะมีเวลาให้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)

ทั้งนี้ในส่วนเป้าหมายรายได้ทางธุรกิจของมาคาเลียส ในปี 2566 ตั้งเป้าอยู่ที่ 120 ล้านบาท ภายใต้โอกาสและความท้าทายของตลาดท่องเที่ยวที่กำลังบูม

ผู้สนใจแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของคนไทย ที่รู้ใจคนไทยรายนี้ สามารถเข้าไปคลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.makalius.co.th  

‘อ้วน รังสิต’ อัดคลิปขอโทษภรรยา หลังหอบลูกหนีกลับเกาหลี เหตุทะเลาะกันแรง แถมตนใช้อารมณ์ตัดสิน สัญญาจะไม่ทำอีก

(27 ก.ค. 66) ทำเอาหลายคนต่างส่งกำลังใจให้กับ ‘อ้วน รังสิต ศิรนานนท์’ หลังเจ้าตัวได้โพสต์โซเชียลรูปภรรยาสาวชาวเกาหลี ‘ปาร์คฮยอนซอน’ หรือ ‘มะม่วง’ พร้อมข้อความว่า ‘Come back please’ และยังได้อัดคลิปลงเพจ Fatmango family โดยใช้แคปชันว่า “มะม่วง ผมขอโทษ เราอย่าเลิกกันเลย” โดยในคลิป อ้วน รังสิต ได้ระบายความในใจไว้ว่า….

“ตอนนี้ก็ได้เผชิญกับ…เรียกว่าเป็นสิ่งที่เศร้าใจ ทุกข์ใจ แล้วก็หนักใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ คือแต่ละครอบครัวก็มีปัญหาชีวิต มีปัญหาครอบครัวที่แตกต่างกันไป ทุกๆ ครอบครัวก็มีปัญหาแหละ แต่ครอบครัวผมเรียกว่ามันก็มาถึงจุดที่เรียกว่า ทางตันของความรัก ชีวิตครอบครัวเลยก็ว่าได้นะครับ

ตอนนี้ที่บ้านหลังนี้ภรรยากับลูกของผมก็ไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่าเขาทั้งสองคนบินกลับไปที่เกาหลีแล้วครับ เพราะว่าทุกครั้งที่เรามีปัญหาทะเลาะกัน ตัวผมเองก็เรียกว่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาก็ว่าได้ หลายครั้งผมก็จะพูดกับเขาว่า ถ้าคุณไม่มีความสุข คุณมีปัญหา ไม่ชอบใจ คุณก็กลับเกาหลีไปเลย

ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายๆ ครั้งที่ผมพูดแบบนี้ แต่ว่าครั้งนี้เขากลับเกาหลีจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จุกอกจริงๆ ว่า เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะทำได้ เขาเพิ่งกลับไปเมื่อคืนนี้เอง ช่วงนั้นผมออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อน เขาก็พาลูกบินกลับเกาหลีไปเลย กลับมาที่บ้าน มองไปที่บริเวณบ้าน ก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้เราสร้างขึ้นมาเพื่อภรรยาและลูก ถ้าเขาไม่อยู่แล้วบ้านจะมีความหมายอะไร

ปัญหาที่มันเข้ามาในชีวิต ที่มันสะสมมา มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากเลยที่เราควรที่จะแก้ปัญหาและจัดการกับมันให้ได้ แต่สิ่งที่ทำ ผมกลับใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหามากเกิน จนทำให้กระทบกระเทือนจิตใจทั้งสองฝ่ายแล้วก็ลูกด้วย เราเป็นผู้นำครอบครัวทำไมเรื่องแค่นี้เรากลับเห็นแก่ตัว เรากลับใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่าง

ตอนแรกเลยผมคิดว่าทำไมผมต้องยอม ทำไมผมต้องไปคุยกับเขาก่อน แต่หลังจากที่อารมณ์มันดีขึ้น ก็เลยคิดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องใช้ทิฐิในการตัดสินกับปัญหาชีวิตหรือว่าใช้อารมณ์ เพราะว่าการใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาอะไรที่จะคอยเหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ มันก็มีแต่แย่ลง

เพราะฉะนั้นผมก็จะพูดตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมก็สัญญากับทุกคน สัญญากับมะม่วงแล้วก็ลูกของผมว่า ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เพราะว่าตัวลูกเองก็คงอยากจะมีพ่อ มีแม่ ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วก็รักกัน

ลองนึกย้อนไปวันที่เรารักกัน เราแต่งงานกัน วันที่สัญญากันว่าจะรักกันแล้วจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป พอเรานึกย้อนกลับไปแล้ว ก็เลยดึงสติได้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันไม่ถูก ทำไมเราถึงทำได้แค่นี้ ความอดทนทำไมเรามีแค่นี้ เราจะต้องใช้ความอดทนให้มากกว่านี้ เพื่อประคับประคองให้ครอบครัวเราไปต่อได้ และอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพื่อใคร อยากน้อยก็เพื่อลูกของเราเอง

หลังจากนี้ผมจะทำให้ภรรยาแล้วก็ลูก แล้วก็อุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อเขา วันไหนที่มีปัญหากันอีกหรือว่าต้องทะเลาะกัน ก็จะมีคลิปนี้ที่ผมจะมาย้อนดูได้และคอยเตือนตัวเองว่า เราควรจะทำตัวอย่างไร ก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้กับผมแล้วก็ครอบครัวของเราด้วยนะครับ

และสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาในชีวิตหรือปัญหาครอบครัว ก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นไปให้ได้ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา แล้วก็รักกันให้มากๆ เพราะว่าไม่มีใครที่ไหนจะรักและหวังดีกับเรามากเท่ากับครอบครัวของเราเอง

หลังจากนี้ผมก็วางแผนจะไปขอโทษและไปง้อเขาที่เกาหลี และให้เขายกโทษ ให้อภัยและกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุขกันเหมือนเดิมนะครับ”

งานนี้มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจ อ้วน รังสิต ให้รีบบินไปเกาหลี ง้อภรรยาให้สำเร็จ

รู้จัก ‘ดอนพุด เอ็นเตอร์ไพรซ์' วิสาหกิจชุมชนแห่งสระบุรี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ด้วยพลังของทุกคน

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @ohmmypatcharapatch หรือ ‘นายอำเภอโอม’ นายอำเภอประจำอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับ ‘ดอนพุด เอ็นเตอร์ไพรซ์’ โดยระบุว่า…

“ตัวอำเภอเองยังไม่สามารถหาเงินเหมือน นปต. ของเทศบาลได้ เพราะฉะนั้น ทางอำเภอจึงตั้งบริษัทบริษัทนึงขึ้นมา และบริษัทที่เรากำลังจะตั้งคือ ‘บริษัทดอนพุด เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด’ ซึ่งต่อจากนี้ผมจะเรียกย่อๆ ว่า ‘DE’ (Donphut Enterprise) ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรับซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผักโมโรเฮยะ เห็ดมิลค์กี้ ยามาบูชิตาเกะ และข้าวเจ๊กเชยเสาไห้”

และหลังจากนั้นอีก 1 ปี บริษัทฯ จะแปลงร่างไปเป็น ‘บริษัทวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคม’ ลูกบ้านของพวกท่านทุกคนสามารถ ‘ถือหุ้น’ ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ นี้ จะกลายเป็นของ ‘คนดอนพุด’ ไม่ใช่แค่ของอำเภออีกต่อไป ใช้เวลาแค่ปีกว่าๆ ถ้าอำเภออยากติดแอร์ในห้องนี้ หรืออยากติดลำโพงใหม่ให้ดูสวยๆ หรืออยากทำเวทีให้มันดีๆ อยากทำโต๊ะประชุมให้มันสวยงาม สามารถขอเงินจาก ‘SE’ ได้เลย  

ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ แหล่งรวมหนังสือเฉพาะทาง กับ 5 หนังสือที่ควรค่าน่าอ่าน

ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อยู่ภายในอาคารแถวยาว 2 ชั้น ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ ติดกับประตูวิเศษไชยศรี หรือที่เรียกว่า หอรัษฎากรพิพัฒน์ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ทำการกรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ห้องสมุดแห่งนี้รวบรวมหนังสือเฉพาะทางมากมายเกี่ยวกับผ้า ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ การออกแบบ เครื่องแต่งกายแต่ละยุคสมัย หรือเครื่องประดับต่างๆ ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศนับว่าเป็นห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับผ้าและสิ่งทอไว้อย่างครบถ้วน

ในโอกาสปรับโฉมใหม่ ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ แห่งนี้ ปุญญิศา เปล่งรัศมี บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ กล่าวถึงหนังสือทรงคุณค่า 5 เล่มที่นักอ่านไม่ควรพลาด ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับฉลองพระองค์ในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงคอลเลคชั่นผ้าไทยร่วมสมัย และผ้าบาติกทรงสะสมจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งรวบรวมรายละเอียดและภาพประกอบสวยๆ ไว้อย่างครบถ้วน

สิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ : หนังสือประกอบนิทรรศการ “สิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ” ซึ่งกำลังจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ภายในเล่มบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงผ่านฉลองพระองค์ในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ยุค 1960 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ จนถึงยุค 2000 รวมถึงฉลองพระองค์สีทอง หรือ สุวรรณพัสตรา สะท้อนให้เห็นว่าสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเป็นผู้นำในการส่งเสริมผ้าทอและงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

ผ้าบาติกในพระปิยมหาราช : สายสัมพันธ์สยามและชวา หนังสือประกอบนิทรรศการ “ผ้าบาติกในพระปิยมหาราช :สายสัมพันธ์สยามและชวา” ซึ่งกำลังจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ภายในเล่มบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนชวา ประเทศอินโดนีเซียทั้งสามครั้ง ทั้งยังรวบรวมประวัติความเป็นมา ภาพที่เกี่ยวข้องและรายละเอียดเกี่ยวกับผ้าบาติกทรงสะสมอันสวยงาม จากเมืองต่างๆ บนเกาะชวารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ผืน

ดอนกอยโมเดล : หนังสือคู่มือการพัฒนา “ผ้าย้อมครามของบ้านดอนกอย” จังหวัดสกลนคร โครงการต้นแบบการพัฒนาชุมชนด้วยความคิดสร้างสรรค์ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมุ่งสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในเล่มบอกเล่าเรื่องราวของผ้าย้อมครามไว้อย่างละเอียด ตั้งแต่แหล่งที่มาของคราม สีย้อมธรรมชาติ เส้นใย กรรมวิธีการย้อมผ้า การทอผ้า ลวดลายผ้าทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย จนถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมกับนักออกแบบชื่อดังของไทย และการสร้างแบรนด์สินค้าสู่สากล

Thai Textiles Trend Book Spring/ Summer 2023 : หนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานผ้าไทยเชื่อมโยงกับเทรนด์โลก โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา นำเสนอแนวโน้มตลอดจนทิศทางของผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายที่เป็นประโยชน์ต่อนักออกแบบ ช่างทอผ้า ชุมชน และผู้ประกอบการ สำหรับแนวคิดในฤดูกาลนี้คือ “วัฒนธรรมอันเคลื่อนคล้อย” (Moving Culture) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากบรรยากาศฤดูร้อนของไทย โดยมีผ้าบาติกและผ้าขาวม้าเป็นไฮไลท์หลัก

ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี : หนังสือที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ลายผ้าที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานเป็นของขวัญปีใหม่แก่ช่างทอผ้าทั่วประเทศ เพื่อจุดประกายการพัฒนาลวดลายและผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัยเป็นสากล ไฮไลท์ภายในเล่มพบกับผลงานผ้าที่ตัดเย็บโดยนักออกแบบชั้นนำ และความงดงามของผืนผ้าที่ได้รับรางวัลถึง 150 ผืน

ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เปิดให้บริการในวันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 09.00-16.30 น. (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ผู้สนใจสามารถแจ้งความประสงค์และติดต่อสอบถามการเข้าใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เคาน์เตอร์ร้านพิพิธภัณฑ์ หรือ ติดต่อมายังห้องสมุดโดยตรงที่โทรศัพท์ 02-2215143 ต่อ 402 และเข้าใช้บริการได้ทันที โดยเข้าใช้บริการครั้งแรก ฟรี และครั้งถัดไป 20 บาท หรือสมัครสมาชิกรายปี ปีละ 200 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top