Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ขายหุ้น TSMC เกลี้ยง  หวั่นปัญหาจีน-ไต้หวัน เตรียมเบนเข็มไปที่ ญี่ปุ่น

ความตึงเครียดระหว่าง จีน - ไต้หวัน ที่ส่อเค้าทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก รวมไปถึงมหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐอเมริกา อย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ที่เริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์เช่นกัน

และสิ่งที่ทำให้นักลงทุนอึ้งไปตาม ๆ กัน เมื่อ Berkshire Hathaway บริษัทโฮลดิ้ง ของบัฟเฟตต์ ได้เทขายหุ้นในบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกออกไปในสัดส่วน 86% ของมูลค่ารวม 4,100 ล้านดอลลาร์ หลังจากได้เข้าซื้อเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า ผิดกับวิสัยการลงทุนของบัฟเฟตต์ที่มักจะลงทุนและถือครองหุ้นนั้นในระยะยาว

บัฟเฟตต์ได้ชี้แจงในบทสัมภาษณ์ Nikkei เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2566 ว่า การเทขายหุ้น TSMC ออกไปเกือบทั้งหมด เนื่องจากมีความกังวลในความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐต่อกรณีไต้หวัน ซึ่งบริษัท TSMC ก็เป็นบริษัทในไต้หวันและมีฐานการผลิตหลักอยู่ที่ไต้หวันด้วย 

บัฟเฟตต์ ยอมรับว่า TSMC เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม มีคนเก่ง ๆ อยู่มาก และบริหารจัดการดี และโดยส่วนตัวก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ มอร์ริส ฉาง (Morris Chang) ผู้ก่อตั้ง TSMC แต่ก็โชคร้ายมีชัยภูมิแย่เพราะดันตั้งอยู่ไต้หวัน ดังนั้น ภูมิรัฐศาสตร์แห่งนี้ จะได้รับผลกระทบทุกครั้งที่จีนกับสหรัฐฯ ขัดแย้งกัน 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บัฟเฟตต์ ได้เข้ามาลงทุนโดยตรงในเอเชีย ซึ่งเริ่มจากการลงทุนใน PetroChina ในปี 2002 จากนั้นในจึงเป็น Posco ผู้ผลิตเหล็กของเกาหลีใต้ในปี 2006 ส่วนปี 2008 เขาเริ่มลงทุนใน BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเซินเจิ้น ประเทศจีน แต่ก็ได้ทยอยขายหุ้นออกไปออกไป และกลับไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่ตนเองคุ้นเคย

ซึ่งจากตัวเลขการลงทุนของ Berkshire Hathaway ณ สิ้นเดือนมี.ค. 66 พบว่า กว่า 77% ของพอร์ตการลงทุนผ่านหุ้นมูลค่า 3.28 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 10.8 ล้านล้านบาท) นั้น จะประกอบไปด้วยหุ้นสหรัฐเพียง 5 ตัวเท่านั้น ได้แก่ Apple, Bank of America, American Express, Coca-Cola และ Chevron

ทั้งนี้ นอกจากเทขายหุ้น TSMC ออกไปแล้ว ยังพบว่า Berkshire Hathaway ได้ซื้อหุ้น Apple เพิ่มขึ้นอีก 20.8 ล้านหุ้น มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 5.8% 

และแม้ว่า บัฟเฟตต์ จะทยอยขายหุ้นที่ลงทุนอยู่ในจีน และไต้หวันออกไป แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งการลงทุนในเอเชียเสียทีเดียว แต่เริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ

แหล่งลงทุนที่ บัฟเฟตต์ ให้ความสนใจก็คือ ญี่ปุ่น นั่นเอง โดยได้ให้สัมภาษณ์กับ นิกเคอิ เอาไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า Berkshire Hathaway ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน 'ห้ากลุ่มบริษัท' ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเป็น 7.4% ได้แก่ Itochu, Marubeni, Mitsubishi Corp., Mitsui & Co. และ Sumitomo Corp. 

โดยมูลค่าตลาดรวมของการถือครองสินทรัพย์ในญี่ปุ่นของ Berkshire Hathaway ณ วันที่ 19 พ.ค. อยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการลงทุนนอกสหรัฐ ที่มากที่สุดของบัฟเฟตต์ อีกด้วย

แม้ว่า การลงทุนในญี่ปุ่น อาจจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่หวือหวาได้เช่นเดียวกับ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าที่เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก แต่บัฟเฟตต์มองว่า บริษัทของญี่ปุ่นมีประวัติของรายได้ที่มั่นคง เงินปันผลที่เหมาะสม และมีการซื้อคืนหุ้น (Share Buybacks) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบัฟเฟตต์ มีความชื่นชอบอย่างยิ่ง เนื่องจากการซื้อคืนหุ้น เพิ่มความเป็นเจ้าของบริษัท โดยไม่ต้องซื้อหุ้นเพิ่ม

อาจกล่าวได้ว่า การย้ายเงินลงทุนออกจากจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน แล้วเข้าไปยังญี่ปุ่น เป็นการตัดสินใจที่ง่ายมากสำหรับ บัฟเฟตต์ เพราะไม่ต้องวิตกกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีน สหรัฐฯ และไต้หวัน แถมยังได้ลงทุนในตลาดที่ตรงตามสไตล์ที่มองถึงความมั่นคงในระยะยาวนั่นเอง

‘ดร. หิมาลัย’ ชี้ ‘หยก’ ยังมีทางเลือก หากไม่อยากใส่เครื่องแบบ แนะให้เรียน กศน.- Home School

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 66 ดร. หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เล่าถึงประเด็น เสรีภาพทางการศึกษา ผ่านรายการ ‘คุยกับ ดร. หิมาลัย’ โดยระบุว่า…

เรื่องของเสรีภาพในสถานศึกษา ซึ่งนำเอาน้องหยกมาเป็นกรณีศึกษา ซึ่งเราก็จะรู้จักเขาในมุมของนักต่อสู้ ที่แสดงออกตามความเชื่อความคิดของตัวเอง ที่โดดเด่นที่สุดก็คือการต่อสู้ในการเรียกร้องเพื่อการต่อต้านมาตรา 112 น้องหยกมีการต่อสู้ที่ชัดเจนและรุนแรง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็ว

สำหรับเรื่องสิทธิเสรีภาพในโรงเรียน ซึ่งน้องหยกย้อมผมไปเรียนแต่งตัวไปรเวทตามสบายไปเรียน และเลือกเข้าเรียนเฉพาะวิชาที่ตัวเองชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในเรื่องของสิทธิและเสรีภาพ ที่น้องหยกกำลังเรียกร้องนั้นมันมีความถูกต้องหรือว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน ในปี 2559 นั้นเคยมีงานวิจัย ซึ่งทำการวิจัยในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีการทำวิจัยว่าการแต่งเครื่องแบบนักเรียนนั้นมีผลต่อการเรียนอย่างไร ซึ่งก็ได้ผลออกมาว่าการแต่งเครื่องแบบนักเรียนนั้นจะเพิ่ม การเข้าเรียนของนักเรียนในระดับชั้นมัธยม ในขณะเดียวกันนั้นก็เพิ่มการอยู่ในห้องเรียนของครูในระดับประถม นักเรียนเมื่อใส่เครื่องแบบนักเรียนแล้วจะมีการเข้าเรียนที่ตรงเวลามากขึ้น การตั้งใจเรียนก็มีมากขึ้นและการส่งเสียงรบกวนในห้องเรียนนั้นก็มีน้อยลง เครื่องแบบนักเรียนนั้น เป็นแบรนด์เนมที่ราคาถูกที่สุดในโลก การใส่เครื่องแบบ นักเรียนนั้นจะได้รับความเอาใจใส่จากบุคคลรอบข้าง เมื่อใส่เครื่องแบบนักเรียนแล้วสังคมรอบข้างจะช่วยกันดูแล สังเกตได้ว่าเมื่อใส่เครื่องแบบนักเรียนแล้วและมีปัญหา ก็จะมีผู้ใหญ่เข้ามาถามว่ามีปัญหาอะไรมีอะไรให้ช่วยหรือไม่

ถ้าเราไม่อยากใส่เครื่องแบบนักเรียนนั้นเราก็ยังมีทางเลือกเช่นการเรียน กศน. การศึกษานอกโรงเรียน การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งเราไม่ต้องแต่งเครื่องแบบเลย ก็แค่แต่งชุดให้สุภาพในการเข้าห้องสอบ หรือเลือกเรียนในระบบ Home School ทางเลือกเหล่านี้น้องหยกก็สามารถเลือกที่จะเรียนได้

เรื่องของหยกนั้น ยังมีกรณีเรื่องของผู้ปกครองอีกด้วย ซึ่งถ้าบุคคลที่อ้างตัวเป็นผู้ปกครองของน้องหยกนั้นไม่ใช่ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายการมอบตัวของน้องหยกก็ย่อมจะ ไม่ถูกต้องตามไปด้วย

‘สนธิ’ แจง ปฏิบัติการ 10 ข้อ เพื่อนำไปสู่ การแบ่งแยกดินแดน ยกตัวอย่างการประท้วงในฮ่องกง สู่การพยายามเปลี่ยนแปลงใน ‘ปาตานี’ 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งในเครือผู้จัดการ และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้จัดรายการ สนธิทอล์ค เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 เล่าถึง การพยายามแบ่งแยกดินแดนของ ‘ปาตานี’ ยกตัวอย่างอ้างอิงจาก ฮ่องกงโมเดล โดยนายสนธิ ได้เล่าว่า ...

ฮ่องกงโมเดล คือตัวอย่างที่บุคคลบางกลุ่ม สมคบคิดกับคนต่างชาติ เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการปกครองเป็นการขายชาติ แต่ชูป้ายว่าเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งถึงณปัจจุบันนี้ ฮ่องกงโมเดลได้อวสานไปแล้ว เมื่อรัฐบาลจีนได้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง เป็นเหตุให้ประเทศเจ้าแห่งอาณานิคม จำเป็นต้องย้ายฐานปฏิบัติการจะให้บุคลากรต่างๆ มาที่ประเทศไทย เพื่อจะผลักดันปาตานีโมเดล เพื่อให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของไทย ซึ่งเนื้อหาในการปฏิบัติการเพื่อแบ่งแยกดินแดนนั้นสรุปได้ 10 ประการดังนี้

ข้อที่ 1 เขียนประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ให้แตกต่างกัน เพื่อเป็นการแบ่งแยกผู้คนออกจากกัน ใช้วัฒนธรรมมาอ้างเพื่อแบ่งแยกทางอัตลักษณ์

ข้อที่ 2 อ้างค่านิยมสากล สร้างความเชื่อว่า เป็นค่านิยมที่ต้องยึดถือเช่น ประชาธิปไตยทุนนิยมเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม

ข้อที่ 3 สร้างประวัติศาสตร์ว่าถูกกดขี่ ไม่เท่าเทียม

ข้อที่ 4 เรียกร้องโดยไม่สนใจหลักการใดๆทั้งสิ้น

ข้อที่ 5 ขยายผลจากการขับไล่ผู้นำไปสู่การเรียกร้องเอกราช

ข้อที่ 6 สร้างแนวร่วมนักการเมือง NGO สื่อมวลชน

ข้อที่ 7 การสร้างฮีโร่ในการเคลื่อนไหว ฮีโร่ผู้กล้าหาญที่จะท้าทายผู้มีอำนาจ เหมือนกับเพนกวินเหมือนกับรุ้ง แล้วลงไปสู่ในระดับเด็ก อย่างตะวัน หรือหยกและอีกหลายๆคน ยิ่งถ้าเป็นเด็กก็ยิ่งดีถ้าถูกมาตรการปราบปรามจากภาครัฐก็จะมองได้ว่าเป็นการที่ผู้ใหญ่รังแกเด็ก เป็นสงครามระหว่างรุ่นสร้างกระแสได้ว่าให้มันจบที่รุ่นเรา

ข้อที่ 8 มีการสร้างสัญลักษณ์ร่วม เพื่อให้สื่อมวลชนและสังคมจดจำได้อย่างง่ายดาย เช่นสีเสื้อ การสวมเสื้อสีดำการกางร่มสีเหลือง การปฏิวัติร่มในประเทศฮ่องกง การใช้สัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว

ข้อที่ 9 การสร้างเครือข่ายเคลื่อนไหวในระดับสากล การเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบันมิได้กำหนดจำกัดอยู่แค่ภายในประเทศของตัวเองเท่านั้น แต่ประเทศที่หนุนหลังนั้นก็ได้ขยายการเคลื่อนไหวไปสู่ประเทศอื่นๆด้วย โดยอ้างพาราดอนภาพหรือความเป็นพี่เป็นน้องกัน

ข้อที่ 10 สร้างความชอบธรรมโดยการสนับสนุนของต่างชาติ เป็นการเปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในการภายในของประเทศ

วิกฤตที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ‘The Wild Chronicles’ สรุปให้ฟังสั้นๆ แบบเข้าใจง่าย

เพจเฟซบุ๊ก The Wild Chronicles ได้โพสต์ข้อความสรุปเหตุการณ์ วิกฤตกบฏวากเนอร์ที่เกิดในรัสเซีย ไว้โดยมีใจความว่า ...

สรุป : วิกฤตกบฏวากเนอร์ที่เกิดในรัสเซียแบบเข้าใจง่าย

1. ประธานาธิบดีรัสเซียนาม ปูติน นั้นเลี้ยงขุนศึกไว้หลายคน และปกติจะปล่อยให้เหล่าขุนศึกทำงานซ้ำซ้อนกัน เชื่อว่าเพื่อให้ทะเลาะกันเอง ชิงกันสร้างความดีความชอบ 

2. ในจำนวนนั้น มีขุนศึกคนหนึ่งชื่อ พรีโกชิน ...แบคกราวน์เป็นเจ้าพ่อ ต่อมาได้เป็นผู้นำกองกำลังวากเนอร์

3. วากเนอร์นั้นฉากหน้าเป็นบริษัททหารรับจ้าง (ซึ่งจริงๆ ผิดกฎหมายรัสเซีย) ในความจริงเป็นที่ทราบกันว่า มันคือกองกำลังส่วนตัวของปูติน เอาไว้ใช้ทำงานที่กองทัพรัฐบาลไม่สะดวกทำเอง

4. ในสงครามยูเครน ทัพวากเนอร์มาช่วยรบด้วย พวกเขาเป็นหน่วยที่รบเก่งของรัสเซีย ก่อนหน้านี้มีผลงานสำคัญในการตีเมืองบักมุต จึงกลายเป็นดาวรุ่งในวงการทหาร

5. พรีโกชินเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐมตรีกลาโหมรัสเซียนาม ชอยกู ...พรีโกชินตำหนิชอยกูบ่อยๆ ว่าส่งเสบียงอาวุธมาสนับสนุนพวกเขาไม่เต็มที่

6. พรีโกชินชอบออกสื่อโซเชียล ให้สัมภาษณ์ทั้งโม้ ทั้งเหยียบย่ำคนอื่น ทั้งเปิดเผยข้อมูลภายใน ทำให้พวกกลาโหมรัสเซียเกลียดมาก

7. ที่ผ่านมานั้น ระหว่างวากเนอร์กับทหารปกติมีกระแสเหยียดกันเองโดยเปิดเผย วากเนอร์เหยียดว่าทหารปกติรบไม่เก่ง ทหารปกติเหยียดว่าพวกวากเนอร์เป็นกุ๊ยโฉ่งฉ่าง ความขัดแย้งนี้พัฒนามาเรื่อยๆ

8. เชื่อว่าชอยกูระแวงว่าวากเนอร์จะแข็งแกร่งจนคุมไม่ได้ จึงออกคำสั่งให้ทหารวากเนอร์ทั้งหมดขึ้นทะเบียนเข้ากองทัพรัสเซีย ทั้งนี้เพื่อสลายอำนาจพรีโกชิน

9. คืนวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไม่นานหลังชอยกูออกคำสั่งขึ้นทะเบียนวากเนอร์ ก็มีข่าวลือว่าทัพรัสเซียโจมตีค่ายของวากเนอร์ มีทหารล้มตายเป็นอันมาก

10. วันที่ 24 มิ.ย. พรีโกชินบอกว่าข่าวลือข้อที่แล้วคือความจริง คนของเขาถูกทิ้งบอมสังหารไป 2,000 คน และเขาจะเคลื่อนพลไปทำลายชอยกูที่กำลังอยู่ในเขตรอสตอฟเพื่อแก้แค้น เขาบอกว่า "นี่ไม่ใช่การปฏิวัติ แต่เราคือทัพแห่งความยุติธรรม" และ "จะทำลายทุกคนที่ขัดขวาง"

11.  นายพลรัสเซียที่สนิทกับพรีโกชินพยายามไกล่เกลี่ยหาทางลงให้ทั้งสองฝ่าย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

12. พวกวากเนอร์ยึดเมืองรอสตอฟออนดอนไว้ได้ เมืองนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการหลักของรัสเซียในการทำสงครามยูเครน

13. พรีโกชินบอกว่าจะยอมคืนเมืองให้ถ้าทางการรัสเซียจับรัฐมนตรีกลาโหมชอยกู และนายพลเกราซิมอฟผู้บัญชาการศึกยูเครน มัดตัวมาถวายเขา...หาไม่แล้วเขาจะกรีฑาทัพไปทวงความเป็นธรรมถึงกรุงมอสโก!

14. ทางการรัสเซียประกาศว่านี่มันคือการกบฏชัดๆ!

15. ทางการรัสเซียมีการประกาศให้ประชาชนที่อาศัยตามบริเวณที่เชื่อว่าเป็นทางผ่านของทัพวากเนอร์ให้หลบเข้าบ้าน อยู่ในความสงบ

16. ปูตินประกาศว่าพรีโกชินเป็นกบฏและต้องได้รับการลงโทษ! การประกาศนี้ทำให้เห็นว่าปูตินเลือกข้าง จากที่ก่อนนี้ทำตัวลอยๆ เหนือการทะเลาะของลูกน้อง

17. พรีโกชินด่าปูตินว่า "ไอ้ห- " (ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าด่าปูตินมาก่อน)

18. ตลอดวันที่ 24 มิ.ย. มีข่าวทัพวากเนอร์เคลื่อนพลเข้าใกล้มอสโกมากขึ้นเรื่อยๆ...มีข่าวการต่อสู้และฟุตเทจหลุดมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเครื่องบินมาทิ้งบอมและถูกสอย

19. แต่การเคลื่อนทัพของวากเนอร์ค่อนข้างง่าย ทหารรัสเซียตามรายทางมักวางอาวุธ ยอมจำนน มิได้ต่อต้าน

20. ตลอดวันมีข่าวว่ารัฐบาลรัสเซียระดมกำลังเข้ามอสโกเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และมีการปราบปรามทำลายสำนักงาน และป้ายของวากเนอร์ในที่ต่างๆ

21. มีข่าวว่าชนชั้นสูงในมอสโกพากันหลบหนีเพราะทหารรักษาเมืองนั้นมีกำลังน้อย จนน่าจะสู้วากเนอร์ไม่ได้ (พวกทหารถูกให้ไปรบในยูเครนกันมาก) 

22. มีข่าวลือว่าปูตินหลบหนี ข่าวลือนี้เกิดจากมีเครื่องบินของปูตินบินขึ้น และตัดสัญญานเรดาร์ไม่ให้ใครรู้ว่าไปไหน

23. ตอนค่ำๆประธานาธิบดีลูคาเชนโกของเบลารุสซึ่งเป็นมิตรกับรัสเซียมานาน ประกาศว่าได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับพรีโกชินเป็นผลสำเร็จ โดยเงื่อนไขการเจรจาจะมีการอภัยโทษให้พรีโกชินและทหารวากเนอร์ รายละเอียดมากกว่านี้ยังไม่ถูกเปิดเผย

24. พรีโกชินประกาศตามมาว่าจะถอยทัพผ่านโซเชียล ขณะที่ทัพวากเนอร์ของเขาเข้าใกล้มอสโกในระยะ 200 กิโลเมตรแล้ว

25. เขาบอกว่าจะถอนกำลังกลับไปฐานที่มั่นในยูเครนเพื่อป้องกันการเสียเลือดเนื้อของชาวรัสเซีย

26. ทหารวากเนอร์ถอยทัพจริง

27. ทางการรัสเซียยอมตามการเจรจาของลูคาเชนโก

28. ทางการรัสเซียแถลงผลการเจรจาออกมาแบบนี้

(1) ข้อกล่าวหาที่ว่าพรีโกชินเป็นกบฏจะถูกยกเลิกไป และพรีโกชินจะได้ลี้ภัยไปเบลารุส

(2) นักรบวากเนอร์ที่มิได้มีส่วนร่วมกับการจลาจลจะได้รับทางเลือกให้สามารถเข้าร่วมเป็นทหารของทัพรัฐบาลรัสเซีย 

(3) สำหรับนักรบที่มีส่วนร่วมกับการจลาจลจะได้รับการอภัยโทษ 

ทั้งหมดนี้ทำอย่างปราณีเพื่อเห็นแก่ความดีความชอบที่คนในข้อ (1)-(3) เคยรบในยูเครนมา ...และเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดซึ่งอาจเกิดขึ้น

น่าสังเกตว่า ไม่มีการเอ่ยถึงชะตากรรมของรัฐมนตรีกลาโหมชอยกู 

และเทเลแกรมโปรสงครามของรัสเซียบอกว่ามีทหารรัสเซียถูกวากเนอร์สังหารไปในรอบนี้ 13-20 นาย ถ้าปล่อยไปเฉยๆ ทัพรัสเซียจะเสียเกียรติยศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ

วันนี้ 26 มิ.ย.66 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.66 ถึง 8 ก.ค.66 รวม 20 วัน โดยมีข้าราชตำรวจจากทั่วประเทศสมัครใจเข้าร่วมโครงการอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้ จำนวน 38 นาย และประชาชน จำนวน 10 คน 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.66 ระหว่างเวลา 16.30 ถึง 18.00 น. มีการประกอบพิธี
ถวายราชสักการะ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค พิธีมอบบาตรและผ้าไตร ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์   และพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร  

โดยมี พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีฯ ภายหลังการอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว
จะศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
​การจัดโครงการอุปสมบทหมู่ฯ

ในครั้งนี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มุ่งหวังเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้ร่วมแสดงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา รวมถึงเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้บำเพ็ญคุณงามความดี  ถือเป็นโอกาสที่จะได้เสริมสร้าง คุณธรรม จริยธรรม พัฒนากล่อมเกลาจิตใจ  ซึ่งก่อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป

ตร.ไซเบอร์รวบขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์ หลอกพระโอนเงิน 15 ครั้ง เสียหายกว่า 4 แสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้กวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สืบเนื่องจากผู้เสียหาย(พระ) ต้องการจะกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับโยมแม่ โดยเข้าไปค้นหาใน Google พบบริการสินเชื่อออนไลน์ ผู้เสียหายได้คลิกเข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอกู้เงิน ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ เพื่อคุยข้อความทางไลน์และถามว่าผู้เสียหายต้องการเงินเท่าไร หลังจากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์ Eagleloan (rabbit.xyz) (http://b10.rabbitlon.xyz#/register) มาให้ผู้เสียหายเข้าไปสมัครในแพลตฟอร์มดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายสมัครในแพลตฟอร์มดังกล่าวเสร็จแล้ว มีข้อความเข้าว่าได้รับอนุมัติ โดยแจ้งว่าผู้เสียหายเป็นผู้กู้รายใหม่ยังไม่มีประวัติการกู้กับทางบริษัทฯ คนร้ายจึงได้ส่งบัญชีธนาคารที่คนร้ายกับพวกเปิดไว้จำนวน 6 บัญชี มาให้ผู้เสียหายต้องชำระค่าบริการต่างๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนไป จำนวน 15 ครั้ง

รวมเป็นเงิน จำนวน 408,723 บาท หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ทำการขอถอนเงินคืน ผู้ต้องหาได้แจ้งว่าต้องฝากเงินเข้าไปอีก ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2
รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 408,723 บาท

ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 6 คน ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.2 ได้ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ดังนี้

1. นายฐิติวัชร ชาวอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.66          

2. นายเอกภิเชฐ ชาวอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66

ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด"

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทำบันทึกการจับกุม และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผย 10 อันดับ สินทรัพย์ที่มิจฉาชีพมักนำมาแอบอ้างหลอกลวงให้ลงทุน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ในปัจจุบันกระแสความนิยมในการลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ ทำให้ที่ผ่านมามีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

โดยนับตั้งแต่การเปิดศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.65 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์กว่า 23,200 ราย สูงเป็นลำดับที่ 4 หรือคิดเป็น 8.3% ของจำนวนเรื่องที่ได้รับแจ้งความทั้งหมด แต่กลับพบว่ามีมูลค่าความเสียหายกว่า 11,200 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นลำดับที่ 1 หรือคิดเป็น 28.72 % จากมูลค่าความเสียหายรวมของการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ โดยมิจฉาชีพมักจะใช้วิธีการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ปลอม นำเสนอข้อมูล ตัดต่อ คัดลอก ภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง องค์กรหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ ประกาศโฆษณาชักชวนบุคคลทั่วไปให้มาลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ มีการันตีจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว ใช้คำโฆษณาที่สวยหรู เช่น เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า กล้าคิด กล้าลงทุน เพียงแค่เปิดใจ เป็นต้น

รวมถึงใช้การเทคนิคการซื้อโฆษณาเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงเป้าหมาย และในระหว่างนั้นเหยื่อจะได้พูดคุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน พูดคุย โน้มน้าวใช้จิตวิทยาล่อลวงให้เหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ท้ายที่สุดอ้างว่าเหยื่อทำผิดกฎต่างๆ ทำให้ไม่สามารถถอนเงินจากระบบได้ นอกจากนี้แล้วการลงทุนนั้นอาจจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการสร้างภาพว่าตน หรือธุรกิจของตนประสบความสำเร็จ ซึ่งในช่วงแรกเหยื่อก็จะได้รับผลตอบแทนจริงตามที่กล่าวอ้าง จากนั้นเหยื่อจะเกิดความโลภลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนมาก และยังไปชวนบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนด้วย ซึ่งมิจฉาชีพก็นำเงินมาหมุนจ่ายค่าตอบแทนแก่สมาชิกอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีจำนวนสมาชิก และเงินลงทุนเป็นจำนวนมากแล้ว ก็จะหลบหนีไป รวมไปถึงการเข้าหาเหยื่อด้วยแอปพลิเคชันหาคู่ และใช้คำหวานโรแมนติกหลอกลวงเหยื่อ ทั้งนี้ที่ผ่านมามักจะพบสินทรัพย์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงลงทุน ดังนี้

1.สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ฝากซื้อขายเหรียญในเว็บไซต์ปลอม หลอกให้ลงทุนซื้อเหรียญสกุลใหม่ๆ แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าตลาดซื้อขาย ธุรกิจการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล หรือการเช่าหรือซื้อกำลังขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cloud Mining)
2.อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ (Forex) หลอกลงทุนเก็งกำไร
3.ทองคำ เพชร
4.หุ้นต่างประเทศ
5.หุ้น กองทุนรวม ในประเทศ เช่น Amata, Gulf, PTT, CPALL, บางจาก, AOT เป็นต้น
6.อสังหาริมทรัพย์
7.สินค้าอุปโภค เช่น คดีลงทุนฟาร์มเห็ด Turtle Farm, คดีลงทุนผักผลไม้ตลาดสี่มุมเมือง
8.ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เช่น คดี พรีมายา (Primaya)
9.โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
10.ลงทุนเล่นการพนันออนไลน์

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาก็พบการกระทำความผิดในลักษณะของการหลอกลวงให้ลงทุน ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง วิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ มักแอบอ้างภาพ หรือชื่อ ก.ล.ต. หรือหน่วยงาน บริษัท บุคคลที่มีชื่อเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อ หรือการปลอมแปลงใบอนุญาต อ้างหรือตั้งชื่อให้ใกล้เคียงกับบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และในปัจจุบันมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายมากยิ่ง ทำให้การหลอกลวงสามารถทำได้หลากรูปแบบ และหลายช่องทางมากขึ้น รวมไปถึงมิจฉาชีพก็มักจะสร้างความน่าเชื่อถือปิดช่องโหว่มากขึ้น เนื่องจากประชาชนเริ่มรู้เท่าทันจากการเตือนภัยออนไลน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ทั้งนี้ ขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้

1.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ โดยการตรวจสอบว่าเว็บไซต์เปิดมานานเท่าใดแล้ว บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือมักมีการลงทะเบียนโดเมนแบบไม่ระบุตัวตน หรือตรวจสอบตัวตนได้ยาก โดยสามารถตรวจสอบการจดทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ต่างๆ เช่น https://checkdomain.thaiware.com เป็นต้น
2.ระมัดระวังการชักชวนจากคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า หรือเป็นคนต่างชาติหน้าตาดี ที่เข้ามาตีสนิทแล้วชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันต่างประเทศ อ้างว่าลงทุนแล้วได้ผลกำไรสูง การันตีผลกำไรแน่นอน
3.มิจฉาชีพมักอ้างว่ารู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยบุคคลที่มักนำรูปและชื่อมาแอบอ้างนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้ด้านการลงทุน พร้อมสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ
5.ตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้บริษัทว่านำเงินจากไหนมาจ่ายให้ผู้ลงทุน
6.ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ว่าบริษัทมีการกล่าวถึงการหลอกลวงหรือไม่ มีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด
7.ผลตอบแทนที่ได้รับมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ เช่น การันตีให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น รับประกันผลการตอบแทนการลงทุน
8.ไม่โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลธรรมดา เสี่ยงเป็นบัญชีของมิจฉาชีพหรือบัญชีม้ารับโอนเงิน
9.หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า “ ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย โดยเฉพาะเรื่องเงิน ” และ “ การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ ”
10.ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ที่ www.sec.or.th/seccheckfirst

เพจเฟซบุ๊ก การทูตและการทหาร Military & Diplomacy โพสต์ข้อความ สรุปจุดจบบริษัททหารรับจ้าง ‘วากเนอร์’

เพจเฟซบุ๊ก การทูตและการทหาร Military & Diplomacy ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ กบฏวากเนอร์ที่เกิดในรัสเซีย ไว้โดยมีใจความว่า ...

จุดจบบริษัททหารรับจ้างวากเนอร์

เบื้องต้นเงื่อนไขที่ประธานาธิบดี Alexander Lukashenko ของเบลารุสเป็นคนกลางเจรจากับนาย Yevgeny Prigozhin เจ้าของบริษัททหารรับจ้าง Wagner และต่อมานาย Dmitry Peskov โฆษกเครมลินออกมาแถลงเพิ่มเติม สรุปคร่าวๆได้ประมาณนี้ครับ

1. ทหารรับจ้างวากเนอร์ยอมถอนกำลังกลับที่ตั้ง รัฐบาลรัสเซียจะไม่ดำเนินคดีกับกำลังพลของวากเนอร์ เนื่องจากมีความดีความชอบมาก่อน แต่หลังจากนี้กำลังพลของวากเนอร์ต้องอยู่ภายใต้กลาโหมรัสเซียแล้ว ตรงจุดนี้รายละเอียดยังไม่ชัดเจนว่าแค่ให้เซ็นสัญญากับกลาโหมให้เป็นเรื่องเป็นราว หรือว่าจะยุบบริษัทแล้วดึงกำลังพลของวากเนอร์มาเป็นทหารรัสเซียเลย

2. นาย Yevgeny Prigozhin จะเดินทางออกนอกประเทศไปอยู่เบลารุส (Lukashenko รู้จัก Prigozhin เลยเป็นคนกลางเจรจาได้) โดยปูตินรับรองความปลอดภัยให้ จะไม่มีการดำเนินคดีกับ Prigozhin

3. ระหว่างการเจรจา ไม่มีการตกลงเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายทหารระดับสูงในกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด กล่าวคือปูตินไม่ปลด Shoigu หรือ Gerasimov ตามที่วากเนอร์เรียกร้อง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มีการโยกย้ายตำแหน่งใดๆเลยนะครับ แต่ "ถ้าจะมี" ปูตินในฐานะประธานาธิบดีและผู้บัญชาการสูงสุดจะเป็นคนสั่งการเอง ไม่ให้ทหารรับจ้างมากดดันได้ ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าจะมีการแต่งตั้ง Surovikin แทน แต่รอดูประกาศเป็นทางการก่อนครับ

4. ปฏิบัติการพิเศษในยูเครนดำเนินต่อไปตามปกติ

สำหรับสาเหตุที่วากเนอร์ยอมถอย ทั้งที่อีกประมาณ 200 กิโลเมตรก็จะถึงกรุงมอสโกแล้ว เท่าที่ผมมีข้อมูลคือกำลังพลของวากเนอร์เกือบครึ่งไม่เห็นด้วยกับการก่อกบฏตั้งแต่แรก และระหว่างที่เหตุการณ์ดำเนินไป ก็มีคนถอนตัวมากขึ้น สุดท้ายกำลังพลจึงไม่พอจะสู้กับฝ่ายรัฐบาลรัสเซียที่มีกำลังพลทั้ง Rosgvardia (National Guard) ตำรวจ กองกำลังเชเชน และหน่วยทหารรัสเซียจากพื้นที่อื่นๆที่ทยอยเดินทางมาสมทบ ปิดล้อมสกัดเส้นทางของวากเนอร์ได้ สุดท้ายจึงมีการเจรจาโดยให้ Lukashenko มาเป็นคนกลาง เปิดทางถอยให้วากเนอร์ เนื่องจากทุกฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยงการนองเลือด ด้วยเหตุนี้แม้จะเกิดความสูญเสียบ้างจากการปะทะกันก่อนหน้านี้ แต่เหตุการณ์ก็ไม่บานปลายถึงขนาดเป็นสงครามกลางเมือง

ไม่น่าเชื่อว่าเราได้เห็นประวัติศาสตร์ The Rise and Fall of the Wagner PMC สูงสุดคืนสู่สามัญ ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง

'กรณ์ จาติกวณิช' ประกาศลาออก จากการเป็น ‘หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า’

นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการลาออก จากการเป็น ‘หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า’ โดยมีใจความว่า ...
.
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมได้เข้าพบ และยื่นจดหมายถึงประธานพรรค คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจที่ท่านได้มอบให้ผม พร้อมกับแจ้งลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกคะแนนเสียงที่ได้สนับสนุนแนวคิดทางการเมืองของพวกเรา ผมจะสนับสนุนนโยบายทั้งหมดที่เราได้นำเสนอในสถานะประชาชนคนหนึ่งต่อไป 

ตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชนและประเทศที่ผมรักในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่มาจากการเลือกตั้ง 

ผมขอขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยผมทำภารกิจนี้มานับแต่ปี 48 

บ้านเมืองเรายังมีปัญหาอีกมากมายรอการแก้ไข ผมขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนนักการเมืองจากทุกพรรค และขอให้กำลังใจเป็นพิเศษแก่นักการเมืองที่กำลังจะเริ่มทำงานในสภาเป็นครั้งแรก อย่าให้ความต้องการเอาชนะครอบงำจิตใจและการแสดงออกของท่านจนเกินไป ทำงานด้วยการสร้างพลังบวกร่วมกันในสังคมให้ได้ ผมจะคอยเป็นกำลังใจ 

ช่วงนี้ผมขอพาครอบครัวไปพักผ่อน ติดหนี้ที่บ้านไว้เยอะครับ

ขอบคุณทุก ๆ คนจากใจ
 

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ โพสต์ข้อความเตือน การไล่ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ พ้นจากอำนาจ อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้าย

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ สาดน้ำเย็นดับความหวังของตะวันตกที่ว่าเหตุความขัดแย้งระหว่างกลุ่มทหารรับจ้าง "วากเนอร์" กับบรรดานายพลระดับสูงของรัสเซีย อาจนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลมอสโก พร้อมเตือนว่าการขจัดประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน พ้นจากอำนาจ อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์เลวร้ายโดยไม่เจตนา

."มันคือความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่ในรัสเซีย แต่จงระมัดระวังกับสิ่งที่คุณปรารถนา" อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเองในวันเสาร์ (24 มิ.ย.) "ถัดจากนี้อาจเลวร้ายกว่ามาก"

ทั้งนี้ ความคิดเห็นดังกล่าวของ ทรัมป์ ต่อสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซีย มีขึ้นก่อนหน้าที่ เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำของกลุ่มวากเนอร์ ตกลงยุติการก่อกบฏ และระงับการเดินทัพมุ่งหน้าสู่มอสโก โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวที่ทำกับเครมลิน อดีตพันธมิตรของปูตินรายนี้ จะเดินทางออกจากรัสเซียไปยังเบลารุส และจะไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ

ท่ามกลางเสียงยินดีปรีดาที่จบลงเพียงเวลาไม่นานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ต่อการลุกฮือของกลุ่มวากเนอร์ แต่บรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกของเขาระงับไว้ซึ่งการแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อความเป็นไปได้ของการโค่นล้มรัฐบาลปูติน โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลยูเครน มีรายงานเพียงว่า "ได้ปรึกษาหารือกับบรรดาพันธมิตรและคู่หู" เกี่ยวกับสถานการณ์ในมอสโก

อย่างไรก็ตาม บรรดาสื่อมวลชนตะวันตกแสดงออกอย่างชัดเจนมากกว่า โดยอวดอ้างว่าการลุกฮือของวาเนอร์ เป็นวิกฤตการดำรงอยู่ของรัฐบาลรัสเซีย ในขณะที่ เคิร์ท โวลเดอร์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนาโต บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า สถานการณ์ความไม่สงบ "คือจุดจบของปูติน" และ "เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับจุดจบของสงครามของรัสเซียในยูเครน"

ทรัมป์ ยังพาดพิงเหน็บไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน โดยบอกว่า ไบเดน "จะทำกับรัสเซียในสิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนต้องการให้เขาทำ" ซึ่งเป็นการเน้นย้ำคำกล่าวหาของเขาที่ว่าครอบครัวของไบเดน รับสินบนจากสัญญาทางธุรกิจหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top