Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

ห้ามพลาด!! ‘สวนนงนุชพัทยา’ จัดประกวด ‘ถ่ายภาพสวนสวย’ ชิงเงินรางวัลเกือบ 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. - 10 ต.ค.นี้

(26 ก.ค. 66) สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี จัดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายสวนสวย ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “ว้าวสวนนงนุชพัทยา” บันทึกภาพมุมสวย ๆ ร่วมประกวดชิงเงินรางวัลเกือบ 1 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม ถึง 10 ตุลาคม 2566

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า การกลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมประกวดถ่ายภาพ ณ สวนนงนุชพัทยา สวนสวยที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก สำหรับกิจกรรมประกวดภาพถ่ายประจำปี 2566 นี้ ภายใต้หัวข้อ "ว้าว สวนนงนุชพัทยา 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก" โดยได้แบ่งหัวข้อออกเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่

1.ภาพถ่ายจากกล้องถ่ายภาพทั่วไปรวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
2.ภาพถ่ายทางอากาศด้วยอุปกรณ์โดรน
3.Nongnooch’s AI-Based Image โดยมีการจัดประกวดครั้งแรกอย่างเป็นทางการ และให้มีการใช้ภาพถ่ายจริงที่เกิดขึ้นที่สวนนงนุชพัทยา ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี AI ที่ป้อนคำสั่งทั้งจาก Keywords ต่าง ๆ

การแถลงข่าวในครั้งนี้ได้จัดขึ้น ณ ห้องแคลทรียา ซึ่งเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงใหม่ล่าสุดของสวนนงนุชพัทยาเลยถือฤกษ์เปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เวทีขนาดใหญ่สำหรับการแสดงจอ LED ระบบแสง สี เสียงที่ทันสมัย และประดับตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์สุดอลังการ สำหรับงานจัดเลี้ยงมีการสร้างห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด รองรับลูกค้าได้มากกว่า 650 คน

สำหรับกิจกรรมนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากช่างภาพมืออาชีพ มือสมัครเล่น นักศึกษา และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ได้เดินทางเข้ามาเยือนสวนนงนุชพัทยาแห่งนี้ และสร้างผลงานภาพถ่ายอันสวยงามเอาไว้เมื่อ พ.ศ. 2563 ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สวนนงนุชพัทยาได้พัฒนาสร้างสรรค์สวนสวยมากกว่า 50 สวนรอผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวด ดูรายละเอียดและวิธีสมัครได้ที่ www.nongnoochpattaya.com/th

จับตา!! ‘แกนนำก้าวไกล’ ดอดพบ ‘ทักษิณ’ ที่ฮ่องกง ยื่นเงื่อนไข ‘ไม่แตะ ม.112’ แลกได้ร่วมรัฐบาล

(26 ก.ค. 66) แหล่งข่าวแจ้งว่า แกนนำคนสำคัญของพรรคก้าวไกล ที่เคยมีบาทบาทช่วยหาเสียง กับพรรคก้าวไกล เตรียมเดินทางบินไปเขตบริหารพิเศษ ฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

มีรายงานข่าวถึงเรื่องที่จะเข้าพบเพื่อหารือในครั้งนี้ ‘พรรคก้าวไกล’ จะปิดสวิตช์การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยจะร่วมเป็นรัฐบาลภายใต้แกนนำของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่า วิธีนี้จะทำให้ ‘สมาชิกวุฒิสภา’ ยอมรับ และลงคะแนนเสียงให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า แกนนำ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อเข้าพบนายทักษิณ เป็นจำนวนมากอีกด้วย

'สี จิ้นผิง' เซ็นปลด 'ฉิน กัง' พ้น รมต.ต่างประเทศ  พร้อมตั้ง 'หวัง อี้' คืนตำแหน่ง พาน กงเซิ่งนั่งผู้ว่าแบงก์ฯ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติระดับสูงของจีน ได้ลงคะแนนเสียงแต่งตั้งหวังอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และพานกงเซิ่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน

มติที่ได้รับการรับรอง ณ การประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 14 ระบุว่าฉินกังถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอี้กังถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้มติดังกล่าว

จ้าวเล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเปิดการประชุมเมื่อเช้าวันอังคาร (25 ก.ค.)

มีการพิจารณาร่างกฎหมายอาชญากรรม (Criminal Law) ฉบับแก้ไข ณ ที่ประชุมครั้งนี้ด้วย

ร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และนโยบายเกี่ยวกับการต่อสู้การทุจริตและการคุ้มครองผู้ประกอบการเอกชนอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย

ขณะเดียวกันร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขนี้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับอาชญากรรมด้านการเสนอสินบน รวมถึงการทุจริตที่กระทำการโดยบุคลากรผู้ประกอบการเอกชน

เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (25 ก.ค.) จ้าวเป็นประธานการประชุมสภาคณะประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ ก่อนปิดการประชุมครั้งนี้

อนึ่ง การประชุมแบบปิดครั้งนี้ ซึ่งเข้าร่วมโดยสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ จำนวน 169 คน ได้อนุมัติการแต่งตั้งและการปลดบุคลากรข้างต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้ามีข่าวว่านาย ฉิน กัง วัย 57 ปี อดีตที่ปรึกษาของสีจิ้นผิงและเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศจีนเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ฉินได้หายตัวอย่างปริศนาไปจากสาธารณะนับจากวันที่ 25 มิ.ย. ระหว่างนี้ยังมีการมอบหมายให้ นาย หวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. ที่ผ่านมา (แทนที่จะเป็นฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน) ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา อาทิ ฉินกังป่วยหนัก และข่าวลือเรื่องอื้อฉาวชู้สาวกับนักข่าวพิธีกรรายการโทรทัศน์คนดังคือนางฟู่เสี่ยวเถียน

"เชียงราย" หมายจับชายแดน ตม.เชียงรายรับตัวผู้ต้องหากลับไทย"

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงรายและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายหลังได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดท่าขี้เหล็กสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าจะมีการส่งตัวผู้ต้องหาจุด

ผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่1โดยถูกดำเนินคดีในประเทศเมียนมาและคดีได้สิ้นสุดแล้วจึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงรายเพื่อส่งตัวกลับไทยจากการตรวจสอบในระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติและระบบศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายที่จ348/2565ลงวันที่27พฤศจิกายน2565ในความผิดฐาน"วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อ

ให้พ้นการจับกุมให้นายเสรี มะแสง ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนแต่อย่างใดและได้ลักลอบหลบหนีไปยังประเทศเมียนมาตามช่องทางธรรมชาติเขตอำเภอแม่สายโดยไม่ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดเจ้าหน้าที่ชุดจับจุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า"ไม่เดินทางเข้ามาหรือออกไปตามช่อทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเขตท่าสถานีหรือท้องที่และตามกำหนดเวลาจึงได้เปรียบเทียบปรับ.ณ.ที่ทำการ ตม.จว.เชียงรายและได้ควบคุมตัวนำส่งสถานีตำรวจภูธรแม่สายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศรชล.สตูล จัดกิจกรรมโครงการ “รักษ์ทะเลบ้านเรา” เพื่อสร้างความรับรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้กับเยาวชนในพื้นที่จังหวัดสตูล

อาคารเย็นศิระ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42 จังหวัดสตูล ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พลเรือโท อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3  เป็นประธานกิจกรรมโครงการ “รักษ์ทะเลบ้านเรา” ปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนรู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมี นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียนและกำลังพลจากหน่วยต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 3ได้กำหนดจัดกิจกรรม โครงการ“รักษ์ทะเลบ้านเรา” ให้กับเยาวชนนักเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูล สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน ได้รู้จักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลรวมทั้งช่วยกันดูแลและรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไป ซึ่งมีเยาวชนนักเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูลเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 คน มีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ ความสำคัญของทรัพยำกรธรรมชาติทางทะเลในท้องถิ่น เช่น ป่าชายเลนแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์ทะเล เป็นต้น มีการเยี่ยมชมสถานเรียนรู้ต่างๆ  เช่น ศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ล่องเรือชมนกอินทรีย์ทะเลบริเวณคลองตำมะลัง กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้งกุลาดำ จำนวน 90,000 ตัว ศึกษาเรียนรู้ทรัพยากรป่าชายเลนตำมะลังและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน และกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24 อีกด้วย

‘กระแต’ โต้กลับคอมเมนต์ชาวเน็ตปากแจ๋ว หลังถูกเรียกเหมือนดาวโป๊ ลั่น!! คนพวกนี้ไม่ได้มาดูแลยามที่เจ็บป่วย "Don't Care"

(26 ก.ค. 66) ถือเป็นนักร้องสาวที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับ ‘กระแต อาร์สยาม’ หรือ ‘กระแต นิภาพร บุญยะเลี้ยง’ ที่ไม่ว่าจะปล่อยเพลงหรือไปขึ้นแสดงที่ไหน ก็กลายเป็นไวรัลอยู่เสมอ ทว่าชื่อเสียงก็เปรียบเหมือนดาบสองคม มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบในเวลาเดียว อย่างกรณีล่าสุดที่กระแตออกมาโพสต์ภาพคอมเมนต์แรง ๆ ที่ตัวเองต้องเจอ จนทำเอาหลายคนถึงกับเห็นใจนักร้องสาว

ล่าสุด กระแต อาร์สยาม ได้ออกมาเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กด้วยการโพสต์ภาพคอมเมนต์แรง ๆ ที่ดูถูกเหยียดยามและด่าทอเธอ อาทิ

“เหมือนอีตัวเข้าไปทุกวัน”, “คือมันทุเรศมาก”, “เบาได้เบาค่ะ ขายเสียงก็วามแล้วไม่ต้องขาย…”, “สกปรก”, “ขายเสียงหรือขาย….”, “ฉันละคนนึงมองไม่สวย”, “สงสารนางคะ เพราะนางอยากดัง”, “สมัยก่อนเค้าเรียกดาวโป๊”, “สวยตงไหนฟ่ะ”, “ทำตัวเหมือนฝรั่งแต่มิได้ไกล้เขาเลย”, “โลกจิตแล้วต้องไปหาหมอแล้ว” และ “ปลอมไปหมด”

ซึ่งด้าน กระแต อาร์สยาม ได้โพสต์สวนกับ ด้วยข้อความว่า “เชื่อไหม…? มันยังมีมนุษย์กลุ่มนี้อีกเยอะเลยจริง ๆ แล้วรูปโปรไฟล์แต่ละเม้นอ่ะ โอ้ยย!! ที่โพสต์เพราะอยากเป็นกำลังใจให้กับใครก็ตามที่โดนแบบแตอยู่ จงอย่าสนใจ เพราะคอมเมนต์พวกนี้ ไม่ได้มาช่วยดูแลฉันยามเจ็บป่วย ไม่มีค่า ไม่ได้สนับสนุนเรา จงทำในสิ่งที่เรารัก จงมีความสุข และใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็นต่อไป….Don’t care #สวยรวยปังต่อไป เธอ หยุด ฉัน ไม่ได้หรอกกก!! แบร่”

งานนี้ได้ใจแฟนคลับ จนหลายคนต้องเข้ามาแห่คอมเมนต์ อาทิ “พวกที่วัน ๆ ว่าแต่เขาไม่ดูหัวเน่าๆของตัวเองยังมีอีกเยอะค่ะ สู้ๆ ค่ะ อย่าได้แคร์”, “พวกเขาคงไม่เคยออกกำลังกายค่ะ เลยไม่เข้าใจกับหุ่นดีๆสวยๆแบบนี้…”, “อิจแหละดูออก” และ “คนเก่ง อย่าใด้แคร์ค่ะ”

ตำรวจ ปส.(NSB) ปฏิบัติการสกัดขบวนการค้ายา และปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่กว่า 67 จุดทั่วประเทศ ได้ของกลางเป็นยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. ยึดทรัพย์กว่า 135 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส.พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1,พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติด รายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมผู้ต้องหา 20 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. และมีการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น กว่า 67 จุด ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 135 ล้านบาท และเร่งขยายผลจับกุมเครือข่ายที่เหลือต่อไป

รายแรก จากการขยายผลของตำรวจ บก.สกส. ในจับกุมเครือข่ายยาเสพติดพื้นที่ จ.ลพบุรี  พบว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นชาติพันธุ์ (เผ่าม้ง) ซึ่งมีพฤติการณ์การรับจ้างลำเลียงยาเสพติด ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ทราบชื่อว่านายจำรัส กับพวก โดยจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทาง จ.เชียงราย นำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง จึงวางแผนจับกุม จนกระทั่งวันที่ 9 ก.ค.66 เวลาประมาณ 12.30 น. พบรถยนต์ยี่ห้อ FORD RANGER  สีฟ้า ทะเบียน บพ 94XX พะเยา ใช้ในการซุกซ่อนและลำเลียงยาเสพติด โดยมีนายจำรัส เป็นผู้ขับขี่ และ รถยนต์ ยี่ห้อ HONDA MOBILIO  สีขาว ทะเบียน 4 กพ 574 กทม. ใช้ในการคุ้มกัน/สำรวจด่าน โดยมี น.ส.ณกัญญาชนาภัทร และนางสุภาพ เป็นผู้ขับขี่ ตำรวจ ปส.ได้ติดตามรถทั้ง 2 คัน และสามารถจับกุม   ได้ที่บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม.6 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย จากการตรวจค้นพบ ยาบ้า จำนวนประมาณ 3.9 ล้านเม็ด ได้ที่รถคันที่นายจำรัส ขับขี่ โดย น.ส.ณกัญชนาภัทร และนางสุภาพ รับว่าเป็นผู้ขับขี่รถนำสำรวจเส้นทาง จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลออกหมายจับผู้บุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่าเครือข่ายของ น.ส.อัญชนิสา มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือไปส่งให้ลูกค้า โดยผ่าน จ.นครสวรรค์ จึงทำการสืบสวนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ร่วมกันตั้งด่านตรวจค้น บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.10 น. ได้พบรถยนต์กระบะบรรทุกข้าวโพด ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน 3 ฒต 9xx กทม. ขับขี่เข้ามาบริเวณหน้าด่านตรวจ โดยมี น.ส.อัญชนิสา เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.บุญญิสา นั่งไปด้วย และแสดงอาการพิรุธ จึงได้เรียกตรวจค้น จากการสอบถามผู้ขับขี่แจ้งว่ารับข้าวโพดมาจาก จ.เชียงราย จะนำไปส่งที่ตลาดไทตำรวจชุดจับกุมสังเกตเห็นว่า ข้าวโพดไม่ได้เรียงทับถม และส่งกลิ่นเหม็น จึงได้นำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าทำการเอ็กซ์เรย์ยาเสพติด ที่ตั้งอยู่ในด่านตรวจพยุหะคีรี ผลการเอ็กซ์เรย์และการตรวจค้นพบวัตถุสิ่งแปลกปลอมลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยม มากับข้าวโพดจึงได้นำรถรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจค้น ผลปรากฏว่าพบยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด โดยมีข้าวโพดปิดทับอำพรางไว้แล้วปิดคลุมด้วยผ้าใบสีเข้ม จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 3 สืบเนื่องจาก ตำรวจ ปส.2 ร่วมกับ บก.ขส. ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่านายตะวันหรือเปียว กับพวก มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนภาคอีสานเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮง-77XX กทม. เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ จึงได้ร่วมกันวางแผนการจับกุม วางกำลังตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มนายตะวัน จะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ จนกระทั่งวันที่ 18 ก.ค.66 เวลากลางคืน ต่อเนื่องวันที่ 19 ก.ค.66 พบรถคันเป้าหมายในเขตพื้นที่ จ.มหาสารคาม ขับมุ่งหน้ามุ่งหน้าไป จ.บุรีรัมย์ จนเข้าเขต จ.นครราชสีมา จึงได้สกัดจับกุมได้ที่บริเวณสถานีน้ำมันในพื้นที่ ต.หนองหัวแรต อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา โดยมีนายตะวันหรือเปียว (เป็นผู้ขับขี่)  นางสาวพัณณิตา หรือแป้ง (นั่งคู่คนขับ) และมีนายมาโนช หรือดิว    (นอนอยู่ด้านหลัง)  พร้อมของกลางเป็นยาเสพติด ไอซ์ 300 กก. บรรจุในกระสอบ จำนวน 8 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ และอาวุธปืนไรเฟิล 1 กระบอก และปืนสั้น 1 กระบอก จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 4   ตำรวจ ปส.4 (นปส.ภูเก็ต) ได้สืบสวนขยายผลจากการตรวจยึดยาเสพติด ที่ส่งทางไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ ในภาคใต้ จนทราบว่านายเนติกร และ น.ส.พรนำภา มีพฤติการณ์ลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ โดยใช้รถยนต์ ทะเบียน กอ 1XXX ภูเก็ต เป็นพาหนะ จึงได้ติดตามเฝ้าระวังบุคคลและรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า นายเนติกร และ น.ส.พรนำภา ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน กอ 1XXX ภูเก็ต จะไปรับยาเสพติดที่   จ.สมุทรสาคร จึงประสานให้ตำรวจ ปส.4 ประจำด่านยานพาหนะชุมพร สกัดจับรถคันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 7 ก.ค.66 ตำรวจ ปส.4 ประจำด่านยานพาหนะชุมพร สามารถสกัดจับกุมรถคันดังกล่าวได้ จากการตรวจค้น  พบยาบ้าประมาณ 200 เม็ด และไอซ์ประมาณ 38 กรัม และพบสลิปการส่งพัสดุ จากการสอบถามนายเนติกร และ น.ส.พรนำภา รับว่าไปรับยาเสพติดที่ จ.สมุทรสาคร โดยพัสดุได้ถูกส่งให้กับลูกค้าพื้นที่ จ.ระนอง,จ.สุราษฎร์ธานี ,จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ตำรวจ ปส.4 จึงขยายผลไปตรวจยึดพัสดุที่ศูนย์กระจายสินค้า บริษัท Flash Express จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 5 กล่อง ของกลางยาบ้า ประมาณ 160,000 เม็ด และ ไอซ์ 10 กก. จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.ปส.4 เพื่อดำเนินการขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 5   ตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคใต้ได้เดินทางไปรับยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางและจะนำส่งผู้รับในพื้นที่จังหวัดภาคใต้โดยใช้รถยนต์ ทะเบียน 3ขบ 4xxx กทม. เป็นพาหนะ และได้ทำการเปลี่ยนทะเบียนรถคันเดียวกัน เป็น กท 8xxx ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กท 8xxx ประจวบคีรีขันธ์ บริเวณทางหลวงสาย 41 อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช จึงตั้งจุดสกัดบริเวณแยกหนองดี ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งวันที่ 15 ก.ค.66 รถยนต์เป้าหมาย ยังไม่เข้าจุดสกัด จากการสืบสวนติดตาม ทราบว่า รถคันดังกล่าวได้เปลี่ยนป้ายทะเบียน เป็นทะเบียน 3ขบ 4xxx กทม. และขับหลบหนีมุ่งหน้า อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจ ปส.4 จึงติดตามไปจนถึงพื้นที่ ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และพบรถคันดังกล่าว จึงเรียกให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาบ้า 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะหลัง ทราบชื่อนายจนุมาศ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.เบญจวรรณ นั่งข้างคนขับ จากการสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองรับว่าได้รับยาเสพติดมาจาก จ.สิงห์บุรี เพื่อนำส่งผู้รับที่ จ.สงขลา จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง พงส.ปส.4 ดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ส่วนรายที่ 6   ก่อนการจับกุม ตำรวจ ปส.4 ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีพัสดุบรรจุยาเสพติด ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน(Kerry Express) จาก จ.เชียงราย ส่งไปยังผู้รับพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 1 กล่อง ตำรวจ ปส.4    จึงติดตามพัสดุ โดยประสานกับบริษัท Kerry Express สาขาเกาะยอ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา จากการตรวจสอบพัสดุ พบว่าหน้ากล่องระบุ ผู้ส่ง “ณัฐนันท์ ผู้รับ คุณเอกชัย ที่อยู่ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ระบุน้ำหนัก 16.350 กก. กำหนดส่งวันที่  20 ก.ค.66” จากการตรวจสอบชื่อผู้ส่งและผู้รับในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ไม่พบข้อมูลดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลที่น่าเชื่อว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพัสดุจริง จึงได้ขอความร่วมมือให้เจ้าพนักงานบริษัท Kerry Express ตรวจสอบพัสดุดังกล่าว  ผลการตรวจสอบ พบยาบ้าประมาณ 100,000 เม็ด จึงทำการบันทึกตรวจยึดของกลาง นำส่ง พงส.ปส.4 เพื่อดำเนินคดีและจะขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

นอกจากนี้ ในห้วงเดือน ก.ค.66 ตำรวจ ปส. ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น รวม 67 จุด ทั่วประเทศ ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี อุดรธานี ชลบุรี นครพนม เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ สงขลา ฯลฯ โดย บก.ปส. 3 ปิดล้อมตรวจค้น 31 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด 4 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ เช่น รถยนต์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ากว่า 19 ล้านบาท และ บก.ปส.2 ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 36 จุด  สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ ได้แก่ รถยนต์ 7 คัน จยย. 2 คัน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง ที่ดินพร้อมสวนยางพารา 1 แปลง โฉนดที่ดิน 9 ฉบับ บัญชีธนาคารยอดเงิน 1.1 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 116 ล้านบาท   

สรุปผลการจับกุม 6 ราย และปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น มีการจับกุมผู้ต้องหา 20 คน ยึดของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. ปิดล้อมตรวจค้นกว่า 67 จุด ยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท 

ทั้งนี้ตำรวจ ปส.(NSB) จะสอบสวนเพื่อขย¬ายผลหาผู้สั่งการขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป ขณะที่ยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

ผู้โดยสารหญิงนั่งฉี่ในห้องโดยสารสายการบินสหรัฐฯ หลังพนักงานต้อนรับไม่อนุญาตให้เธอใช้ห้องน้ำ

(26 ก.ค. 66) นิวยอร์กโพสต์ รายงาน ผู้หญิงคนหนึ่งถูกบันทึกภาพขณะกำลังนั่งฉี่ตรงหัวมุมหนึ่งของห้องโดยสารของเครื่องบินสปิริต แอร์ไลน์ส สายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติสหรัฐฯ ระหว่างนั้นก็ส่งเสียงคร่ำครวญอ้างว่าพวกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่อนุญาตให้เธอใช้ห้องน้ำ ในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ตามรายงานของเว็บไซต์ airlive.net 

"ฉันอยากปัสสาวะมา 2 ชั่วโมงแล้ว แต่คุณเอาแต่บอกฉันว่าไม่สามารถฉี่ได้ คุณปิดประตู" ผู้หญิงรายดังกล่าวโวยวายใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พร้อม ๆ กับนั่งยอง ๆ ปลดทุกข์บนพื้นห้องโดยสาร

จากนั้นได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายหนึ่งพูดกับผู้โดยสารหญิงรายนี้ว่า "พูดทักทาย กล้องหน่อย" กระตุ้นให้เธอตอบโต้ว่า "เครื่องบินจอดแล้ว ฉันอั้นฉี่ไม่ไหว" และบอกว่าพวกพนักงานต้อนรับลูกเรือต้องโทษตัวเองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "พวกคุณจะทำอะไรก็ตามใจ พวกคุณสามารถส่งหมายจับ หรือจะให้ดี ก็จับฉันเลย" ผู้โดยสารหญิงพูดประชด

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพูดเหน็บแนมกลับ แนะนำให้ผู้โดยสารรายนี้ดื่มน้ำมากๆ "เพราะว่ากลิ่นฉี่ของคุณน่าสะอิดสะเอียนมาก" พร้อมสะบัดมือใกล้ ๆ จมูก ทำท่าเหม็นกลิ่น

ในช่วงท้ายของคลิปวิดีโอสั้นๆ ซึ่งโพสต์เมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.) พบเห็นผู้หญิงดังกล่าวลุกขึ้นและดึงกางเกงกลับเข้าที่ ก่อนเดินออกไป ในขณะที่พบเห็นผู้โดยสารหลายคนเดินออกไปทางประตูเครื่องบิน

ทั้งนี้ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเที่ยวบินไหน และอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น โดยทาง airlive.net พยายามติดต่อสอบถามไปยังสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้โดยสารรายหนึ่งเลือกฉี่บนพื้นของเครื่องบิน หลังจากอั้นไม่ไหว โดยในปี 2018 ผู้โดยสารรายหนึ่งบนเที่ยวบินของสายการบินวิซซ์ แอร์ เข้าไปปลดทุกข์ในห้องครัวของเครื่องบิน หลังได้รับแจ้งว่าไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้ ในระหว่างที่เครื่องบินกำลังเติมเชื้อเพลิง

‘Lamborghini Revuelto’ ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด  ขุมพลัง 1,015 แรงม้า เปิดราคาในไทย 47.49 ล้านบาท

Lamborghini Revuelto รถยนต์ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) คันล่าสุดจากอิตาลี ได้เผยโฉมตัวเต็มอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยบริษัท เรนาโซ มอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ลัมโบกินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย

ชื่อรุ่น Revuelto (เรเวลโท) นั้นถูกตั้งขึ้นตามชื่อวัวต่อสู้ของทางประเทศสเปน รถคันนี้มาพร้อมกับสมรรถนะที่จัดเต็ม และภาพลักษณ์ที่เน้นความเป็นซูเปอร์คาร์ เพื่อเปิดประสบการณ์หลังพวงมาลัยที่สุดเร้าใจ ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และคอนเซปต์ใหม่ของการใช้โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีระดับการดูดซับแรงกระแทกเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ Lamborghini รุ่น Aventadorและมีน้ำหนักน้อยกว่าถึง 20% 

นอกจากนี้ยังน้ำหนักเบากว่าโครงสร้างเดิม 10% และให้ความแข็งแกร่งในการทนต่อแรงบิดมากกว่าเดิมถึง 25% อีกทั้งในสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่นี้ยังช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44% ที่ส่วนหน้าและ 56% ที่ส่วนท้าย) ทั้งยังมีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุดและยังลดความยาวของฐานล้ออีกด้วย

ในด้านขุมพลัง รถรุ่นนี้มีพละกำลังที่มากถึง 1,015 แรงม้า โดยมาจากการผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์  V12 NA ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ใหม่ 

สำหรับหัวใจหลักของ Lamborghini Revuelto นั้น มีการออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม โดยจะมีน้ำหนักเพียง 218 กก. เท่านั้น อีกทั้งยังออกแบบในส่วนการไหลของไอดี ไอเสียใหม่ ส่งผลทำให้มีกำลังอยู่ที่ 825 แรงม้า (PS) ที่ 9,250 รอบต่อนาที มาพร้อมแรงบิดสูงสด 725 นิวตันเมตร โดยทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial Flux Motor ที่ด้านหน้า 2 ตัว และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Radial Flux Electric Motor อีก 1 ตัวที่ด้านหลัง เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จะรีดกำลังแรงม้าลงพื้นออกมาได้มากถึง 1,015 แรงม้า (PS) ส่งกำลังทั้งหมดด้วยชุดเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ดีไซน์ใหม่ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้ ส่งผลทำให้มีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดของตัวรถนั้นจะถูกจำกัดไว้ที่ 350 กม./ชม.

รถคันนี้มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าที่มีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ Recharge , Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง City ที่ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน เน้นใช้งานบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งจะจำกัดกำลังขับเคลื่อนของรถไว้ที่ 180 แรงม้า นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับโหมด Strada, Sport , Corsa  ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัวบนพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่ และเมื่อรวมทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าไดนามิกได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Lamborghini Revuelto แสดงสมรรถนะที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่ในสนามแข่ง ที่เน้นสมรรถนะสูงสุดในทุกด้านของรถ เพื่อให้พุ่งทะยานคว้าชัย เข้ารับธงหมากรุก

ด้านแบตเตอรี่จะเป็นแบบลิเธียมไอออนที่มีขนาดความจุ 3.8 kWh ที่ติดตั้งอยู่ในอุโมงค์เพลากลาง ที่มีขนาดความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. ที่จะช่วยบาลานซ์น้ำหนักตัวรถ สามารถรองรับการชาร์จไฟฟ้าให้เต็ม 30 นาทีได้ โดยใช้กำลังการชาร์จเพียง 7 kW

ส่วนขนาดมิติตัวรถจะมีความยาวอยู่ที่ 4,947 มม., กว้าง 2,266 มม., สูง 1,160 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,779 มม. มาพร้อมน้ำหนักตัวรถอยู่ที่  1,772 กก.

ภายในห้องโดยสาร ยังคงได้รับการออกแบบในสไตล์ Y-shape ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว , หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์แนวตั้งขนาด 804 นิ้ว รองรับการอัปเดทซอร์ฟแวร์แบบ Over the Air นอกจากนี้ยังมีหน้าจอดิจิทัลขนาด 9.1 นิ้ว ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าของผู้โดยสารอีกด้วย

สำหรับราคาจำหน่ายของ Lamborghini Revuelto ทางเรนาสโซ มอเตอร์ เปิดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 47,490,000 บาท 

‘ฟลุค เกริกพล’ ยืนยันสถานะ ‘อชิ-มิย่า’ เหลือแค่เพื่อน ย้ำ!! ไม่ได้ทะเลาะกับครอบครัว ‘พีท ทองเจือ’

(26 ก.ค. 66) หลายคนต่างสงสัยความสัมพันธ์ของ ‘มิย่า-พิชชา ทองเจือ’ ลูกสาว ‘พีท ทองเจือ’ และ ‘อชิ-อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช’ ลูกชายของ ‘ฟลุค เกริกพล’ ที่จับผิดกันว่าทั้งคู่เลิกกันแล้วหรอ เกิดอะไรขึ้น ล่าสุดพ่อฟลุคได้เปิดใจผ่านรายการแฉ (25 ก.ค.)

โดยหนุ่มฟลุคบอกว่า "ก็ข่าวมันก็เป็นข่าว จริง ๆ แล้วเขาลดความสัมพันธ์ จากเป็นแฟนกันเป็นเพื่อนกัน ซึ่งผมมองว่าดีแล้ว ประมาณนี้กำลังดีแล้ว กำลังสวย ปัญหาระหว่างสองครอบครัวตามข่าว เท่าที่รู้ไม่ได้ทะเลาะกันแน่ ๆ เท่าที่รู้คุณพีทกับคุณโบว์คุยกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ผมไม่ได้คุยด้วยซ้ำ ไม่ได้ทะเลาะกันแน่ ๆ ข่าวจะเวอร์ไป ข่าวกับน้องแอลลี่ซึ่งมันไม่จริง"

นาตาลีเสริมต่อว่า "น้องอชิไม่มีความเจ้าชู้เลย" มดดำถามต่อว่า "ห้ะ จริงหรอ? ศูนย์ จริงๆ"

ฟลุคบอกต่อว่า "เสียใจมาก ก็วันนั้นที่เห็นภาพที่เราจัดให้ เป็นงานที่อชิขอให้พ่อปิดโอมากาเสะให้ อชิก็กินไปร้องไห้ไป ทุกชั่วโมงก็มีจังหวะร้องไห้"

นาตาลีบอกต่อว่า "คือเขาทุ่มมาก อินมาก ตั้งใจทุกอย่างทำนู่นทำนี่ให้ อินให้แฟน พอวันนึงก็เสียใจ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top