Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

'ชาวบ้าน' ลูบถูต้นลิ้นจี่ เชื่อ!! มีนางไม้อาศัยอยู่  เจอะเลขเด็ด 2 ตัว '11' ส่วน 3 ตัว '528-229'

(26 ก.ค. 66) ชาวบ้านนักเสี่ยงโชคทั้งในและนอกพื้นที่ ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน แป้ง เพื่อมาเซ่นไหว้ขอโชคต้นลิ้นจี่ใบหน้าคน มีลักษณะหน้าคนโผล่กลางลำต้น อายุกว่า 50 ปี ขนาด 2 คนโอบ สูงประมาณ 20 เมตร ภายบริเวณ ศูนย์ประสานงานสภาเกษตรกร ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

หลังจุดธูปและใช้แป้งมาลูบๆ ถูๆ ได้ทั้งเลข 2 ตัว และ 3 ตัว สำหรับเลขสองตัว ได้เลข 11 และเลขสามตัว ได้เลข 528 และเลขธูป 229 จึงนำโทรศัพท์มา ถ่ายเพื่อเก็บไว้ ไปเสี่ยงโชค ซื้อลอตเตอรี่งวดที่จะถึงนี้

จากการสังเกต ต้นลิ้นจี่ บริเวณหน้าศูนย์ประสานงาน สภาเกษตร จังหวัดพะเยา พบว่ามีรูปคล้ายใบหน้าคน ได้โผล่ออกมากลางลำต้น คล้ายใบหน้าผู้หญิงมีทั้ง ศีรษะ ดวงตา แก้ม จมูก ปาก คาง และลำคอ ครบทุกส่วน มองคล้าย คนยืนก้มหน้า

สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่ผ่านไปมาที่พบเห็น ซึ่งเชื่อกันว่า ต้นลิ้นจี่ดังกล่าวน่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือนางไม้อาศัยอยู่ หลังจากที่ชาวบ้านได้ทราบข่าว ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียนและแป้งเข้ามาเซ่นไหว้ ขอโชคลาภกันอย่างไม่ขาดสาย

'อดีตคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์' แชร์ความจริงเรื่องภาษี ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ แม้เสียภาษีปีละ 1.2 ล้านบาท

ไม่นานมานี้ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้แชร์คลิปวิดีโอ TikTok บัญชี @user4986690179211 ซึ่งเป็นอดีตคนไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของ ‘ภาษี’ ขณะที่ตนได้อาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงรัฐสวัสดิการต่างๆ ที่ล้วนได้มาจากการเสียภาษีในมูลค่าที่สูง และไม่อยากให้คนไทยต้องมาด้อยค่าประเทศของตัวเองเวลาพูดถึงสวัสดิการต่างๆ โดยระบุว่า...

“เคยได้ยินวลี ‘ภาษีกู’ ไหม? วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง สำหรับคําว่า ‘ภาษีกู’ ที่สมควรจะพูดจริงๆ สำหรับดิฉันที่ไปอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มา 5 ปีกว่า อยากจะบอกพวกคุณว่า คําว่า ‘ภาษีกู’ เนี่ย ที่เมืองไทยเสียน้อยมาก

“พวกคุณรู้ไหม? ว่าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดิฉันกับสามีต้องเสียภาษี หากตีเป็นเงินไทย รวมแล้วต้องเสียภาษีปีหนึ่งล้านสอง

“ยิ่งไปกว่านั้น หากดิฉันจะไปจับปลาหลังบ้าน (สวิตเซอร์แลนด์) เพราะหลังบ้านติดน้ำ แต่ดันตกไม่ได้ เพราะมีตํารวจน้ำคอยขับเรือตรวจ สามีดิฉันยังบอกเลยว่า “อย่าทํานะ เขาปรับเธอนะ” แต่ที่เมืองไทยแค่คิดจะทอดแห หว่านแหตรงไหนก็ทําได้เลย ถ้าไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล เนี่ย!! สิ่งนี้คือ ภาษีเรา!!

ที่คุณเห็นว่าประเทศเขาเจริญดูสะอาดหูสะอาดตา มันมีราคาที่ต้องจ่ายทั้งนั้นแหละ แต่คุณจะจ่ายไหวกันไหม? อย่างเรื่องขยะ ตอนที่ดิฉันอยู่รัฐซูริก ต้องซื้อถุงขยะเป็นม้วนๆ คุณจะมาใส่ถุงก๊อปแก๊ปไปทิ้งไม่ได้นะ เขาจับคุณได้เลยนะ คุณต้องซื้อถุงที่เขาใช้สําหรับทิ้งขยะ ซึ่งตรงส่วนนี้เราต้องจ่ายเงินนะ แล้วม้วนหนึ่งมันมีราคาที่แพงมาก คุณไหวไหม?

“อ้อ!! แล้วก่อนที่ดิฉันจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยในช่วง 2 ปีหลังมานี้ ก็มีบิลมาที่บ้าน เก็บค่าฟังวิทยุของดิฉันกับสามี หัวละ 300 ฟรังก์สวิสฯ หากตีเป็นเงินไทยก็ประมาณหมื่นกว่าบาท หรือคิดเป็นรายวัน จะตกวันละ 30 กว่าบาท ซึ่งดิฉันได้โทรไปถามว่า ดิฉันไม่ได้ฟังวิทยุนะ แต่เขาดันตอบว่าวิทยุมันก็มีอยู่ในรถของคุณ อ้าว!! ดิฉันจึงถามเขากลับไปว่า ถ้าดิฉันฟังไม่รู้เรื่อง ทําไมดิฉันต้องจ่าย? เขาจึงถามกลับมาว่า “เธอใช้อินเตอร์เน็ตไหม?” ดิฉันจึงตอบกลับว่า “ใช้ ซึ่งดิฉันก็จ่ายรายเดือนแยกต่างหากอยู่แล้ว” เขาเลยบอกว่า “อ๋อ… เพราะเธอได้รับข่าวสารจากตรงนี้ด้วย เลยต้องจ่าย” เมื่อถามว่าแล้วถ้าดิฉันไม่จ่ายล่ะ เขาตอบกลับมาว่า “ก็จะมีบิลเรียกเก็บเงินมาอีก และมันก็จะเพิ่มจํานวนเงินขึ้นไปอีกเรื่อยๆ และหากยังไม่จ่ายอีกก็จะเจอหมายเรียก”

“นี่คือ ภาษีที่ดิฉันต้องจ่าย ทุกอย่างที่คุณเห็นว่าสวยงาม มันมีราคาที่ต้องจ่ายหมดทุกอย่าง ดังนั้น ดิฉันไม่อยากให้คนไทยต้องด้อยค่าประเทศตัวเองให้มันมากนัก ดิฉันบอกเลยว่าที่ดิฉันไปอยู่มันก็เจริญจริงๆ แต่เขาก็เก็บเงินกับทุกอย่างเลยเหมือนกัน”

หลังจากที่คนไทยคนดังกล่าวได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับภาษีเสร็จ ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกับตั้งคำถามว่า “ต้องเสียภาษีเยอะๆ ถึงจะมีสิทธิ์พูด ‘ภาษีกู’ ได้งั้นเหรอ? จะเสียบาทสองบาท มันก็ภาษีเราทั้งนั้นแหละ” เจ้าของคลิปคนไทยจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณพูดเหมือนกับว่า คุณไม่เคยได้อะไรจากประเทศนี้เลย (ไทย) คุณคิดว่าที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการจ้างหมอ จ้างพยาบาล หรือแม้แต่ค่ายา คุณคิดว่าเขามาทํางานให้ฟรีเหรอ? อย่างถนนหนทางที่เขามาทําเป็นถนนลาดยาง หรือตอนที่คุณซื้อรถ คุณก็เสียภาษีนะ คุณเสียภาษีรายปี ใช่ นั่นคือภาษีของคุณ แต่คุณก็ไม่ได้ใช้ทางเดินควายขับรถนี่… 

“รัฐบาลก็เหมือนนักธุรกิจที่ต้องหาเงิน อันนี้ที่ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง ดิฉันพูดถึงเมืองนอก ว่าระบบกลไกของรัฐบาลเขาเป็นอย่างไร ทำไมเขาถึงมีเงินมาให้ประชาชนในประเทศเขาใช้ตอนเกษียณ เพราะเขาหักคุณไปเท่าไหร่ อันนั้นก็ต้องจ่าย อันนี้ก็ต้องจ่าย ซึ่งตรงนี้ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง แต่ถ้าฟังแล้วมันไม่เข้าหู ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วย”

ต่อมาได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า “ผิดประเด็นแล้ว ภาษีที่เขาว่า คือภาษีที่เสียไปกับ…ทั้งทางตรงและทางอ้อม” เจ้าของคลิปจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณไปดูกราฟอะไรมา คุณเสียภาษีเท่าไหร่? ขอถามหน่อย แล้วสิ่งที่คุณได้ไป มันไม่คุ้มเหรอ? แล้วคุณเสียภาษีปีหนึ่งเท่าไหร่? อย่างถ้าคุณเป็นเกษตรกร ภาษีมันก็ไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้น หรืออย่างชาวนาถ้าไปลงทะเบียนข้าวนาปี รัฐฯ เขาก็ยังช่วย แล้วภาษีที่คุณทํางาน คุณเสียเท่าไหร่? เวลาคุณหรือครอบครัวคุณจะไปรักษาตัว คุณเสียครั้งละเท่าไหร่ คุณจ่ายไปเท่าไหร่? คุณถือแค่บัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก ที่แสดงตัวตนว่าคุณเป็นคนไทย แล้วคุณได้รับการรักษา คุณยังคิดว่ามันไม่ดีพออีกเหรอ? 

“ดิฉันไม่ได้เป็นคนคลั่ง แต่อยากให้ลองพิจารณาตัวเองว่า ทุกวันนี้คุณเสียภาษีไปเท่าไหร่ แล้วได้กลับคืนมาเท่าไหร่” เจ้าของคลิปกล่าวทิ้งท้าย

เปิดภาพล่าสุด ‘สุชาติ แคปเจอร์’ เน็ตไอดอลในตำนาน  ที่ปังไม่หยุด!! ขึ้นเขียงอัปความอึ๋มของหน้าอก 200 ซีซี

(26 ก.ค. 66) ยังจำกันได้ไหม? ‘สุชาติ แคปเจอร์’ หรือ ‘สุชาติ จันทร์แก้ว’ ชื่อเล่นเธอเรียกตัวเองว่า ญาญ่า หนูน้อยตัวเล็กที่เรียกว่าสร้างสีสันและกลายเป็นไวรัลที่แชร์กันจนยอดเข้าชมคลิปถล่มทลายหลายล้านวิว จนได้เป็นเน็ตไอดอลคนดังในโลกโซเชียล

ล่าสุด สุชาติ แคปเจอร์ ก็ขอขึ้นเขียงทำศัลยกรรมอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่จมูกเหมือนเดิม แต่เป็นการเติมเต็มความเป็นสาวด้วยการเสริมหน้าอก พร้อมกับเผยหลังทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกว่า ทำขนาด 200 ซีซี เนื่องจากคุณหมอบอกว่าทำขนาดนี้พอดีแล้ว เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กนั่นเอง เรียกว่า อย่าหยุดสวยจริง ๆ

8 ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ 

หลังจากประเทศไทยเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เมื่อปี 2475 ก็ได้จัดการเลือกตั้งมาแล้วทั้งหมด 27 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ซึ่งพรรคการเมืองที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่พรรคก้าวไกล ได้ สส.ไปทั้งหมด 151 ที่นั่ง เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถรวมเสียงในสภาฯ ได้เกินกึ่งหนึ่ง ทำให้จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จึงต้องส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคะแนนมากเป็นอันดับที่ 2

เหตุการณ์อย่างที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ประสบพบเจอ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของไทย แต่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว 7 ครั้ง

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวม 8 ครั้งประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของไทย ที่แม้ ‘ชนะ’ แต่ ‘ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ’ จะมีปีไหนบ้าง? ด้วยเหตุผลอะไร? มาดูกัน!!

'จ้าวลี่อิง' นางเอกดังแดนมังกรเที่ยวเมืองไทย แวะชิม ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ พร้อมปรุงรสสุดแซ่บ

ทำเอาแฟนๆ อดยิ้มไม่ได้จริงๆ หลังมีการแชร์ภาพของ ‘จ้าวลี่อิ่ง’ (Zhao Liying) นางเอกซุปตาร์จีน วัย 35 ปี ที่แฟน ๆ จดจำจากซีรีส์ ‘จูเซียน กระบี่เทพสังหาร’ (Noble Aspirations), ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ (Princess Agents), ‘ตำนานหมิงหลัน’ (The Story of Ming Lan) รวมถึง ‘นางโจร’ (Legend of Fei) ที่เธอได้ประชันบทบาทกับ ‘หวังอี้ป๋อ’ (Wang Yibo) พระเอกรุ่นน้อง

ภาพที่ปล่อยออกมาเป็นเซ็ตภาพที่เธอคนนี้ลัดฟ้ากลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน และหนนี้เจ้าตัวได้แวะชิม ‘ของดีเมืองไทย’ เป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ หรือ ‘ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก’ แถมเธอยังดูเป็นสายชอบทานของแซ่บ เพราะมีภาพที่เธอตักพริกป่นจากพวกเครื่องปรุงแบบพูนช้อน!!

และก็น่าจะเพราะก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟมาแบบชามเล็กชามน้อยราคาย่อมเยาว์ นางเอกซุปตาร์คนดังก็เลยขอสั่งมาชิมเสียเต็มโต๊ะ ทำเอาแฟน ๆ และชาวเน็ตเห็นแล้วอดยิ้มกันไม่ได้จริง ๆ รวมทั้งพากันคอมเมนต์อวยพรให้ ‘จ้าวลี่อิง’ คนสวยของแฟนๆ ได้พักผ่อนชาร์จพลังระหว่างลัดฟ้ามาเที่ยวเมืองไทยหนนี้อย่างเต็มที่สุด ๆ ไปเลย

‘แจ็คสัน หวัง’ แต่งเต็มยศ สวมบทพนักงานเซเว่น เหล่าอากาเซ่เอ็นดู ลุ้น!! อาชีพต่อไปจะเป็นอะไร

(27 ก.ค. 66) หลังจากที่ปรากฏตัวสุดหล่อในงานอีเวนต๋ขายกาแฟ ก่อนจะไปร่วมเก็บขยะจนเกลี้ยงคลอง ล่าสุด ‘แจ็คสัน หวัง’ ทำแฟน ๆ เซอร์ไพรส์เมื่อโผล่ไปเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น แต่งตัวเต็มยศพร้อมป้ายพนักงานห้อยคอ โดยรับหน้าที่แคชเชียร์ คุยเล่นกับลูกค้า ทำเอาคนแห่ไปใช้บริการกันเพียบ แต่งานนี้โดนแซวหนักเพราะหนุ่มพนักงานสุดหล่อ นั่งรถหรูมาทำงาน แถมยังใส่เครื่องประดับแบรนด์หรูที่ตนเองเป็นพรีเซ็นเตอร์เรียกได้ว่า มาเมืองไทยรอบนี้ แจ็คสัน หวัง กิจกรรมแน่น ทำเอาแฟน ๆ รอดูว่าอาชีพต่อไป magic man คนนี้จะไปเซอร์ไพรส์ทำอะไรต่อ เรียกได้ว่าต้องคอยเกาะติดโซเชียลอัปเดตกันทุกชั่วโมงเลยทีเดียว

‘ก้อย อรัชพร’ อัปเดตเรื่องหัวใจ เผย ตอนนี้ยังไม่รีบมีใคร พร้อมบอก ยินดี!! หาก ‘นิกกี้’ มูฟออนมีความรักครั้งใหม่

(27 ก.ค. 66) หัวใจกำลังจะไม่ว่างเเล้วหรือเปล่าสำหรับ ‘นิกกี้ ณฉัตร’ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปออกรายการ What the fast ทางช่องยูทูบของ ดีเจเพชรจ้า เเละได้อัปเดตเรื่องหัวใจว่า น้องฝึกงานก็น่ารักดีเเต่น้องยังเด็กเพิ่งอายุ 21 คือไม่กล้า เราเป็นคนเxี้ยไง เอางี้เส้นพี่เป็นคนเxี้ย ก็พยายามจะเป็นคนดี เพื่อคนที่เรารัก แต่พอมันหมดแล้ว เรื่องส่งเมสเสจก็ไม่มีฝืนตัวเองอยู่

ล่าสุด ‘ก้อย อรัชพร’ ได้ออกมาเปิดว่า กับนิกกี้ตอนนี้คุยกันเรื่องหมาอย่างเดียว มีคุยงานบ้างไม่คุยเรื่องส่วนตัวเลย เห็นข่าวความรักครั้งใหม่ของนิกกี้เพราะมีคนส่งมาให้ดูเราก็บอกว่าอะไรที่เขาเเฮปปี้เราก็โอเค มันเป็นชีวิตเขาตอนนี้เราเหมือนเพื่อนกันเเล้วถ้ามูฟออนมีเเฟนใหม่ก็ยินดีด้วย

ส่วนเรื่องหัวใจของตัวเองตอนนี้ไม่รีบ ไม่ได้คุยกับใครจริงจัง อยากฟังตัวเองเยอะ ๆ ว่าเราต้องการอะไร เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องรีบ ทุกวันเราเหนื่อยงานอยู่เเล้วถ้ามีความรักมันจะต้องเป็นความสบายของเรา สบายใจที่ได้อยู่กับเขา

‘ตอลิบาน’ สั่งปิด ‘ร้านเสริมสวย-ทำผม’ ทุกแห่งในอัฟกานิสถาน ชี้!! เป็นเหตุเพิ่มภาระแก่ครอบครัวยากจน-ขัดต่อหลักศาสนา

(27 ก.ค. 66) คาบูล (เอเอฟพี/รอยเตอร์) ร้านเสริมสวยและร้านทำผมจำนวนมากทั่วอัฟกานิสถานปิดเป็นการถาวรตั้งแต่เมื่อวันอังคาร ตามคำสั่งของรัฐบาลตอลิบานที่ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน

เจ้าของร้านเสริมสวยและร้านทำผมหลายแห่งในกรุงคาบูล เริ่มเก็บข้าวของแกะแผ่นโฆษณาที่ติดบริเวณด้านหน้าร้านออก เพื่อเตรียมปิดกิจการเป็นการถาวร เช่นเดียวกับร้านเสริมสวยทั่วประเทศที่จำเป็นต้องเลิกกิจการ หลังจากกระทรวงส่งเสริมศีลธรรมและป้องกันสิ่งชั่วร้ายของอัฟกานิสถาน มีคำสั่งเมื่อปลายเดือนมิถุนายนให้ร้านเสริมสวยทุกแห่งทั่วประเทศปิดร้านภายในวันที่ 25 กรกฎาคม ให้เหตุผลว่าเงินที่ใช้จ่ายไปกับการเสริมสวยเป็นภาระให้แก่ครอบครัวยากจน และการเสริมสวยบางอย่างขัดต่อหลักศาสนา กระทรวงระบุว่า การแต่งหน้ามากเกินไปเป็นอุปสรรคต่อการชำระล้างก่อนละหมาด และได้ห้ามการต่อขนตาและการทอผมด้วย

ร้านเสริมสวยผุดขึ้นทั่วกรุงคาบูลและหลายเมืองในอัฟกานิสถานตลอดช่วง 20 ปี ที่กองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน โดยเป็นทั้งสถานที่พบปะสังสรรค์และแหล่งทำมาหากินของบรรดาผู้หญิง หอการค้าและอุตสาหกรรมสตรีอัฟกานิสถานประเมินว่า คำสั่งปิดร้านเสริมสวย 12,000 แห่งเป็นการถาวรจะทำให้ผู้หญิงกว่า 60,000 คนสูญเสียรายได้ สัปดาห์ที่แล้ว ทางการได้ยิงปืนขึ้นฟ้าและใช้สายดับเพลิงฉีดสลายกลุ่มผู้หฯิงจำนวนหนึ่งที่ชุมนุมประท้วงคำสั่งปิดร้านเสริมสวย

บรรดาเจ้าของกิจการร้านเสริมสวยและร้านทำผม บอกว่าปลงกับชีวิต เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาแล้วสมัยตอลิบานเรืองอำนาจเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อีกคนบอกว่าขอเรียกร้องให้ตอลิบานเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงได้ทำมาหากินบ้าง เพราะผู้หญิงก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอัฟกันเหมือนกับผู้ชาย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ยึดอำนาจและตั้งตนขึ้นเป็นรัฐบาลในเดือนสิงหาคม 2021 รัฐบาลตอลิบานได้สั่งห้ามเด็กหญิงและสตรีไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ห้ามไปสวนสาธารณะ สวนสนุก สถานออกกำลังกาย และสั่งให้ต้องปกปิดร่างกายเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ รวมถึงต้องมีผู้ชายที่เป็นคนในครอบครัวอยู่ด้วยหากต้องเดินทางไกล

‘ยายวัย 88 ปี’ ตัดไม้เผาถ่านขายทุกวัน เพื่อมาเลี้ยงดูลูกชายที่ป่วย เพื่อนบ้านเร่งช่วยเหลือ หลังเห็นสภาพบ้านทรุดโทรม-หลังคาผุพัง

(27 ก.ค. 66) น.ส.อารมณ์ อิ่มสำราญ อสม.ตำบลพักทัน ได้ส่งเรื่องคุณยายวัย 88 ปี มีอาการหลงลืม หูตึงอย่างหนัก แต่สุขภาพยังแข็งแรง ออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปหาไม้มาเผาถ่านทำฟืนไว้ใช้ทำกับข้าวในบ้าน หรือถ้าถ่านเหลือมากก็มีคนมาช่วยซื้อ เลี้ยงดูลูกชายอายุ 55 ปี ซึ่งป่วยมีโรครุมเร้าหลายโรค โดยบ้านของยายมีสภาพที่ทรุดโทรม หลังคาสังกะสีมีรอยรั่วเป็นจำนวนมาก อยากหาคนมาช่วยเปลี่ยนหลังคา ซ่อมแซมบ้านให้ยาย

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 2 ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี พบบ้านปูนชั้นเดียวมีสภาพที่ทรุดโทรมมาก แต่ไม่เจอยาย พบลูกชายของยายทราบชื่อ นายดาวเรือง รุ่งกำจัด อายุ 55 ปี ทราบว่าเป็นคนป่วยหลายโรค เพิ่งออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านเมื่อไม่นาน บอกว่าแม่ไม่อยู่ออกไปหาฟืนข้างนอก

ผู้สื่อข่าวจึงออกไปตามหากับ น.ส.อารมณ์ อสม.ตำบลพักทัน พบยายทราบชื่อคือ ยายกี รุ่งกำจัด อายุ 88 ปี กำลังเลื่อยไม้จากต้นไม้ที่หักล้มอยู่ริมคลอง เลยช่วยกันตะโกนให้ยายขึ้นมา ยายกีจึงเก็บของโยนเลื่อย เสียม และของใช้ส่วนตัวในถุงผ้าขึ้นมาบนฝั่งและปีนตามขึ้นมา สภาพคนแก่วัย 88 ปี หลังค่อม ที่ควรพักผ่อนอยู่บ้าน มีลูกหลานคอยดูแล แต่ยายกี กลับต้องมาหาฟืนท่ามกลางแดดร้อนๆ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหดหู่และสงสารยายกียิ่งนัก

โดยพูดคุยกับยายกี ไม่ค่อยรู้เรื่องนักเนื่องจากแกหูตึงมาก เวลาพูดต้องคอยตะโกน มีอาการหลงลืมเรื่องอายุตัวเองบอกว่า ตัวเองอายุ 92 ปีแล้ว แต่หลังจากดูบัตรประชาชนของยายกี จึงทราบว่า ยายกี อายุ 88 ปี จึงพากลับมาคุยกันที่บ้าน

นายอนันต์ เพชรักษ์ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียงเล่าว่า ก่อนหน้านั้นตนไปทำงานที่อื่น หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านได้ 2 เดือน เห็นสภาพ ยายกี กับครอบครัว ก็มีความสงสารจึงให้ความช่วยเหลือโดยช่วงเย็นจะให้เด็กๆ มาช่วยขนฟืนที่ยายกีเลื่อยไว้เอาไปส่งให้ที่บ้าน และคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน ซึ่งก่อนหน้านั้นทราบว่า ยายกี ในชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้า หลังจากกินข้าวเช้าและทำอาหารไว้ให้ลูกชาย ก็จะออกมาหาฟืน กลับเข้าบ้านตอนบ่ายเพื่อกินข้าว และออกมาหาฟืนจนเย็นจึงจะกลับบ้าน

มือนึงจะถือไม้เท้า อีกมือนึงจะเข็นรถลากเพื่อไว้ขนฟืนเดินลากกลับบ้าน แต่ตอนนี้สภาพรถลากนั้นพังหมดแล้ว จึงต้องให้เด็กๆมาช่วยยายกี ขนฟืนไปส่งที่บ้านแทน ยายกีเป็นคนดี ไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากใคร ใครช่วยเหลือไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ยายก็จะยกมือไหว้ให้พรยืดยาวทุกคน ชาวบ้านแถวนั้นเลยรักยายกีกันทั้งหมด

นายธิติพล มานพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลพักทัน เล่าว่า ยายกี มีลูกชาย 4 คน คนโตแยกย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น อีก 2 คน ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำเกี่ยวกับยาเสพติด และนายดาวเรืองที่เป็นคนป่วย ยายกี มีเงินยังชีพด้วยเงินผู้พิการเดือนละ 800 รวมกับเบี้ยคนชราอีก 900 บาท รายได้อื่นไม่มี แต่เนื่องจากลูกชายที่ติดยาก่อนที่จะต้องโทษนั้น จะชอบลักเงินยายกีอยู่เสมอ และไม่เคยช่วยเหลืองานยายกีเลย หรือบางทีก็มีขโมยที่ติดยาแถวนั้น ชอบมางัดบ้านเพื่อที่จะขโมยข้าวสาร อาหารแห้ง

ทาง อบต.พักทัน จึงตั้งคณะกรรมการคอยดูแลเรื่องเงินและการกินอยู่ของยายกี โดยมาดูยายกีสม่ำเสมอ เครื่องใช้ไฟฟ้าของยายกีมีเพียงพัดลม 1 ตัว และมีมุ้งเก่าๆ ที่ไว้กันยุงเวลานอน

ด้านเลขาของ นายสายชล ฉิมพาลี นายก อบต.พักทัน เล่าว่า ทาง อบต.พักทัน ได้คอยดูแลยายกี เรื่องอาหารการกินมาตลอด อีกทั้งเรื่องเงินของยายกีที่เก็บไว้ให้ก็สามารถมาเบิกได้ตลอด และมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบดูแล ทางนายกฯ ได้นำหลังคากระเบื้องมาให้เพื่อซ่อมแซมหลังคาที่รั่วอยู่ และมีเงินสำหรับซ่อมแซมเพียง 5,000 บาท ซึ่งยังไม่เพียงพอกับการซ่อมแซม จึงฝากช่วยบอกบุญผู้ที่ใจบุญต้องการช่วยเหลือ ยายกี ในการซ่อมแซมหลังคาบ้าน ปีนี้ยังโชคดีที่ฝนตกไม่หนักมาก แต่ถ้าปีไหนฝนตกหนัก ยายกีจะลำบากมากๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือยายกี สามารถประสานกับทาง องค์การบริหารส่วนตำบลพักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เบอร์โทรของนายก สายชล คือ เบอร์โทร. 088 235 6414 หรือเบอร์ของเลขานายกฯ โทร.087 044 9909 หรือเบอร์ น.ส.อารมณ์ อสม.ตำบลพักทัน โทร.098 268 0292

สำหรับเลขที่บัญชีธนาคารของยาย ธนาคารออมสิน เลขที่ 0202 7728 5068  ชื่อบัญชี นางกี รุ่งกำจัด

WHO ชื่นชม ‘รัฐบาลไทย’ ป้องกันเด็กจมน้ำต่อเนื่อง ส่งเสริม ‘เด็ก-ปชช.’ มีทักษะเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ

(26 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชมมาตรการ ‘ผู้ก่อการดี’ ป้องกันการจมน้ำของไทย ภายใต้แนวคิด ‘Do one thing - Improve one thing - Add one thing’ หรือ ‘เริ่มทำ - ทำต่อ - ต่อขยาย...คนไทยไม่จมน้ำ’ ช่วยลดอัตราการจมน้ำของเด็กไทยได้ถึง 33.5% ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563

โดยรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและมีนโยบายเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะการให้เด็กไทยว่ายน้ำเป็น สามารถลอยตัวในน้ำหรือรอให้คนมาช่วยได้ การออกกำลังกาย และการเรียนสองภาษา โดยยังได้ตั้งเป้าลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เหลือ 2.5 คนต่อประชากรเด็กแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กไทยกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยในทุกปีมีคนไทยจมน้ำกว่า 1,500 คน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินการอย่างเด็ดขาดและครอบคลุม โดยได้ริเริ่มกระบวนการดำเนินการป้องกันการจมน้ำภายใต้ชื่อ ‘ผู้ก่อการดี (Merit Maker)’ ซึ่งตั้งแต่เริ่มในปี พ.ศ. 2558 ผู้ก่อการดีได้ผ่านการพัฒนา และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับให้เข้ากับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า WHO ยังได้ชื่นชมประเทศไทยที่แสดงให้เห็นว่าสามารถดำเนินการป้องกันการจมน้ำในระดับชาติได้ และไทยยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการป้องกันในวงกว้าง อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โครงการของรัฐบาลเพื่อป้องกันการจมน้ำได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานในการจัดทำระบบและเครือข่ายการป้องกันการจมน้ำในระดับประเทศอย่างครอบคลุม ทำให้ในช่วงระยะเวลา 6 ปี (ปี 2558-2564) เกิดทีมผู้ก่อการดี 4,931 ทีม ครอบคลุม 746 อำเภอใน 76 จังหวัด ส่งผลให้แหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน 25,885 แห่ง ได้รับการจัดการให้เกิดความปลอดภัย เกิดแหล่งเรียนรู้การเรียนการสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 746 อำเภอ และเกิดครูสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 38,816 คน

นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังได้รับประโยชน์โดยตรง ได้แก่ เด็ก 998,587 คน ได้เรียนว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอด เมื่อตกลงไปในน้ำ ประชาชนและเด็ก 74,886 คน ได้รับการฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น ทั้งจากการจมน้ำและจากสาเหตุอื่น ๆ

“การดำเนินการจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องเกิดจากความตระหนักรู้ และความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ช่วยกันสร้างเกราะป้องกัน สร้างทักษะให้ประชาชนสามารถเอาตัวรอดได้ โดยรัฐบาลได้ร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้ให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการจมน้ำ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและประชาชนทั่วไปมีทักษะความปลอดภัยทางน้ำ โดยดำเนินมาตรการให้ครอบคลุมทุกปัจจัยเสี่ยง เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด” น.ส.รัชดากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top