Monday, 12 May 2025
NewsFeed

‘เสรีพิศุทธ์’ เตือน ‘ก้าวไกล’ อย่าก้าวก่าย ‘เพื่อไทย’ จัดตั้งรัฐบาล

(24 ก.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวเตือน พรรคก้าวไกล และอีก 6 พรรคร่วมฯ ไม่ควรไปยุ่ง หลังมอบหมายให้ 'เพื่อไทย' หาคะแนนเสียงโหวตนายกฯ เหตุ ยังไม่ใช่การรวมเสียงเพื่อร่วมรัฐบาล ขออย่าหลงประเด็น ตอนนี้เป็นช่วงของการหาเสียงโหวตนายกฯ ให้สำเร็จเท่านั้น

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันสิ่งที่เคยเสนอให้ก้าวไกลเสียสละ หมายถึงให้ถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน ให้เสียสละให้เพื่อนขึ้นฝั่งให้ได้ก่อน ในเมื่อคุณไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะเป็นตัวถ่วงเพื่อนทำไม ถอยเพื่อให้เพื่อไทยโหวตนายกฯ ให้สำเร็จก่อน จะไปยุ่งอะไรกับเขา เมื่อเรามอบให้เป็นสิทธิ์ในการบริหารของแต่ละพรรค ถ้าเขาจัดไม่ดีเขาก็ต้องรับผิดชอบเอง พรรคก้าวไกล ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเขา ไปก้าวก่ายเขาทำไม ตอนคุณจัดไม่ได้ก็เพราะคุณไม่มีเพื่อนเอง สำหรับประชาชนถ้าคิดว่า พรรคเพื่อไทย ทำไม่ดี คราวหน้าก็ไม่ต้องเลือก ไม่ใช่ไม่ได้ไปก็ก่อม็อบ แบบนี้ทำเกินกว่าเหตุ

‘เบิร์ด ธงไชย’ นำทีมศิลปินคุณภาพ รับรางวัล ‘เพชรในเพลง’ สาขาขับร้องเพลงดีเด่น เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ

(24 ก.ค. 66) กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดงานพิธีมอบรางวัล เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2566 โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานมอบรางวัล นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหาร เครือข่ายวัฒนธรรมร่วมงาน ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติพุทธศักราช 2566 เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงอภิปรายเรื่อง ‘ปัญหาการใช้คำไทย’ ร่วมกับทรงคุณวุฒิที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถึงปัจจุบัน รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ วธ.จึงได้ดำเนินการจัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้นักเรียน เยาวชน ประชาชนรู้รักภาษาไทย ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการสร้างต้นแบบที่ดีแก่ประชาชนให้มีการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง เหมาะสมและภูมิใจในความเป็นไทย รวมถึงสร้างค่านิยมและส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและประชาชน ได้ร่วมกันสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติให้คงอยู่ สืบไป

ปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้มอบรางวัล เนื่องในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2566 ประกอบด้วย ถวายเข็มและโล่เชิดชูเกียรติองค์กร ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ต่อด้วย การมอบเกียรติบัตรให้แก่สถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ที่ส่งเสริมการใช้ภาษาไทย ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย 4 รางวัล ได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณศิราพร ณ ถลาง ศาสตราจารย์กิตติคุณอัจฉรา ชีวพันธ์ ศาสตราจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา รองศาสตราจารย์อิงอร สุพันธุ์วณิช ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จำนวน 11 รางวัล ได้แก่ นางสาวใกล้รุ่ง อามระดิษ  นายชะเอม แก้วคล้าย  นายปรีชา จันเอียด นายภิรเดช แก้วมงคล ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรวุฒิ ภักดีบุรุษ นางวราภรณ์ สมพงษ์ นายวิฑูรย์ ไตรรัตน์วงศ์ รองศาสตราจารย์ศานติ ภักดีคำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวนีย์ พระแก้ว นายอภิชาต อินทรวิศิษฏ์ นายอำนวย สุวรรณชาตรี และ ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น จำนวน 6 รางวัล ได้แก่ นางเกษร แสนศักดิ์ พันตรีฉลอง จิตรตรง นายชายชื้น คำแดงยอดไตย นางเทวี บุตรตั้ว นางพจนีย์ เพ็งเปลี่ยน และ นางเอื้องคำ คำสันทราย

ในส่วนของรางวัลเพชรในเพลง ที่ดำเนินการโดยกรมศิลปากร มีผู้ที่ได้รับรางวัลเพชรในเพลง ประจำปี 2566 รวม 14 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ 2 รางวัล ได้แก่ คณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รางวัลการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย 4 รางวัล ได้แก่ คำร้องเพลงไทยสากล นายกมลศักดิ์ สุนทานนท์ นายปิติ ลิ้มเจริญ นายรัฐวิชญ์ อนันต์พรสิริ คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง นายประภาส ชลศรานนท์ (โก๋ ลำลูกกา) และ นายสลา คุณวุฒิ รางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน 8 รางวัล ได้แก่ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย นายธงไชย แมคอินไตย์ นายกิตติธัช แก้วอุทัย (ธัช เพลงเอก) ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง นางสาวอิสริยา คูประเสริฐ นางกุลมาศ สารสาส (ขนมจีน) ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย มนต์แคน แก่นคูน นายปรัชญา ธรรมโชติ (โบ๊ท เพลงเอก) ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง นางสาวพรพิมล เฟื่องฟุ้ง (เปาวลี พรพิมล) และ นางสาวอรทัย ดาบคำ (ต่าย อรทัย) 

‘ปู แบล็คเฮด’ สานต่อเจตนารมณ์ ‘นุ๊กซี่’ อดีตแฟนสาวที่เสียไป มอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม หลังจัดคอนเสิร์ตการกุศล

(24 ก.ค. 66) จบไปแล้วกับเฟสแรก สำหรับคอนเสิร์ตการกุศล Rockstar Cafe Glamping Day ร็อคสตาร์พาซิ่ง แกลมปิ้งช่วยเพื่อน เพื่อผู้ด้อยโอกาสเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยนักร้องหนุ่ม ปู แบล็คเฮด และเพื่อน ๆ ศิลปิน ร่วมกับโครงการ วาโก้โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม และ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น

คอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้จัดขึ้น 4 ภาค 4 จังหวัด ได้แก่ วูวอน บางแสน จ.ชลบุรี, มิดวินเทอร์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, เลอ ค๊อก ดอร์ จ.เชียงใหม่ และ Bangkok Backyard คลองสามวา กทม. รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายในการจัดงาน มอบให้ 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จำนวนรวม 693,000 บาท เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ อีกหนึ่งกำลังที่จะสามารถจุดประกายความหวังเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้ได้รับโอกาสในการรักษาและเข้าถึงบริการ

โดย ปู แบล็คเฮด ได้โพสต์ความรู้สึกหลังมอบเงินบริจาคว่า “ในที่สุดก็สำเร็จ…มันเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่พยายามจะสานต่อความตั้งใจของนางฟ้าผู้จากไปด้วยโรคมะเร็ง แต่ได้ทิ้งข้อความให้พวกเราได้เห็นถึงความสุขในการให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาผู้ป่วยด้วยกันเองอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ผมและเพื่อน ๆ จึงได้เริ่มโครงการ Rockstar Cafe Glamping Day  คอนเสิร์ตการกุศลเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง วัตถุประสงค์ก็เพื่อผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อบ้านพักผู้ป่วยรอฉายแสงหรือสบทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์แล้วแต่โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งจะจัดสรร แล้วก็เพื่อแผ่กุศลผลบุญให้ไปถึงคนบนฟ้า @nookzii อัญพัชญ์ วัฒนาตันติรัตน์

ขอขอบคุณ รพ.มะเร็งลพบุรี, รพ. มะเร็งชลบุรี และ รพ. มะเร็งลำปาง ที่รับเงินจำนวนนี้ไปบริหารจัดการแทนพวกเราด้วยนะครับ ขอบคุณ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, วาโก้โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม, เพื่อนๆ ศิลปิน และทุกคนที่ร่วมทำบุญด้วยการซื้อบัตรชมคอนเสิร์ต อีกทั้งยังการร่วมบริจาคเงิน รวมถึงทีมงาน Rockstar Cafe และทีมคู่คิด ที่ช่วยกันนับตั้งแต่ศูนย์จนสำเร็จ ขอบคุณมากๆ ครับ”

‘กรมทางหลวง’ ชวนเที่ยว 'ทุ่งดอกกระเจียว' ชมวิวแนวหน้าผา สัมผัสโขดหินแสนแปลกตา

(24 ก.ค. 66) กรมทางหลวง (ทล.)ดำเนินการบูรณะ ทล.2354 ตอน เทพสถิต – ซับใหญ่ ตอน 2 (ช่วงทางแยกที่จะไปทุ่งดอกกระเจียว) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยว ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ชมทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของไทย ที่ออกดอกในฤดูฝนของทุกปีให้ชื่นชมปีละครั้งเท่านั้น พร้อมทั้งดำเนินการเตรียมความพร้อมปรับปรุงทางหลวงให้สวยงาม ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการพัฒนาระบบคมนาคมให้มีความสะดวก ปลอดภัย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้โดยแขวงทางหลวงชัยภูมิ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง โดยดำเนินการบูรณะทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร และมีบางช่วงขนาด 4 ช่องจราจร ที่ได้รับความเสียหาย โดยทำการปูผิวทางชนิดแอสฟัลต์คอนกรีตหนา 10 ซม. พร้อมทั้งตีเส้นและเครื่องหมายจราจร ช่วง กม.15+864 – กม.18+025 นอกจากนี้หมวดทางหลวงในพื้นที่ยังได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์สองข้างทาง โดยได้ ดำเนินการตัดหญ้าข้างทาง, ปรับพื้นที่ในช่วงบริเวณทางโค้ง, ทำความสะอาดแบริเออร์ รวมถึงทำความสะอาดเกาะกลางถนน สะพาน และผิวทาง 

สำหรับเส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกด้วย สำหรับการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติป่าหินงามนั้น จากกรุงเทพฯ ใช้ ทล.1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ไปตามเส้นทางอำเภอด่านขุนทด ใช้ ทล.201 ถึงแยกหนองบัวโคก เลี้ยวซ้ายไป ทล.205 มุ่งสู่อำเภอบำเหน็จณรงค์ ถึงอำเภอเทพสถิต ตัดเข้าใช้ ทล.2354  ระยะทางประมาณ 17 กม. ถึงบริเวณทางแยก แล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 13 กม. ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาในเขตตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ 

อย่างไรก็ตามโดยจะเปิดอุทยานให้ท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ทุ่งดอกกระเจียว เป็นพืชล้มลุกประเภทหัวที่ผลิดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูฝน ได้รับฉายาว่าเป็น 'ราชินีแห่งป่าฝน'  นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตา กระจายอยู่ในพื้นที่ และจุดชมวิวผาสุดแผ่นดิน เป็นจุดชมวิวที่มีแนวหน้าผาและชะง่อนหิน ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหยซึ่งมีความสูง 846 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง  

ทั้งนี้กรมทางหลวงขอความร่วมมือประชาชน โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขภายใต้วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ “ท่องเที่ยวสุขใจ ห่างไกลโควิด – 19” สวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง หากประชาชนต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

‘ศปปส.' บุกร้องเรียนสำนักพุทธฯ เหตุ 'พระพยอม' เชียร์พิธาเกินงาม หวั่นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม

(24 ก.ค. 66) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว และ นายนพดล พรหมภาสิต ประธานกลุ่มศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. พร้อมคณะ เดินทางมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการเรียกร้องให้ทางสำนักพุทธฯ ดำเนินการตามขั้นตอนกรณีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พระนักเทศน์ชื่อดัง ภายหลังออกมาวิจารณ์การเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมองว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะถูกสกัดกั้นและจะได้คะแนนสงสารเยอะมาก คราวหน้ายิ่งกว่าแลนด์สไลด์

นายนพดล พรหมภาสิต ประธาน ศชอ. ระบุว่า "การกระทำของพระพยอม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ด้วยพระพยอมเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง หรือพระเซเลป การแสดงความคิดเห็นของพระพยอม คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ได้กระทบในวงกว้าง หากพระพยอมยังมีพฤติกรรมวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดเกี่ยวกับการเมืองต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยก และทำให้พุทธบริษัท 4 ไม่ว่าจะเป็น อุบาสก อุบาสิกา หรือใครอีกหลายๆคนรู้สึกไม่สบายใจ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า การแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมือง จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และฝั่งที่ไม่เห็นด้วย

พฤติกรรมของพระพยอมที่เกิดขึ้น ทำให้ถูกมองว่าพระพุทธศาสนา กำลังจะถูกโยงเข้าไปในความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

พระพยอมควรระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องตอบทุกคำถามกับนักข่าวก็ได้ ควรสงบปากสงบคำ ถ้าคำถามนั้นทำให้เกิดเป็นประเด็นทางการเมืองที่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในสังคม"

‘ดร.หิมาลัย’ วอนหยุดด้อยค่า ส.ว. โหวตนายกฯ ชี้ เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่คนจำนวนมากออกมาระบุว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ควรเกี่ยวข้องกับการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า การที่ สว.มีอำนาจในการพิจารณาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นสิ่งที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการเห็นชอบจากประชาชน จากการทำประชามติมากกว่า 15 ล้านเสียง 

นั่นเท่ากับว่าคนส่วนใหญ่ เห็นชอบที่จะให้ สว.มีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น จึงอยากจะวอนพี่น้องประชาชน ที่ไม่พอใจคนที่ตนเองเชียร์อยู่ไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี หยุดด้อยค่า หรือ ออกมาโจมตี สว.ที่ท่านทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และอำนาจที่ประชาชนให้มาก

ขณะเดียวกัน การจะอ้างคะแนนเสียง 14 ล้านเสียงที่ชนะการเลือกตั้ง แล้วระบุว่าตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว จะต้องได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้เป็นรัฐบาลนั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะระบอบประชาธิปไตยมีหลายรูปแบบ ยกตัวอย่าง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และฮิลลารี คลินตัน 

ในครั้งนั้น ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า ฮิลลารี คลินตัน ได้รับคะแนนเสียงมหาชน (Popular Vote) มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ แต่กลับไม่ได้เป็นประธานาธิบดี เพราะทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) จำนวนมากว่านั่นเอง เพราะฉะนั้น ในระบบของสหรัฐอเมริกา แม้จะได้คะแนนเสียงจากมหาชน ก็ไม่ได้การันตีว่า คนๆนั้นจะได้เป็นประธานาธิบดีเสมอไป ในขณะที่ระบบเลือกตั้งประธานาธิบดีแบบฝรั่งเศสนั้น จะยึดเอาคะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรง 

“ระบบการเลือกตั้งของทั้ง 2 ประเทศ ที่มักอ้างว่าเป็นประเทศผู้นำด้านระบอบประชาธิปไตยของโลก ยังมีความแตกต่างอย่างชัดเจน และไม่อาจตัดสินได้ว่าประเทศใดมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ากัน เพราะถ้ายึดเอาคะแนนโหวตของประชาชนเป็นตัวตัดสิน นั่นเท่ากับว่า สหรัฐฯ เป็นเผด็จการ เพราะไม่ทำตามมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่ฝรั่งเศส เป็นประชาธิปไตยเช่นนั้นหรือไม่”

ดร.หิมาลัย กล่าวย้ำว่า ประชาธิปไตยมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับการออกแบบให้เข้ากับประเทศนั้น ๆ ประเทศไทยจะใกล้เคียงกับ อังกฤษ และเยอรมัน ที่เป็นระบบรัฐสภา พรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากสุด ยังไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องไปรวมเสียงให้ได้จำนวนเสียงข้างมากในสภาให้ได้ก่อน และจะเห็นว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศเหล่านี้ หลายครั้งไม่ได้มาจากพรรคที่ได้ป๊อปปูลาร์โหวต

สำหรับประเทศไทย ในรัฐธรรมนูญได้เพิ่มอำนาจ สว. ในการพิจารณาเห็นชอบผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่นเพราะเจตนารมณ์ต้องการให้คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อมาเป็นผู้นำประเทศ

ส่วนกรณีที่ สว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบให้ ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น ดร.หิมาลัย ให้ความเห็นว่า สว.ส่วนใหญ่ ท่านมีความกังวล ในเรื่องที่พรรคก้าวไกล มีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบันกษัตริย์ เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และเมื่อพิจารณาจากร่างข้อเสนอที่พรรคก้าวไกล เคยยื่นมานั้น หากพิจารณาให้ดี จะเห็นว่า ข้อแก้ไขที่ว่านั้น เท่ากับการยกเลิกก็ว่าได้ เพราะเสนอให้ลดโทษคนที่หมิ่นสถาบัน เหลือโทษเท่ากับหมิ่นประมาทคนทั่วไปเท่านั้น อีกทั้งยังให้องค์ประมุขแห่งรัฐลงมาร้องทุกข์กล่าวโทษเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม 

“เหตุผลหลักที่สว.ท่านไม่ยกมือให้คุณพิธา เพราะมีความกังวลเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคก้าวไกล จะยึดร่างเดิมที่เคยยื่นมาก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ก่อนหน้านี้มีการท้วงติง แต่ทางพรรคก็ยังยืนยันที่จะแก้ไขตามร่างดังกล่าว ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ ทำให้ สว.ท่านกังวล และโหวตไม่เห็นชอบ เพราะอย่าลืมว่า สถาบันกษัตริย์นั้นอยู่คู่ประเทศไทยมาช้านานกว่า 700 ปี พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ หลายพระองค์ได้ออกรบ ใช้เลือดเนื้อและชีวิต ปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่มาถึงปัจจุบันกลับมีนักการเมืองบางกลุ่มด้อยค่าสถาบันฯ เช่นนี้แล้ว เชื่อว่า ทั้ง สว.และคนที่มีความจงรักภักดี คงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฎิบัติการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ทางคอมพิวเตอร์ของชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TICAC)

​วันนี้ (24 ก.ค.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในการเปิดโครงการอบรมเชิงปฎิบัติการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ของชุดปฎิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TICAC) ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ โดยมีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 23 - 27 ก.ค.66 ซึ่งในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการ จนถึงผู้บังคับหมู่ ในสังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์, ชุดสืบสวน และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. บช.น./ภ.1-9 , ชุดสืบสวนดิจิทัล ศพดส.ตร.และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รวมจำนวนกว่า 216 นาย

​โดยจุดประสงค์ของการจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการสืบสวนทางเทคโนโลยีที่มีความจำเป็นในการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ต  ซึ่งในปัจจุบันอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความซับซ้อนภายใต้การพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากสังคมยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่ยุคข้อมูลดิจิทัลเต็มตัว จึงส่งผลให้คนร้ายพัฒนารูปแบบและวิธีการก่อเหตุโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรม ที่เป็นการล่อลวงและประทุษร้ายทางเพศต่อเด็กและเยาวชน สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคมมากขึ้นและการเข้าถึงอย่างง่ายดายบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งทางโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งการกระทำผิดผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตนั้น การนำตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษเป็นเรื่องที่ยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการสืบค้นหาตัวผู้กระทำผิดมีความสลับซับซ้อน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensic Investigation) เพื่อนำมาประยุกต์ร่วมกับเทคนิคการสืบสวนพื้นฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการควบคุมปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งสามารถรักษาความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานที่นำไปพิสูจน์การกระทำความผิดในชั้นศาลได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดการฝึกอบรมครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Forensic Investigation) โดยมุ่งเน้นการแสวงหาวัตถุพยานดิจิทัลและความเชื่อมโยงต่อการกระทำความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต และเพื่อพัฒนาต่อยอดความรู้ความสามารถให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สายงานสืบสวนสอบสวนให้เกิดความเชี่ยวชาญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการแสวงหาพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Evidence and Online Investigation) โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญซึ่งทรงคุณวุฒิ อาทิ ท่านจตุพร แสงหิรัญ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ,ท่านอรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ,อาจารย์ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญ Cyber Security มาให้ความรู้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนเชิงนิติ วิทยาศาตร์ทางคอมพิวเตอร์ การแสวงหาวัตถุพยานดิจิทัลและความเชื่อมโยงต่อการกระทำความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และยกระดับมาตรฐานแนวทางการปฎิบัติงาน ของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ 'ระวังคนร้ายอ้าง ThaID โหลดแอปดูดเงิน'

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.  พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนว่าได้รับข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างแอปพลิเคชัน ThaID หลอกให้กดลิงก์ควบคุมโทรศัพท์ เพื่อโอนเงินออกไป 

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ให้ระวังกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากแอป ThaID (ไทยดี) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของกรมการปกครองในการแสดงบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านออนไลน์  โดยคนร้ายจะติดต่อผู้เสียหายหลายทาง มีทั้งการแอบอ้างทางโทรศัพท์เข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ThaiD ปลอม หรือส่ง SMS เข้าโทรศัพท์ผู้เสียหายในชื่อ ThaiD เพื่อให้ผู้เสียหายทำการอัพเดทให้ยืนยันตัวตน หรือ อ้างเหตุผลอื่นๆ  ผ่านลิงก์ wsc.fit/62 ซึ่งเป็น LINE Account  ชื่อ Thai ID ปลอม เมื่อพูดคุยผ่าน Line แล้วจะหลอกล่อให้ดาวน์โหลดแอพดูดเงิน ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์มือถือไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว และคนร้ายจะทำการดูดเงินออกจากโทรศัพท์ผู้เสียหายไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการปกครองจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนทราบ มิให้หลงเชื่อโดยเด็ดขาด

หากได้รับการติดต่อทางทางโทรศัพท์หรือ SMS ดังกล่าว อย่าดาวน์โหลด หรือมีข้อสงสัย ให้โทรแจ้งสายด่วน 1441 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ 1548 กรมการปกครอง และหากเผลอติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ถอดซิมโทรศัพท์มือถือออก และแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com

นอกจากนั้น นายชลอ อินทพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ สำนักบริหารการทะเบียน ผู้แทนกรมการปกครองได้ชี้แจงว่ากรมการปกครอง ไม่มีช่องทางไลน์ทางการ (LINE Official Account) ในการติดต่อกับประชาชน และไม่มีนโยบายในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนแต่อย่างใด หากประชาชนต้องการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “ThaID” (ไทยดี)  สามารถดาวน์โหลดหรือติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น และสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง หรือลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่  ณ สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ 

ทั้งนี้ประชาชน สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ www.เตือนภัยออนไลน์.com หรือโทรสายด่วน 1441 

'รองต่อศักดิ์' เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมซ้อมแผนคนร้ายกราดยิง Active Shooter รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 24 ก.ค.66 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุคนร้ายกราดยิง (Active Shooter) โดยมีคณะครูฝึกนำโดย พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท 1 พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. พ.ต.ท.ชายวุธ ชายโอฬาร รอง ผกก.ต่อต้านก่อการร้าย บก.สปพและเจ้าหน้าที่สายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 มาเป็นวิทยากร โดยมีนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 3- มัธยมศึกษาปีที่ 6 และคณะครู-อาจารย์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน รวมฝึกภาคทฤษฎีและปฏิบัติการหนี ซ่อน สู้ 

โดยการฝึกครั้งนี้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ร่วมกับ สมาคมผู้ปกครอง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดโครงการ ฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุกรณีคนร้ายยิงกราด Active shooter นั้นได้แบ่งเป็น สองส่วนคือการอบรมภาคทฤษฎี และการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ซึ่งได้ แบ่งเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ หัวข้อที่ 1 คือการปฏิบัติเพื่อพบ IED ระเบิด ทำให้รู้ว่าเมื่อพบวัตถุเข้าข่ายที่จะเป็นระเบิดควรปฏิบัติตัวอย่างไร หัวข้อที่ 2 คือ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อสร้างความรู้เบื้องต้นในการรักษาบาดแผลและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุร้าย เพื่อลดการสูญเสีย และหัวข้อที่ 3 คือ การหนี ซ่อน สู้ ซึ่งจะมีการสาธิตเหตุการณ์จริงว่าเมื่อมีคนร้ายก่อเหตุยิงกราดจะมีวิธีการในการเอาตัวรอดอย่างไร

นอกจากนี้ในกิจกรรมฝึกมีส่วนสถานการณ์จำลองโดยจะมีคนร้ายเข้ามาในสถานที่ที่กำหนดแล้วกราดยิงใส่กลุ่มผู้ฝึกซ้อม เพื่อให้ผู้ฝึกซ้อมใช้ทักษะที่อบรมมาในการปฎิบัติภารกิจ โดยจะสามารถประยุกต์ใช้ในสถานที่ต่างๆ เช่น สถานประกอบการห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานที่โล่งแจ้ง เป็นต้น

ผบ.ตร.มอบรางวัลตำรวจ สน.ชนะสงครามช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้ และชมรมไซเบอร์ รร.นรต.คว้าแชมป์สมัยที่ 4 แข่งขันทักษะไซเบอร์

วันนี้ (24 ก.ค.66) เวลา 12.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ข้าราชการตำรวจ 6 นาย และนักเรียนนายร้อยตำรวจ 3 นาย จาก 2 เหตุการณ์ ดังนี้ 

เหตุการณ์แรก กรณี “ช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้” โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้บริเวณ ซอยสามเสน 5 แขวงวัดพระยา เขตพระนคร กทม. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว พบเหตุเพลิงไหม้จริง มีผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยอยู่ในบ้าน ประตูรั้วถูกล๊อคไม่สามารถออกมาได้ ส.ต.ท.สถาพร สำราญ และส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์จึงรีบให้ความช่วยเหลือปีนข้ามประตูเข้าไป เนื่องด้วยประตูปิดล็อค ส.ต.ท.สถาพร สำราญ จึงใช้ฆ้อนทุบกุญแจ จ.ส.ต.สราวุธ บาลจิตร์,ส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์ ส.ต.ท.ภัทรดนัย รอดดารา,
ส.ต.ต.มนัญชย์ กันฤทธิ์,ส.ต.ต.กิตติกร ทองจำรัส จึงช่วยกันยกนำผู้สูงอายุที่ติดค้างอยู่ภายในตัวบ้านที่เกิดเหตุและตรวจสอบภายในตัวบ้านจนหมดไม่มีตกค้าง ประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงสนับสนุนเพื่อทำการดับเพลิงต่อไป

และเหตุการณ์ที่ 2 กรณี “นักเรียนนายร้อยตำรวจได้รับรางวัลแข่งทักษะทางไซเบอร์” โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 ทีมไซเบอร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ระดับโรงเรียนทหาร-ตำรวจ และระดับอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 4 ทีม โดยทีมที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ ทีม SixthHUNTER ประกอบไปด้วย (1) นรต.ทัศไนย มานิตย์ ชั้นปีที่ 4 (2) นรต.วรรณกร นุ่นประดิษฐ์ ชั้นปีที่ 4 และ (3) นรต.สุดฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ชั้นปีที่ 3 โดยปีนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ตำรวจรางวัลชนะเลิศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 4

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที รวมถึงขอชื่นชมในความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผลักดันและพัฒนาหน่วยงานจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 20,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top