Friday, 9 May 2025
NewsFeed

สวธ. จับมือกับ โชว์ไร้ขีด ลงนาม MOU ส่งเสริม เผยแพร่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านเกม พร้อมเปิดมหกรรม COSPLAY ART FESTIVAL 2023 IN THAILAND (CAF 2023) ยิ่งใหญ่แห่งปี เปิดเวทีให้คอสเพลเยอร์ไทยและนานาชาติ แสดงพลัง Soft power กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (Show No Limit Co.,Ltd.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริม เผยแพร่ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านเกม และพิธีเปิดงาน COSPLAY ART FESTIVAL 2023 IN THAILAND (CAF 2023) มหกรรมคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี โดยได้รับเกียรติจาก นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีลงนาม MOU พร้อมด้วย นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ร่วมลงนาม โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย  นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ นางศรีตรัง สารวัตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมคณะทูตจากประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เครือข่ายวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และบรรดาคอสเพลเยอร์ของไทย ต่างประเทศ เข้าร่วมงาน ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม 

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เป็นการส่งเสริม พัฒนาศักยภาพ และองค์ความรู้ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ในการเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านเกม อันนำไปสู่การต่อยอดระดับอาชีพในอุตสาหกรรมเกม หรือทักษะต่างๆ ในการประกอบอาชีพอื่นๆ ได้ สืบเนื่องจาก สวธ. ได้มีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ สำนักบริหารคณะกรรมการจัดระดับเกมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Game Rating and Administration Committee  - GRAC) โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างวินัยในการเล่นวีดิทัศน์ (เกม) รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมและนำองค์ความรู้ วิธีการต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในราชอาณาจักรไทยได้ สอดคล้องตามนโยบายหลัก 12 ด้าน ของรัฐบาลไทย เพื่อสร้างสังคมให้มีคุณภาพ คุณธรรม และอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข  

อธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันการเข้าถึงสื่ออย่างภาพยนตร์ การ์ตูน และเกม สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาทำให้ผู้คนสามารถรับชมทางออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา เนื้อหาที่หลากหลายของสื่อเหล่านี้ ล้วนส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมจนวัฒนธรรมบางส่วนเกิดการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไป ที่เรียกกันว่า วัฒนธรรมย่อย (Sub Culture) มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมรับชมสื่อ ซึ่งแฝงวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาทำให้ลอกเลียนแบบในสิ่งที่ชอบ ทั้งนี้วัฒนธรรมย่อยได้ถูกผสมผสานจากวัฒนธรรมหลักของประเทศนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า Pop Culture และ COSPLAY จึงเป็น Pop Culture อย่างหนึ่งที่มีกลุ่มที่ให้ความสนใจมากมายมหาศาลทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาผนวกกับวัฒนธรรมไทยได้ ทำให้เกิดผลงานมีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของประเทศไทย ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบ COSPLAY สามารถนำวัฒนธรรมไทยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มีผลงานสู่สายตานานาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมแวดล้อมให้มีรายได้ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป 
 
ด้าน หนุ่ย - พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า คอสเพลย์เป็นดั่งสีสันที่อยู่คู่งาน Thailand Game Show มาอย่างเนิ่นนานนับตั้งแต่จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 จวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า งานอดิเรกนี้ คือ หนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมเติบโตขึ้นอย่ารวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ให้เยาวชน ไม่ว่าจะเป็นความกล้าคิดกล้าแสดงออก ทักษะงานฝีมือ การตัดเย็บ เทคนิคการแต่งหน้า เรียนรู้ทักษะการเต้น การแสดง หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายเพื่อให้มีรูปร่างใกล้เคียงกับตัวละครต้นฉบับที่เลือก ซึ่งก็ล้วนเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับจากการแต่งคอสเพลย์ทั้งสิ้น 
 
สำหรับงาน Cosplay Art Festival 2023 in Thailand (CAF 2023) ตลอดทั้ง 3 วันนี้ ได้รวบรวมกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความเป็นคอสเพลย์ ได้แก่  Thailand and International Guest Cosplayers ที่จะได้พบปะกับ คอสเพลเยอร์ท็อปเทียร์ระดับโลกอย่าง Hakken 八犬 (ฮัคเคน) คอสเพลเยอร์ชาวมาเลเซียที่มียอดผู้ติดตามใน  Instagram เกือบ 4 ล้านคน, Xiaoyukiko (小鱼KIKO) (เสี่ยวหยูกิโกะ) คอสเพลเยอร์สาวเซ็กซี่จากสิงคโปร์ มียอดผู้ติดตามใน Facebook กว่า 1 ล้านคน และ Ely (อีลี่) คอสเพลเยอร์สาวสุดน่ารักจากไต้หวัน และยอดผู้ติดตามกวา่ 9 แสนคน อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นไฮท์ของงาน คือ CAF Cosplay Contest รางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท สิทธิ์เข้าร่วม Boot Camp สุด Exclusive กับคอสเพลเยอร์ชื่อดังของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมี Mini Concert Anisong! VTuber, Algorhythm Project, เกมสนุก ๆ และสินค้าลิขสิทธิ์แท้มากมาย 
 
ทั้งนี้ งาน Cosplay Art Festival 2023 (CAF 2023) มหกรรมคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theconcert.com/concerts/caf2023 หรือโทร 09-2417-9289 คณสุทธดา รวดเร็ว (เจี๊บบ) สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ www.culture.go.th, เฟซบุ๊ก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @ วัฒนธรรม 

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

"เชียงราย" โครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าพื้นที่ทำกินทางการเกษตรอำเภอแม่จัน"

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566ที่ผ่านมานาย ดุสิต วิยาภรณ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต1ภาคเหนือเชียงใหม่ได้ให้เกียตรมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตรระยะที่2(คขก.2)บ้านหนองอ้อหมู่11 ตำบลป่าซางอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีนาย ประสงค์ น้อยหมอ ผู้จัดการการ

ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอแม่จัน นาย วรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่จัน พันตำรวจโท เอกรินทร์ ปันญานะ รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแม่จันและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและหน่วยงานราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนได้เข้าร่วมภายในงานในครั้งนี้สืบเนื่องการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีนโยบายให้เกษตรกรทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับทำกินทางเกษตรทั่วประเทศดังนั้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA)จึงได้ทำโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตรระยะที่2(คขก.2)โดยได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการขยายเขตไฟฟ้าทางการเกษตรและได้ให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่นสำรวจพื้นที่หมู่บ้านที่ประสบปัญหาดังกล่าวจัดส่งข้อมูลให้การ

ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการสำรวจขยายเขตพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลตำบลป่าซางอำเภอแม่จันได้ตรวจสอบพบว่าบ้านหนองอ้อหมู่11ตำบลป่าซางยังมีไฟฟ้าให้เกษตรไม่ครบทุกพื้นที่และเข้าหลักเกณฑ์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงได้จัดส่งข้อมูลและจัดเข้าโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตรและประชาชนจำนวน34ครัวเรือนต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

รักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ‘ชัยวุฒิ’ พิจารณาเห็นชอบแผนปฏิบัติการดิจิทัลระยะ 5 ปี  จัดให้มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียน แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชน

เมื่อวานนี้ (วันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. 66) เวลา 13.30 น. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์(กบส.) ได้ร่วมประชุม กบส. ครั้งที่ 2/2566 

โดยในการประชุม คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ  (ร่าง) แผนปฏิบัติการดิจิทัลระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดิจิทัลประจำปี พ.ศ. 2566 รวมทั้งการปรับแผนการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (รอบ 6 เดือน) และได้รับทราบผลการดำเนินงานของ สกมช. ในด้านต่าง ๆ ได้แก่

1. รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามไซเบอร์ และผลการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ 
2. รายงานผลการดำเนินงานด้านงบประมาณและการก่อหนี้ผูกพัน (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2566) ของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
3.  ผลการประเมินองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

4. การจัดทำคู่มือการจัดวางระบบการควบคุมภายในและการประเมินผลการควบคุมภายใน
5. รายงานผลการดำเนินงานด้านการต่างประเทศของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (1 มกราคม - 30 พฤษภาคม 2566)
6. รายงานการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร

7. ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการบริหารงานทั่วไป และมีการประกาศให้ทราบทั่วทั้งองค์กร
8. รายงานผลการจัดการความรู้ขององค์กร
9. รายงานผลการสื่อสารกับประชาชน

10. การกำหนดนโยบายและวิธีปฏิบัติในการจัดการข้อร้องเรียน และการจัดให้มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนให้แก่ผู้รับบริการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนทั่วไป
11. รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบ
12. รายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน

‘วิชัย ทองแตง’ กูรูตลาดหุ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เผยมุมมองตลาดหุ้นไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง 

วิชัย ทองแตง อดีตพ่อมดตลาดหุ้นไทย ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้นั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล ได้ออกมาให้คำแนะนำนักลงทุน โดยเฉพาะ “แมงเม่า” หรือสาย Day-Trade ที่เล่นหุ้นตามกระแส ว่าจะต้องทำตัวยังไงบ้าง กับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ที่มีความผันผวนสูง 

มุมมองตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปี 2566
วิชัยเล่าว่า ก็ศึกษาอยู่นะครับ คือตอนนี้มีปัจจัยภายนอกที่จะมีส่วนกระทบกลับเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยอยู่เรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยอย่างที่พวกเราทราบกันอยู่ ผมก็ยังแปลกใจอยู่ เอ๊ะทำไมแบงก์ล้มที่อเมริกาแค่ 2-3 แบงก์ มีผลกระทบได้มากขนาดนี้ เวลาเขาขึ้นดอกเบี้ยที ตลาดหุ้นก็ตกที พลังงานที่มีราคาแพงขึ้น เป็นต้นทุนที่พวกเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความจริงมีคนแค่บางกลุ่มที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องพลังงาน ก็คือการรบราฆ่าฟันกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ฉะนั้น ถ้าจะพูดกันตามตรงก็คือว่า สถานการณ์หุ้นบ้านเรายังไม่น่าไว้วางใจ

ในช่วงนี้ นักลงทุน Day-Trade ต้องทำตัวยังไง
ความจริง เวลาผมเข้าไปบรรยายในคลาสบางคลาสที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่อง Investment ผมก็จะแนะนำเสมอว่า 1.ต้องอ่านเทรนด์ของธุรกิจให้ชัดเจน แต่ที่สำคัญคือต้องขยันที่จะอ่านวิเคราะห์ของ Researcher บาง house วิเคราะห์ได้เยี่ยมมาก แต่หลาย house ที่เขียนมั่ว แต่ผมคิดว่าพวกเราอ่านก็คงจะพอเข้าใจ บาง house เขียนบทวิเคราะห์ได้ดีมาก พวกนี้เขามีหน้าที่วิเคราะห์หุ้นให้เราอยู่แล้วครับ แต่เนื่องจากผมโชคดีผมมีนักวิเคราะห์อีก 50 คนที่จะช่วยคัดกรองให้ เวลาผมบรรยายผมก็พูดแค่เตือนสติคือที่ผ่านมาผมก็เล่นหุ้นตามกระแส ผมถึงเรียกตัวเองว่า “แมงเม่า” ผมไม่อายที่มีคนเรียกผมว่าแมงเม่าในยุคก่อนนะ แต่แมงเม่าส่วนใหญ่มักจะเล่นหุ้นตามกระแส Day Trade นี้กระแสล้วน ๆ เลย บางคน Insight ก็มีความเสี่ยง ใช่มะ ฉะนั้น ต้องอ่านบทวิเคราะห์

หุ้นไทยจะกลับมามีเสน่ห์ได้อย่างไร
ฟันด์โฟลว์เป็นเรื่องวิถีธรรมชาติของนักลงทุน ไปเดี่ยวก็กลับมา แต่ว่าแน่นอนเราต้องให้เห็นว่าตลาดหุ้นเรามีการ คือพูดง่าย ๆ ต้องตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสให้เยอะ ซึ่ง ก.ล.ต.เขาทำอยู่แล้ว ดูเรื่องความโปร่งใสเป็นหลัก คือถ้าตลาดหุ้นโปร่งใสและมีผลประกอบการที่ดี นักลงทุนก็ไหลกลับเข้ามาอยู่แล้วละครับ วันนี้เขาอาจจะ move ไปอินโดฯ อาจจะ move ไปเวียดนาม เดี่ยววันหนึ่งเขาก็กลับมา ประเทศไทยวันข้างหน้าเราอาจจะเป็น center ของ EV ในภูมิภาคนี้ก็ได้ แต่ถ้าจะ EV แน่นอนจะต้องคิดไว้ล่วงหน้า

ททท. เปิดรับสมัครนักเรียนในระดับอุดมศึกษา เพื่อร่วมกิจกรรมชิงเงินรางวัล ผ่านการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวกว่า 70,000 บาท

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ !!!!

โอกาสของเยาวชนทั่วประเทศไทย 
ในการสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวแบบ Low carbon  ททท. ขอเชิญชวนน้อง ๆ เยาวชนในระดับอุดมศึกษา เข้าร่วม STGs Youth Camp : ยัง ยั่ง ยืน  

ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ Responsible Tourism (ททท.) ในธีม "สร้างสรรค์ เส้นทางสีเขียวสัมผัสการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon" พร้อมร่วมกิจกรรมชิงเงินรางวัล ผ่านการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวกว่า 70,000 บาทbสมัครได้ที่ STGsyouthcamp.com

‘พิธา’ จบข่าว.. ‘ป้อม-เศรษฐา-อนุทิน’ ชิงชัย ถอดรหัส ‘พีระพันธุ์’ ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ลุ้นเก้าอี้ใหญ่

ย่างสู่วันแรกของเดือนใหม่..กรกฎาคม เดือนแห่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง  เริ่มหลักกิโลเมตรใหม่ทางการเมือง   มีประธานรัฐสภาคนใหม่  นายกรัฐมนตรีคนใหม่...ซึ่งจนถึงวินาทีนี้ยังฟันธงให้ขาดผึงไม่ได้ว่าเป็นใคร...เพียงแต่น่าเชื่อว่า..

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภา  ตัวเต็งคือ “พ่อมดดำ”สุชาติ  ตันเจริญ จากพรรคเพื่อไทย   “ตัวตึง”คือ ปดิพัทธ์    สันติภาดา  หรือ”หมออ๋อง”จากค่ายก้าวไกล...ซึ่งต้องรอดูคำตอบสุดท้ายจากการเจรจาของสองพรรคใหญ่ในวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ว่าจะยอมกัน ณ จุดไหน อย่างไร..

ตำแหน่งประธานสภาฯ จะบอกเล่าเรื่องราวและเรื่องยาวได้ชัดเจนว่า  หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะเป็นใคร  แต่ในชั้นนี้ “เล็ก  เลียบด่วน” ฟันธงด้วยการข่าวว่าให้ตัดชื่อ..พิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ออกไปได้เลย  แม้จะถูกเสนอชื่อและอีก7พรรคร่วมชะตากรรมโดยเฉพาะเพื่อไทยจะยืนยันนอนยันเป็นครั้งที่555 แล้วว่าจะหนุนจนสุดตัวสุดทาง...และแม้จะมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมาว่ามีการทุ่มทุนล็อบบี้ส.ว.กันอย่างเอาการเอางานก็ตาม..

ต้องทำความเข้าใจให้ชัดว่า..กรณีการใช้ยุทธปัจจัยจากกลุ่มทุนบางกลุ่มล็อบบี้ส.ว.นั้นเป็นการล็อบบี้ให้กับตัวเต็งนายกฯที่ชื่อ “เศรษฐา” หรือ “อุ๊งอิ๊ง”  เป้าหมายเพื่อสกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งบัดนี้คนในสภาสูงจำนวนหนึ่งที่ใจแกว่งกะจะหาโบนัสส่งท้ายก่อนสิ้นวาระกลางปีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนใจร้องเพลง..ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า..กันเป็นแถว..

สรุปรวมความ..เต็งจ๋านายกฯตอนนี้ยังคงเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  ที่ลูกน้องดันหลังเต็มแม็กซ์ แต่เสียงสนับสนุนจากส.ว.ยังไม่แน่นหนาเท่าที่คนภายนอกนึกคิด

เต็งสอง  ห้ามมองข้ามก็คือ..เศรษฐา ทวีสิน  จากเพื่อไทย นาทีนี้ภาษากายบ่งบอกชัดเจนว่า..พร้อมมาก..พร้อมที่จะเป็น...ซึ่งโอกาสมีไม่น้อยถ้าเพื่อไทยไม่ผูกขาไว้กับพรรคก้าวไกลแบ่บว่า..ไปไหนไปด้วยกัน..

เต็งสาม   แม้จะชื่อ”หนู” แต่ก็อาจเป็นหนูที่อาจช่วยราชสีห์..เป็นทางเลือกให้กับบ้านเมืองเดินหน้าไปได้..ใช่แล้ว..เขาคืออนุทิน  ชาญวีรกูล   หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ที่ “เล็ก   เลียบด่วน” ขอยืนยันว่าคนในสภาสูงเขาอยากโหวตให้มาก...

...ส่งท้าย ด้วยปริศนาการเมือง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่าว่าแต่คนภายนอกเลยที่ออกอาการงงเต้ก..คนในพรรคเองก็มึนตึ้บไปตามๆกัน  กรณี”บิ๊กตุ๋ย”พีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค”  หัวหน้าพรรค ไม่ไปรายการตัวเป็นส.ส.ซึ่งเท่ากับสละตำแหน่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 ของพรรคไป..

ดูเฟซบุ๊กพีระพันธุ์ วันที่ 30 มิ.ย.ระบุว่าเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.เคยบอกว่าจะไม่มีวันทิ้ง”ลุงตู่” วันนี้วันที่ 30 มิ.ย.ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะทำหน้าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีช่วยลุงตู่จนวินาทีสุดท้าย...ก่อนที่จะตบท้ายว่า  “ในฐานะหัวหน้าพรรคผมไม่ได้หายไปไหน  ผมยังคงทำหน้าที่กองทุนและดูแลการทำงานของพรรค  ของส.ส.และของสมาชิกพรรคให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติของเราตลอดไป”

สายข่าวของ “เล็ก  เลียบด่วน” แจ้งว่าวันที่ 3 ก.ค.พีระพันธุ์จะไปยืนเข้าเฝ้ารับเสด็จฯร่วมรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภาในฐานะตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี..ในขณะที่มีการคาดหมายกันว่า..อนาคตฉากต่อไปเขาอาจรับบทรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง...ซึ่งเราๆท่านๆยังไม่รู้

แต่”บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กตุ๋ย” รู้แล้ว..!!??

สำนักงานอัยการสูงสุด จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปี การสถาปนาองค์กรอัยการ 

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ท่านนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด เป็นประธานเปิดโครงการบริจาคโลหิต สำนักงานอัยการสูงสุด ครั้งที่ 14 โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกับ สมาคมภริยาอัยการ และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล (สภากาชาดไทย) จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต

โดยท่านพรชัย ชลวาณิชกุล อัยการอาวุโสประธานโครงการบริจาคโลหิต สำนักงานอัยการสูงสุด ท่านศศนันท์ เจตน์เจริญรักษ์ นายกสมาคมภริยาอัยการ ซึ่งสํานักงานอัยการสูงสุด และ สมาคมภริยาอัยการ ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยมีข้าราชการอัยการเข้าร่วมงานจำนวนมากอาทิเช่น นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ,นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ,นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ว่าที่ร้อยโท ประเวช รุ่งเจริญทอง อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรพร้อมด้วยคณะข้าราชการอัยการระดับสูง พร้อมด้วยคณะแขกผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิเช่น ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.พรทิพย์ วงษ์นครินทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคม กต.ตร.กทม. ดร.ณิชาภา สิงห์ณรงค์ ประธานมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ กรรมการสภากาชาดไทย คุณสรวีย์ รัฐพิทักษ์ถิรดา คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา และ คุณเอิร์ท-ณัฐนันท์ คุณวัฒน์  แอ้ม-ศิรประภา สุขดำรงค์ ดารา-ศิลปิน นางงามเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

โครงการบริจาคโลหิต สำนักงานอัยการสูงสุดมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาวิกฤตเลือดในคลังไม่เพียงพอ และช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความต้องการเลือด โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 - 15.30 น. ณ อาคารสมาคมภริยาอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร 

ข้อมูลข่าว: สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม

เลขาฯ ศอ.บต. ลงพื้นที่  ติดตามความคืบหน้าการทำลายเรือประมง ภายใต้โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบฯ จ.ปัตตานี พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างเต็มที่

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ลงพื้นที่ ท่าเรือคานเบอร์ 5 บริษัท อุตสาหกรรมประมงจังหวัดปัตตานี ติดตามความคืบหน้าการทำลายเรือตามมาตรการลดจำนวนเรือประมง เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ 

โดย เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ให้แนวทางการทำลายเรือแก่เจ้าหน้าที่ หากมีส่วนประกอบของเรือบางลำที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ก็อยากให้ดำเนินการ เช่น การนำไปสร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ ซึ่งต้องดำเนินการภายหลัง จากกรมเจ้าท่าได้เข้ามาตรวจสอบและยืนยันว่าเรือไม่สามารถใช้การต่อได้ พร้อมทั้งขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์ประสานงานโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัด การทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) นำโดย ศอ.บต. ผู้แทนกรมเจ้าท่าและกรมประมงได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบความถูกต้องตามคุณสมบัติของเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จำนวน 86 ลำและเมื่อสำรวจเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่มีการจัดทำแบบรายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องของคุณสมบัติเรือประมงรายลำ และจัดทำลงนามสัญญาเงินเยียวยาเรือประมง เพื่อขอรับเงินเยียวยา งวดที่ 1 เสนอต่อคณะทำงานด้านการจ่ายเงินเยียวยาเรือประมงพิจารณาให้ความเห็นชอบสัญญาและแจ้งมายัง ศอ.บต. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินงวดที่ 1 ให้แก่ผู้ประกอบการและเจ้าของเรือประมงที่ประสงค์จะออกนอกระบบ สำหรับการทำลายเรือประมง ศอ.บต. บูรณาการร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าในการจัดทำลาย

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปปง.ตร.พอใจผลการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฟอกเงิน ให้ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ตอบโจทย์การทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากการดำเนินคดีอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายคดี มักมีการเกิดอาชญากรรมรูปแบบของการฟอกเงินตามมา มีทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดจำนวนมาก ซึ่งคดีในลักษณะนี้มีความแตกต่างจากคดีทั่วไป เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง ดังนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปปง.ตร. จึงได้อนุมัติให้ ศปปง.ตร.จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และมูลฐานความผิดที่เชื่อมโยงถึงการฟอกเงิน รวมถึงนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างจริงจังต่อเนื่องเด็ดขาด เพื่อให้ได้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมต่อไป

ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปปง.ตร. จึงได้ดำเนินโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 ขึ้น 2 รุ่น โดยรุ่นแรก วันที่ 19-22 มิถุนายน 2566 และรุ่นที่ 2 วันที่ 27-30 มิถุนายน 2566 โดยมีข้าราชการตำรวจจากหน่วยต่าง ๆ ทั่วประเทศ เข้ารับการฝึกอบรม รุ่นละ 116 ราย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.

วันนี้ (30 มิ.ย.66) เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศปปง.ตร. เป็นประธานปิดโครงการ ฯ ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 รุ่นที่ 2 พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้ารับการอบรม ณ ห้องประชุม โรงแรมคลาสสิก คามีโอ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากตำรวจภูธรภาค 3 , ภาค 4 , ภาค 5 , ภาค 5 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งสิ้นจำนวน 116 นาย 

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ศักดิ์ศิรา กล่าวว่า ศปปง.ตร.ได้รายงานผลการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. ซึ่ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. พอใจผลการฝึกอบรมดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง มั่นใจว่าข้าราชการตำรวจที่ผ่านการอบรมทุกนาย จะนำความรู้ดังกล่าวไปเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และจะเป็นครูต้นแบบที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับข้าราชการตำรวจในหน่วยงานสังกัดของตนต่อไป 

TasteAtlas ประกาศผลการจัดอันดับ “10 Best Rated Curries” ผ่านทางช่องทางเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ 5 ใน 10 อันดับ ชื่อของประเทศไทยปิดหัวท้ายตาราง สมฉายา “สวรรค์แห่งอาหาร”

TasteAtlas คือสารานุกรมที่รวบรวมข้อมูลอาหารจากทั่วโลก ทั้งรายการอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 10,000 รายการ 23,334 ร้านอาหาร เพื่อจัดอันดับความนิยมในอาหาร จากทุกภูมิภาคทั่วโลก ยอดการเข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 3.7 ล้านครั้งต่อเดือน

ผลการจัดอันดับ 10 Best Rated Curries ซึ่งเป็นการจัดอันดับล่าสุดใน (มิถุนายน 2023) ของ TasteAtlas เผยว่า เมนู “แกงพะเเนง” ของไทย คว้าเเชมป์แกงที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 นอกจากนั้น รองเเชมป์ก็ยังเป็นของไทย ด้วยเมนู “ข้าวซอย” ซึ่งเคยถูกจัดอันดับเป็นแชมป์ Best Rated Soups in the world 2022 สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top