Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

‘ประเสริฐ’ ลั่น!! ‘พท.’ พร้อมโหวตนายกฯ เสมอ ส่วนประชุม 8 พรรคร่วมยังไม่มีกำหนด

(26 ก.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลื่อนประชุม 8 พรรคร่วมว่า เราแจ้งไปว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก 8 พรรคยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ประกอบกับที่รับทราบมาว่า ประธานรัฐสภาฯ จะเลื่อนประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเลื่อนการประชุม 8 พรรคออกไปก่อน ส่วนจะประชุมเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่ได้นัดหมาย

เมื่อถามว่า คาดว่าจะได้โหวตนายกรัฐมนตรีวันไหน นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องรอประธานรัฐสภานัดหมายมา หากมีการนัดหมายมาเมื่อไหร่เราก็พร้อม

เมื่อถามว่า การประชุม สส. ของพรรควันนี้ จะมีการเคาะชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารตกลงกันแล้ว และมีมติให้หัวหน้าพรรคพิจารณาตัดสินใจได้เลย

เมื่อถามถึง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะกลับประเทศไทยวันที่ 10 สิงหาคมนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนก็เพิ่งทราบจากการเปิดเผยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับสื่อ

'โบว์ ณัฏฐา' แนะคนไทยมองการเมืองเป็นการทำงานเพื่อชาติ ไม่ใช่มองทุกอย่างเป็นละครที่มี 'พระเอก-นางเอก- ธรรมะ-อธรรม'

(26 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

คนต้องเลิกมองการเมืองเหมือนคนดูละครน้ำเน่า แล้วมองการเมืองเป็น 'การทำงาน' มีเป้าหมายของงานที่ต้องทำให้สำเร็จอยู่ตรงหน้า คนรับประโยชน์จากงานคือประเทศชาติ คือประชาชน 

จะได้เลิกประสาท มองทุกอย่างเป็นละครมีพระเอกนางเอก ฝ่ายธรรมะอธรรม ผู้ร้าย ตัวโกง พ่อมดแม่มด รักกันเลิกกัน พ่อแง่แม่งอน บ้าบ้าบอบอ แล้วนั่งโกรธเกรี้ยวกรีดร้องฟูมฟาย ตีอกชกหัวอยู่หน้าจอ

ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่คนทำงาน
ทำงาน เจอปัญหา แก้ปัญหา ทำงานต่อ

‘นานา’ โพสต์ซึ้ง ครบรอบแต่งงาน 13 ปี “ขอบคุณที่ยังมีกันและกัน” ด้าน ‘เวย์ ไทเทเนี่ยม’ ไม่น้อยหน้า!! เปย์แบรนด์หรูให้ภรรยาสุดที่รัก

(26 ก.ค. 66) อีกหนึ่งคู่รักคนบันเทิงที่ครองรักกันมาอย่างยาวนาน ลูกสองแล้วแต่ขาเตียงยังมั่นคงแข็งแรง สำหรับคู่รัก ‘นานา ไรบีนา’ และแร็ปเปอร์หนุ่ม ‘เวย์ ไทเทเนี่ยม’ สำหรับเมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) เป็นวันคล้ายวันครบรอบแต่งงาน 13 ปี ของทั้งคู่

ล่าสุด ‘นานา’ ก็ได้โพสต์ย้อนวันวานโมเมนต์แต่งงานชื่นมื่น พร้อมข้อความในใจว่า

“วันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว 25 July คือจุดเริ่มต้นของคำว่า ‘เรา’ ผ่านอะไรกันมามายเหลือเกิน เขียนไปคงยาวมาก แต่วันนี้สิ่งที่เรียกว่าความสุขที่สุดคือ ตื่นมาแล้วยังมีกันและกัน และยังอยากจะจับมือกัน ไม่ว่าวันนั้นจะยากหรือง่ายก็ตาม ยังอยากยิ้มไปด้วยกัน มองลูก ๆ โตไปด้วยกัน หัวเราะไปด้วยกัน ทะเลาะแล้วดีกัน support และดูแลซึ่งกันและกัน แค่นั้นมันคือดีที่สุดแล้ว Thank you for being you and for being mine @daboyway I love you with all my heart #happy13thanniversary…”

ขณะที่ ‘เวย์ ไทเทเนี่ยม’ ยังคลั่งรักศรีภรรยาไม่เปลี่ยน เปย์ของแบรนด์หรู bvlgari เนื่องในวันครบรอบแต่งงาน 13 ปีอีกด้วย

เมื่อรัฐบาลรักษาการ ไม่ใช่จะทำได้ทุกเรื่อง  ปล่อยนาน ‘ศก.ฟุบ-ลงทุนหด-ประเทศชาติพัง’

มีบางคนเสนอว่า ให้รออีก 10 เดือน เพื่อให้ 250 สว.หมดวาระ และหมดสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเสนอเช่นนั้น ผมตั้งสมมติฐานว่า เป็นการเสนอเป็นทางออกให้กับพรรคก้าวไกล ในการเสนอชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบใหม่เมื่อไม่มี สว.คอยขัดขวางแล้ว

แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่เป็นการเสนอเพื่อให้เป็นทางออกของการเมือง ไม่ใช่ทางออกของประเทศ เวลานี้การเมืองยังมีไพ่ให้เล่นอีกหลายใบ บางพรรคอาจจะอมสเปโตอยู่ แต่ตีบทใจแข็ง ‘ก็ไม่ถอย’ ระวังเพื่อน ‘น็อคมืด’ ตัวเองติดสเปโตด้วย

แต่บางพรรคอาจจะไม่มีไพ่ดีในมือ แค่ส่งเสียงขู่ คำราม ตีไพ่เสียงดัง หรือตีไพ่ให้เพื่อนกิน เผื่อตัวเอง ‘น็อคมืด’

พรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ควรเร่งรีบเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นขั้วไหนก็แล้วแต่ เพราะยิ่งช้าประชาชนจะยิ่งเสียโอกาส

รัฐบาลรักษาการไม่ใช่ทำได้ทุกเรื่อง บางอย่างมีข้อจำกัดอยู่ ปล่อยให้มีรัฐบาลรักษาการไปนานๆ ประเทศชาติจะเสียหาย กระทบกับเศรษฐกิจ การลงทุน

สิ่งที่จะเกิดกับเศรษฐกิจไทย คือ ต้องยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ภาคเอกชนเป็นตัวเสริม

อีกสองเดือนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ก็จะจบลงแล้ว และ 1 ตุลาคม ต้องเริ่มต้นปีงบประมาณให้ 2567 แต่จนถึงขณะพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา 100% ไม่อาจพิจารณาให้ทันใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นแน่แท้

กระบวนการพิจารณางบประมาณประจำปี ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-4 เดือน จึงเชื่อได้ว่า วงเงินงบประมาณใหม่ปี 2567 น่าจะใช้ได้ประมาณเดือนมกราคม หรือกุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับการเมืองว่าจะจบ หรือเข้ารูปเข้ารอยเมื่อไหร่ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้วางกรอบและจัดทำร่างไว้เสร็จแล้ว รอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาเท่านั้นเอง

เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่สามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ จึงต้องใช้กรอบวงเงินงบประมาณปี 2566 ไปก่อนได้ สำหรับใช้เป็นงบบริหาร เช่น เงินเดือนข้าราชการ แต่จะใช้งบลงทุนใหม่ไม่ได้ ตรงงบลงทุนที่ทำอะไรไม่ได้นี้แหละจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวย่อมกระทบต่อประชาชนด้วย การจ้างงานก็อาจจะมีปัญหา

รัฐบาลหน้าจึงมีเวลาในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2567 เพื่อการลงทุนภาครัฐเพียงประมาณ 8 เดือนเท่านั้นเอง

ปัญหาที่เห็นอยู่ข้างหน้า...

1. การจัดทำ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้าออกไปอีก 
2. นักลงทุนต่างชาติเข้าสูโหมด Wait&See รอนโยบายจากรัฐบาลใหม่
3. ภาคเอกชนในประเทศรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่เช่นกัน
4. ประเทศขาดรัฐบาลมาวางนโยบาย ในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ
5. GDP ปีหน้าน่าจะขยายตัวได้ในระดับที่เรียกว่า ‘แย่’ ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้

ฉะนั้นการเสนอให้รออีก 10 เดือนจะยิ่งไปกันใหญ่ พรรคการเมืองก็ไม่ควรคิดในกรอบนี้ อันเป็นข้อเสนอที่หาทางออกให้พรรคการเมืองบางพรรค ไม่ใช่หาทางออกให้ประเทศ ประเทศชาติยังมีทางออก ถ้าพรรคการเมืองบางพรรคผ่อนคลายเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลลงมาบ้าง ไม่ใช่ตึงจนขาด

รัฐบาลผสมไม่มีพรรคไหน หรือใครได้ไป 100% เพราะรัฐบาลผสมก็ต้องมาจากนโยบายของหลายพรรคการเมือง จึงเป็นเรื่องของการเจรจา ต่อรอง บนผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน อย่ารักชาติ รักประชาชนแค่ลมปากบนเวทีปราศรัยต่อหน้ามวลชน หรือให้สัมภาษณ์สื่อ ต่างกอดรัดฟัดประชาชนไว้ด้วยความรัก

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายที่ถูกส่งให้ไปเป็นฝ่ายอนุรักษ์ก็ตาม ควรจะใช้ทันสมองที่มีอยู่คิดร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ อันไหนยอมได้ก็ต้องยอม ผ่อนได้ก็ต้องผ่อน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

เวลานี้พรรคหนึ่ง อย่างก้าวไกลก็ไม่ยอมเรื่องแก้ ม.112 อ้างว่าเป็นเรื่องที่รับปากไว้กับประชาชน ยังยืนยันเดินหน้าด้วยกลไกของสภา แม้ไม่มีอยู่ใน MOU ก็ตาม กลัวว่าจะเสียสัจจะ จนทำให้แพ้โหวตในสภามาแล้ว เมื่อสมาชิกวุฒิสภาไม่ยกมือสนับสนุน

อีกขั้วหนึ่ง 4-5 พรรค ทั้งพลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ, ชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ต่างเสียงแข็งไม่เอาก้าวไกล ไม่อาจทำงานร่วมกันได้ ไม่ร่วมงานกับพรรคที่แก้ ม.112

การเมืองจึงมาติดกับดักอยู่ตรงนี้ เดินหน้าไปยาก แต่ถ้าพรรคการเมืองผ่อนหนักผ่อนเบา อันไหนยอมได้ก็ยอม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แล้วไปหาเหตุผลอธิบายกับประชาชน อธิบายกับมวลชนของพรรค เวลานี้แต่ละพรรคผวากับ ‘ผิดสัจจะ’ หรือ ‘ตระบัดสัตย์’ จนขยับตัวไปไหนไม่ได้ กลัวเลือกตั้งสมัยหน้าจะสูญพันธุ์บ้าง

การเมืองอธิบายได้หมด ขอให้เป็นทางออกที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชน แต่อาจจะไม่ถูกใจคนทั้ง 100 เท่านั้นเอง

ไม่อยากเห็นวงจรอุบาทว์เข้ามาอาศัยจังหวะเบียดแทรกเข้ามาในสถานการณ์ที่การเมืองยังไม่ลงตัว

‘บิ๊กตู่’ อัปเดตความคืบหน้าการพัฒนาประเทศไทย พร้อมขอทุกคนร่วมมือ-สามัคคี สร้างสิ่งดีๆ สืบต่อไป

(26 ก.ค. 66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ระบุว่า…

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

ผมยังคงเฝ้าติดตาม ผลักดัน และกำกับดูแลแผนงาน-โครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่ม หรือสานต่อไว้ในทุกๆ เรื่องอย่างต่อเนื่อง และเสมอต้นเสมอปลาย โดยมีตัวชี้วัดและมุมมองจากประชาคมโลกหลายอย่าง ที่ยืนยันถึงการขับเคลื่อนประเทศของเรานั้น เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสมกับยุคสมัย รองรับการพัฒนาในอนาคต เช่น (1) การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม (2) การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ดีขึ้น (3) การพัฒนาที่มุ่งเน้นความยั่งยืน เป็นต้น

โดยในวันนี้ (26 ก.ค.66) ผมขออัปเดตข้อมูลความคืบหน้า และทำความเข้าใจเพิ่มเติม สำหรับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาพรวมบ้านเมืองของเรา ดังนี้

1. การเงินการคลัง ณ ปัจจุบัน ถือว่ามีเสถียรภาพเข้มแข็งเพียงพอ สำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน-เร่งด่วนที่อาจจะเกิดขึ้น หรือคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 เดือนเศษ ของปีงบประมาณ 2566 (นับถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566) เช่น น้ำท่วม-น้ำแล้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตลอดจนการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ เป็นต้น สำหรับทุนสำรองระหว่างประเทศก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง มากพอสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในสายตาชาวโลก

2. การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น 
(1) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน เส้นทางนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทางรวม 420 กิโลเมตร มีความคืบหน้าในภาพรวมตลอดเส้นทาง มากกว่า 90% คาดว่าแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 นี้ ที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า รองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวและระบบเศรษฐกิจ เชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้ของประเทศ สำหรับสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร คืบหน้าราว 80% และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ก็คืบหน้ากว่า 95% (ไม่รวมอุโมงค์รถไฟ 5 กิโลเมตร) 

(2) โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ)  คืบหน้ากว่า 82.55% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567 เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า-พืชผลทางการเกษตร ระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน กระจายรายได้และความเจริญในภาคอีสาน และภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ

3. การสร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เกิดจากความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจากประคมโลกในด้านต่างๆ เช่น 

(1) รายได้จากการท่องเที่ยวช่วง 7 เดือนนี้ สะสมรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวสะสมกว่า 14 ล้านคน เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากกว่า 0.56 ล้านคน   
(2) นักลงทุนต่างชาติ สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC ช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566  มีมูลค่าการลงทุนกว่า 10,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ของเงินลงทุนทั้งหมดในประเทศไทย
(3) การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 15% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี 2565 รวมมูลค่าการลงทุน 48,927 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 3,222 คน อีกทั้งตลาดรถ EV ในประเทศ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง เพียงช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ มียอดจดทะเบียน EV มากถึง 31,738 คัน ขยายตัวถึง 3 เท่า ของจำนวนทั้งหมดในปี 2565

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เดินหน้าเจรจากับต่างประเทศเพื่อการเปิดตลาดการค้าใหม่ และกระชับความสัมพันธ์เพื่อขยายการค้าการลงทุน เช่น ความร่วมมือทางการค้าของไทย-มาเลเซีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าในระบบเศรษฐกิจระหว่างกันประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท ให้ได้ในปี 2568 โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนในมาเลเซีย เช่น ธุรกิจสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารไทย และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว-การก่อสร้าง เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ คือ ความพยายามของผมที่ไม่เคยลดละ ที่จะสร้างโอกาส-สร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิม ให้กับประชาชนทุกคน โดยผมเห็นว่าความสำเร็จเหล่านี้ เกิดจากความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจกันของคนในชาติ อีกทั้งความสงบสุขของบ้านเมืองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้การพัฒนาต่างๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมขอให้เราทุกคนช่วยกันรักษาบรรยากาศดีๆ นี้ ให้เป็นปกติสุขคู่สังคมไทยตลอดไปด้วยครับ

'บิ๊กป้อม' ถก 'กก.กกท.' เคาะเปลี่ยนชื่อกีฬาว่ายน้ำให้เข้ากับสากล พร้อมกำชับความพร้อมขั้นสุด หลังไทยเจ้าภาพ 2 กีฬาใหญ่ปี 67

(26 ก.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7/66

ที่ประชุมเห็นชอบ เปลี่ยนชื่อชนิดกีฬา จากว่ายน้ำ (Swimming) เป็นกีฬาทางน้ำ (Aquatics) ตามที่สหพันธ์กีฬาทางน้ำนานาชาติ ได้เปลี่ยนชื่อให้ครอบคลุม 6 ประเภทกีฬา คือ ว่ายน้ำ, โปโลน้ำ, กระโดดน้ำ, ระบำใต้น้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน และกระโดดหน้าผา และเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 งบกลาง อุดหนุนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 88 สมาคม เป็นเงิน 60 ล้านบาท และ สมาคมกีฬาจังหวัด ปี 66 จำนวน 77 สมาคม เป็นเงิน 40 ล้านบาท

นอกจากนั้นรับทราบ มติที่ประชุมสมัชชาสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย เห็นชอบให้ประเทศไทย เลื่อนการแข่งขันกีฬาเอเชียอินดอร์และมาเชี่ยนอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 64 จากเดิม 17-26 พ.ย.66 เป็น 24 ก.พ. - 6 มี.ค.67

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วางแผนการดำเนินงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชียนอินดอร์เกมส์ และมาเชี่ยล อาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 โดยเก็บบทเรียนการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพการแข่งขันดังกล่าว มีความสมบูรณ์และได้รับการยอมรับจากนานาชาติด้วยดี

‘น้องแพร BABYMONSTER’ มารยาทดีมาก!! ก้มโค้งให้การ์ดหน้าตึก YG ทุกครั้งที่เดินผ่าน

(26 ก.ค. 66) เตรียมตัวเป็นไอดอล K-POP อีกคนเเล้วสำหรับสาวไทยคนเก่งอย่าง PHARITA หรือ ‘น้องแพร’ หนึ่งในสมาชิกวง BABYMONSTER ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง YG Entertainment

ล่าสุดในโลกโซเชียลได้เเชร์ภาพของ น้องเเพร ขณะกำลังเดินเข้าตึก เเละน้องเเพรได้โค้งให้พี่การ์ดหน้าตึก โดยผู้โพสต์ยังบอกอีกด้วยว่า น้องเเพรจะโค้งทุกครั้งขณะที่เห็นพี่การ์ดอยู่หน้าตึก เเละชื่นชมว่าน้องเเพรเป็นเด็กที่มีมารยาทดีมาก ๆ

‘อดิศร’ ยินดี ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน  มั่นใจไม่กระทบภายใน ‘เพื่อไทย’ 

(26 ก.ค. 66) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ว่า ได้ทราบจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ จึงยินดีต้อนรับนายทักษิณกลับบ้าน พร้อมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของนายทักษิณวันนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งทราบว่า ที่นายทักษิณเดินทางกลับครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการไปรับ-ส่งหลานไปโรงเรียน และเห็นว่า นายทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ถูกกระทำ และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่สร้างคุณูประการให้กับประชาชนมากมาย โดยเฉพาะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

ส่วนการเดินทางกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้จะส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายอดิศร มั่นใจว่า ไม่มีเพราะนายทักษิณเป็นที่เคารพนับถือ ของคนในพรรคอยู่แล้ว ส่วนกลับมาแล้ว ต้องรับโทษอย่างไรนั้น ตนไม่ทราบขั้นตอน แต่เห็นว่า นายทักษิณ เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาบ้านเมือง และเชื่อว่าทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

‘ก็อตจิ-กอล์ฟ’ ประกาศปิดตำนานรายการเทยเที่ยวไทย ขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามตลอดระยะเวลา 12 ปี

เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเติบโตมาพร้อมกับ 4 เทยตัวแม่อย่าง ป๋อมแป๋ม, กอล์ฟ, ก๊อตจิ และเจนนี่ ปาหนัน จากรายการ ‘เทยเที่ยวไทย’ อย่างแน่นอน รายการท่องเที่ยว แฝงความตลกขบขัน ซึ่งเดินทางมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 12 ปี

ล่าสุด (26 ก.ค. 66) ‘ก๊อตจิ ทัชชกร’ หนึ่งในพิธีกร รายการเทยเที่ยวไทย ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @godji_godji พร้อมแนบลิงก์ตัวอย่างรายการ เทยเที่ยวไทย ที่จะออกกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค.66 นี้ ระบุข้อความว่า…

“เทยเที่ยวไทย สัปดาห์นี้ปิดซีซั่นแล้วนะคะ 🙂 ซีซั่นที่ยาวนานมาถึงเกือบ 12 ปี ขอบคุณทุกคนจากใจจริง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ จนกว่าจะพบกันใหม่นะคะ :)”

ต่อมา ‘กอล์ฟ กิตติพัทธ์’ อีกหนึ่งพิธีกรร่วมในรายการ ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @gorfern เป็นการตอกย้ำถึงการปิดซีซันแสนยาวนานของเทยเที่ยวไทย ที่กำลังจะจะถึงนี้ว่า…

“ทุก ๆ การเดินทางย่อมมีปลายทางด้วยกันทั้งนั้น…เทยเที่ยวไทย”

สำหรับรายการเทยเที่ยวไทย ในตอนสุดท้าย ทั้ง 4 เทยและทีมงานทั้งหมด จะพาทุกคนกลับไปเที่ยวพัทยา จุดเริ่มต้นของรายการในตอนที่ 1 จะออกอากาศในวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 เวลา 22.00 น. ทางช่อง GMM25 และรีรันทางยูทูปช่อง เทยเที่ยวไทย & friends

ผบ.ตร. นำชาวชัยภูมิ กว่า 1 พันคน พร้อมกำลังพลจิตอาสาร่วมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2566) เวลา 09.00 น. ที่สวนป่าสาธารณะ บ้านตาดพัฒนา หมู่ที่ 13 ตำบลตลาดแร้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. , นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. , ศูนย์จิตอาสาพระราชทานจังหวัดชัยภูมิ , ตำรวจภูธรภาค 3 , จังหวัดชัยภูมิ , ฝ่ายปกครอง , ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ นักเรียน นักศึกษา สถาบันการศึกษา โรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ และประชาชนจิตอาสา กว่า 1,000 คน

โดยทั้งหมด ร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ซึ่งพันธุ์กล้าไม้จำนวน 6,000 ต้น ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีการเพาะเห็ดป่าไมคอร์ไรซากินได้ ประเภท เห็ดเผาะ เห็ดระโงก ที่โคนต้นไม้ทุกต้นด้วย 

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เป็นที่รักและเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ด้วยการนำกำลังพลจิตอาสาจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น สถานศึกษา ประชาชน  เป็นความร่วมมือร่วมใจกันของชาวจังหวัดชัยภูมิ ด้วยแนวคิดคำว่า “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน 

โดยการปลูกป่าชัยภูมิ เพื่อหวงแหนรักษาป่า ทำให้ผืนป่าเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ เป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ สร้างความชุ่มชื้น สร้างระบบนิเวศน์ ให้ชุมชนอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูล และมีรายได้งอกเงยเลี้ยงครอบครอบครัว ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไม้มีค่า เพื่อสร้างแหล่งอาหาร สร้างรายได้ให้ชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน อย่างยั่งยืนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top