Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

กองสลากฯ ยืนยัน กำหนดออกรางวัลงวดนี้  31 ก.ค.66 ตามกำหนดเดิม แม้ติดวันหยุดทำการ

(26 ก.ค.) ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ประกาศหยุดทำการในวันจันทร์ที่ 31 ก.ค. 66 เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการพิเศษ ตามมติ ครม.

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้มีมติเห็นชอบให้เลื่อนวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ส.ค.66 เป็นวันที่ 31 ก.ค.66 เพราะวันที่ 1 ส.ค.66 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา และวันที่ 2 ส.ค.66 ตรงกับวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา และเป็นวันหยุดราชการประจำปี 2566

ล่าสุด ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังคงประชาสัมพันธ์การออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 31 ก.ค.66 ตามปกติ แม้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศหยุดทำการ แต่หวยงวดนี้ก็ยังคงออกวันเดิม

รู้จัก ‘หมอชลน่าน ศรีแก้ว’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จากเด็กวัดติดดิน สู่บทบาทสำคัญในการเมืองไทย

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า’ ได้โพสต์เล่าประวัติและผลงานของ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สรุปใจความว่า…

‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ประวัติชีวิตไม่ธรรมดาของผู้ชายติดดินธรรมดาๆ #จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย 4 มิ.ย. 2566

"ผมมาจากดินไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาได้ไกลถึงตรงนี้ ขอบพระคุณทุกโอกาสที่ทุกท่านเมตตามอบให้ผมเสมอ" จากใจสุภาพบุรุษนักการเมืองที่มีความนอบน้อมให้กับผู้ร่วมงานทุก ๆ ฝ่าย บนถนนสายการเมือง ของ ส.ส.น่าน 6 สมัยคนนี้ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ไม่เคยตั้งคำถามว่า “เขาจะต้องอยู่ตำแหน่งอะไร” แต่คำถามที่มีอยู่ในใจของเขาเสมอ คือ บ้านเมืองจะไปต่ออย่างไร? เราไม่รู้เลยว่าคำถามนี้จะมีใครได้ยินบ้าง? เรารู้แต่ว่าผู้ชายบ้านนอก ติดดินธรรมดา ๆ คนนี้ ได้รับโอกาสเสมอให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท สุดกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อชดใช้ตอบแทนบุญคุณของทุก ๆ โอกาสที่พี่น้องประชาชนมอบให้

*จาก #เด็กเลี้ยงควาย กลายเป็นเด็กวัดนักจัดการ
*จาก #เด็กวัดสู้ชีวิตสู่แพทย์ในชนบท
*สู่ ส.ส.น่าน 6 สมัย ขวัญใจมหาชน
*รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข
*#ดาวสภา2552 #ดาวเด่นแห่งปี2564
*รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของไทย

📚📖 ประวัติสู้ชีวิต ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กว่าจะมาเป็น ‘หมอชลน่าน’ ส.ส.ติดดินกินข้าวแกง #ประชาชนของประชาชน ในวันนี้ มีหลายสิ่งที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้ ให้จิตใจดี มีเมตตา ซื่อสัตย์ รักและเห็นใจพี่น้องประชาชน #เพราะเขาคือรากหญ้ามาจากผืนดิน…

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว ️ #จากเด็กวัดบ้าน ๆ กว่าจะเป็นชลน่านดาวสภา ✨️
#เด็กวัดสู้ชีวิต ขยัน มานะ อดทน สุภาพ ถ่อมตน เพียรพยายาม เก่งสมองดี มีความสามารถ ไม่เคยให้ร้ายใคร เสียสละมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เห็นประโยชน์ส่วนรวมและคนอื่นเป็นที่ตั้ง เรื่องของตัวเองมาทีหลัง

⁉️ #อะไรที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้
⏳📚📖ย้อนอดีตไป 62 ปี เมื่อ พ.ศ. 2504 จังหวัดน่าน เมืองชนบทในหุบเขา ณ ท้องทุ่งบ้านนาสาตอนใกล้รุ่ง หมอตำแยได้ทำคลอดเด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ชื่อว่า ‘ไหล่’ พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวสวน มีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน ตอนไหล่อายุได้ 4 ขวบ น้องสาวเพิ่งเริ่มเดินได้ แม่ก็จากไปด้วยอาการปวดท้องรุนแรงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน่าน เนื่องจากการเดินทางสมัยนั้นยังล่าช้ามากต้องใช้เรือหางยาวล่องตามลำน้ำว้ามาขึ้นท่าเวียงสาเพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยัง รพ.น่าน

เมื่อขาดแม่เหมือนแพแตก เด็ก ๆ เติบโตขึ้น ด.ช ไหล่ หลังจากจบ ป.4 ร.รบ้านนาสา แทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านมาก ถนนลูกรังยาวไกลสุดสายตา ที่ทำได้คือช่วยที่บ้านเลี้ยงควาย แต่ด้วยคุณครูที่เคยสอนเห็นถึงความฉลาดเสียดายโอกาสชีวิต จึงได้หาทางให้เจ้าอาวาสวัดไหล่น่านนำ ดช.ไหล่ไปอุปการะกินอยู่เป็นเด็กวัดและเรียนที่โรงเรียนบ้านบุญเรือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนัก เขาจึงได้เข้าไปเรียนต่อชั้นประถมปลายที่นั่น และต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสา ตามลำดับ โดยอยู่ในอุปการะของ พระครูพิริยะสารคุณ (ประเสริฐ) ท่านเจ้าอาวาสวัดไหล่น่าน

 #เด็กวัดหรือขโยมวัด ‘ไหล่’ ได้เรียนรู้ หล่อหลอม สิ่งต่าง ๆ มากมายจากตุ๊ลุงที่เป็นพระนักพัฒนาและทุก ๆ คนรอบข้าง

*ทุก ๆ ตี 5 เสียงกวาดลานวัดของตุ๊ลุง แคว๊กๆๆ คือนาฬิกาปลุกแห่งความรับผิดชอบ 
*หัวหน้าขโยมวัด เจ้าไหล่ มีหน้าที่ไปตกปิ่นโต วางปิ่นโตตามบ้านศรัทธาที่จะถวายกับข้าว เพื่อให้มีอาหารมื้อเพลหมุนเวียนพอเพียงไม่ขาดไม่เกินในแต่ละวัน ตลอดเดือน นี่คือ การบริหารจัดการ ให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย

*ทุก ๆ เช้าก่อนไปโรงเรียนจะไปรับหนังสือพิมพ์จากร้านในตลาดมาให้ตุ๊ลุงก่อน ไหล่เดินไปอ่านไปก้มหน้าอ่าน นสพ.ไปเรื่อย ๆ จนถึงวัด (ถ้าเป็นสมัยนี้คงตกท่อหรือถูกมอเตอร์ไซค์สอยไปแล้ว) นี่คือ ความใฝ่รู้ (อ่าน นสพ.แต่เด็กเป็นแรงบันดาลใจของการก้าวสู่ถนนการเมืองไหมนี่)

*บางครั้งก็แอบหนีตุ๊ลุงไปดูหนัง ไปไขว้แขนซ้อมมวย เตะฟุตบอลเป็นการฝึกตนในทุกแง่มุมที่จะเรียนรู้ สร้างความแข็งแกร่ง ชอบเล่นกีฬา และมีน้ำใจนักกีฬา
*ทุกครั้งที่น้ำท่วมน้ำหลากตุ๊ลุงจะให้ทุกคนช่วยกันขัดล้างสิ่งของต่างๆตอนช่วงน้ำลดลงก่อนที่น้ำจะแห้งแล้วทิ้งคราบแห้งกรังไว้ เป็นการใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง นี่คือ วิธีคิด วิถีธรรมชาติ ที่มีต้นแบบอย่างดี

*ทุกช่วงชีวิต ได้เรียนรู้ปรับตัวอย่างถ่อมตน จนเข้าเรียนระดับมัธยม ที่รร.สา ด้วยผลการเรียนระดับต้นๆ จากเด็กวัดยากจนคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นคนเรียนเก่งเป็น"ประธานนักเรียน"และเป็นที่รักเมตตาของครูอาจารย์

📌 ‘หล่อเก่งแต่จน’ เพื่อนบางคนดูแคลนห่อข้าวกลางวันมากับปลาร้าถูกเพื่อนกลั่นแกล้งเอาไปซ่อนเอาไม่ให้กิน สิ่งที่เขาทำคือ กินน้ำลูบท้องและเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด จนแม่ครูมาพบเข้าจึงถามว่าลูกไม่กินข้าวหรือ? เมื่อได้ทราบความจริง หลังจากนั้นแม่ครูจึงเอาข้าวห่อมาให้และให้ไหล่กินข้าวนั้นก่อนจึงเข้าห้องสมุด นี่คือ การปรับตัวอย่างถ่อมตน การใช้วิกฤติสร้างโอกาส สร้างความฉลาดรอบรู้จากการอ่านทุกสิ่งในห้องสมุดนั้น

*ด้วยความเป็นเด็กเรียนดี เมื่อจบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เขาสอบเข้าเรียน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้ ระหว่างเรียน นศพ.(นักศึกษาแพทย์)ไหล่ เด็กวัดน้อยนพคุณ ยังต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟข้าง ๆ โบสถ์อ่านตำราเรียน เขาเป็นคนเรียนดีอีกเช่นเคย เป็น นศพ.บ้านนอกที่เป็นติวเตอร์วิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ให้กับ เพื่อน ๆ นศพ.ได้ เขาจึงสามารถจบการศึกษา พบ. แพทยศาสตร์บัณฑิต ได้โดยไม่ยากนักในเชิงวิชาการ แต่เชิงการดำรงชีวิตเขากลับยากลำบากกว่าคนอื่น ๆ แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี หาเงินส่วนหนึ่งส่งตัวเองเรียนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้เด็ก ๆ ลูกคนมีเงิน ช่วงปิดเทอมเมื่อกลับมาบ้าน จะรับจ้างแกะข้าวโพด รับจ้างวาดรูป เพื่อเก็บเงินใช้เรียนต่อ จากคนรากหญ้าที่รู้คุณค่าของเงิน คือ ชลน่าน คนนี้

*เมื่อจบแพทย์แล้ว หมอไหล่มาเป็นแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน แพทย์ผู้มีความสามารถรอบด้าน เป็นนักกิจกรรม นักพัฒนา นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายด้วยผลงาน ใช้ชีวิตเป็นแพทย์อยู่ในชนบท 14 ปี

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #14ปีกับชีวิตการเป็นแพทย์ในชนบท 

ย้อนถอยหลังไป 36 ปี จ.น่าน เมืองในหุบเขา ไม่มีสนามบิน ถนนหนทางเชื่อมอำเภอต่าง ๆ ยังเป็นถนนดินแดง จนผู้แทนยาที่จะขับรถเข้าไปเสนอขายยาที่จังหวัดน่านท้อตาม ๆ กัน

พ.ศ. 2530 หลังจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ใช้เวลา 14 ปี กับชีวิตการเป็นแพทย์ในจังหวัดน่าน ย้อนไป 36 ปีนั้น เขาไปอยู่กับพี่น้องประชาชนในอำเภอห่างไกลชิดขอบ เช่น อ.นาหมื่น อ.นาน้อย และ อ.ปัว ไม่เคยเป็นแพทย์อยู่อำเภอบ้านเกิดที่ อ.เวียงสา ที่อยู่ใกล้ อ.เมือง มากกว่า

พื้นที่ไกล ๆ น่ะใช่ ใกล้ ๆ ไม่ต้อง สำหรับนักสู้คนนี้ ‘หมอไหล่’ ของพี่น้องชาวน่าน 14 ปีในชนบท จากอายุ 26 แพทย์จบใหม่ถึงอายุ 39 ปี ในความเป็นแพทย์ชนบท
*แพทย์ประจำ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2530-2531
*ผู้อำนวยการ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2531-2533
*ผู้อำนวยการ รพ.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน พ.ศ. 2533-2538
*ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว อ.ปัว จ.น่าน พ.ศ. 2538-2543

รักษาคนไข้ ส่งเสริมป้องกัน ดูแลการสาธารสุขของชุมชน พัฒนาเยาวชนให้เล่นกีฬา ตั้งชมรมฝึกการพูด ตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลเพื่อให้ชาวบ้านชุมชนมีส่วนร่วมกับการบริหารโรงพยาบาล ฯ ‘บวร’ บ้าน วัด โรงพยาบาล โรงเรียน คือพลังพัฒนาของชุมชน ‘หมอไหล่’ หมอหนุ่มไฟแรง ในปัจจุบันก็ยังไม่ลดความแรง ไม่เคยหมดไฟในหัวใจที่มีให้พี่น้องประชาชน

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #ชีวิตพลิกผันจุดหักเหของชีวิตเข้าสู่สนามการเมือง

เพราะผิดหวังกับเส้นทางชีวิตสายการแพทย์ จากแพทย์ทั่วไปที่มีทักษะด้านการผ่าตัดเป็นพิเศษเพราะเป็นติวเตอร์ Anatomy มาก่อน จึงมุ่งเข็มชีวิตว่าจะเป็นศัลยแพทย์ให้ได้ เขาได้สมัครขอรับทุนไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลน่าน แต่ทุนนั้นกลับกลายเป็นของแพทย์ท่านอื่นที่ไม่ได้อยู่จังหวัดน่าน

*โมเม้นท์นั้นทำให้รู้สึกว่าการเป็นหมอตัวเล็ก ๆ อยู่ตรงนี้คงมีแรงกำลังจำกัดที่จะช่วยเหลือใคร ๆ ได้เพราะโอกาสที่เขาควรมีก็มีข้อจำกัดจากปัจจัยอื่น คิดได้เช่นนั้น พ.ศ. 2544 เขาตัดสินใจ “ผมจะลงทำงานทางการเมือง”

พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวน่าน ณ เวลานั้นให้การสนับสนุนและลุ้นกันเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านั้นด้วยความสนใจทางการเมืองเป็นทุนเดิม หมอไหล่กับลุงโชติและ อ.สฤษดิ์ ได้เปิดเวทีปราศรัยจำลองในครั้งแรกคือที่ห้างนาห้วยสิงห์ข้างป่าช้า (จินตนาการเสียงหมอไหล่ด้วยว่า:)... “พ่อแม่พี่น้อง!! ที่มีหัวและไม่มีหัว ที่มีมือและไม่มีมือ ถ้าใครไม่มีมือ กรุณายกแขนขึ้น” 😱💀 ซักซ้อมฝีปากข้างป่าช้า คือที่มาของดาวสภาคนนี้

แล้วฝันก็เป็นจริง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้คะแนนเสียงท่วมท้น จากการเลือกตั้ง 6 ม.ค. 2544 พรรคไทยรักไทยทำให้เขาได้ก้าวเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก เป็น ส.ส.ที่ใคร ๆ เรียกว่า ‘ส.ส.นกแล’ เข้ามาได้เพราะกระแส ของพรรคการเมือง ไทยรักไทย ที่ผู้คนให้การยอมรับ นโยบายกินได้ ผู้คนหลั่งไหลเทคะแนนให้ เมื่อ 22 ปีก่อน

*หมอชลน่าน ส.ส.น่านไม่ได้ทำให้ชาวน่านผิดหวัง ทุกการอภิปรายในสภา ส.ส จากจังหวัดน่าน ไม่เคยอายใคร ในเรื่องฝีปาก ข้อมูล เหตุผล และความชัดเจน เขาสุภาพ รักษากฎระเบียบสภาอย่างเคร่งครัดแม่นยำ จนนักข่าวสายรัฐสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส จากเมืองน่าน เป็น ‘ดาวสภา’ ในปี พ.ศ. 2552 และตั้งแต่นั้นคนไทยทั่วทั้งประเทศต่างก็ได้รู้จักจังหวัดน่านดีขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งคือ การอภิปรายในสภาที่สะกดคนให้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ได้เหมือนมวยคู่เอกที่น่าชม.

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว
จาก ส.ส.นกแล สู่รัฐมนตรีช่วยสธ. รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ผู้เก๋ากฎเก๋าเกม พลิกประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย #เกมพลิกสูตรหาร100

จาก ส.ส.นกแล ปี 2555-2556 ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และในปี 2564 จากการเป็น ส.ส.สมัยที่ 5 วันที่ 26 ธ.ค. 2564 ในการประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่น่าสนใจ ‘ดาวเด่นแห่งปี’ ผู้สื่อข่าวประจำรัฐบาลยกฉายานี้ให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เนื่องจากเห็นว่า นพ.ชลน่าน มีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แต่กลับพลาดตำแหน่งสำคัญ ๆ ทว่า คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง เขาโด่ดเด่นในสภาตลอดมา การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถแนวโน้มใจให้ ส.ส. เห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของประเทศไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564

ความเก๋าเกมของหมอชลน่าน ทำให้ได้มาซึ่งบัตร 2 ใบ หาร 100 กลับมาใช้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้, ทำให้ พรบ. ประมงไทยของพรรคเพื่อไทยผ่านวาระแรก, ทำให้ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญกรณี 8 ปีนายกฯและหยุดพักงาน, ผลที่ตามมาคือ รองนายกได้ลองเป็นนายก จนแตกเป็นพรรค 2 พรรคในเวลาถัดมาเกิดการแตกเสียงเลือกตั้ง, เป็นคนแรกที่มองเห็นปัญหาการฟอร์มรัฐบาลหากไม่แลนด์สไลด์, เป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นว่าจะเกิด deadlock เมื่อโหวตนายกไม่ผ่าน ประยุทธ์จะรักษาการยาวไป และ อาจนำไปสู่การมีนายกคนนอก (นอกบัญชี) อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับบ้านเมืองนี้ แต่สุภาพบุรุษประชาธิปไตยคนนี้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะให้การจัดตั้ง #รัฐบาลของประชาชน ประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองต่อไปข้างหน้าเพื่อพี่น้องประชาชน

ผู้ชายติดดินธรรมดา ๆ จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย
‘หมอไหล่’...ไหล่ที่ต้องแบกภารกิจที่อุทิศแล้วด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง

📚🖊รวบรวมเรียบเรียงนำสู่เรื่องเล่าโดย ‘หมอก้อย’ พ.ญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ 

📌เด็กวัดสู้ชีวิต26ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804230547735096&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌แพทย์ในชนบท14ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804016411089843&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌จาก ส.ส.นกแล สู่ดาวสภา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804254684399349&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌22ปี มนุษย์สภา 
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804271004397717&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

‘วิษณุ’ ย้ำราชทัณฑ์ 3 เรื่องดูแล ‘ทักษิณ’ กลับไทย ชี้!! ขออภัยโทษยื่นได้ตั้งแต่วันแรกที่ถูกคุมขัง

(27 ก.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยกำหนดการการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ในวันที่ 10 ส.ค.นี้  ว่า นายทักษิณ ก็ทวีตข้อความเรื่องนี้ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับรู้แล้ว ก็ต้องเตรียมการแต่ยังเร็วไปที่จะบอกว่าเตรียมการไว้อย่างไร โดยจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานมาก่อน เพราะทั้งหมดก็เพิ่งรู้พร้อมกันเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะกลับวันที่ 10 ส.ค. นี้ ทีแรกนึกว่าจะกลับมาในวันเกิดคือวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยซ้ำไป และก่อนหน้านั้นก็มีข่าวลือว่าจะเป็นวันที่ 31 ก.ค. ตนก็เชื่อไปแล้ว แต่เมื่อมาได้ยินจากปากนายทักษิณ ก็เป็นไปตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายทักษิณกลับมา จะทำให้การเมืองคึกคักขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่รู้อย่างเดียวว่าต้องปรับการเตรียมตัว เพราะวันเปลี่ยนแปลงไป และกลัวว่าจะกลับมาวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งเป็นวันหยุด ก็จะยุ่งยากในการปฏิบัติภารกิจหลายอย่าง เนื่องจากศาลปิดทำการ

ผู้สื่อข่าวถามว่าครอบครัวนายทักษิณ มีความเป็นห่วงเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย นายวิษณุ กล่าวว่า ได้กำชับกรมราชทัณฑ์ให้ดูแลใน 3 เรื่องเป็นพิเศษ คือ 
1.ความปลอดภัย ซึ่งตรงนี้จะทำให้นายทักษิณได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะนักโทษอื่น ไม่มีปัจจัยเสี่ยงตอนนี้ 

2.ให้มีความสะดวกตามสมควร แต่ไม่สะดวกมากจนเป็นอภิสิทธิ์ เนื่องจากจะมีคนเข้าเยี่ยม โดยคาดว่าจะมีองค์การระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน และแฟนคลับ มวลชน จำนวนมาก

3.ให้มีความสบายตามสมควร เพราะอายุเกิน 70 ปี และป่วย ก็คงไม่เหมือนกับคนที่อายุ 25 หรือ 30 ปี

เมื่อถามว่าเมื่อนายทักษิณกลับมา แล้วมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมีผลอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะได้เห็นภาพนายทักษิณ ที่เดินทางมาถึงแล้วปรากฏตัวกับสื่อมวลชนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ขอเวลาให้ตนได้ตั้งตัวก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้

เมื่อถามว่าหลังจากนายทักษิณเดินทางกลับมาแล้ว มีโอกาสจะขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องขังทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่มีเงื่อนไขคือต้องเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการรับโทษต้องถูกคุมขัง ทั้งนี้เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็ต้องไปรับหมายขังที่ศาลฎีกา แต่ไม่ใช่เป็นการไปฟังคำพิพากษาเพราะคดีจบไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีที่เหลือจะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ส่วนคดีที่เหลือนั้น ตนไม่ทราบว่ามีกี่คดี แต่คดีที่ต้องคำพิพากษาไปแล้วนั้นมี 3 คดีที่ถึงที่สุด โดยคดี 1 จำคุก 2 ปี คดีที่ 2 จำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 จำคุก 5 ปี รวมทั้งหมดจำคุก 10 ปี ส่วนที่เหลือมีคดีที่หมดอายุความไปแล้ว และมีคดีที่ยังไม่ฟ้อง แต่เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น หลบหนีออกนอกประเทศแล้วถูกฟ้อง ก็เป็นอีกข้อหาหนึ่ง แต่อาจจะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ ถ้าจะฟ้องต้องฟ้องตอนที่ได้ตัวมา

เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณอายุ 74 ปี มีสิทธิพิเศษมากกว่านักโทษทั่วไปหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มี โดยเกณฑ์ที่กำหนดคือ 1. ผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป 2.คนป่วย จะมีสิทธิโอกาสพิเศษบางอย่าง ซึ่งตรงนี้มีเสมอเท่ากันหมด ส่วนที่มีคำถามว่าอายุ 70 ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ไปทำงานที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แทนนั้น เรื่องนี้แล้วแต่กรมราชทัณฑ์ ที่ปฏิบัติกับนักโทษมาเยอะแล้วคงไม่ยุ่งยากอะไร

เมื่อถามย้ำว่าคนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะมีอะไรพิเศษกว่าจากนักโทษทั่วไป เช่น การอยู่ห้องพิเศษ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีโอกาสได้ทั้งนั้น แต่ขอให้ฝ่ายราชทัณฑ์ได้เตรียมการและรายงานมาอีกครั้ง แต่จะไปกักอยู่บ้านไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าเรือนจำ

ต่อข้อถามว่าในเรือนจำมีห้องพิเศษแยกเดี่ยวด้วยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มี สมัยนายราเกซ สักเสนา และนายวิโรจน์ นวลแข ก็มีหลายคน แต่ไม่ยืนยันว่าในห้องพิเศษนั้นมีเครื่องปรับอากาศด้วยหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่านอนห้องไหน เบอร์อะไร ทั้งนี้นักโทษทั่วไปก็สามารถไปอยู่ในห้องแอร์ได้โดยเข้าไปทำงานในห้องแอร์ ไม่ใช่นอนในห้องแอร์

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกำหนดเวลาหรือไม่ว่าต้องถูกคุมขังเป็นจำนวนกี่วัน จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ใน 24 ชั่วโมง ก็ทำได้ แต่ไม่ทราบว่าเขาจะขอหรือไม่ จะไปพูดแทนไม่ได้

เมื่อถามว่าขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษต้องเริ่มต้นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเดินทางกลับมาเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่ระบบ และเมื่อเขาพร้อม ก็ต้องเขียนฎีกาอธิบายค่อนข้างยืดยาว เพราะเมื่อยื่นไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีโปรดเกล้าฯ ลงมา จะยื่นอีกไม่ได้ภายใน 2 ปี

เมื่อถามว่ามีเกณฑ์กำหนดหรือไม่ว่าต้องถูกคุมขังกี่วัน แล้วแฟนคลับจึงจะเข้าไปเยี่ยมในเรือนจำได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ปกติเยี่ยมได้อยู่แล้ว โดยคนในครอบครัวสามารถเยี่ยมได้ตั้งแต่วันแรก ส่วนการจะไปรับจากสนามบินนั้น ไม่ใช่แค่คนในครอบครัว แต่สื่อมวลชนก็ไปรับได้ และเชื่อว่า สื่อมวลชนแฟนคลับ และมวลชน ก็มีเป็นธรรมดา แต่จะไปรับได้ถึงขนาดไหนนั้นไม่รู้ และไม่รู้ว่าอะไรทักษิณจะมาโดยสายการบินอะไร ลงที่ไหน รู้แค่ว่าเป็นสนามบินดอนเมือง แต่ในสนามบินดอนเมืองก็ยังมีท่าอากาศยานกองบิน 6 (บน.6) รวมถึงยังมีสายการบินพาณิชย์และเอ็มเจ็ต อย่างน้อยก็ตัดสนามบินสุวรรณภูมิออกไป 

‘ทนายบอน’ แนะ ‘ก้าวไกล’ ทดลองไม่เอาผิดคนด่าทอ ถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท หากทำได้ ค่อยคิดแก้ ม. 112

(27 ก.ค. 66) นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ‘ทนายบอน’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในประเด็นเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล จะแก้มาตรา 112 ระบุว่า…

ถ้าก้าวไกลอยากแก้ 112 ให้ติชมสถาบันได้สะดวกขึ้น ให้ทดลองเริ่มที่ตัวเองก่อนไหม

ถ้าแก้มาตรา 112 ให้คนด่าสถาบันได้รับโทษแบบเบาหวิว และนิรโทษกรรมนักโทษหรือผู้ต้องหาที่ด่าสถาบันได้จำนวนมาก จะช่วยรักษาสถาบันได้จริง ตามที่พวกชอบพูดกัน

ผมขอให้ก้าวไกล คุณ ๆ ทั้งหลาย พิธา ธนาธร ปิยบุตร โรม ช่อ วิโรจน์ และใครต่อใครในพรรคที่ชอบพูดแบบนั้น ช่วยลองถอนฟ้อง ถอนแจ้งความคดีหมิ่นประมาท คดีดูหมิ่น ที่คุณเป็นเจ้าทุกข์ ทุกคดี (ถ้ามี) เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ…ดีไหม

และขอให้คุณช่วยประกาศนิรโทษกรรมให้ทุกคนล่วงหน้าเลยว่า ต่อจากนี้ไป ใครจะด่าจะติชมคุณอย่างไรก็ได้ ไม่เอาเรื่อง ไม่แจ้งความ ไม่ฟ้องอาญา เพื่อที่จะให้คนช่วยกันกระหน่ำติชม แบบที่คุณหวังว่าจะเกิดกับสถาบัน เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ และเพื่อที่จะได้ให้คำติชมนั้นช่วยรักษาสถาบันพรรคก้าวไกลเอาไว้ให้อยู่กับสังคมได้อย่างยาวนาน ไม่เสื่อมสลาย ... ดีไหม

ทดลองใช้ดูกับพวกคุณก่อนนะ ช่วยทำให้เป็นตัวอย่างที

แต่ถ้าคุณยืนยันจะแก้ 112 ต่อไป ส่งเสริมให้ด่าสถาบันได้สะดวกขึ้น เอาผิดยากขึ้น แถมโทษเบาหวิว แต่พอถึงคราวพวกคุณก็ฟ้องคนอื่นที่วิพากษ์วิจารณ์คุณอยู่แบบนี้…แบบนั้นมันก็ไม่ใช่มั๊ง    

‘บิ๊กโจ๊ก’ แจง เป็นหน้าที่ ตม. คุมตัว ‘ทักษิณ’ ส่งศาลตามหมายจับ เผย ยังไร้ข่าวป่วนของกลุ่มการเมือง กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเข้ม

(27 ก.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ในฐานะอดีต ผบช สตม. ว่า สำหรับกรณีผู้ที่มีหมายจับและคดียังอยู่ในอายุความ ตามหลักการแล้วหมายจับจะแสดงในระบบฐานข้อมูลของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า เมื่อนายทักษิณเดินทางเข้ามาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน ระบบจะปรากฏข้อมูลหมายจับของศาล ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหน้าด่านตรวจนั้นๆ ทราบทันที หน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคือ จะต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบ และควบคุมตัวต้องหาส่งให้กับศาลตามหมายจับ

ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาล ว่า มีคำสั่งดำเนินการอย่างไรต่อผู้ต้องหาขณะเดียวกัน ในกรณีเดินทางเข้าเมืองโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แล้วลงจอดในสนามบินอื่น เช่น บน.6 ของกองทัพอากาศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง ก็จะต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับการทางเข้าเมืองผ่านสนามบินทั่วไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนด้านการข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดและยังไม่พบการข่าวที่น่ากังวล แต่เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังไปจนถึงช่วงเวลาที่นายทักษิณจะเดินทางกลับ ตลอดจนช่วงเวลาหลังเดินทางกลับไทยแล้ว

‘ปลัด มท.’ สั่งหน่วยงานบริการในสังกัดทุกจังหวัด เปิดให้บริการ ปชช. ช่วงหยุดยาว 28 ก.ค.-2 ส.ค.นี้

(27 ก.ค. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานตามภารกิจกระทรวงมหาดไทยร่วมกับอธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ตนได้กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่ได้เห็นชอบให้วันที่ 31 ก.ค. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมในห้วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.66 วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ทำให้ในช่วงวันที่ 28 ก.ค. - 2 ส.ค.นี้ เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง รวม 6 วัน

กระทรวงมหาดไทยคาดการณ์ว่าในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่องนี้ จะมีพี่น้องประชาชนมีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการจากหน่วยงานบริการของกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหน่วยงานราชการของแต่ละจังหวัด ตนจึงได้ขอความร่วมมือท่านผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอ ได้เป็นผู้นำข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการส่วนภูมิภาคที่มีหน้าที่ด้านการบริการพี่น้องประชาชน ให้ยึดมั่นในอุดมการณ์การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยร่วมกันวางแผนการเปิดให้บริการติดต่อราชการเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดยาว ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องเข้ารับบริการในวันหยุดราชการ ตลอดจนเน้นย้ำให้ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยงาน ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง กรม และจังหวัด ได้จัดให้มีคณะทำงานทั้งระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดูแลประจำสถานที่ราชการและสำนักงานนอกเหนือจากการจัดเวรยามประจำตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนตลอดช่วงวันหยุดต่อเนื่องนี้

นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าฯ ทั้ง 76 จังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งไปยังสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต สำนักทะเบียนท้องถิ่น และจุดบริการอำเภอยิ้มในเขตพื้นที่ ได้เปิดให้บริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ระหว่างวันที่ 28 ก.ค. - 2 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองในฐานะสำนักทะเบียนกลาง ได้เปิดระบบปฏิบัติการให้บริการประชาชนทางด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ในช่วงวันและเวลาดังกล่าว เพื่อให้การบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในการติดต่อขอรับบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง

พร้อมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบในทุกช่องทางสื่อสารของจังหวัดและอำเภอ

‘ปราง กัญญ์ณรัณ’ สวมชุดไทยเที่ยววัดดังในญี่ปุ่น เผย!! “ปลื้มใจ ได้เผยแพร่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้ชม”

เรียกได้ว่าขอเป็นซอฟท์พาวเวอร์แบบเบาๆ สำหรับ ‘ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล’ ที่ล่าสุดเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ก่อนหน้านี้ก็โปรโมตกางเกงมวยไทยใส่เดินกลางชิบุย่าแหล่งสุดฮิตของโตเกียวมาแล้ว

ล่าสุดที่วัดอาซากุสะที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ที่คนไทยมักไปเช่าชุดยูกาตะมาใส่ถ่ายรูปด้วย ครั้งนี้ ‘แม่หญิงจันทร์วาด’ ขอสวนกระแสจัดชุดไทยจิตรลดา ผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว ไปใส่ถ่ายรูปหน้าวัดสร้างความแตกต่างและเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัวเสียเลย งานนี้ได้กระแสตอบรับดีมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ทำเอาเจ้าตัวปลื้มสุดๆ

ทั้งนี้ สาวปราง ได้โพสต์รูปสวมชุดไทย พร้อมเขียนแคปชันในอินสตาแกรมส่วนตัว ‘ladiiprang’
ว่า “ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศแล้วได้ใส่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้เห็น ปรางภูมิใจมาก รู้สึกรักคนไทย ช่างฝีมือไทยที่ทำของสวย ๆ แบบนี้ และยิ่งดีใจที่มีคนเข้ามาชม ถ่ายรูป และชื่นชอบในผ้าไทย มาโตเกียวครั้งนี้ปรางสวมใส่ชุดผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว คู่กับเครื่องประดับผลงาน ครูพิรุณ ศรีเอี่ยมสะอาด ครูช่างศิลปหัตถกรรม ที่เอางานปั้นหุ่นกระบอกมาดีไซน์ลายไทยเป็นตุ้มมาลัยและดอกรัก ปรางเลือกกระเป๋าย่านลิเภาจาก จ.นครศรีธรรมราช ฝีมือคุณนภารัตน์ ทองเสภี ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สัมผัสงานหัตถศิลป์ไทยทรงคุณค่าได้ที่ @sacit_official รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นแม่หญิงจันทร์วาดของทุกคนเลย :)”

‘วิโรจน์’ ถาม จะมีใครยอมสิ้นหวังอีก 4 ปีกับ รัฐบาล 3 ป.

(27 ก.ค. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า...

[อย่าหลอกลวงประชาชนว่ารัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เพื่อหวังสลับขั้วตั้งรัฐบาล 3 ป]

ตอนนี้มีบางคนชอบออกมาพูดหลอกประชาชนว่า รัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เราเสียเวลารอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวัง 8 พรรคร่วมไม่ได้ เพื่อขู่ให้ประชาชนกลัว และยอมรับชะตากรรม ยอมให้เกิดการสลับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 3 ป ให้มาผูกขาดกินรวบประเทศต่อไป

ผมถามตรง ๆ เลยครับว่า ระหว่างได้รัฐบาล 3 ป แล้วต้องสิ้นหวังต่อไปอีก 4 ปี กับรอเต็มที่ไม่เกิน 10 เดือน แล้วจะได้รัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน มีใครยอมสิ้นหวังไปอีก 4 ปีด้วยหรือครับ

ระหว่างที่รอ บ้านเมืองก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสุญญากาศนะครับ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ และรัฐบาลรักษาการ ก็ยังทำงานได้

รัฐบาลที่ผ่านมา บริหารบ้านเมืองได้ตกต่ำถึงขีดสุดแล้วครับ ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วครับ การเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยถูกจำกัดอำนาจบางส่วน ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อความเสียหายอะไร ให้กับบ้านเมืองไปมากกว่านี้

ตามมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลรักษาการ ทำงานได้ครอบคลุมพอสมคววรนะครับ ไม่ใช่ว่าทำงานไม่ได้เลย มีข้อห้ามหลัก ๆ ก็แค่ 3 เรื่อง เท่านั้น คือ

1. ห้ามอนุมัติโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว แสดงว่าโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อได้ เพียงแต่โครงการใหม่ๆ ห้ามเซ็นก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้เงินภาษีของประชาชนถูกผลาญไปมากกว่านี้

2) ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ ซึ่งก็ดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง ที่เป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะรุนแรงขึ้น แถมยังจะทำให้เครือข่ายอุปถัมภ์ที่กินรวบสัมปทาน ขยายเครือข่ายของตนอีกด้วย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายจริง ๆ ก็ทำได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

3) ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ก็ดีอยู่แล้ว จะได้เลิกเอางบกลางไปผลาญตามอำเภอใจของนายกฯ คนนี้ซะที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริง ๆ เช่น กรณีภัยพิบัติ ก็ใช้ได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

รัฐบาลรักษาการพอที่จะทำงานได้ครับ ไม่ได้ถึงกับสิ้นสภาพ อย่างที่เอามาขู่ให้กลัวเลย

แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศเลยครับ นักลงทุนจากต่างประเทศ เวลาที่จะมาลงทุน เขาต้องพิจารณาในระยะยาวเป็นหลักสิบปี ไม่ใช่ว่าต้องเร่งให้มีรัฐบาลกเฬวรากอะไรก็ได้

นักลงทุนจากต่างประเทศ เขาคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งคำว่า ‘เสถียรภาพ’ ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ได้ดูแค่จำนวน สส. เท่านั้น แต่รัฐบาลจะต้องมีความชอบธรรม ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ประชาชนพร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่เริ่มต้นมาก็ทรยศหักหลัง เป็นปรปักษ์กับประชาชนเสียแล้ว

นอกจากนี้ ปัญหาการคอร์รัปชัน ก็เป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติพิจารณา ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยส่วย และการเรียกรับผลประโยชน์ จะประกอบกิจการอะไร ก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ อย่างที่เป็นอยู่ นักลงทุนต่างประเทศเขาไม่มาลงทุนหรอกครับ

ดังนั้น รัฐบาลที่ยอมพลิกขั้วยอมเป็นร่างทรง ให้ 3ป มาสิงสู่สืบทอดอำนาจ มีแต่จะถูกประชาชนสาปแช่ง บั่นทอนการลงทุนจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การที่ ส.ส. จากพรรคอื่น ที่ไม่อยู่ใน 8 พรรคร่วม จะบ่นว่า การตั้งรัฐบาลจะเสียเวลารอนานไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยว่าควรบ่นครับ ผมก็บ่นเหมือนกัน ไม่มีใครอยากตั้งรัฐบาลช้าหรอกครับ บ่นน่ะได้ แต่ต้องบ่นให้ถูกคน เรามาช่วยกันบ่นไปที่ สว. กลุ่มที่ขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลดีกว่าครับ ถ้าผนึกกำลังช่วยกันบ่น และบ่นให้ถูกคน สักพักรัฐบาลก็จะตั้งได้เองครับ

'ปูติน' ย้ำ!! ธนาคารทางเลือก BRICS จำเป็น  เกมต่อกร 'วอชิงตัน' ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ

การจัดตั้งสถาบันการเงินทางเลือกเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ความพยายามดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาที่วอชิงตันใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นอาวุธ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวในวันพุธ (26 ก.ค.) ระหว่างการประชุมร่วมกับ ดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank) ที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มบริกส์ (BRICS)

อดีตประธานาธิบดีหญิงของบราซิล ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานอดีตธนาคารเพื่อการพัฒนาของกลุ่ม BRICS เมื่อเดือนมีนาคม เดินทางเยือนเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อพบปะกับ ปูติน ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตรัสเซีย-แอฟริกาในสัปดาห์นี้

"ผมไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้ ด้วยประสบการณ์มากมายของคุณและความรู้ในขอบเขตนี้ คุณจะทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาสถาบันแห่งนี้ ที่ผมคิดว่ามันมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน" ปูตินบอกกับรูสเซฟฟ์ "ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน มันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย เนื่องด้วยสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับการเงินโลก และการใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง"

ปูติน เน้นย้ำว่ากลุ่มเศรษฐกิจ BRICS ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ไม่ได้มีเป้าหมายที่ใครอย่างเฉพาะเจาะจง แต่กำลังทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ร่วม ในนั้นรวมถึงด้านการเงิน เขาชี้ว่าสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้ยกระดับใช้สกุลเงินท้องถิ่นชำระบัญชีทางการค้าระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

รูสเซฟฟ์ เห็นด้วยว่าบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายควรทำแนวทางนี้ไปใช้ในวงกว้าง เธอยังบอกอีกว่าความท้าทายใหญ่หลวงที่มีต่อเหล่าชาติกำลังพัฒนาคือศักยภาพในการเพิ่มงบประมาณสำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ไล่ตั้งแต่การบริการสังคม ไปจนถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเด็นนี้ เธออ้างว่าถูกละเลิกเพิกเฉย เนื่องจากทุกคนมุ่งเน้นไปยังปัญหาหนี้สิน

สหรัฐฯ มีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจโลก แต่มากกว่า 50% ของทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกถือครองในสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้ว สัดส่วนการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา หลังมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเล่นงานรัสเซีย ต่อความขัดแย้งในยูเครน ในนั้นรวมถึงอายัดทุนสำรองระหว่างประเทศและสกัดการเข้าถึงระบบชำระเงิน SWIFT ก่อความกังวลแก่ชาติต่าง ๆ ว่าพวกเขาอาจตกเป็นเป้าหมายของมาตรการลักษณะเดียวกันในอนาคต

เมื่อเดือนตุลาคม ปูตินอ้างว่าสหรัฐฯ "บั่นทอนความน่าเชื่อถือสถาบันทุนสำรองระหว่างประเทศด้วยการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ แรกเริ่มคือปล่อยมลพิษทางการเงิน จากนั้นก็ขโมยเงินของรัสเซีย" และนับตั้งแต่นั้น เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังอเมริกา ยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ อาจผลักบางประเทศละทิ้งดอลลาร์

"ประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งยุคสมัยการครองโลกของดอลลาร์สหรัฐกำลังมาถึงจุดจบ" อันเดรย์ คอสติน ประธานธนาคารวีทีบีแบงก์ของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว

ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกส่วนใหญ่ มองไม่เห็นว่าจะมีสกุลเงินอื่นใดที่มีศักยภาพพอจะก้าวมาแทนที่ดอลลาร์ แต่ ปูติน แย้มเมื่อเดือนมิถุนายน ว่า BRICS กำลังดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินสำรองของตนเอง บางทีอาจอยู่บนพื้นฐานของตะกร้าสินค้าโภคภัณฑ์

‘สมบัติ’ ตามหา ‘วิโรจน์’ ขุดต้นตอ ‘ตั๋วปารีส’ ซัด!! เก่งกับคนอื่น คราวพรรคตัวเองเงียบกริบ

(27 ก.ค. 66) จากกรณีโซเชียลติดแฮชแท็ก #ตั๋วปารีส หลังจากที่มีทวิตเตอร์ Headache Stencil ของนายสมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ ‘แป้ง’ ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดัง แนวร่วมม็อบราษฎร ทวีตข้อความแฉว่ามีนายทุนคนไทยชื่อ ‘Nick Paris’ ผู้ต้องหาคดี ม.112 ให้ความช่วยเหลือการเงินให้แก่กลุ่มหมิ่นสถาบันขบวนการลี้ภัยเพื่อเคลื่อนไหวในการแก้ไขมาตรา 112

นายสมบัติ ทองย้าย อดีตการ์ดเสื้อแดงและม็อบสามนิ้ว โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกรณี ‘ตั๋วปารีส’ ดังนี้ ใครกันแน่หลอกประชาชน ฝากตามตั๋วช้างปารีส ด้วยครับ อย่ามามัวสร้างวาทกรรม สวย ๆ แบบนี้เลยครับ #นพพรคือใคร

นึกถึงหน้าใครบางคน เก่งนักกับคนอื่น คนของพรรคตัวเอง เงียบกริบ

ตามหาวิโรจน์ ครับ มัวแต่ตามหาทุนจีนสีเทา ช่วยตามหาทุนจากปารีสหน่อยครับ อยากรู้เส้นทาง หัวมาจากไหน ท้ายไปตกที่ใคร ฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top