Monday, 12 May 2025
NewsFeed

ก.แรงงาน ติวเข้มเจ้าหน้าที่คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ร่วมทีมสหวิชาชีพ มุ่งไทยสู่เทียร์ 1

วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางดรุณี นิธิทวีกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ รุ่นที่ 6 และบรรยายหัวข้อ “นโยบายการป้องกันและแก้ไขการบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน”ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร และอบรมทางไกลผ่านระบบ Zoom Meeting โดยมี นางสาวโสภณา บุญ – หลง ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการ

นางดรุณี กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 (TIP Report 2023) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ใน Tier 2 ติดต่อเป็นปีที่ 2 ซึ่งรายงานดังกล่าวยังคงมีข้อเสนอแนะให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถนำแนวปฏิบัติตามมาตรา 6/1 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปใช้ในการคัดแยกผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดให้ทีมสหวิชาชีพประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์เพียงพอในการปฏิบัติงานด้านการค้ามนุษย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหาย และเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจข้อบ่งชี้ของการค้ามนุษย์ เช่น การบังคับทำงานใช้หนี้ การทำงานเกินเวลามากเกินจำเป็น การยึดเอกสารของลูกจ้างและการทำงานโดยไม่จ่ายผลตอบแทน

นางดรุณี กล่าวต่อไปว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นการยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขั้นต่ำในกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 (TVPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา

“กระทรวงแรงงาน พร้อมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมการอบรมจากหน่วยงานทีมสหวิชาชีพจากส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั้ง 19 จังหวัด รวมจำนวนทั้งสิ้น 64 คน อบรมระหว่างวันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2566 เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การขับเคลื่อนการต่อต้านการค้ามนุษย์ ขจัดการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป”นางดรุณี กล่าวท้ายสุด

‘พิธา’ ลั่น!! ถ้ามีพรรคลุงร่วมรัฐบาล จะไม่มีก้าวไกล

เมื่อวานนี้ 23 ก.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากปราศรัยขอบคุณประชาชน ชาวจันทบุรี ระบุว่า…

“มีพรรคลุง ไม่มีก้าวไกล...ถ้าพรรคลุง หรือ พรรคทหารจำแลง เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นการเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาลจริงๆ ก้าวไกลอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ ในสมการนั้น ถ้าเชิญมาร่วมรัฐบาลจริงๆ จะไม่มีก้าวไกล” 

'วีระ' ลั่น!! คำพูดที่ลืมไปตอนใช้หาเสียง ประชาชนส่วนใหญ่จะจดจำไม่มีวันลืม

(24 ก.ค.66) นายวีระ สมความคิด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

คำพูดที่เคยใช้หาเสียง กับความจริงของชีวิต
คนพูดมันอาจลืมไปแล้ว หรือไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่ประชาชนส่วนใหญ่จะจดจำไม่มีวันลืม
และเจ็บปวดทุกครั้ง ที่รู้สึกว่าถูกพวกมันหลอกอีกแล้ว

วีระ สมความคิด
23 ก.ค. 2566

#สัตว์ที่เตรียมตัวสูญพันธุ์

‘แซม ยุรนันท์’ เผยภาพคุณปู่-คุณย่า พร้อมเล่าถึงสายสัมพันธ์อันดีในครอบครัว

หากให้นึกถึง ‘นักแสดงชายรุ่นใหญ่’ ที่การันตีเรื่องของความหล่อและดูดีคงที่ตลอดเวลาก็ต้องนึกถึง ‘แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี’ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ‘แซม ยุรนันท์’ ก็ยังคงความหล่อคงเส้นคงวาเหมือนหยุดเวลาไว้เมื่อตอนหนุ่ม ๆ แม้ตอนนี้จะอายุเข้าเลข 6 แล้วก็ตาม

ล่าสุด ‘แซม ยุรนันท์’ ก็ได้สร้างเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ที่ติดตาม โดยได้โพสต์ภาพของบรรพบุรุษ และความทรงจำในวัยเด็กผ่านเฟซบุ๊ก ‘Sam Yuranunt Pamornmontri’ พร้อมระบุข้อความว่า…

“#ภาพแห่งความทรงจำ ภาพนี้เป็นภาพคู่ของคุณปู่คุณย่าครับ (พต.พระชำนาญคุรุวิท และแพทย์หญิงแอนเนลี ภมรมนตรี) ความทรงจำวัยเด็กที่ผมเห็นอยู่เป็นประจำทุกวันคือ ทุกเช้าที่พ่อตื่นนอนสิ่งแรกที่ทำ คือหยิบรูปคุณปู่คุณย่ารูปนี้ที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ใต้หมอนขึ้นมาจูบและทุกวันเมื่อพ่อจะออกจากบ้าน ก็จะมายืนตรง ทำความเคารพที่หน้ารูปคุณปู่คุณย่ารูปนี้ ซึ่งใส่กรอบติดไว้ในห้องโถงของบ้านครับ ถึงแม้ว่าผมนั้นจะเกิดไม่ทันคุณปู่คุณย่า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความรัก ความผูกพันที่คุณพ่อผมมีต่อคุณปู่คุณย่าครับ และเมื่อได้เห็นภาพนี้ทีไร ความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็จะกลับมาครับ บัดนี้..คุณปู่คุณย่าก็คงยังอยู่คู่กัน ที่เจดีย์สีขาวของเรา ณ วัดคฤหบดี (วัดประจำตระกูล ภมรมนตรี) ครับ”

‘วิโรจน์’ ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ ยืดหยุ่น-รับฟังลดเพดานแก้ 112 ชี้!! ‘อุดมการณ์ต่างกัน’ แค่ข้ออ้างเตะออกจากพรรคร่วมฯ

(24 ก.ค. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ‘แนวคิดในการบริหารประเทศของพรรคก้าวไกล เป็นอย่างไร ทำไมต้องเกี่ยงต้องกลัวกันนัก’ ระบุว่า…

หากติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กับคำสัมภาษณ์เกี่ยวกับมุมมองต่อพรรคก้าวไกลประมาณว่า “ไม่ได้ติดขัดแค่เรื่อง ม.112 แต่แนวทางอุดมการณ์ต่างกัน ไม่สามารถให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจทางการเมืองมากไปกว่านี้ได้” และ “ไม่สามารถทำงานได้ หากมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เพราะแนวความคิดต่างกัน” สะท้อนว่า ประเด็นเรื่องการแก้ไข ม.112 น่าจะเป็นเพียงข้ออ้าง อย่างที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้จริงๆ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้ออ้างก็ตาม หาก สว. ท่านใด หรือพรรคการเมืองไหน ยังคงมีความกังวลในเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลก็ยินดีเปิดใจรับฟังครับ

เพียงแต่อยากให้สรุปเป็นข้อเสนอมาเลยว่า คำว่า “ถอย” หรือ “ลด” ที่พูดๆ กัน นั้นมีรายละเอียดอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าหากไม่กระทบกับจุดยืน และเจตนารมณ์ที่ดีอย่างรุนแรง การยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการขยายกรอบระยะเวลา การจัดลำดับก่อนหลังในการดำเนินการ การมีกระบวนการเพิ่มเติม ในการทบทวนเนื้อหา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบรอบด้านมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่พิจารณาได้

ที่ผ่านมาการแก้ไข ม.112 เราก็ยืดหยุ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการไม่บรรจุให้เป็น MOU ของ 8 พรรคร่วม และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลเลย เอาว่าวาทกรรมเรื่อง “ถอย” หรือ “ลด” เอาเนื้อหามากางคุยกันก่อนดีกว่าครับ เพื่อจะได้คลี่คลายความกังวลร่วมกันอย่างเปิดเผย และเป็นรูปธรรม มิฉะนั้นเรื่อง ม.112 ก็จะถูกนำมาเป็นข้ออ้างลอยๆ แบบไม่จบไม่สิ้น

สำหรับข้อกล่าวหาที่ระบุว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกลนั้นมีความแตกต่าง ขนาดที่ถึงกับต้องพูดว่า ถ้ามีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย จะทำงานไม่ได้ แถมยังปล่อยให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจทางการเมืองไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผมว่าประเด็นนี้ ทำให้ประชาชนอยากรู้นะครับว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกล ในการบริหารประเทศ นั้นเป็นอย่างไร ทำไมถึงกับต้องเกี่ยง ต้องกลัวกันถึงขนาดนี้ ผมตอบสั้นๆ ได้เลยครับว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกลในการจัดการงบประมาณ และการบริหารราชการแผ่นดิน จริงๆ แล้วเป็นเรื่องพื้นฐานที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาทำกัน และไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยครับ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 8 ประเด็น ดังนี้

1. การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเอาจริงเอาจัง 
2. การเปิดเผยข้อมูลการบริหารราชการอย่างโปร่งใส การใช้จ่ายงบประมาณต้องมีประสิทธิภาพ 
3. การจัดการกับปัญหาทุนผูกขาด ให้ประชาชนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ประกอบกิจการตามความฝันของตน 
4. การจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ไม่ยอมให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเครือข่ายอุปถัมภ์ กินรวบทรัพยากรของประเทศ ยึดกุมสัมปทานที่เอารัดเอาเปรียบ มัดมือชกรีดนาทาเร้นประชาชน อย่างไม่เป็นธรรม 
5. การกระจายอำนาจ กระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น ไม่กระจุกความเจริญไว้ที่ส่วนกลาง 
6. การปรับปรุงสวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน 
7. การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า พร้อมที่จะแข่งขัน และร่วมมือกับนานาอารยประเทศ 
8. การปกป้องคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย และกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป

แนวความคิดทั้ง 8 ข้อ ข้างต้น ล้วนเป็นเรื่องที่ดีทั้งสิ้น ผมไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่น่ากลัวเลยครับ คนที่บอกว่าทำงานกับแนวความคิดของพรรคก้าวไกลไม่ได้ อาจจะยังไม่เข้าใจก็ได้ ก็เลยรู้สึกกังวลไปเอง อย่างไรสามารถทบทวนใหม่ได้นะครับ ถ้าบอกว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกล จะทำให้โกงไม่ได้ ทุจริตไม่ได้ คอร์รัปชันไม่ได้ ฮั้วประมูลไม่ได้ อันนี้ผมจะไม่เถียงเลยสักคำ จริงๆ แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ อาจจะเป็นการปะทะกันระหว่างวลี 2 วลี อยู่ก็ได้นะครับ วลีแรก “กูไล่มึงออก มึงไม่ออกกูจะแดกยังไง” กับวลีที่สอง “กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแดก” ซึ่งประชาชนคงต้องติดตามต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว วลี 2 วลีนี้ วลีไหนจะเป็นฝ่ายชนะ

'นางแบบไต้หวัน' ปั้นคอนเทนต์สยิว เติมกำลังใจให้นักรบยูเครน ร่วมเพศทัพอาสา ถ่ายทุกท่วงท่าปลุกใจทหารกล้าให้ฮึกเหิม

สร้างความฮือฮา กลางสนามรบกันเลยทีเดียว เมื่อ 'ฟ่าน เพ่ยกุง' นางแบบสาว ไต้หวัน-อเมริกัน วัย 33 ปี ยอมลงทุน เปลื้องผ้า สร้างคอนเทนต์เซ็กซี่ โพสต์ท่ายั่วยวน ในชุดทหาร กับขีปนาวุธ และ อาวุธสงครามลงในโซเชียลและ OnlyFans แพลตฟอร์มสำหรับผู้ใหญ่เพื่อระดมทุนและส่งกำลังใจให้กับกองทัพยูเครน โดยเธอได้ให้นิยามคอนเทนต์ในครั้งนี้ว่า เป็นการกลั่นกำลังใจจากเต้าเพื่อทหารยูเครนและบรรดาอาสาสมัครในการต่อต้านปูติน

ฟ่าน เพ่ยกุง นางแบบสาวเจ้าของไอเดียสุดสยิวกิ้วคนนี้มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา จากสาวไต้หวันสัญชาติอเมริกันในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ที่สามารถคว้ามงกุฎนางงาม Miss Taiwanese American Princess เวทีประกวดสาวงามของชุมชนชาวไต้หวันในสหรัฐอเมริกา ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีใน ลอสแอนเจลิส ได้สำเร็จ ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนางแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลและเป็นศิลปิน 

อีกทั้งยังมีข้อมูลระบุว่า เธอเคยเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเยล หนึ่งในสถาบันไอวี่ ลีกของสหรัฐฯ และยังได้คะแนนอันดับต้นๆ จากการแข่งขัน NASA Hackathon อีกด้วย แต่มาเอาดี จริงจังในการทำคอนเทนต์เซ็กซี่ใน OnlyFans 

แต่เมื่อราวๆ เดือนพฤศจิกายน 2565 ฟ่าน เดินทางมายังยูเครนในฐานะอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงคราม และได้มาประจำที่ศูนย์อาสาสมัครในเมืองลวิว ทางตะวันตกของยูเครน ซึ่งถือว่าห่างไกลจากสมรภูมิรบแถวหน้า เธอจึงได้รับหน้าที่ทำงานพื้นๆ ซึ่งไม่ต่างที่เธอเคยทำตอนอยู่ในสหรัฐอเมริกา 

เพื่อต้องการแสวงหาความท้าทายกว่านี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฟ่านตัดสินใจย้ายไปประจำอยู่ในเมืองคาห์คีฟ ทางฝั่งตะวันออกที่เป็นศูนย์กลางการสู้รบระหว่างทหารทั้งสองฝั่ง ซึ่งเธอเห็นว่าสามารถช่วยสนับสนุนกองทหารยูเครนได้โดยตรงมากกว่า 

และนั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างคอนเทนต์เซ็กซี่กลางสนามรบ โดยหวังใจว่าจะเป็นการปลุกจิตใจทหารกล้าชาวยูเครนให้ฮึกเหิมมากขึ้น และยังมีโอกาสได้พบกับทหารหนุ่มๆ จากทั่วโลก ที่อาสามาช่วยรบในยูเครน 

ซึ่ง ฟ่าน เพ่ยกุง ก็เล่าผ่านสื่อสหรัฐฯ อย่างเปิดเผยว่า เธอมีความสัมพันธ์กับอาสาสมัครในกองทัพยูเครนหลายคน ตั้งแต่ ทหารอาสาจากอังกฤษ เจ้าหน้าที่ควบคุมโดรนชาวยูเครน ช่างไฟ และ เจ้าหน้าที่ไอที อีก 2 คน เป็นต้น 

และเธอได้โพสต์ภาพถ่ายสุดเซ็กซี่ กับอาวุธในสนามรบลงในช่องทาง OnlyFans ให้กองทหาร และ อาสาสมัครของยูเครนชมฟรี และเปิดรับบริจาคจากผู้ที่เข้าชมคอนเทนต์ของเธอเพื่อระดมเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือชาวยูเครน ที่ทำให้สื่อหลายสำนักสนใจไอเดียสุดแหวกแนวของฟ่านเป็นจำนวนมาก 

แต่ถึงกระนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ที่เธอจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน ทั้งจากกลุ่มชาวอาสาสมัครคนอื่น และ ผู้คนในโลกโซเซียล ที่มองว่าภาพ และเนื้อหาของเธอเข้าข่ายอนาจาร และไม่เหมาะสม เพราะที่นั่นคือสนามรบจริง มีทหารมากมายเสียชีวิตจริงๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ชวนหดหู่ และเศร้าใจมากกว่าจะนำมาใช้ในเนื้อหาเชิงอีโรติก

แต่สำหรับฟ่าน เธอยังพอใจ และ มีความสุขในสิ่งที่เธอทำ โดยเชื่อว่า เนื้อหาของเธอ ช่วยเยียวยาจิตใจนักรบแถวหน้าที่ต้องไปสละชีพเพื่อชาติได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้คลายเครียด สร้างความกระชุ่มกระชวย ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชายชาติทหารเหมือนกัน 

ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าเห็นสมควรอย่างไร ใครถนัดช่วยสนับสนุนแบบไหน ทางยูเครนก็ไม่ขัดข้อง ขออย่าทำทหารวอกแวกเวลาออกสนามรบจริงเป็นใช้ได้  

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘ดีเจเพชรจ้า’ แถลงเส้นทางการเงิน หลังถูกโยงคดี Forex-3D ลั่น!! “เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ไม่มีวันทำเด็ดขาด”

(24 ก.ค. 66) ล่าสุด ‘ดีเจเพชรจ้า’ ชี้แจงผ่านไอจี หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D ซึ่ง ‘ดีเจเพชรจ้า’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า...

"ผมของแถลงหน่อยนะครับ ก่อนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จากข่าวที่ออกมานะครับหลังจากได้รับหมายไปก็ติดต่อเข้าไปสอบถามทราบข้อมูลมา เกี่ยวกับเงิน 50,000 บาท มีการโอนระหว่างบัญชีกันจึงได้ตรวจสอบ และพบว่าเงินนั้นคือการจ้างในการ post ภาพจาก show room รถแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2018 วันที่ 1 พ.ค. 2018 ทางผมมีหลักฐาน สำหรับเรื่องนี้ครับ เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ผมไม่มีวันทำเด็ดขาด ขอบคุณที่กำลังใจครับที่ส่งมา"

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าแบบละเอียดในคลิปว่า "ดีเอสไอออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานเรื่อง Forex-3D ผมได้หมายมาแล้วจริง ว่าให้ไปให้การเป็นพยาน เราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเราไปเกี่ยวพันได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่รู้จักคุณอภิรักษ์เลย"

"และไม่เคยทำธุรกรรมแชร์ลูกโซ่อะไรเลย ไม่เคยเชื่อด้วยว่ามันจะได้เงิน และไม่เคยชวน แต่โทรไปถามแล้วบังเอิญว่ามีการโอนเงิน ระหว่างบัญชีของคุณอภิรักษ์ และบัญชีของผม มียอดเงิน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ปี 2018 มี 1 ยอดถ้วน โอนเข้ามาเมื่อ 5 ปีแล้ว"

"ตอนแรกผมก็งงว่าคุณอภิรักษ์เขาโอนเงินอะไรให้ผม ปรากฏว่าวันที่ 1 พ.ค. 2018 ลองไปย้อนในไอจีว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นไหม ก็ไปเจอวันที่ดังกล่าวจริง ๆ มีการโสพต์ภาพของผมผ่านทางไอจี เป็นภาพเพจโชว์รูมรถ ตอนนั้นทำรายการเกี่ยวกับรถ ซึ่งก็มีการจ้างโปรโมตโชว์รูมที่ชื่อว่า RKK โดยมีลูกค้า 1 ท่านไดเร็กแมสเสจทางไอจี ให้ผมช่วยโปรโมตเพจ เป็นภาพแคปหน้าจอเพจของเขาส่งมาให้ผมโพสต์ ก็ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ก็เป็นอันว่า ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่จ่ายเงินคือ คนชื่ออภิรักษ์ ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครที่เป็นคนติดต่อ DM มา"

‘Mountain Coffee @ Zoo’ ร้านแนวใหม่ สุดชิลที่ระยอง เที่ยวเพลินกันทั้งวัน ถูกใจกันทั้งครอบครัว

ร้าน Mountain Coffee @ Zoo ตั้งอยู่เลขที่ 109 ม.4 ริมถนนสาย  3376 แยกขนำไร่-อ.บ้านฉาง ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 

นอกจากจะเปิดเป็นร้านที่มีกาแฟระดับพรีเมี่ยม เครื่องดื่ม เบอเกอรี่ และอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีมาไว้บริการลูกค้า หลากหลายสไตล์ ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น และอาหารไทยที่จำหน่ายในราคาถูกแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสวนสัตว์ขนาดย่อมไว้ให้ลูกค้าได้เที่ยวชมสัตว์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด  เช่น สิงโต นกกระจอกเทศ อัลปากา กวาง ม้าแคระ หนูยักษ์ ช้าง ควายเผือก กระต่าย  เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว ผู้ใหญ่เสียค่าเข้าชม คนละ 100 บาท ส่วนเด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงมีครรภ์ นั้นทางร้านเปิดให้เข้าชมสวนสัตว์ได้ฟรี 

น.ส.กรณ์ณิศา สุนทรพิทักษ์ผล กรรมการผู้จัดการใหญ่  บ.เมาท์เท่น คอฟฟี่ แอท ซู จก. ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกนั้นได้มาซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวไว้  24 ไร่ เพื่อปลูกบ้านเป็นที่พักอาศัย เนื่องจากใกล้ที่เรียนของลูก ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านกาแฟ เพียงแค่ต้องการให้กลุ่มเพื่อนผู้ปกครองลูก ๆ มานั่งคุยกัน ขายกาแฟได้วันละ 4-5 แก้วก็ดีใจแล้ว กระทั่งทำมาเรื่อย ๆ ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น เนื่องจากกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารมีการเลือกวัตถุดิบที่ดี คิดสรรทุกเมนูโดยกุ๊กที่มาจากโรงแรม 5 ดาว เครื่องดื่มและอาหารทุกจาน ผ่านการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอยากให้ลูกค้าได้รับประทานของดี จึงต้องใส่ใจการทำทุกขั้นตอน พร้อมกับตัดสินใจนำสัตว์ต่างๆ เข้ามา เพื่อให้ลูกค้าได้ชมกันอย่างใกล้ชิด และถ่ายรูป ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลาย ไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อมาที่ร้าน โดยมีโซนสวนสัตว์สำหรับเด็กและครอบครัว ซึ่งสัตว์ทุกตัวจะเป็นสัตว์ที่เชื่องและได้รับการฝึกมาแล้ว เด็กๆจึงเข้าไปชมครอบครัว ได้ป้อนอาหารให้สัตว์ เป็นการผ่อนคลาย และสร้างความรักความอบอุ่น สร้างกิจกรรมดีดีร่วมกันในครบครัว    

ร้านกาแฟ Mountain Coffee @ Zoo เปิดให้บริการทุกวัน โดยโซนอาหาร และเครื่องดื่ม เปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น.-20.00 น.โซนสวนสัตว์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น.-21.00 น. สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.092-882-7361 

พิกัด : https://www.google.com/maps/place/Mountain+Coffee+@+Zoo/@12.8211733,101.0607547,17z/data=!3m1!4b1!4m6!3m5!1s0x3102ec2325e74761:0x3da94050349ae91c!8m2!3d12.8211733!4d101.0607547!16s%2Fg%2F11fx8l5d5d?entry=ttu
 

เทรนด์คนจีนยุคใหม่ 'ขอกลับมารับจ้างเป็นลูกให้พ่อแม่เลี้ยง' หลัง 'หมดไฟ-งานหายาก-ตกงาน-เบื่อแก่งแย่ง-แข่งขันสูง'

(24 ก.ค.66) เพจ 'Reporter Journey' ได้โพสต์บทความเกี่ยวกับคนจีนยุคนี้ที่เริ่มขอเป็น 'ลูกฟูลไทม์' กันมากขึ้น หลังจากหมดไฟทำงาน งานหายาก ตกงาน เบื่อแก่งแย่งแข่งขัน กลับมาอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงดีกว่า ไว้ว่า..

ในสภาวะที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และจากอัตรการฟื้นตัวที่ชะลอตัว และยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศโดยเฉพาะความแข็งแกร่งของสถาบันการเงิน ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ต้นทุนการใช้ชีวิตที่มากกว่ารายได้ และปัญหาที่ประชาชนเริ่มไร้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งซุกเอาไว้ใต้พรมและเริ่มที่จะกลบเอาไว้ไว้ไหวอีกต่อไป

สิ่งเหล่านี้กำลังบั่นทอนคุณภาพสังคมจีนที่หลายฝ่ายเคยเชื่อมั่นว่าจะเป็นเครื่องยนต์สำรองที่จะขับเคลื่อนโลก ในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็สุดท้ายก็ไม่สามารถเดินเครื่องช่วยพยุงใครได้ เพราะลำพังแค่พยุงตัวเองก็ลำบากแล้ว

การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างหนักส่งผลทำให้เปิดปัญหาในเชิงสังคมตามมาโดยเฉพาะการว่างงานที่สูงมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 20 - 30 ปี ยิ่งกดดันให้คนในช่วงอายุนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเริ่มกัดกินความรู้สึกอยากต่อสู้จนเริ่มหมดไฟ และพร้อมหันหลังให้กับสนามแข่งขัน

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในจีนตอนนี้ กำลังเข้าสู่เทรนด์ของ 'การกลับไปเป็นลูกอีกครั้งแบบฟูลไทม์' หรือ 'รับจ้างเป็นลูกให้พ่อแม่เลี้ยง' ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ไม่มีงานประจํา และอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในสังคมจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่านี่คือสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากต่ออนาคตของประเทศ จากการที่ผู้ใหญ่ได้สร้างสังคมที่กำลังไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของคนยุคนี้

การเป็นลูกฟูลไทม์ ที่พ่อแม่จ่ายจะเงินให้เพื่อแลกกับการทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในบางกรณีอาจเรียนต่อหรือพยายามหางานทําไปพรางๆ แต่พ่อแม่ยังคงต้องเลี้ยงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้งานที่ต้องการทำ

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับผู้ที่ไร้การศึกษา หรือชีวิตไม่มีทางเลือกเพราะเรียนมาไม่สูง แต่เกิดกับผู้ที่มีการศึกษาที่ดี ซึ่งลูกฟูลไทม์บางคนกล่าวว่า พวกเขาเบื่อกับสภาพแวดล้อมการทํางานที่มีการแข่งขัน ชั่วโมงการทํางานที่ยาวนาน และค่าครองชีพที่สูงในเมืองใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการที่ชัดเจนกว่าคือ พวกเขาไม่สามารถหางานที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ ดังนั้นจึงเลือกเส้นทางชีวิตคือหันหลังกลับบ้านเพื่อไปอาศัย “เกาะพ่อแม่กิน”

แต่แทนที่พ่อแม่จะไล่ให้กลับไปหางานทำโดยเฉพาะคนในอายุวัยทำงาน 20 - 30 ปี แต่กลายเป็นว่า พ่อแม่ของพวกเขายินดีที่จะให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน เพื่อได้ได้ใช้เวลากับลูก ผู้ปกครองบางคนยังให้เงินเป็นค่าครองชีพ ซึ่งบางครั้งสูงถึงหลายพันหยวนต่อเดือนโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนชีวิตอะไรเลย

ชีวิตประจำวันของลูกฟูลไทม์คือ การทําอาหาร ช้อปปิ้ง หรือการพาพ่อแม่ไปพบแพทย์หากพวกเขาไม่สบาย และวางแผนการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์

ในขณะที่โพสต์โซเชียลมีเดียบางโพสต์ของลูกฟูลไทม์ได้เล่าชีวิตของพวกเขาที่แสนสบายคือ พวกเขามีความสุขที่ได้ออกจากวงจรชีวิตการทำงานแบบหนูแฮมสเตอร์วิ่งในวงล้อ แต่หลายคนก็พูดถึงความวิตกกังวลและแรงกดดันจากพ่อแม่ หรือญาติของในการหางานที่เหมาะสมและแต่งงาน

คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่และผู้ปกครองมองว่า การเลือกเป็นลูกฟูลไทม์คือวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวระหว่างหางาน และเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น

ทั้งนี้ ประเทศจีนนับว่าเป็นชาติที่มีการแข่งขันสูงในแทบทุกด้าน ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า 1,400 ล้านคน และส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ทำให้ผู้คนต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อยกระดับชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้สูงขึ้นนับตั้งแต่วัยเรียนที่ต้องสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศให้ได้ การได้ทำงานในบริษัทหรือองค์กรที่มีชื่อเสียง ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน รวมทั้งการสร้างฐานะเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน

ความเหนื่อยหน่ายที่ทําให้ผู้ใหญ่วัยทํางานอยากกลายเป็นลูกฟูลไทม์นั้นไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากความสมดุลระหว่างชีวิตและการทํางานที่ไม่ดีของจีน วัฒนธรรมการทํางานในประเทศมักถูกเรียกว่า '996' ซึ่งผู้คนคิดว่าเป็นเรื่องปกติในการทํางาน 9.00 - 21.00 น. 6 วันต่อสัปดาห์

คำสอนที่ผู้ใหญ่สอนกันต่อๆ มาว่า จะต้องเรียนให้สูงทํางานให้หนัก ให้พวกเขาทุ่มเทให้มากแล้วจะได้ผลตอบแทนความพยายามที่คุ้มค่า ตอนนี้คนส่วนใหญ่รู้สึกเหนื่อนจนอยากพ่ายแพ้และหันหลังให้กับการแข่งขัน

อีกทั้งมากกว่า 1 ใน 5 ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 16 - 24 ปีว่างงานในประเทศจีน และอัตราการว่างงานของเยาวชนได้แตะระดับสูงสุดใหม่ ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่จากฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน ซึ่งอยู่ที่ 21.3% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 ตัวเลขนี้ไม่ได้รวมถึงตลาดแรงงานในชนบท

อีกทั้งในปีนี้จะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกเกือบ 12 ล้านคนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งนั่นจะเป็นเหมือนกับสึมามิแรงงานลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาท่ามกลางปัญหาเดิมที่ยังไม่อาจแก้ไขได้

ความสิ้นหวังยังลามไปถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย จนบางคนตั้งใจทำข้อสอบผิดๆ ให้สอบตก เพื่อจะได้ศึกษาจบช้าลง

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมออนไลน์จีนเต็มไปด้วยภาพถ่ายวันรับปริญญาที่แปลกผิดปกติ ซึ่งสะท้อนถึงความท้อแท้สิ้นหวังของเด็กจบใหม่ บางรูปเป็นภาพคนรุ่นใหม่ 'นอนราบ' ในชุดรับปริญญา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีชอร์ก รูปอื่น ๆ เป็นภาพนักศึกษาจบใหม่ถือใบปริญญาเหนือถังขยะ เหมือนจะสื่อว่า จะโยนปริญญาทิ้งลงถังขยะ

ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลจีนเองก็รับรู้ แต่การแก้ไขปัญหานั้นอาจจะดูไม่ตรงจุด เพราะในเดือนพฤษภาคม สี จิ้นผิง ผู้นําจีนได้ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องให้คนหนุ่มสาว 'กินความขมขื่น' ซึ่งเป็นสํานวนภาษาจีนกลางที่หมายถึงการอดทนต่อความยากลําบาก ไปทำงานที่ตัวเองไม่ชอบไปก่อนเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า ต่อให้รายได้จะต่ำว่าวุฒิการศึกษาก็ต้องฝืน ๆ ทำไปก่อน

ในขณะที่จีนกําลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว เกือบ 1 ใน 3 ของประชากรหรือ 400 ล้านคนจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปภายในปี 2035

หลายคนที่ถึงวัยเกษียณมีลูกเพียงคนเดียวซึ่งหมายความว่า คู่สมรสจะต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุถึง 4 คน

สําหรับการเป็นลูกเต็มเวลาอาจเป็นเพียงการจัดการชีวิตแบบชั่วคราว แต่เป็นการซื้อเวลาสําหรับประเทศจีน สถานการณ์นี้จะไม่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต เมื่อพ่อแม่ของพวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้อายุ 80 ปีและอาจต้องการการดูแลเต็มเวลาจริงๆ ปัญหานี้จะย้อนกลับมาที่คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าจะต้องพบในไม่ช้า

‘ชลน่าน’ ยัน!! ‘เพื่อไทย’ พยายามจัดตั้ง รบ. ให้สำเร็จ ชี้!! เลื่อนโหวตนายกฯ ขึ้นอยู่กับความเห็นวิป 3 ฝ่าย

(24 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการประสานพูดคุยกับ สว. อย่างไรบ้างว่า พรรคเพื่อไทยมีคณะทำงานไปพูดคุยกับ สว.รายบุคคล ไม่มีการเชิญมาลักษณะองค์กรหรือตัวแทน สว. เช่นตนก็ไปประสาน สว. ที่รู้จักแล้วเอาสิ่งที่ได้รับมาสรุปกัน โดยการพูดคุยกับ 8 พรรคร่วมวันที่ 25 ก.ค.นั้น วาระสำคัญคือนำการบ้านที่ 8 พรรคร่วมมอบให้เพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำไปดำเนินการ สิ่งที่เราจะเสนอคือคำตอบของสว.และสส.ว่าตอบอย่างไร มีความเห็น เงื่อนไขอย่-างไร เมื่อถามว่ามีคำแนะนำจากสว.บางส่วนออกมาบอกว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เขาพร้อมโหวตให้ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นคำตอบของ สว. แต่ละท่าน เป็นข้อมูลนำเข้าที่จะไปพูดคุยในที่ประชุม 

เมื่อถามว่าในส่วนที่ นพ.ชลน่าน ได้พูดคุยกับ สว. ได้รับเสียงสะท้อนมาอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลายคนที่ตนได้พูดคุยก็ได้ยืนยันว่าไม่ยึดติด ว่าใครได้เป็นรัฐบาล แต่เจตนารมณ์คือยึดหลักการเดิมเหมือนที่ได้เสนอไปในรัฐสภาวันที่ 13 ก.ค. เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสรุปเนื้อหาที่ได้พูดคุยกับ สว.วันไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราพยายามทำให้เสร็จก่อนหารือกับ 8 พรรควันที่ 25 ก.ค. 

เมื่อถามถึงข้อเสนอให้เลื่อนโหวตออกไป 10 เดือนจนกว่า สว .จะหมดอำนาจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร สิ่งที่เราต้องมาดูในรายละเอียดคือผลสัมฤทธิ์จะเป็นตามที่เราคาดหวังหรือไม่ แต่ระบบรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก หนึ่งเสียงชนะสองเสียงไม่ได้ แม้เราอยากจับมือกันไป 10 เดือน ถ้าเสียงข้างมากเขาไม่ยอม แทนที่จะได้สิ่งที่เราต้องการเหมือนไปส่งเสริมสิ่งที่ทุกคนไม่อยากทำ ข้อแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ตลอด นี่คือผลกระทบทางการเมือง สิ่งที่คาดการณ์กันไว้อาจเกิดขึ้นได้ เพราะ สส. หนึ่งคนมีสิทธิ์เท่ากันแต่ใครจะมีเสียงมากกว่ากันในระบบเสียงข้างมาก เป็นสิ่งที่พึงระวัง เราคิดแบบโลกสวยไม่ได้ ในทางการเมืองมันมีหลายมิติ ก็ต้องมาคิดกันว่าถ้าเราไม่ทำ แพ็กกันแน่นอยู่แบบนี้ แล้วคนอื่นไม่มีวิธีคิดหรือ เขาก็มีวิธีคิด และเขาก็สามารถรวบรวมเสียงได้ในที่ประชุมรัฐสภา ถามว่าเราทำอะไรได้ เราก็ต้องยอมรับ แม้แต่การโหวตข้อบังคับว่าการเลือกนายกฯ เป็นญัตติทั้งที่เราบอกว่าไม่ใช่ เมื่อแพ้เราก็ต้องยอมรับ เมื่อถามว่าในทางการเมืองสามารถรอ 10 เดือนให้ สว. หมดอำนาจได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ตนตอบไปคือมิติทางการเมืองที่เรากลัว อีกทั้งยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เราต้องไปดูในรายละเอียด 

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพิจารณากรณีที่นายสมชาย แสวงการ สว. ที่ออกมาเสนอให้เลื่อนการโหวตนายกฯ จากวันที่ 27 ก.ค. ออกไปก่อนหากยังไม่พร้อม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเลื่อนประชุมเป็นอำนาจประธานรัฐสภา และขึ้นอยู่กับความเห็นวิปทั้ง 3 ฝ่าย อย่าง 8 พรรคร่วมเป็นเพียงความเห็นของหนึ่งใน 3 ที่จะเสนอ ถ้าเราพร้อมแต่อีกสองฝ่ายไม่พร้อม ประธานรัฐสภาก็สามารถเลื่อนได้จึงต้องฟังความเห็นของทั้ง 3 ฝ่าย 

เมื่อถามว่าขณะนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการหยิบยกเรื่องเลื่อนการโหวตนายกฯ มาพูดคุยบ้างหรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังครับ เราดำเนินการตามกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่ สิ่งที่พอจะตอบได้คือทิศทางที่จะได้พูดคุยกันวันที่ 25 ก.ค. ผลเป็นอย่างไร ตรงนั้นจะนำมาประกอบการพิจารณา 

เมื่อถามว่าเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยขณะนี้คือการโหวตนายกฯ วันที่ 27 ก.ค. ให้ได้เสียงเกิน 375 เสียงใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราเดินตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ 

เมื่อถามอีกว่าพรรคเพื่อไทยอยากเลื่อนโหวตหรือไม่เพราะจะได้พูดคุยกับ สส. และ สว. ให้ละเอียดก่อน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หน้าที่เราเอาวันที่ 27 ก.ค.เป็นตัวตั้ง เรารับโจทย์มาอย่างนั้นและพยายามทำให้ถึงที่สุด เมื่อผลการประชุมวันที่ 25 ก.ค. ออกมาก็เป็นองค์ประกอบของฝ่ายเรา แต่เข้าใจว่าการประชุมวิป 3 ฝ่ายของประธานรัฐสภาน่าจะประชุมก่อนที่เรามีความเห็น 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้หากพรรคเพื่อไทยตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด อยากจะบอกอะไรกับประชาชน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องรอดูการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นเพราะยังไม่เกิด 

เมื่อถามว่าผลการหารือกับพรรคการเมืองส่วนใหญ่มีเสียงตรงกันว่าไม่เอาพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อไปพูดกับพรรคก้าวไกลเราต้องการคำตอบอะไรจากก้าวไกล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โจทย์เรามีหน้าที่นำข้อมูลที่ได้รับมาเข้าสู่การประชุม 8 พรรคแล้วร่วมพิจารณา ทางเลือกทั้งหมดจะออกมาอย่างไรอยู่ที่การพูดคุย ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นมุมไหน 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพูดถึงการสลาย 8 พรรค ร่วม พรรคเพื่อไทยได้นำมาคิดบ้างหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เพื่อไทยคิดหรือไม่คิดไม่มีประเด็นเพราะสิ่งสำคัญคือการตัดสินใจของ 8 พรรค 

เมื่อถามว่าขอให้ขยายความที่ได้ให้ไปสัมภาษณ์สื่อว่าหาก 2 พรรคหมดปัญญาจะมอบให้พรรคอันดับ 3 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่อยากขยายความเดี๋ยวตีความผิดอีก ความหมายของตนคือทางเลือกมีคนเสนอเยอะ ตนเพียงจะบอกว่าทางเลือกอื่นมีคนเสนอมาทำนองนี้ว่าเราหมดปัญญาแล้ว การมอบให้พรรคที่ 3 เป็นไปได้หรือไม่ ตนจึงบอกไปว่ามันเป็นทางเลือกจะเกิดขึ้นหรือไม่เราไม่รู้ และตนยังพูดไปชัดว่าเป็นการมอบอำนาจให้เสียงข้างน้อย เมื่อถามย้ำว่าให้จบที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราจะพยายาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top