Tuesday, 6 May 2025
NewsFeed

‘นพ.เจตน์’ ฉุน!! สื่อประโคมข่าวโหวต ‘พิธา’ นั่งนายกฯ  ลั่น!! ถ้ายังแตะ ม.112 จะไม่ได้ 64 เสียงจากตนและพวก

(12 ก.ค. 66) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีการเผยแพร่รายชื่อตามโซเชียลมีเดียว่าเป็น 1 ใน 20 สว. โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

เล่นไม่เลิก

กรณีสื่อทั้งหลายจับชื่อผมไปอยู่ข้างที่จะโหวตให้พิธา ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ แม้จะปฏิเสธอย่างไร แม้จะโพสต์ FB และพูดจุดยืนชัดเจนผ่าน TV และสื่อไปหลายครั้งแล้ว

ในขณะที่ไม่มีคนของพรรคติดต่อ Lobby มา เข้าใจว่าคงไม่อยากเสียเวลาเปล่า

เชื่อว่าเจตนาเป็นเช่นเดียวกับที่พยายามออกข่าวว่า หาเสียง ส.ว. สนับสนุนได้เพียงพอแล้ว
ทั้งที่รู้กันดีว่า เสียงยังขาดอีกเยอะ ผสมกับการออกปลุกระดมทั่วประเทศของหัวหน้าพรรค

เพื่อสร้างความรู้สึกโกรธแค้นให้ด้อมส้ม

เมื่อผิดหวังในวันที่ 13 ก.ค. ความรู้สึกย่อมรุนแรงขึ้น

แต่ ถ้ายังแตะม.112 อยู่
ไม่ได้ 64 เสียงจากผมและเพื่อน สว. แน่นอนครับ

ชาวเน็ตจวกยับ!! ‘สาว’ สาธิตวิธีทำไอศกรีมไข่แข็งในร้านชาบู เพื่อนเตือนไม่ฟัง เพราะเป็นถังส่วนรวม แถมถ่ายคลิปอวด

เมื่อวานนี้ (11 ก.ค. 66) ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปวิดีโอทำไอศกรีมไข่แข็งในร้านชาบูแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปโลกออนไลน์รุมจวกกันยกใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง

โดยในคลิป เป็นคลิปแม่ลูกได้นำไข่สดตอกลงไปในกล่องไอศกรีมที่เป็นหลุมหลังจากมีคนก่อนนี้ตักไปรับประทาน เมื่อตอกไข่ลงไปแล้วก็สาธิตวิธีการทำ โดยละเลงไข่จนเต็มหน้าถังไอศกรีม เพื่อให้ไข่เซตตัว ก่อนที่จะตักออกมากิน

แม้คนที่ไปด้วยกันจะเตือนแล้วเพราะกลัวทางร้านจะต่อว่า แต่กลับไม่สนใจบอกว่าเขาไม่ด่าหรอก แล้วทำต่อไปจนเสร็จ

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป ก็มีคนวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เนื่องจากถังไอศกรีมนั้นเป็นถังรวมที่ทุกคนสามารถตักไปรับประทานได้ นอกจากนี้ยังมีคนที่ไม่ชอบรับประทานแบบนี้เช่นกัน ถ้าเป็นถ้วยส่วนตัวจะทำก็ไม่มีใครว่า

ล่าสุดร้านออกมาโพสต์ถึงประเด็นดรามาเช่นกัน โดยระบุว่า “ขออนุญาตชี้แจงถึงคลิปวิดีโอนี้นะคะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทางร้านของเราเองค่ะ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทางร้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น และในวันเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงลูกค้าเยอะ พนักงานอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นทางร้านเล็งเห็นความสำคัญเรื่องความสะอาดและการบริการกับลูกค้าทุก ๆ ท่านเสมอ เมื่อพนักงานเช็กตู้ไอศกรีม แล้วเจอคราบสกปรกทางร้านก็รีบเปลี่ยนถังใหม่ทันทีค่ะ ฝากเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ ปล. ทางร้านเป็นร้านชาบูฮาลาลนะคะ ไม่ใช่ร้านหมูกระทะ”

นอกจากนี้ยังมีคนถามทางร้านว่า จะฟ้องร้องลูกค้าคนดังกล่าวหรือไม่ ทางร้านตอบกลับมาว่า “ทางร้านอยากให้เจ้าของคลิปออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงมากกว่าค่ะ” 

ประธานวุฒิสภา ย้ำการสร้างสังคมสันติสุขที่ยั่งยืน ต้องให้เกียรติ เคารพ ความคิด ความเชื่อของกันและกัน ด้านศิษย์พี่ 4ส. สถาบันพระปกเกล้า เตรียมบายศรีสู่ขวัญรับน้อง 4ส.14

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่สถาบันพระปกเกล้า สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดการศึกษาอบรม หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข(สสสส.) รุ่นที่ 14  โดยมี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ รอดมี ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ และคณาจารย์ประจำหลักสูตรเข้าร่วมพิธี

ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร กล่าวว่า หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาประชาธิปไตยและการสร้างสังคมสันติสุขที่ยั่งยืนในสังคมไทย หลักสูตรนี้ยังเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนกันได้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยการให้เกียรติและเคารพความหลากหลายของความคิด ความเชื่อ ของกันและกัน ที่สำคัญ ผมหวังว่าผู้เข้ารับการศึกษาจะนำความรู้ที่ได้รับนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในระดับต่างๆ” 

ด้าน นายวิทวัส กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของหลักสูตรดังกล่าวว่า เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมศึกษาแนวคิด หลักการและกระบวนการแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี รวมถึงการวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้แนวคิด และเครื่องมือในการป้องกัน และแก้ไขความขัดแย้ง ตลอดจนการฟื้นฟูและสร้างความสมานฉันท์ในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างกระบวนการเรียนรู้เรื่องการแปลงเปลี่ยนความขัดแย้งด้วยสันติวิธีให้แก่ผู้นำความคิดในสังคมไทย

ทางด้านนายศุภณัฐ กล่าวว่า หลักสูตรดังกล่าวมีผู้เข้ารับการศึกษาอบรม ประกอบด้วยข้าราชการพลเรือน รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ผู้นำศาสนา และสื่อมวลชน จำนวน 70 คน จัดขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคม 2566  –  เดือนพฤษภาคม 2567 และ ในวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2566 นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่นที่ 14 พร้อมคณะ เดินทางไปยัง โรงแรม เดอะเฮอริเทจ พัทยา บีท รีสอร์ท เพื่อร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศโดยมีรุ่นพี่ศิษย์เก่าแต่ละรุ่น มาร่วมต้อนรับ ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ น้อง สสสส.14 พร้อมมอบของที่ระลึก เพื่อแสดงความรัก 

สภาสังคมสงเคราะห์ฯ จัดแถลงข่าว “การจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566”

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์  จัดงานแถลงข่าว “การจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี  2566” โดยมี พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานการแถลงข่าว ในวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม 2566  เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น  3  ตึกนวมหาราช  สภาสังคมสงเคราะห์ฯ แยกตึกชัย ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

ในการแถลงข่าว จะชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดของงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2566 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม  2566 ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดย พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  และประธานคณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566 และผลการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ  

ร้อยตำรวจโท ดร. มนัส โนนุช รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ และประธานฝ่ายคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่  กล่าวถึง ผลการคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่  คุณเพ็ญพักตร์ ศรีทอง  ประธานคณะกรรมการฝ่ายผลิตและจำหน่ายดอกมะลิ งานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566 กล่าวถึง การจัดทำผลิตภัณฑ์ดอกมะลิ และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดอกมะลิวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566 คุณธิดารักษ์  สัจจพงษ์  ประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานวันแม่แห่งชาติ  ประจำปี 2566 กล่าวถึง การประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี  2566 และกิจกรรมในโอกาสสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ

โดยสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้เชิญแม่ดีเด่นแห่งชาติ และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ที่ได้รับการคัดเลือก ประจำปี 2566 และปีที่ผ่านมา รวมทั้งพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากดอกมะลิ ประจำปี 2566 มาร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย

เจนกิจ นัดไธสง สวทท.68 รายงาน 

‘น้องขลุ่ย’ เด็ก 6 ขวบ ทำพิธีบูชาพระพิฆเนศคล่องแคล่ว พ่อแม่ เผย ลูกเรียนรู้-แกะบทสวดด้วยตัวเองผ่านยูทูบ

‘น้องขลุ่ย’ เด็กน้อยมหัศจรรย์ วัยเพียง 6 ขวบ สามารถท่องคาถาบูชา พร้อมทำพิธีอัญเชิญองค์พระพิฆเนศขึ้นบูชา ได้อย่างถูกต้องอย่างเหลือเชื่อ พ่อแม่เผยไม่เคยสอน ที่บ้านไม่มีใครถนัดด้านนี้ น้องเรียนรู้ด้วยตนเองศึกษาและจดจำผ่านยูทูป พร้อมทั้งมีความเชื่อได้ลูกชายจากการขอองค์พระพิฆเนศที่วัดแขก 

(12 ก.ค. 66) จากกรณีที่ผู้ใช้ติ๊กต๊อกได้นำเสนอคลิป ของหนูน้อยวัย 6 ขวบ ที่กำลังทำพิธีบทอารตีไฟ ถวายองค์พระพิฆเนศ และเชิญองค์พระพิฆเนศ เพื่อให้บูชาที่บ้าน และระบุเนื้อหาว่า น่าทึ่งมา ๆ น้อง ขลุ่ย อายุ 6 ขวบ ร.ร.สาธิต ทม.ราชบุรี ทำพิธีสวดพระพิฆเนศได้ ล่าสุด มีผู้ชมคลิปนี้ 1.5 ล้านครั้ง สร้างความน่าทึ่ง และมีคนชื่นชมในความสามารถ พร้อมทั้ง สาธุ รับพร กันจำนวนมาก

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังตรวจสอบพบอีกว่า ยังมีอีกหลายคลิปที่มีผู้ใช้ติ๊กต๊อกได้บันทึกคลิปไว้ อาทิ “หนุ่มน้อยวัย 5 ขวบผู้ศรัทธาในท่านพ่อพระพิฆเนศ” เป็นคลิปที่น้องขลุ่ย กำลังสวดบูชาและทำพิธีอาบน้ำด้วยน้ำสดให้กับองค์พระพิฆเนศ ทำได้ถูกต้องและตรงตามตำรา และยังมีคลิปที่น้องขลุ่ย ได้ร่วมทำพิธีกับ อ.เชียง ปัณณวิชญ์ นักแก้ดวงคนดัง ที่มาภาพนิมิตสุดแม่นยำ ผู้ศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ ชื่อดังด้วย
.
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านของน้องขลุ่ย ซึ่งอยู่ใน ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่ภายในชุมชน พบนายพัสกร พิเศษประสานกุล อายุ 35 ปี ผู้เป็นพ่อ มีอาชีพเป็นนักดนตรี และนางนวพร พิเศษประสานกุล อายุ 40 ปี ผู้เป็นแม่ มีอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน

นอกจากนี้ยังพบกับ ‘น้องขลุ่ย’ ด.ช.ปัณณธร พิเศษประสานกุล อายุ 6 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนสาธิตเทศบาลเมืองราชบุรี สถานศึกษารางวัลพระราชทาน โดยน้องขลุ่ย ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าไปยังห้องบูชาองค์พระพิฆเนศ ซึ่งอดีตเคยเป็นห้องสำหรับเก็บของเล่นและสิ่งของต่างๆ ซึ่งน้องขลุ่ยได้จัดเตรียมพิธีบูชาองค์พระพิฆเนศให้ผู้สื่อข่าวได้ชมความสามารถ

การทำพิธีที่น้องขลุ่ยเตรียมประกอบด้วย การสวดองค์พระพิฆเนศ โอม ศรี คะเนศา ยะนะมะฮา การเป่าสังข์ การสวดถวายไฟ หรือการทำ อารตี การถวายเครื่องสังเวย และการสวด สรรเสริญพระพิฆเนศ ส่วนหิ้งบูชา น้องขลุ่ย เป็นผู้อัญเชิญตั้ง และจัดทั้งหมดไว้อย่างสวยงาม

จากการสอบถามน้องขลุ่ย เล่าว่า ตนมีความสามารถในการสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ ตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ โดยเริ่มจากที่ คุณพ่อได้พาตนไปเที่ยวที่วัด และพ่อได้พาไปไหว้พระพิฆเนศ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคือองค์พระพิฆเนศ ซึ่งตนเองมองว่าสวยดี ก็เลยถามคุณพ่อว่า องค์ที่พามาไหว้นี้คือองค์อะไร

คุณพ่อบอกว่าคือองค์พระพิฆเนศ ส่วนการที่ตนเองสวดบูชาองค์พระพิฆเนศเป็นนั้น ตนได้ดูมาจากในยูทูบและแกะบท ด้วยการฟังไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ รอบ จากนั้นได้สวดตามจนเป็นและไม่มีใครสอน สำหรับพิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งการบูชา การเชิญองค์พระพิฆเนศ การสวดสรรเสริญ แม้กระทั่งการบูชาไฟ ก็ดูขั้นตอนมาจากยูทูปทั้งนั้น

การบูชาครั้งแรก ตนได้นำรูปขององค์พระพิฆเนศ จากในปฏิทินที่วาดโดย ภูผา จิตกรวันเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน โดยนำรูปมาตั้งไว้ที่หน้าโต๊ะ ในขณะที่คุณแม่กำลังอาบน้ำอยู่ ซึ่งตนก็นั่งสวดอยู่คนเดียวไม่มีใครรู้ว่าตนกำลังสวดไหว้พระพิฆเนศ เนื่องจากเห็นองค์พระพิฆเนศภายในรูปสวย จึงนำมาตั้งและรองสวดดู และเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

ด้าน นายพัสกรและนางนวพร พ่อแม่ เล่าถึงที่มาที่ไปถึงความสามารถของน้องขลุ่ย ว่าตนทั้ง 2 คนแต่งงานกันมาหลายปี ตอนนั้นคุณแม่ อายุได้ 32 ปี อยากมีบูตรแต่ก็ไม่มีบุตรเลย ก็พยายามทุกวิถีทางแล้ว ที่ไหนว่าดีตนก็ไปขอให้มีลูกก็ยังไม่มี ทำกิ๊ฟ ก็ไม่ติด มีเพื่อนแนะนำ ให้ไปขอจากองค์พระพิฆเนศที่วัดแขก แต่โดยปกติตนก็ไหว้บูชาท่านพ่อพระพิฆเนศอยู่แล้วตามสถานที่ต่าง ๆ แต่เราไม่ได้มีบูชาไว้ที่บ้าน

ซึ่งวันที่ตนทั้ง 2 คนเดินทางไปที่วัดแขก ตนได้ขอจากองค์พระพิฆเนศว่า “ลูกทำทุกวิถีทางแล้ว คือลูกอยากได้บุตร วันนี้ลูกมาขอบุตร” ก็ได้กล่าวไว้แบบนี้เลย ซึ่งตนก็ไม่ได้บอกสามีว่า ขอลูกจากองค์พ่อพระพิฆเนศ ประกอบกับวันที่ไปนั้นช่วงค่ำเขามีพิธีอะไรตนก็ไม่ทราบจึงได้ชวนสามีนั่งร่วมพิธีด้วย จนกระทั่งสิ้นเดือน ปรากฏว่า ‘ตั้งครรภ์’ น้องขลุ่ย มีสุขภาพที่ดีและเป็นเด็กแข็งแรง เลี้ยงง่าย

จนน้องขลุ่ย อายุได้ 5 ขวบ มีพี่ที่รู้จักนับถือกันเห็นน้องขลุ่ย ได้ถามว่าไปขอลูกหรือไปบนที่ไหนมาหรือเปล่า ตอนนั้นตนก็นึกไม่ออกว่าเราไปขอมา พี่เขาก็เลยแนะนำว่าถ้าไปขอมาต้องให้กลับไปไหว้และพาน้องขลุ่ยไปไหว้ด้วย ก็เลยได้กลับไปไหว้

ส่วนเรื่องที่น้องสวดบทพระพิฆเนศได้อย่างไรนั้น คือ วันแรกอยู่ดี ๆ น้องขลุ่ยได้มาถามตนว่า “พ่อพระที่หัวเป็นช้างคือพระอะไร” เขาก็ถามตามประสาเด็ก ตนจึงตอบกลับไปว่า “พระพิฆเนศ”

จากนั้นน้องขลุ่ย ก็ใช้โทรศัพท์มือถือเสิร์ชหาข้อมูลด้วยการพูดผ่านไมค์ เพราะตอนนั้นยังพิมพ์ไม่เป็นเพราะยังเล็ก ซึ่งน้องหาข้อมูลด้วยตนเอง และนั่งฟังบทสวด ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จนมีปฏิทินของน้องภูผาส่งมาเป็นรูปพระพิฆเนศ ตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เท่าที่ทราบจากภรรยาเล่าให้ฟังว่า น้องขลุ่ยนำรูปองค์พระพิฆเนศมาตั้งบนเปียโน จากนั้นสวดบทบูชาองค์พระพิฆเนศ ซึ่งคุณแม่เขาได้ยิน เพราะตอนนั้นกำลังอาบน้ำอยู่ภายในห้องน้ำ และได้ยินเสียงใครมาสวดบทภาษาอินเดียจึงเปิดมาดูและเห็นน้องขลุ่ยกำลังนั่งสวดอยู่ จนแอบดูอยู่พักใหญ่ และคิดว่าลูกสวดได้อย่างไร อายุเพียง 5 ขวบ ไม่มีใครสอน พ่อและแม่ก็สวดไม่ถูก

ต่อมาจึงให้น้องขลุ่ยสวดอีกครั้ง พร้อมทั้งอัดคลิปและส่งให้แม่ของน้องภูผา ว่ารบกวนส่งให้น้องภูผาดูให้หน่อยว่าทำไมน้องถึงท่องได้ และท่องถูกต้องไหม ซึ่งน้องภูผา มีความรู้ลึกถึงองค์พระพิฆเนศ ก็ตอบกลับมาว่า น้องขลุ่ย สวดได้ถูกต้องทุกคำ ทำให้ทุกคนเกิดความอึ้ง และทึ่งในความสามารถของน้องขลุ่ย

หลังจากนั้น น้องขลุ่ยได้มาขอให้พ่อและแม่ ทำห้องพระให้หน่อย เขาอยากมีห้องพระ และน้องขลุ่ยก็ทำพิธีอัญเชิญเอง ตั้งองค์บูชาเอง โดยที่ พ่อและแม่ ไม่ได้ขัดอะไร จะคอยสนับสนุนลูก เนื่องจากคิดว่าเป็นการเรียนรู้และเป็นความชอบของน้องขลุ่ยด้วย ปัจจุบันได้เป็นศิษย์ของอาจารย์เชียง ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมกับพิธีของอาจารย์เชียงหลายครั้ง โดยอาจารย์ท่านได้เมตตา ให้น้องขลุ่ยเป็นผู้ที่เผยแพร่องค์พระพิฆเนศให้คนรุ่นใหม่ต่อ ๆ ไป

นายรพีวิชญ์ จิรมิตรมงคล อายุ 17 ปี ชาวราชบุรี ผู้ที่คว้าอันดับ 1 ของโลก ในการประกวดภาพวาดเทศกาลนกฮูกนานาชาติ กล่าวว่า จากการที่ได้ฟังการสวดของน้องขลุ่ย ตามคลิปในโซเชียล บทสวดตรงตามอักขระในพระคาถาเวท และตนก็ทึ่งในความสาสมารถ ที่น้องขลุ่ยยังเป็นเด็กวัยแค่ 5 ขวบ แต่สามารถสวดคาถาบูชาองค์พระพิฆเนศ นำเสียง ตรงตามเสียงต้นฉบับของอินเดีย ในส่วนตนเคยได้มีโอกาศไปที่ประเทศอินเดียไปร่วมงานจตุรถี องค์พระพิฆเนศ เห็นพราหมณ์ที่อินเดียร์เขาสวดเหมือนกับที่น้องขลุ่ยสวด น้องเขาสวดเหมือนเป็นเด็กแขก

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ให้น้องขลุ่ย ได้สวดบูชาองค์พระพิฆเนศ ที่บ้านของภูผา โดยน้องขลุ่ยสามารถสวดได้อย่างคล่องแคล่ว

‘ตร.’ คุมตัว ‘โอลาฟ’ มือฆ่าโหดนักธุรกิจเยอรมัน ส่ง สภ.หนองปรือ เร่งสอบสวนเค้นหาเหตุจูงใจ

(12 ก.ค. 66) จากกรณีการหายตัวไปของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 10 ก.ค. ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด พบว่า โตโยต้า รีโว สีดำ จค 7679 ชลบุรี ซึ่งนายโอลาฟ ชาวเยอรมัน และเป็นเพื่อนสนิทของนางเพธา ได้รับช่วงต่อในการบรรทุกตู้แช่แข็งขับวนรอบๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นระยะทางกว่า 160 กม. ก่อนจะขับเข้ามาจอดในหมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น โฮม 1 ซึ่งห่างจากลานจอดรถชั่วคราวที่รถเบนซ์ของนายฮันส์ถูกนำไปจอดทิ้งไว้

จากนั้นตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ จนทราบว่าตู้แช่แข็งถูกนำมาซุกซ่อนไว้ในบ้านทาวน์โฮมชั้นเดียว ภายในหมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น โฮม 1 หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรีบนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เขต 2 ชลบุรี ภายหลังเจ้าหน้าที่เปิดตู้แช่ พบร่างนายฮันส์ถูกฆ่าหั่นเป็น 13 ส่วน บรรจุใส่ถุงดำแล้วนำไปแช่แข็งไว้ จากการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล เบื้องต้นยืนยันว่าเป็นศพนายฮันส์ ปีเตอร์ นักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่หายตัวไป ศพถูกแช่แข็ง ทำให้ศพยังอยู่ในสภาพยังไม่เน่าเปื่อย แต่พบว่าที่ศีรษะมีร่องรอยถูกตีด้วยของแข็งหลายครั้งจนเป็นแผลฉกรรจ์ ตำรวจจึงได้ส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีการขอศาลอาญาออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.) MRS.PETRA CHRISTL GRUNDGREIF (เพตรา) ชาวเยอรมัน 2.) MR.OLAF THORSTEN BRINKMANN (โอลาฟ) ชาวเยอรมัน และ 3.) นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ชาวปากีสถาน สัญชาติไทย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ และต่อมา นางเพตรา ถูกจับกุมเป็นรายแรก ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกมาเปิดเผยว่า รู้พิกัดของผู้ต้องหาอีก 2 รายแล้ว อยู่ระหว่างปฏิบัติการล่าตัว

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน ชุด บก.ตม. 3 ไล่ล่าตัวผู้ต้องหา ฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน ตรวจสอบวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่า นายโอลาฟจะใช้หลบหนีหลังมีการขโมยรถ จยย.ในการหลบหนี พบว่าหนีออกนอกพื้นที่ จ.ชลบุรีแล้ว มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จึงติดตามมากระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักหลังร้านอาหาร พื้นที่ สน.ประเวศ ก่อนนำตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.ประเวศ ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จากนั้นนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี

โดยเมื่อเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ มาที่ สภ หนองปรือ โดยได้ควบคุมตัวเข้าห้องสอบสวนทันที โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ ว่ามีไรจะพูดหรือไม่?

ทางด้าน นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ ไม่ได้พูดอะไร ใช้เสื้อปิดหน้าปิดตา ก่อนเดินเข้าทางด้านหลัง สภ.หนองปรือ ทันที พร้อมนำตัวเข้าห้องสอบสวน เพื่อสอบถามอย่างละเอียดถึงมูลเหตุจูงใจ ที่ก่อเหตุในครั้งนี้

‘BVLGARI’ เกือบโดนแบน หลังเอ่ย ‘ไต้หวัน’ แยกออกมาจากประเทศจีน  ล่าสุดรีบออกมาขอโทษ พร้อมแจงเหตุ ‘พนง.กรอกข้อมูลผิด’

เมื่อวานนี้ (11 ก.ค. 66) งานนี้แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับเจ้าดังของโลกอย่าง ‘BVLGARI’ ส่อจุดกระแสโดนแบนจากชาวจีนอีกหนึ่ง ด้วยเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความอ่อนไหว จีน-ไต้หวัน

วันนี้กลายเป็นกระแสเดือดอย่างหนักในโลกออนไลน์จีน เมื่อมีข่าวนำเสนอว่า ในหน้าร้านค้าออนไลน์ของ ‘BVLGARI’ ได้มีการบอกสาขาของช็อป ‘BVLGARI’ ในประเทศต่างๆ อาทิเช่น ประเทศไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์

และที่จุดประเด็นความไม่พอใจคือ ทางหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ ได้เขียนว่ามีสาขาที่ เขตปกครองพิเศษประเทศจีนมาเก๊า (中国澳门特别行政区) และ เขตปกครองพิเศษประเทศจีนฮ่องกง (中国香港特别行政区)

แต่เมื่อไล่มาถึง ‘ไต้หวัน’ กลับเขียนสั้นๆว่า ‘ไต้หวัน’ (台湾) ไม่มีการใส่คำว่าประเทศจีนไต้หวัน ซึ่งนี่เองทำให้คนจีนจำนวนมากต่างไม่พอใจ เรียกว่าเดือดเลยทีเดียว ที่ทาง ‘BVLGARI’ จงใจจะแยกไต้หวันออกมาเป็นประเทศ ประเทศหนึ่ง

กระแสความไม่พอใจหนักถึงขนาดที่ว่าชาวโซเชียลจีนต่างเรียกร้องให้ทางแบรนด์ออกมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่อย่างนั้นพวกตน จะขอแบนออกไปจากประเทศจีน ความคิดเห็นส่วนใหญ่ต่างพูดว่า ไม่อยากทำมาค้าขายที่จีนแล้วใช่ไหม รอดูได้เลย จบไม่สวยแน่ ๆ งานนี้ และมีอีกหลายเสียงออกมาร่วมประกาศจุดยืน ประเทศจีนมีเพียง 1 เดียว และออกมาขับไล่ ‘BVLGARI’ ออกจากประเทศจีน

ล่าสุด ‘BVLGARI’ ออกมาขอโทษแล้วค่ะ โดยกล่าวว่า ทางแบรนด์ได้ให้ความเคารพต่อหลักอธิปไตยและบูรณภาพของประเทศจีน และต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่งต่อความผิดพลาด ที่ฝ่ายดูแลร้านค้าออนไลน์ลงข้อมูลระบุประเทศผิด และได้รีบดำเนินการติดต่อผู้เกี่ยวข้องให้แก้ไขแล้ว

'โบว์ ณัฏฐา' ตั้งคำถามถึง 'พิธา' หากยืนยันความจงรักภักดีขนาดนั้น เหตุใดจึงเลือกคนที่โด่งดังจากการด่าเจ้ามาเป็น ส.ส.ของพรรค

(12 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ยังไม่ได้ดูเรื่องเล่าเช้านี้ และไม่ทราบว่าคุณพิธาได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไรบ้าง แต่หากมีการยืนยันความจงรักภักดีขนาดนั้นจริง เราคิดว่าพรรคก้าวไกลต้องตอบคำถามสังคมจริง ๆ แล้วค่ะ ว่าทำไมจึงเลือกคนที่โด่งดังมาจากการแสดงความคิดเห็นสาธารณะตามที่ปรากฏในภาพนี้มาเป็น ส.ส.ของพรรคได้ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้จริงๆ เพราะไม่ใช่เหตุการณ์เก่าๆและไม่ได้ไปแอบโพสต์ที่ไหน แต่โพสต์ในขณะที่เริ่มมีชื่อเสียงจากการ “ขับเคลื่อนสังคมด้วยการด่า” แล้ว และในพรรคก็ไม่ได้มีแบบนี้คนเดียวด้วย โดนคดีจากการแสดงออกลักษณะนี้ก็หลายคน นับเท่าที่เป็นการแสดงออกต่อสาธารณะ 

ยังไม่ต้องอภิปรายว่าคนเราต้องจงรักภักดีหรือไม่แค่ไหนอย่างไร (ส่วนตัวคิดว่าแค่ไม่ทำร้ายทำลายกันก็ยังดี) แต่ถามว่าสิ่งที่พูดกับการกระทำที่ผ่านมาหลายอย่าง มันย้อนแย้งกันมากเกินไปหรือไม่? กลุ่มเคลื่อนไหวที่มีพฤติกรรมหนักกว่านี้มาก พรรคก้าวไกลเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมาขนาดไหน ทุกคนก็เห็น 

ร่างเสนอแก้ 112 ของพรรคก้าวไกล ก็มีเนื้อหาที่มีปัญหาและไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ร่างมาแบบแทบไม่เหลือความคุ้มครอง โทษต่ำกว่าหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาด้วยการโฆษณา มีเจตนาดึงสำนักพระราชวังมาเป็นผู้ฟ้อง ด้วยเหตุผลว่าคนที่เดือดร้อนจากการถูกหมิ่นก็ต้องฟ้องเอง เปิดช่องให้เกิดการลดทอนสถานะสถาบันหลักของชาติอย่างชัดเจน แล้วยังผลักดันการนิรโทษกรรมให้การกระทำเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นภายใต้การรับรู้และติดตามอย่างใกล้ชิดของพรรคก้าวไกลในช่วงสามปีที่ผ่านมา 

ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะไว้ใจพรรคการเมืองที่ปากอย่างใจอย่างได้อย่างนั้นหรือ?

'รัสเซีย' ขู่!! พร้อมใช้อาวุธแบบเดียวกันโต้ตอบ หลังสหรัฐฯ จัดหา 'ระเบิดพวง' ป้อนให้ยูเครน

(12 ก.ค. 66) สหรัฐฯ แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะจัดหากระสุนคลัสเตอร์ให้แก่ยูเครน อาวุธระเบิดที่ปกติแล้วจะปลดปล่อยลูกระเบิดขนาดเล็กจำนวนมากกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง

คลัสเตอร์บอมบ์ถูกห้ามโดยประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ชาติทั่วโลก สืบเนื่องจากมันเสี่ยงก่ออันตรายแก่พลเรือน ปกติแล้วมันปลดปล่อยระเบิดขนาดเล็กกว่าที่สามารถเข่นฆ่าชีวิตโดยไม่เลือกหน้าในพื้นที่หนึ่งเป็นบริเวณกว้าง ส่วนกระสุนลูกที่ไม่ระเบิดนั้นก็เสี่ยงก่ออันตรายเป็นเวลานานหลายทศวรรษ หลังความขัดแย้งสิ้นสุดลง

สื่อมวลชนรัสเซียอ้างคำกล่าวของ ชอยกู ระบุว่ารัสเซียมีกระสุนคลัสเตอร์ในครอบครองเช่นกัน แต่จนถึงตอนนี้ยังคงอดทนอดกลั้นจากการใช้มันในปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร

อย่างไรก็ตาม รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า สหรัฐฯ เคยกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนคลัสเตอร์ในยูเครน และบอกว่าระเบิดลูกปรายของมอสโกมีอัตราการด้านสูงสุดถึง 40% ส่งผลให้สมรภูมิรบเต็มไปด้วยลูกระเบิดขนาดเล็กที่ไม่ทำงาน ขณะที่วอชิงตัน กล่าวอ้างว่าระเบิดคลัสเตอร์ของพวกเขาที่กำลังส่งมอบแก่ยูเครนนั้น มีอัตราการกระสุนด้านไม่เกิน 2.35%

ชอยกู ระบุในวันอังคาร (11 ก.ค.) ว่า "ในกรณีที่สหรัฐฯ จัดหากระสุนคลัสเตอร์ให้ยูเครน ทางกองกำลังรัสเซียจะถูกบีบให้ใช้อาวุธแบบเดียวกันกับกองกำลังยูเครนเป็นการตอบโต้" เขากล่าว "พวกเขาควรจำไว้ว่า รัสเซียก็มีกระสุนคลัสเตอร์ในประจำการเช่นกัน และในทุก ๆ วาระ พวกมันมีประสิทธิภาพเหนือกว่าของอเมริกาเป็นอย่างมาก"

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียบอกว่ากองทัพมอสโกกำลังใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องกำลังพลของพวกเขาจากอาวุธดังกล่าว

กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอตช์ อ้างว่าทั้งมอสโกและเคียฟต่างก็เคยใช้กระสุนคลัสเตอร์ระหว่างความขัดแย้งในยูเครนที่ลากยาวมาเกือบ 17 เดือนแล้ว
.
รัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ ต่างไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย (Convention on Cluster Munitions) ซึ่งห้ามใช้ จัดเก็บ ผลิตและขนย้ายกระสุนคลัสเตอร์โดยสิ้นเชิง และมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2010

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าจำเป็นต้องอนุมัติคำขอของทางเคียฟ สำหรับกระสุนคลัสเตอร์ หลังจากเริ่มชัดเจนแล้วว่า ยูเครน ซึ่งเวลานี้กำลังปฏิบัติการโจมตีตอบโต้รัสเซีย กำลังขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ทั่วไป และกำลังผลิตคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของยูเครน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ อย่างสหราชอาณาจักร แคนาดา และเยอรมนี แสดงจุดยืนคัดค้านการใช้กระสุนคลัสเตอร์

ในด้านสถานการณ์การสู้รบ ชอยกู แสดงความคิดเห็นว่า รัสเซียกำลังลดศักยภาพการโจมตีตอบโต้ของยูเครนลงอย่างมาก และกองกำลังรัสเซียสามารถรุกคืบในภาคสนามระหว่างปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของตนเองเช่นกัน ในทิศทางเมืองลีมัน ในแคว้นโดเนตส์ก ทางภาคตะวันออกของยูเครน

ด่วน!! ‘กกต.’ เชือด ‘พิธา’ ส่งศาล รธน.ฟันพ้น ส.ส. ปมหุ้น ITV พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จับตานำเรื่องเข้าพิจารณาบ่ายนี้

12 ก.ค. 66 ที่ประชุมกกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัทไอทีวีจำกัดมหาชนจำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หลังใช้เวลากว่า 3 วัน รับฟังและพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขอสำนักงาน กกต.แล้วเห็นว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อว่ามีเหตุตามที่มีการยื่นคำร้องจริง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ลงนามในคำร้องและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในส่วนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดประชุมประจำสัปดาห์วันนี้ในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. ซึ่งต้องจับตามองว่าสำนักงาน กกต. จะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันหรือไม่ และหากทันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการนำคำร้องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเลยหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top