Friday, 9 May 2025
NewsFeed

‘หมอธีระวัฒน์’ ชี้ภัย ‘สารเพิ่มหวาน’ ในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล เสี่ยง!! ‘หัวใจวาย-อัมพฤกษ์’ เริ่มเจอแล้วในต่างประเทศ

(3 ก.ค. 66) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า...

สารหวานในเครื่องดื่ม ไร้น้ำตาล เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์ (มีคำอธิบายว่าจะใช้หญ้าหวานได้หรือไม่ และมีคำอธิบายในเรื่องปริมาณขนาดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของเลือดข้นและมีผลต่อเส้นเลือด มีคำอธิบายที่มาของการศึกษาที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่รายงานในปี 2013 จนมาถึงปัจจุบันนี้)

นับเป็น 10 ปีมาแล้วที่มีการใช้สารน้ำตาลเทียมเพิ่มหรือแทนความหวานที่ได้จากน้ำตาล ทั้งนี้เพื่อตอบสนองกับคนที่มี โรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เรียกว่า เมตาบอลิก ซินโดรม (Metabolic syndrome) ที่เป็นกลุ่มอาการที่จะต่อติดต่อเนื่อง ตามกันมาจากอ้วน ดื้ออินซูลิน เบาหวาน ไขมันสูง มีภาวะเส้นเลือดผิดปกติและนำไปสู่โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ จนกระทั่งถึงมะเร็ง ด้วยการที่มีสารอักเสบก่อตัวในร่างกาย ทุกระบบและในสมอง จนเร่งสมองเสื่อมให้เกิดขึ้นเร็วและรุนแรง และพิสูจน์แล้วว่าเร่งความแก่ชราให้มากขึ้น 

...และสารทดแทนเหล่านี้ ได้มีการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรกลางต่าง ๆ ที่ทำการประเมินและมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

แต่กระนั้น การติดตามภาวะสุขภาพในคนที่ได้รับสารหวานเทียมเหล่านี้ เริ่มมีรายงานออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ในปี 2000 เป็นต้นมา ถึงผลที่อาจไม่พึงประสงค์ รวมทั้งแทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับมีโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดตีบ แต่เนื่องจากเป็นการศึกษาที่ไม่ทอดระยะเวลานานนัก และไม่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์หรือการเป็นสาเหตุได้ชัดเจน เนื่องจากมีตัวแปรและปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ข้อมูลยังมีความคลุมเครืออยู่

รายงานในวารสาร เนเจอร์ 27 กุมภาพันธ์ 2023 เป็นงานต่อเนื่องตั้งแต่การค้นพบความสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ในลำไส้ กับการอักเสบ และเส้นเลือดตันที่รายงานในวารสารนิวอิงแลนด์และเนเจอร์ในปี 2013 ที่ตอกย้ำพิสูจน์ว่าการกินเนื้อแดง และไข่แดงจะเชื่อมโยงกับจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียไม่ดีในลำไส้ ที่สกัดและผลิตสารอักเสบออกมาชื่อ TMA และ TMAO ทั้งนี้ การลดการกินเนื้อและไข่แดง โดยที่หนักผัก ผลไม้ กากใย ถั่ว จะระงับการอักเสบดังกล่าว และเริ่มพบว่าสาร polyols ก็มีความสัมพันธ์ร่วม

งานในปี 2023 นี้พบว่าสาร erythritol ซึ่งอยู่ในกลุ่ม polyol ทำให้เกล็ดเลือดไวขึ้น จนเพิ่มความเสี่ยงของเส้นเลือดตัน

การศึกษาเริ่มจากเป็น un targeted metabolomics ในคน 1,157 รายที่มาประเมินความเสี่ยงของเส้นเลือดหัวใจ (discovery cohort) โดยได้ทำการสวนเส้นเลือดหัวใจ จนพบว่าระดับของสาร polyol โดยเฉพาะ erythritol สัมพันธ์กับโรคหัวใจและอัมพฤกษ์มากขึ้นหลังจากติดตามสามปี จากการตรวจด้วย GC-MS แต่ทั้งนี้ บอกได้คร่าว ๆ และยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับระดับปริมาณที่ชัดเจนได้

การศึกษาต่อมาเฉพาะเจาะจง targeted metabolomics คนอเมริกัน 2,149 ราย และคนในยุโรป 833 ราย (validation cohort) ที่มาตรวจประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยมีข้อมูลความรุนแรงและการติดตามก่อนหน้านั้นหลายปี โดยใช้ตัวอย่างเลือดในคนอเมริกันจากรายงานของปี 2013 และควบรวมกับคนในยุโรป พบความสัมพันธ์ชัดเจนระหว่างระดับของ erythritol กับความเสี่ยงที่สูงขึ้น จากการตรวจด้วย LC-MS (fourth versus first quartile adjusted hazard ratio (95% confidence interval), 1.80 (1.18-2.77) and 2.21 (1.20-4.07), respecti vely) และการทดสอบการทำงานของเกล็ดเลือดพบว่ามีการกระตุ้นเพิ่มขึ้น ทั้งในหลอดทดลองและเพิ่มการเกิดเส้นเลือดตันในหนูทดลองการศึกษาต่อมา (interven tion study) เฉพาะเจาะจงโดยที่มีอาสาสมัคร 8 ราย กิน erythritol 30 กรัม ที่เป็นขนาดปกติในเครื่องดื่มหรือในไอศกรีมคีโต พบระดับในเลือดสูง ลอยมากอยู่จนถึงสองวันถัดมา

ทั้งนี้ ในผลิตภัณฑ์อาหารที่พบอยู่ได้ทั่วไปนั้น จะมีปริมาณของสาร erythritol ในขนาดสูงมากกว่า 30 กรัมด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความหวานให้มากขึ้น โดยที่อาจไม่ได้มีการระบุปริมาณที่ชัดเจนเนื่องจากถือว่าเป็นสารปลอดภัย ผลที่ได้จาก รายงานนี้ อาจต้องมีการหาความ สัมพันธ์เป็นเหตุเป็นผลเพิ่มขึ้น แม้ว่าการทดลองในราย งานนี้จะมีผลการศึกษาในหนูทดลองรวมกระทั่งถึงในอาสาสมัคร แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยเพียง 8 ราย แต่การทดสอบของเกล็ดเลือดนั้นแสดงถึงปฏิกิริยาที่สูงขึ้นในระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นเลือดได้

คณะผู้วิจัยได้จุดประเด็นที่ควรต้องทำต่อจากนี้ ก็คือการที่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นควรที่จะแสดงปริมาณของสาร erythritol ทั้งนี้อาจจะเป็นสารเดี่ยวที่ใส่เข้าไปหรือใส่เข้าไปร่วมกับสารที่เสมือนมาจากธรรมชาติ เช่น จาก Monk fruit หล่อฮั่งก้วยและ Strevia หญ้าหวาน ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200 ถึง 400 เท่า และในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นอาจเพิ่มเติม erythritol เพื่อให้สะดวกแก่การผลิตในรูปของการบริโภคสำเร็จ แต่จะรอให้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคตจากข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 นี้ ซึ่งไม่ทราบว่าจะต้องรอเวลาไปอีกกี่เดือนหรือกี่ปี

ควรหรือไม่ ที่ผู้บริโภคอาจจะต้องเตรียม ตัวเอง ในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้ความหวานที่ได้จากผักผลไม้ ที่ต้องกินโดยที่เป็นในรูปของกากใยด้วย เป็นชิ้นเป็นผลเป็นเนื้อ โดยไม่ใช่คั้นเอาแต่น้ำและทิ้งกากใย ออกไป ในรูปลักษณะนี้ ความหวานที่ได้จะปลอดภัย และแม้ว่า erythri tol จะมีการสังเคราะห์ ขึ้นเองในร่างกายตามธรรมชาติ (endogenous) แต่ปริมาณที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่าหรือต่ำกว่า ปริมาณที่มีผลกระตุ้นและทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดมาก

ความจำเป็นที่ต้องเข้าใกล้ธรรมชาติ เข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง เนื้อสัตว์ แทนด้วยปลา และหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนด้วยสารเคมีและสารทดแทนเป็น เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและไม่เป็นภาระต่อตนเองครอบครัว สังคม และประเทศ

'จตุพร' ลั่น!! 4 ก.ค. ข้อตกลงพรรค MOU ถึงจุดจบ เหตุ 'ก้าวไกล-พท.' ไม่รอมชอมปม 'ประธานสภาฯ'

เมื่อวานนี้ (2 ก.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน 'อ่านให้ขาด' โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลไม่อาจหาข้อยุติในตำแหน่งประธานสภาได้ ดังนั้น หลังวันที่ 4 ก.ค. ข้อตกลงพรรค MOU จำนวน 312 เสียงคงต้องเลิกลา สิ้นสุดพันธะจับมือร่วมตั้งรัฐบาล การพบกันของ 8 พรรคการเมืองเมื่อ 2 ก.ค. นี้ อาจเป็นการประชุมกันครั้งสุดท้ายก็ได้ เพราะการหารือในวันดังกล่าวไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังไม่มีข้อยุติกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคเพื่อไทยขอไปหารือกับ ส.ส.ของพรรคก่อน และวันที่ 3 ก.ค. ก่อนเที่ยงจะส่งผลสรุปให้พรรคก้าวไกล ซึ่งคาดเป็นการแจ้งผลให้ทราบเท่านั้น และไม่มีอะไรเป็นที่ยุติได้แน่ชัดตามเคย

“พรุ่งนี้ (3 ก.ค.) ก่อนเที่ยง พรรคเพื่อไทยบอกจะส่งผลหารือของพรรคให้พรรคก้าวไกล แต่คาดว่าผลลัพธ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อไทยคงต้องบอกให้ก้าวไกลรู้ว่า 4 ก.ค.ต้องเสนอชื่อประธานสภาเข้าแข่งขันกับก้าวไกล โดยอาจเสนอนายชูศักดิ์ ศิรินิล หรืออาจเป็นคนอื่นก็ได้ แต่พรรคเล็กจะเสนอนายสุชาติ ตันเจริญ เข้าแข่งขันร่วมด้วย ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังเหมือนเดินคือ นายสุชาติ เป็นประธานสภา” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า การเสนอชื่อนายสุชาตินั้น จะมีผลต่อการตรวจสอบเสียงงูเห่าที่จะแยกตัวไปลงเสียงให้นายสุชาติ เมื่อนำไปรวมกับฝ่าย 188 เสียงแล้วจะเกิน 251 เสียงในการตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะการตรวจสอบเสียงจำนวนนี้จะส่งผลต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพลังประชารัฐ ต้องเข้าชิงในตำแหน่งนายกฯ ด้วย

“แม้เพื่อไทยจะหาทางออกที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากไม่เสนอนายสุชาติ แข่งชิงประธานสภาก็ตาม แต่การไม่ยอมกันของเพื่อไทยกับก้าวไกลนั้น นำไปสู่การโหวตลับได้นายสุชาติ จากการเสนอของพรรคเล็ก ซึ่งผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนเลย เมื่อสองพรรคลงเอยกันไม่ได้ ดังนั้น หลังวันที่ 4 ก.ค.ย่อมเป็นวันแยกตัวของพรรค MOU” นายจตุพรกล่าว

นอกจากนี้ การหารือทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น ยึดมั่นแต่กิเลสทางการเมืองล้วน ๆ จึงเท่ากับเป็นการหักล้างหลักการทางการเมืองให้กระจุยกระจายไป ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจึงยากที่จะรอมชอมจับมือกันร่วมรัฐบาลได้อีกต่อไป

“การแสดงออกของนักการเมืองนั้น มักโชว์หลักการการเมืองเสมอ แต่พฤติกรรมกลับยึดมั่นกิเลสที่เจ้าของพรรคสั่งการมา ดังนั้น จึงทำให้ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนไปจากนายสุชาติ ในตำแหน่งประธานสภา” นายจตุพรกล่าว

'โบว์-ณัฏฐา' รวบ!! 12 เหตุผลจากคน 'ไม่เอาก้าวไกล' ยี้!! ฉลาก 'ประชาธิปไตย' ที่อาจ 'พัง' คุณค่าของแผ่นดิน

(3 ก.ค.66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

แน่นอนว่าเมื่อการโหวตในสภาเสร็จสิ้น เราทุกคนพึงเคารพมตินั้นและขึ้นกระดานใหม่ไปด้วยกัน แต่เมื่อยังมีเวลาที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ต่อไปนี้คือ เหตุผลส่วนหนึ่งของคนที่ไม่ต้องการได้รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำ 

12 เหตุผลจากคน #ไม่เอารัฐบาลก้าวไกล 

1. เราต้องการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา แต่ไม่ต้องการแนวทางแบบพรรคก้าวไกล 

2. เราไม่ได้มีค่านิยมร่วมกับพรรคก้าวไกลในหลายเรื่อง เราเห็นว่าบ้านเมืองสามารถพัฒนาสู่ความทันสมัยไปตามกาลเวลา โดยไม่ต้องทำลายคุณค่าแห่งความเป็นไทย และสิ่งดี ๆ มากมายที่เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมของชาติเรา  

3. เราไม่เชื่อว่าแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เอียงไปทางสังคมนิยม จะนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

4. เราไม่เชื่อว่าการส่งเสริมเสรีภาพอย่างแทบไม่มีขอบเขต จะสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิม

5. เรากังวลกับท่าทีของพรรคต่อกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน เราตั้งข้อสงสัยกับการเคลื่อนไหวเดินสายไปตามภาคต่าง ๆ เพื่อพูดถึงประวัติศาสตร์บาดแผล ทั้งที่ชาติไทยรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว

6. เราไม่ต้องการสังคมที่เห็นการหมิ่นประมาทเป็นเรื่องเบา ๆ ข้อเสนอแก้กฎหมายหมิ่นประมาททั้งระบบ ทั้งหมิ่นศาล หมิ่นเจ้าพนักงาน โดยเฉพาะหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ให้เหลือเพียงโทษปรับ เป็นการสร้างค่านิยมที่เราไม่เห็นด้วย เราต้องการสังคมที่มีความเคารพให้เกียรติกัน แลกเปลี่ยนความเห็นต่างอย่างมีอารยะ และไม่ทำร้ายทำลายชีวิตกันด้วยการหมิ่นประมาท 

7. กฎหมายทุกมาตราแก้ไขปรับปรุงได้ แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ ม.112 ในแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งมีบทยกเว้นเป็นการเปิดโอกาสให้มีการกล่าวหาสถาบันฯ ได้ ลดโทษจนไม่เหลือขั้นต่ำ จำคุกสูงสุดหนึ่งปี และกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้อง เราเห็นเจตนาว่าพรรคต้องการทำอะไรต่อสถาบันหลักของชาติ และนั่นคือเจตนารมณ์ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

8. เราไม่ไว้ใจพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่แสดงออกสนับสนุนให้ท้ายกลุ่มการเมืองที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างสันติ ต่อเติมความแตกแยกในสังคม

9. เราไม่เชื่อในการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยความโกรธแค้นเกลียดชังและปลุกปั่นอารมณ์ฐานเสียง โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชนให้แสดงออกในทางที่เป็นโทษทั้งต่อตนเองและสังคม 

10. เราไม่ไว้ใจในประสบการณ์ ทัศนคติ และพฤติกรรมของหลายๆ คนที่พรรคส่งมาให้เป็นผู้แทนราษฎร

11. เราไม่เชื่อในการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างไม่จบไม่สิ้น เราไม่ซื้อการแปะฉลาก “ประชาธิปไตย” ให้ตัวเอง ทั้งที่ทุกพรรคการเมืองได้ผ่านการเลือกตั้งมาในสนามและกติกาเดียวกัน

12. เราเชื่อว่ายังมีพรรคการเมืองที่เป็นผู้นำได้ดีกว่าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จะขับเคลื่อนทั้งงานบริหารและงานสภาได้ราบรื่นกว่า สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจให้ประเทศได้ดีกว่า เปลี่ยนแปลงสังคมให้พัฒนาไปในทางที่สร้างสรรค์กว่า

และในไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องการการตัดสินใจ 'เลือก' ที่คำนึงถึงเหตุผลเหล่านี้ในรัฐสภา เมื่อทุกมือในสภาได้ตัดสินใจมีมติเป็นเสียงข้างมากแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราจะเคารพมตินั้นแล้วเดินหน้าต่อไปด้วยกันค่ะ

‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ช่วยปันทุนทรัพย์ พา ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กลับบ้าน

(3 ก.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'เรารักสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี' ได้โพสต์ข้อความเชิดชู คุณหนูนา-กัญจนา ศิลปอาชา ระบุว่า...

ผู้หญิงคนนี้หัวใจเธอคือที่สุดในเรื่องสัตว์จริงๆ ค่ะ 

สละทรัพย์สินส่วนตัวเยอะมากกกกกก มากกกกก มากกกกกกก เพื่อนำ #พลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมาติภูมิ 

แม้จะมีหลากหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือร่วมกัน แต่คีย์แมนคนสำคัญของเรื่องนี้คือ คุณหนูนา กาญจนา ศิลปอาชา จริๆ ค่ะ 

'พลายศักดิ์สุรินทร์' หรือ 'บิลลี่' คืนสู่มาตุภูมิหลังทุกข์ทรมานนานกว่าสองทศวรรษในศรีลังกาจนขาแข้งงอไม่ได้ การขนย้ายใช้เครื่องบินชนิดพิเศษ ใส่กรงพิเศษ ส่งควาญช้างที่เก่งระดับประเทศไปปรับสภาพจิตใจกับช้างที่ศรีลังกา ก่อนนำมาเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ลำปาง

คุณหนูนาออกเงินและทองคำหลายกิโล แลกมาเป็นพุทธบูชา

เธอรักสัตว์มากเหลือเกินค่ะ มีหลายร้อย หลายพันเคสมาก ๆ ที่คุณหนูนาเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว อย่างกรณีเสือโคร่งของกลาง ที่รวมๆ กันอยู่ที่ สวนสัตว์บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี หลายสิบตัวไปแล้ว 

กินอาหารแต่ละมื้อ แต่ละวันค่าดูแลโหดมาก แต่สวนสัตว์เก็บค่าเข้าคนละ 20 หรือ 50 บาทนี่แหละ -“- ไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ 😅🙏 

พวกหมาพิการจรจัด ช้างป่า หลายๆ ตัวคุณหนูนาก็อุปถัมภ์ 

ขอบพระคุณนางฟ้าคนสวยนะคะ

‘อาร์เจนตินา’ ใช้ ‘เงินหยวน’ จ่ายหนี้ IMF สะท้อน!! เงินดอลลาร์เริ่มเสื่อมมนต์ขลัง

(3 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน อาร์เจนตินาเลือกใช้ ‘หยวน’ เป็นครั้งแรก ในการชำระหนี้บางส่วนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันศุกร์ (30 มิ.ย.) กลายเป็นอีกหนึ่งชาติในหลาย ๆ ประเทศที่เพิ่มสัดส่วนของสกุลเงินจีนในเศรษฐกิจของตนเอง พร้อมกับลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะเร่งให้ ‘หยวน’ กลายเป็นสกุลเงินสากลเร็วยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นการแสดงผลลัพธ์ให้บรรดาเศรษฐกิจเกิดใหม่ได้เห็น ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตเลวร้ายจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อระดับสูงของสหรัฐฯ โดยเวลานี้มีบรรดาเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายชาติเพิ่มเติม ที่ปักหมุดหันเข้าหาเงินหยวนและละทิ้งดอลลาร์ เพื่อผละหนีความเสี่ยงต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังคาดหมายด้วยว่ามันจะเร่งให้หยวนกลายเป็นสกุลเงินสากลมากยิ่งขึ้นและมีการใช้หยวนในตลาดระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว อาร์เจนตินาได้ชำระหนี้แก่ไอเอ็มเอฟด้วยสกุลเงินหยวน ในมูลค่าเทียบเท่ากับ 1,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 1,700 ล้านดอลลาร์ จะจ่ายในรูปแบบ Special Drawing Rights (สิทธิถอนเงินพิเศษ) ซึ่งคือสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เปรียบเสมือนเงินสกุลหนึ่ง ที่สร้างขึ้นโดยไอเอ็มเอฟ

ธนาคารกลางอาร์เจนตินาแถลงก่อนหน้านี้ ว่าจะอนุญาตให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ใช้เงินหยวนของจีนในฐานะสกุลเงินสำหรับเงินฝากและเงินออมส่วนบุคคลหรือนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้เงินหยวนมากยิ่งขึ้น โดยที่สถาบันการเงินทั้งหลายจะสามารถเปิดได้ทั้งสมุดเช็ค หรือบัญชีเงินฝากในรูปแบบของสกุลเงินจีน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเดินทางเยือนจีนของ เซอร์จิโอ มาสซา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาร์เจนตินา พร้อมด้วยคณะผู้แทนคนอื่น ๆ ของรัฐบาล เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการลงนามแผนความร่วมมือส่งเสริมข้อริเริ่มเข็มขัดและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ที่เสนอโดยจีน โดยที่ความร่วมมือด้านการเงินและประเด็นการคลังคือแก่นกลางของแผนดังกล่าว

หลิว หยิง นักวิจัยจากสถาบันศึกษาการเงินฉงหยาง แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมินในจีน ให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทม์สในวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ว่า "อาร์เจนตินาเลือกใช้หยวนมากขึ้นในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้ และหมดหวังต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐในประเทศ ซึ่งมันจะแสดงผลลัพธ์ให้บรรดาชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ ที่เผชิญกับปัญหาคล้ายกันได้เห็น"

บรรดาชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาทั้งหลายกำลังประสบปัญหาต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงการเสื่อมค่าของสกุลเงิน กระแสทุนและวิกฤตหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีต้นตอจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

"การดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ คือปัจจัยที่ก่อความกังวลอย่างยิ่ง เพราะว่ามันเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของปฏิกิริยาคลื่นความช็อก ซึ่งสามารถก่อผลกระทบที่อันตรายโดยเฉพาะกับระบบการเงินและเศรษฐกิจในชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา" ธนาคารโลกระบุในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

เมื่อเปรียบเทียบกัน อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างเสถียรของหยวน เป็นปัจจัยให้สกุลเงินจีนเป็นที่ต้องการ ในแง่ของคุณสมบัติหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในฐานะสกุลเงินสากล "การตัดสินใจของอาร์เจนตินาในการใช้เงินหยวน คืออีกก้าวย่างของการลดพึ่งดอลลาร์"

ขณะที่มากมายหลายชาติกำลังหาทางเลือกอื่น ๆ นอกเหนือจากสกุลเงินสหรัฐฯ เพื่อลดพึ่งพิงดอลลาร์ การก้าวมาเป็นสกุลเงินสากลของหยวนได้มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ต้นปี โดยล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ปากีสถานได้จ่ายเงินด้วยสกุลเงินหยวนเป็นครั้งแรกในการชำระหนี้ในข้อตกลงนำเข้าน้ำมันกับรัสเซีย

ในรัสเซีย หยวนกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 70% ของการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างรัสเซียกับจีน เป็นการค้าขายด้วยสกุลเงินรูเบิลและหยวน และมีมากมายหลายประเทศกำลังเรียกร้องให้ดำเนินการทำธุรกรรมทางการค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตนเอง

‘สุริยะ’ เผย ‘เพื่อไทย’ จ่อชู ‘วันนอร์’ ชิงประธานสภาฯ เชื่อ!! ‘คนกลาง’ คือทางออก ลดขัดแย้ง

(3 ก.ค. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหนึ่งในคณะเจรจาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางจะเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นคนกลางชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หลังพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ยังตกลงเรื่องนี้กันไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ หากกก.บห. มีมติเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถอธิบายชี้แจงกับส.ส. ให้เข้าใจได้ เพื่อให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้เมื่อมีความขัดแย้ง และเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยได้ 

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะยอมเสียโควตาประธานสภาฯ ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการให้การเมืองหน้าต่อไปได้ ถ้าเป็นทางออกที่ดี เมื่อพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลยังไม่มีข้อสรุปที่ลงตัวจึงต้องมีการเสนอชื่อคนกลาง ทั้งนี้ ยอมรับว่าได้มีการทาบทามนายวันมูหะมัดนอร์ ไว้ในเบื้องต้นแล้ว 

เมื่อถามต่อว่าพรรคก้าวไกลจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่นั้น นายสุริยะไม่ตอบคำถามนี้ก่อนเดินเข้าลิฟท์ขึ้นไปประชุมทันที

'พลัฏฐ์' ชี้!! 'ข้อเท็จจริง' กรณีเพิ่มจำนวนธนาคาร อาจไม่ทำให้ราคาดอกเบี้ยและค่าบริการลดลง

(3 ก.ค.66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

Players, Competition, Pricing & competitiveness

ถ้าการค้าสมัยนี้ 'ราคา' ขึ้นอยู่กับ 'กลไกตลาด' และ 'จำนวนผู้ค้า' มันก็คงดี

คุณ ศิริกัญญา หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เสนอให้มีจำนวนธนาคารมากขึ้น เพื่อเพิ่มการแข่งขัน ให้ราคาดอกเบี้ยลดลง 

เรื่องนี้ ผมเคยหารือกับ ท่านอดีตผู้ว่า ธปท.

ข้อเท็จจริง จำนวนธนาคารที่มากขึ้น อาจไม่ได้ทำให้ราคาดอกเบี้ยและค่าบริการลดลง เพราะกลไกตลาด ทำงานไม่ปกติ

ยกกรณีเปรียบเทียบอุตสาหกรรมอื่น

>> เบียร์
ในไทยมีหลัก ๆ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ช้าง, สิงห์ (ลีโอ), ไฮเนเก้น

มีผู้เล่นระดับโลกอยากเข้ามาไทย แต่ไม่สามารถเข้ามาแข่งได้เต็มที่เพราะ...

- ไทยห้ามโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ระบบการจัดจำหน่าย ขนส่งและค้าปลีก ทำได้ยาก
- บรรจุภัณฑ์หลายประเภทอยู่ในห่วงโซ่ผู้เล่นหลัก

ต่อให้คุณเป็น Budweiser, Carlsberg, etc ก็เข้ามาทำตลาดให้ใหญ่ได้ยาก

>> ปุ๋ย
เรามีผู้เล่น มากกว่า 1,000 ราย แต่ตลาดส่วนใหญ่ 80% อยู่ในมือ 10 รายแรก ที่เหลือไม่มี Economic of scale ต้นทุนแพงจนไปต่อไม่ไหว แข่งยาก

>> บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 
เรามีผู้เล่น 4 ราย AIS, True, dtac, NT และ MVNO +/-20 ราย...การที่ True+Dtac จะทำให้การแข่งขันลดลง แม้ว่า เราจะมีผู้ให้บริการ MVNO เครือข่ายเสมือนก็มีขนาดไม่พอที่จะสู้กับรายใหญ่

>> ธนาคาร
Standard Chartered Bank เป็นผู้เล่นระดับโลก หลังจากซื้อธนาคารนครธน มาหลายปี ก็พบว่าตนเองแข่งกับ ธนาคารหลายแห่งไม่ได้ เนื่องจาก สาขา บุคลากร ฐานลูกค้าไม่พอ จึงจำกัดบริการทำแต่ Wholesale banking ลดบริการ SME and Retail bank เพราะบริการ ค้าปลีกทำไม่ไหว

ขนาด Standchart นะ ในไทยยังมี HSBC, Duetsche bank และอื่น ๆ โดย HSBC ขาย credit card business ออกเพราะไม่คุ้ม 

ธนาคารที่บริการ Universal banking ในไทยจึงมีไม่มาก เป็นทางเลือกน้อย แต่ถ้าอยากจะให้มีมากขึ้นกลับไม่ง่าย เพราะ Entry Barrier สูงมาก แถมอุตสาหกรรมการเงินกำลัง Disrupt

ผมชื่นชมความตั้งใจของคุณไหม แต่ผมว่า น้องยังไม่กว้างและลึกมากพอครับ โลกวันนี้ไม่ง่ายอย่างในหนังสือเรียนหรืองานวิจัย ขอให้ท่านหาทีมแข็ง ๆ อยู่ช่วยนะครับ

‘ส้มโอไทย 4 สายพันธุ์’ ยกทัพบุกถิ่นมะกันครั้งแรก ตอกย้ำ!! ‘ขีดความสามารถสินค้าไทย’ ในต่างแดน

(3 ก.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น ผ่านการส่งออกส้มโอฉายรังสี 4 สายพันธุ์ ไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี (Washington, D.C.) สหรัฐอเมริกา ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย และยังส่งออกมะม่วงของฤดูกาลปี 2566 มังคุด และผลไม้อื่น ๆ ของไทย เพื่อนำไปร่วมงานเฉลิมฉลองในวันชาติของสหรัฐอเมริกา และ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐอเมริกา ครบรอบ 190 ปี ในงานจัดแสดงผลไม้เทศกาล ‘Sawasdee DC Thai Festival’ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2566 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ไทยได้ส่งออกส้มโอชิปเมนท์แรกไปยังสหรัฐฯ เพื่อจัดแสดงผลไม้ในงานเทศกาล Sawasdee DC Thai Festival ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ในโอกาสวันชาติของสหรัฐฯ ในวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2566 และเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-สหรัฐอเมริกา ครบรอบ 190 ปี ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงรายงานการส่งออกส้มโอไปสหรัฐฯครั้งแรก เป็นส้มโอฉายรังสี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ทองดี พันธุ์ขาวใหญ่ พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง และพันธุ์ขาวแตงกวา พร้อมด้วย มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ มหาชนก แดงจักรพรรดิ และเขียวเสวย รวมทั้งมังคุด รวมทั้งสิ้น จำนวน 72 กล่อง น้ำหนัก 864 กิโลกรัม

นายอนุชา กล่าวว่า การส่งออกส้มโอไปสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอ รวมถึงผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ที่จะมีตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เป็นประเทศที่เข้มงวดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชอย่างสูง โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ได้มอบหมายหน่วยงานบริการตรวจสอบสุขภาพสัตว์และพืช (Animal and Plant Health Inspection Service : APHIS) ให้แจ้งถึงผลการทดสอบประสิทธิภาพการแพร่กระจายรังสีในบรรจุภัณฑ์ส้มโอ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะอนุญาตให้นำเข้า โดยส้มโอส่งออกจะต้องผ่านการฉายรังสีแกรมมา (Gamma: γ) ที่ระดับ 400 เกรย์ นาน 3 ชั่วโมง จากศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) พร้อมโรงคัดบรรจุที่ได้รับอนุญาตให้คัดบรรจุส้มโอเพื่อการส่งออกได้ โดยผลไม้ของไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศสหรัฐฯ ต้องฉายรังสีแกรมมา ปริมาณ 400 เกรย์ ก่อนส่งออก

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้ผลไม้ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ มี 8 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย สับปะรด มังคุด แก้วมังกร เงาะ และล่าสุดได้แก่ ส้มโอ โดยกรมวิชาการเกษตรยังมีแนวทางที่จะสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจัดส่งทางเรือเพื่อลดต้นทุนและจัดส่งได้ครั้งละจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบในเชิงคุณภาพ โดยหากได้ผลดีจะเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ในเชิงการค้าต่อไป 

“นายกรัฐมนตรียินดีต่อผลความสำเร็จในการส่งออกส้มโอทั้ง 4 สายพันธุ์ของไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงคุณภาพของผลไม้ไทยที่มีมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้ นายกฯ เชื่อมั่นว่าเมื่อไทยผ่านมาตรฐานการส่งออกไปสหรัฐฯ จะเพิ่มโอกาสให้ผลไม้ไทยสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต พร้อมขอบคุณความร่วมมือ การทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันสินค้าเกษตรของไทยให้มีศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพิ่มขีดความสามารถในตลาดต่างประเทศ" นายอนุชา กล่าว

‘ตร.ไซเบอร์’ เตือนภัยหลังแอปธนาคารแห่ล่ม มิจฉาชีพปล้นทรัพย์ผ่านลิงก์ปลอมให้อัปเดต

(3 ก.ค.66) เพจกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี - บก.ปอท. โพสต์ระบุว่า…

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบบบริการโอนเงินต่างธนาคารเกิดขัดข้อง ส่งผลต่อการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking, Internet Banking ไม่สามารถดำเนินการได้ชั่วคราว

เตือนประชาชนระวัง มิจฉาชีพจะอาศัยจังหวะนี้ ส่งข้อความการอัปเดต Mobile Banking แนบลิงก์ปลอม ให้เหยื่อเผลอกดลิงก์ ส่งผลให้ถูกขโมยข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ถูกติดตั้งแอปรีโมทเพื่อเข้าควบคุมโทรศัพท์ สุดท้ายถูกคนร้ายโอนเงินออกจากบัญชี

การอัปเดตแอปพลิเคชัน Mobile Banking
กดอัปเดตผ่าน Apple Store หรือ Play Store เท่านั้น

แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com
Line : @police1441 แชตบอทกับหมวดขวัญดาว

‘อาร์เอส’ ปิดดีลรับทรัพย์ 1.6 พันลบ. ดึง ‘ยูนิเวอร์แซล’ ร่วมบริหารลิขสิทธิ์เพลง

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) กล่าวว่า อาร์เอส มิวสิค ประกาศเดินหน้าและรุกธุรกิจเพลงอีกครั้งในจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ที่ชัดเจน และจากการมีพาร์ทเนอร์ใหม่ที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศจะนำมาซึ่งกลยุทธ์เชิงรุกที่แตกต่างและไร้กรอบ เพื่อสร้างรายได้จากหลายช่องทาง

ล่าสุด อาร์เอส มิวสิค ได้พาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) เข้ามาลงทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อบริหารลิขสิทธิ์เพลงของอาร์เอสทั้งหมด ซึ่ง UMG เป็นบริษัทดนตรีรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกและเป็นผู้นำในตลาดเพลง การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ดนตรีของอาร์เอสได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน Soft Power ของไทย

“บริษัทเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่ธุรกิจหรือโปรเจกต์ใหม่ในรูปแบบอื่น ๆ ร่วมกันในอนาคต”

นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน RS กล่าวว่า ดีลในครั้งนี้บริษัทได้รับเงินลงทุนจาก UMG ราว 1.6 พันล้านบาทเพื่อร่วมกันตั้งกิจการร่วมค้า โดยทาง UMG จะมีสัดส่วนถือหุ้น 70% และ อาร์เอส มิวสิค จะถือหุ้น 30% ซึ่งจะมีสิทธิในการบริหารจัดการแค็ตตาล็อกเพลงกว่า 10,000 เพลง รวมถึงคอนเทนต์เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ มิวสิควิดีโอ เนื้อเพลงและบทประพันธ์ (compositions) รูปภาพและภาพถ่ายต่าง ๆ รวมถึงสิทธิภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ (rights under license agreements)

ความร่วมมือกับ UMG จะช่วยขยายรายได้จากช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญ เมื่อรวมกับรายได้จากการจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ต การสร้างแคมเปญการตลาดกับลูกค้า และการบริหารศิลปิน คาดว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้ของ อาร์เอส มิวสิค เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ที่ 700 ล้านบาท

นายสุรชัย กล่าวเสริมว่า นอกจากการผลิตคอนเทนต์ใหม่จากโปรเจกต์ RS Homecoming และ RS Newcomers รวมถึงความร่วมมือด้านลิขสิทธิ์เพลงกับ UMG แล้ว อาร์เอส มิวสิค ยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ กับพาร์ทเนอร์คู่ค้า ทั้งที่ทำงานร่วมกันอยู่แล้วและคู่ค้าอื่น ๆ เพื่อต่อยอดการทำ Music marketing ทั้งยังจะจับมือกับศิลปินอิสระหรือจากค่ายต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสในการทำเพลงร่วมกับศิลปินชื่อดังของไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจเพลงให้ครบวงจร และสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง

“ทั้งหมดนี้ นับเป็นการขยายศักยภาพในการกลับมารุกธุรกิจเพลงของ อาร์เอส มิวสิค ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางในการนำธุรกิจเพลงภายใต้ อาร์เอส มิวสิค เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 67 โดยจะมีการประกาศแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินภายในเดือนก.ค.นี้ด้วย” นายสุรชัย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top