Tuesday, 6 May 2025
NewsFeed

มอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

จังหวัดขอนแก่น ทำพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี แก่คณะกรรมการคัดเลือกครู ผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จังหวัดขอนแก่น

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้องโถงชั้น1 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประธานในพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี แก่คณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประธานพิธีได้ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น ถวายความเคารพู และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี โดยมีนายรัชพร วรรณคำ ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี

ทั้งนี้ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ได้ดำเนินงานการสรรหาและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นั้น มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี มีความประสงค์จะมอบเข็มเชิดชูเกียรติฯ ให้แก่กรรมการสรรหาและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระดับจังหวัดที่ได้ดำเนินการมาแล้วครบ 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 3 ปี พ.ศ. 2562 และครั้งที่ 4 ปี พ.ศ. 2564

สำหรับผู้เข้ารับเข็มเชิดชูเกียรติ รางวัลมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ให้แก่กรรมการฯ จำนวน 9 คน เข้ารับเข็มเชิดชูเกียรติ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มีรายนาม ดังต่อไปนี้ นายวรโชติ พัฒน์ดำรงจิตร,นายโชคชัย คุณวาสี,นายเจริญ เพ็งมูล,นางนิธิกานต์ โตโส,นางสาวลักขณา ถิรเจริญธาดา, นายทริณ จูนเจริญภัทรกุล,นางสาวจุฬาลักษณ์ ปัญญาแก้ว,นางสาวเกศินี นาชัยเวียง และ นายสยมพร สินพานิช

ฉากทัศน์ 13 กรกฎา ตอกย้ำ 'พิธา' ไม่ผ่านด่าน 376 เสียง รัฐบาลหน้าไม่มี 'ก้าวไกล' แต่มี 'รวมไทยสร้างชาติ'

สถานการณ์การเมืองเขม็งเกรียวถึงจุดเลี้ยวโค้งสำคัญ...การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ซึ่งนาทีนี้แน่นอนแล้วว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เหตุเพราะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศวางเมืองทางการเมือง ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้ร่ำลาผ่านเพจของพรรคเรียบร้อยไปแล้ว...

บางคนบอกว่าตราบใดที่ยังเป็นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่าเพิ่งตัดชื่อบิ๊กตู่ออกไป แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอบอกว่าอย่าไปคิดมากขนาดนั้น ปวดหัวเปล่าๆ

'ลุงตู่' แกบอกเป็นนัยแล้วว่า...ท้องฟ้าแจ่มใส...ไม่ใช่หรือ?

เอาเป็นว่า...เรามาสรุปเหตุบ้านการเมือง และการเลือกนายกรัฐมนตรีกันดีกว่า...

>> อันเนื่องจากการประกาศวางมือการเมืองของบิ๊กตู่ โดยลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ  ไม่เพียงทำให้ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีชัดเจนขึ้นเท่านั้น ยังทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงเป็นตัวแปรในการจัดสูตรรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยพรรคนี้ 'ไม่มีลุง' แล้ว  หากแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้บทบาทและรับข้อเสนอของพรรค 36 เสียงพรรคนี้ได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น...

>> สถานการณ์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งผลจากประชุมวิปฝ่ายต่างๆ ทำให้ทราบว่าจะลงคะแนนโหวตกันจริงๆ ก็ประมาณ 5 โมงเย็น  โดยก่อนหน้านั้นจะเป็นการอภิปรายถกเถียงกันในประเด็นต่างๆ รวมถึงการแสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีเพียงผู้เดียวคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

>> ทั้งนี้การอภิปรายที่จะถกเถียงกันให้วุ่นวายแน่นอนก็คือ กฎกติกามารยาทในการโหวต ตั้งแต่การลงมติที่ฝ่ายหนึ่งต้องการให้โหวตแยกทีละสภานัยว่าเพื่อจะเอา 312 เสียงไปเกทับ 250 เสียงของส.ว. อีกฝ่ายบอกต้องคละเคล้ากันไปตามลำดับอักษรรายชื่อ จนไปถึงความพยายามของฝ่ายพรรคก้าวไกลที่คงขอสงวนสิทธิ์ในการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่สองหรือครั้งที่สามหากครั้งแรกไม่ผ่าน  376 เสียง ในขณะที่ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภาหลายคนโดยเฉพาะนายเสรี สุวรรณภานนท์ ได้เงื้อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ไว้คัดง้างแล้ว..

เอ้า!! ดูข้อบังคับข้อที่ 41 ประดับความรู้ไว้นิด

“ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป”

ครับ...แค่เรื่องนี้ก็คงเถียงกันลั่นรัฐสภา...แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรน่าสนใจว่าในที่สุดจะมีเสียงโหวตสนับสนุนเกินจาก 311 เสียงของ 8 พรรคไปกี่เสียง มีเสียง ส.ว.สนับสนุนกี่เสียงกันแน่ เพราะข้อมูลของ 'เล็ก เลียบด่วน' มากสุดยังนิ่งอยู่ที่ 15 เสียงบวกลบ...สรุปคือพิธาสอบไม่ผ่าน...ดูอาการของแกนนำพรรคก้าวไกลก็พอจะรู้...ดูออก

>> พูดไปทำไม...สถานการณ์ตอนนี้วงในการเมืองนั้นข้ามช็อตออกแบบสูตรรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกันแล้ว...โจทย์ของพรรคเพื่อไทยตอนนี้คือ ถ้าพรรคก้าวไกลยึดคาถาเพื่อไทยไปไหนก้าวไกลไปด้วยขึ้นมาจะสลัดได้อย่างไร...เพราะทั้งพรรครัฐบาลขั้วเดิมและ ส.ว.ส่วนใหญ่นั้น นอกจากไม่โหวตให้พิธาแล้ว  ยังไม่เอาพรรคก้าวไกลด้วย...

มีการพูดกันถึงขั้นที่ว่า...สมมุติช็อตต่อๆ ไปพรรคเพื่อไทยเสนอ 'เศรษฐา ทวีสิน' เป็นนายกฯ แต่ส่วนผสมรัฐบาลมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย คะแนนเศรษฐาก็จะไม่ผ่าน 376 เสียง...สุดท้ายอาจเลี่ยงไม่พ้นที่จะเปลี่ยนเป็น 'อุ๊งอิ๊ง' หรือ 'อนุทิน' หรือ 'ลุงป้อม' เป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล...

แต่มี รวมไทยสร้างชาติ !!

‘ดีโอ EXO’ เปิดไอจีส่วนตัว หลังเดบิวต์มา 11 ปี แถมยอดผู้ติดตามพุ่ง!! 1.7 ล้านคน ภายในไม่กี่วัน

(12 ก.ค. 66) เอลี่มีเฮ!! ‘โดคยองซู’ หรือ ‘ดีโอ EXO’ เปิดบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวแล้ว หลังเดบิวต์มา 11 ปี ต้อนรับการคัมแบคใหม่สำหรับอลบั้ม EXIST ที่มีเพลงไตเติ้ลชื่อว่า ‘Cream Soda’

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา โดคยองซู หรือ ดีโอ EXO (D.O.) ประกาศกลางไลฟ์สดว่าเขานั้นได้เปิดบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวแล้ว ต้อนรับการคัมแบ็คใหม่ของวง EXO อย่างเพลง Cream Soda ที่ได้ปล่อยออกมา ทันทีที่มีประกาศบัญชีอินสตาแกรมของ 'ดีโอ' มียอดผู้ติดตามถึงวันที 12 กรกฎาคม 2566 พุ่งไปถึง 1.7 ล้านคน โดยที่โพสต์แรกของ 'ดีโอ' นั้น เป็นการโปรโมทเพลงคัมแบคใหม่ของวง EXO ในอัลบั้มเต็มอย่าง EXIST โดยในไลฟ์สดเมื่อสมาชิกถามเกี่ยวกับยอดผู้ติดตามที่พุ่งสูงขึ้น D.O. จึงตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ขอบคุณครับ”

ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมหน่วยกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่ อ.น้ำยืน

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 เวลา 0830 พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี พลโท สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอก ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชราชธานี 

หลังจากนั้นเดินทางโดยรถยนต์ไปยังฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ สักการะอนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราช มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ วางพวงมาลาอนุสรณ์เกียรติภูมิ พันตรี อนุพงศ์ บุญญประทีป หลังจากนั้นเดินทางไปยัง ฐานจุดตรวจเนิน 500 วางพวงมาลาสักการะ อนุสรณ์เกียรติภูมิ จ่าสิบเอก สมชาย แก้วประดิษฐ์  พร้อมทั้งรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ 

หลังจากนั้นคณะเดินทางไปยัง สนามกีฬานานาชาติ องค์การบริหารส่วนตำบลโดมประดิษฐ์ ได้มอบจักรยาน ตามโครงการ “Army Bike จักรยาน สานฝัน ปันสุข” มอบกรอบรูปพระบรมฉายาลักษณ์ คุกกี้ และ ถุงยังชีพ เพื่อการศึกษา ให้กับ เด็กนักเรียน จำนวน  2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนตำรวจตะเวนชายเเดนบ้านค้อ เเละ ศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตะเวนชายเเดนบ้านหนองบัวพัฒนา พร้อมทั้งได้มอบเงินสนับสนุน โครงการอาหารกลางวันให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเเปดอุ้ม จากนั้นคณะฯ เดินทางโดย เฮลิคอปเตอร์ เพื่อตรวจภูมิประเทศ ทางอากาศ บริเวณพื้นที่รวงผึ้ง ต่อไป  #หน่วยเฉพาะกิจที่1 #กองกำลังสุรนารี

ปุรุศักดิ์ แสนกล้า ข่าว/ภาพ 

“แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ” ทัพเรือภาคที่ 1 ปลดประจำการทหาร ผลัดที่ 1/64

ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดพิธีปลดประจำการทหาร ผลัด 1/64 ซึ่งประจำการ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 รวม 16 นาย โดยมี พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งได้ให้โอวาทและแนวทางในการปฏิบัติตนภายหลังจากการปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน นอกจากนั้นได้มอบของที่ระลึก และพลทหารทุกนายได้กล่าวคำปฏิญาณตน เพื่อเป็นคนดีของสังคมต่อไป

ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ ขอขอบคุณ และแสดงความยินดีกับน้องๆ พลทหารทุกนาย ซึ่งเปรียบเสมือนน้องคนเล็ก ที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ ในการรับใช้ชาติและประชาชนจนครบวาระในวันนี้ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของลูกผู้ชาย ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นการสร้างอนาคตของตัวเราเอง ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตต่อไป

‘มดดำ คชาภา’ ตอบชัดความสัมพันธ์ ‘แอฟ ทักษอร-พิธา’ หลังกระแสจิ้นมาแรง ลั่น!! “เขาเป็นเพื่อนและรู้จักกันมานานแล้ว”

(12 ก.ค. 66) เรียกว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เนื้อหอมที่สุดในตอนนี้สำหรับ ‘แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ ที่กระแสมาแรงไม่แพ้กันในตอนนี้แถมโดนจับตามองเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 

แถมวันก่อน พิธา ได้ไปออกรายการโหนกระแส และโดน ‘หนุ่ม กรรชัย’ ได้ถามขยี้เรื่อง แอฟ ทักษอร จนพิธาเขินเสียอาการไปหลายช็อต และในรายการ 3 แซ่บ หนุ่ม กรรชัย ได้ถามว่าตอนนี้ข่าวลือแรงมากเลย ซึ่ง แอฟ ทักษอร ก็ตอบว่า “อันนั้นก็ข่าวค่ะ” แล้วความสัมพันธ์กับ ‘นนกุล’ แอฟได้ตอบเพิ่มเติมว่า “อันนั้นพระเอกอีกเรื่อง” ทางด้าน หนุ่ม กรรชัย ยังถามต่อว่า โสด 100%ไหมตอนนี้ ซึ่ง แอฟ ก็เลิ่กลั่กตอบโสดเต็ม 100 บ้าง ไม่ 100 บ้าง เป็นอันชัดว่าตอนนี้แอฟโสดไม่เต็ม 100% นั่นเอง ส่วนหนุ่มคนไหนจะได้หัวใจแม่ไปครองเป็นใครนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไปจ้า

ล่าสุด ‘มดดำ คชาภา’ ออกมาเผยชัดความสัมพันธ์ ‘แอฟ ทักษอร-ทิม พิธา’ ซึ่งมีเอี่ยว ‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ อดีตสามีของแอฟ ผ่านรายการแฉว่า “เขาเป็นเพื่อนรู้จักกันกันมานานมากแล้ว เมื่อก่อนทิมกับสงกรานต์เป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”

ทรภ.1 ส่งหมู่เรือปฏิบัติราชการชายแดน ไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

นาวาเอก ศรยุทธ พุ่มสุวรรณ์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1 ) ในฐานะผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน เป็นประธานในพิธี ส่งหมู่เรือไปปฏิบัติราชการในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 เพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล บริเวณพื้นที่ชายแดนทางทะเลไทย - กัมพูชา ประกอบด้วย เรือหลวงกันตัง เรือต.82 เรือต.261 และ เรือต.263

พร้อมให้โอวาทและมอบกระเช้า เพื่อให้กำลังพลมีขวัญและกำลังใจที่ดี ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการชายแดนในครั้งนี้ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

‘ดร.เอ้’ ชี้!! ต้องเร่งหาเหตุสะพานลาดกระบังถล่มด่วน แนะ!! ชะลอโครงการไว้ ก่อนเกิดเหตุสลดอีกในอนาคต

(12 ก.ค. 66) จากรายการ Meet THE STATES TIMES ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 เผยแพร่ทาง THE STATES TIMES ได้มีการพูดถึงประเด็นเหตุการณ์สะพานข้ามแยกลาดกระบังถล่ม โดยเชิญ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ อดีตนายกสภาวิศวกรรม, อดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มาร่วมพูดคุย มีสาระสำคัญ ดังนี้…

จากเหตุการณ์โครงการสะพานข้ามแยกลาดกระบังถล่ม เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ ที่ 10 ก.ค.66 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น ทาง THE STATES TIME ได้สัมภาษณ์ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ อดีตนายกสภาวิศวกรรม, อดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ผ่านรายการ MEET THE STATES TIME ข่าวคุยเพลิน ถึงสาเหตุที่ทำให้ ดร.เอ้ ต้องโพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความน่าห่วงของโครงการดังกล่าว เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ระบุว่า…

“ด้วยความที่ผมเป็นวิศวกรและประสบการณ์เกี่ยวกับการวิบัติโครงสร้าง อีกทั้งยังมีฐานะเป็นนายกสภาวิศวกรรม, นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และเคยได้เข้าไปช่วยเหลือเรื่องวิบัติโครงสร้างมามากมาย รวมถึงเป็นประชาชนที่ต้องขับรถผ่านถนนเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำนั้น ในวันที่ 9 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่ผมได้มองเห็นโครงสร้างของไซด์งานนี้อยู่ในระหว่างหล่อเสาตอหม้อ ซึ่งปกติการหล่อเสาสูงๆ แบบนี้ จะต้องต่อนั่งร้านขึ้นไป แต่เมื่อผมมองไปเห็นนั่งร้านของคนงานแล้วยังคงไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็ห่วง

“เท่านั้นยังไม่พอ ขั้นตอนการหล่อเสาตอม่อที่เห็นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น และจากประสบการณ์ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จะเป็นว่าคนงานก่อสร้างจะเสียชีวิตจากนั่งร้านพังระหว่างเทคอนกรีตเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้นผมยังเห็นในส่วนของเครื่องจักรต่างๆ ไม่ค่อยเรียบร้อย แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นตัวเครนที่ล้ำเข้ามาในพื้นที่ถนนที่มีการจราจรแออัด นั่นจึงทำให้ผมตัดสินใจเขียนเตือนผ่านเฟซบุ๊กในฐานะประชาชนและวิศวกรอาวุโส  แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“จนเมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 ช่วงเที่ยงก่อนเกิดเหตุนิดเดียว ผมยังชี้ให้เพื่อนของผมดูเลยว่า มันน่ากลัวนะ เพราะสัญชาตญาณวิศวกรบอกตนว่า ไซด์งานแบบนี้ดูไม่เรียบร้อย ไม่ปลอดภัย อันตราย พอตกตอนเย็นเกิดเหตุโครงสร้างได้พังถล่มลงมาตนรู้สึกเสียใจมาก ตนมองว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยทำโครงการแบบนี้มามากมาย ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ของวิศวกรไทยหรือผู้รับผิดชอบ มันควรมีความปลอดภัย 100% ด้วยซ้ำไป เพราะเป็นสิ่งที่เราทำกันมาอยู่ตลอด”

เมื่อถามถึงสาเหตุที่โครงสร้างสะพานถล่มครั้งนี้เกิดจากอะไร? ดร.เอ้ กล่าวว่า “ไม่สามารถตอบได้ ไม่มีใครจะรู้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด จนกว่าจะได้พิสูจน์ตามหลักวิศวกรรม แต่วิศวกรที่มีประสบการณ์จะต้องตั้งคำถามเพื่อไปแสวงหาคำตอบข้อเท็จจริง ดังนั้นตนจึงขอตั้งคำถาม 3 ข้อ เพื่อที่จะช่วยคนรับผิดชอบ…

1. คานร่วงหล่นมาได้อย่างไร เป็นเพราะโครงสร้างตัวเคนที่หิ้วคานไหม ? อุปกรณ์พร้อมหรือไม่ หรือกระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่
2. เหล็กเสริมถูกต้องได้มาตรฐานหรือไม่ คอนกรีตรับกำลังได้หรือไม่ เสาตอหมอถึงหักขาดสะบั้น
3. เสาเข็มสมบูรณ์หรือไม่

“ดังนั้นการวิเคราะห์ ต้องจากล่างขึ้นบนด้วย ไม่ใช่แค่บนลงล่างเท่านั้น ต้องไปหาคำตอบจาก 3 ข้อนี้ ถึงจะได้คำตอบที่แท้จริงแล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากสิ่งใดกันแน่”

เมื่อถามถึงหลักการทางวิศวกรรม ว่าจะต้องทำอย่างไรกับซากและโครงการที่ยังรันอยู่? ดร.เอ้ ตอบว่า “หลังจากนี้เราต้องไปสำรวจตอหม้อที่เหลืออยู่ทั้งหมดว่ามีปัญหาหรือไม่ รวมถึงเสาเข็มใต้ตอหม้อว่ามีปัญหาแค่ไหน แต่ถ้าเกิดว่าตอหม้อที่เหลือมีปัญหาจริง ก็ยังไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ เพราะโดยทางเทคนิคสามารถเสริมเสาเข็มใต้ตอหม้อได้ แต่ต้องรู้ก่อนนะ ไม่ใช่ว่าก่อสร้างต่อ เพราะนั่นจะทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่าสะพานแห่งนี้มีจุดอ่อนตรงจุดไหน แล้วถ้าเกิดสะพานได้รับแรงสั่นสะเทือนมากๆ เช่น จากรถสิบล้อ หรือเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในกรุงเทพฯ มั่นใจได้ว่าคงมีผลกระทบตามมาอีกแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยถ้าถึงวันนั้นจะเกิดผลกระทบเสียหายอีกมากน้อยแค่ไหน 

“ดังนั้นสิ่งแรกที่อยากแนะนำ คือ ต้องยุติการก่อสร้างชั่วคราว แล้วไปดูองค์ประกอบต่างๆ ของโครงการอย่างละเอียด โดยทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดู ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”

ดร.เอ้ กล่าวเสริมอีกด้วยว่า “สำหรับประเทศไทยผู้ที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้ ก็คือ เจ้าของโครงการที่ต้องเข้ามาดูแล แต่ถ้าในต่างประเทศจะมีหน่วยงานกลางที่เข้ามาดูแลและหาสาเหตุของปัญหานี้ และนี่คือ สิ่งที่ประเทศไทยขาดหรือไม่มี

“ฉะนั้นนั้นถึงเวลาหรือยังที่เราจะมี ‘หน่วยงานกลาง’ ที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ามาดูแล ซึ่งผมอยากจะขอฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอให้เข้ามาผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม เราจึงควรทอดบทเรียนอย่างละเอียดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนอยากจะเห็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และพร้อมที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ถ้าเกิดรัฐบาลชุดใหม่ต้องการจะทำในเรื่องนี้”

สุดท้ายในฐานะอดีตนายกสภาวิศวกรรม, นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ขอฝากถึงเจ้าของโครงการต่าง ๆ ดังนี้…

1. ต้องคิดถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้งสำคัญที่สุด
2. ยึดมั่นมาตรฐานความปลอดภัย
3. ต้องจริงใจ จริงจัง ในการถอดบทเรียน

‘หนุ่มญี่ปุ่น’ ตั้งใจบินมาไทย ซื้อ ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ ชาวเน็ตแห่แซว ยกเป็น ‘ของฝากใหม่จากเมืองไทย’

กลายเป็นไวรัลสนั่นทวิตเตอร์ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่นตั้งใจบินมาประเทศไทย และปักหมุดไปย่านเทเวศร์ เพื่อซื้อ ‘กระบอกตั๋ว’ อุปกรณ์คู่กายกระเป๋ารถเมล์

จุดเริ่มต้นของเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ หนุ่มชาวญี่ปุ่นทวีตข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ @Kouhei50 ว่าตั้งใจบินมาที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อซื้อ ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าตัวได้ทวีตเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลเป็นไทยคร่าว ๆ ได้ว่า

“ในที่สุดก็ได้แล้ว!! ฉันมากรุงเทพก็เพื่อซื้อสิ่งนี้ ราคา 650 บาท (ประมาณ 2,600 เยน) แพงกว่าที่คิดไว้ แต่คิดซะว่าซื้อเป็นของฝากให้ตัวเอง นี่คือกระบอกเก็บค่าโดยสารที่พนักงานรถเมล์ถือไว้”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวแพร่ออกไป ต่างมีคนให้ความสนใจจำนวนมากจนกลายเป็นภาพไวรัล ด้านชาวเน็ตในญี่ปุ่นต่างรู้สึกสนใจกับกระบอกตั๋วรถเมล์และอยากจะได้มันมาบ้าง เจ้าของทวิตเตอร์จึงได้ปักหมุดไปว่าสามารถมาซื้อได้ที่ย่านเทเวศร์

งานนี้เรียกว่าได้เปิดตัว ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ น้องใหม่ของไทยขึ้นมาแล้ว ไม่แน่ว่าต่อไป ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งของฝากขึ้นชื่อ ที่หากใครมาเที่ยวไทย ต้องซื้อกลับไปก็เป็นได้ เหมือน กางเกงช้าง, ยมดมยาหม่อง และน้ำมันสมุนไพรต่างๆ

'ทรู' ดำเนินคดีขบวนการเฟกนิวส์  ใส่ร้ายบริษัทตัดสัญญาณมือถือ 'พิธา'

ทรูดำเนินคดีขบวนการเฟกนิวส์ กรณีใส่ร้ายทรูตัดสัญญาณมือถือนักการเมือง พร้อมชวนย้ายค่ายไปคู่แข่ง ปั้นข้อมูลเท็จหวังดึงการเมืองให้เข้าใจผิด

(12 ก.ค. 66) จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ Fake News ในเพจกลุ่มพรรคก้าวไกล – Move Forward Party ว่า... “คุณพิธา ถูกตัด สัญญาณโทรศัพท์จากทรู Fc คุณพิธาเปลี่ยนเป็น เอไอเอสหรือยัง” ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า หมายเลขดังกล่าว ยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตามปกติ และทรูขอยืนยันว่าไม่มีการตัดสัญญาณตามที่ถูกใส่ร้ายแต่อย่างใด โดยทีมงานของทรูได้ติดต่อแจ้งข้อเท็จจริงต่างๆ โดยตรงกับแอดมินเพจกลุ่มพรรคก้าวไกล – Move Forward Party แล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีช่วยลบโพสต์ดังกล่าวด้วยความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ การสร้างสังคมออนไลน์ที่สะอาดปราศจากการโกหกบนอินเตอร์เน็ต เป็นแนวทางในการสร้างสังคมที่ดี ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดและสืบสวนต่อถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมหลีกเลี่ยงการใช้เฟคนิวส์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1) โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ซึ่งในกรณีนี้โพสต์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งเข้าข่าย Fake News เราจึงได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ได้โพสต์ข้อความสร้างความเสียหายให้แก่บริษัท โดยไม่มีมูลความจริง ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับสาเหตุที่จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากข้อความที่มีการโพสต์เป็นลักษณะการโฆษณาต่อบุคคลอื่นที่ได้พบหรือได้อ่านข้อความดังกล่าว อันเป็นเหตุต่อเนื่องให้มีการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ความต่อบริษัท โดยเผยแพร่ต่อสาธารณะ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโซเชียลมีเดียในเพจกลุ่มก้าวไกล ปลุกปั่นให้เชื่อว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยความสุจริตเป็นผู้ฝักใฝ่ทางด้านการเมือง และได้ดำเนินการกลั่นแกล้งทางการเมือง อันทำให้บริษัทได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศเป็นการดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังและกระทบต่อธุรกิจของบริษัท บริษัทจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เข้าข่าย Fake News เช่นนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top