Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

‘แพทริเซีย กู๊ด’ เผยภาพอัลตราซาวด์ อวดโฉมหน้าลูกสาว สุดดีใจ อีกไม่นานจะได้เจอหน้าทายาทคนแรกแล้ว

พี่ป้าน้าอาตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อ ‘แพทริเซีย กู๊ด’ เผยโฉมหน้าลูกสาวคนแรก กับภาพอัลตราซาวด์ ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่าเห็นหน้าสาวน้อยชัดๆ พร้อมกับเผยถึงชื่อทายาทคนแรก อีกด้วยจ้า

สำหรับสาวแพทริเซีย และสามีหนุ่ม ‘โน้ต วิเศษ’ ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเมื่อปลายปี 65 ที่ผ่านมา พร้อมบอกเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ขอเดินหน้าปั๊มทายาทเต็มที่ เพราะอยากเป็นคุณพ่อคุณแม่กันเต็มที่แล้ว ซึ่งไม่นานหลังจากแต่งงาน แพทริเซีย ก็ออกมาประกาศข่าวดีว่ามีเบบี๋ ซึ่งทายาทคนแรกเป็นลูกสาว ทำเอาเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงรวมถึงแฟนๆ ต่างร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก

บอกเลยว่าพี่ป้าน้าอาต่างตื่นเต้นไปกับ ‘แพทริเซีย กู๊ด-โน๊ต วิเศษ’ บอกเลยว่า เวลาผ่านไปไวจริงๆ เพราะอีกไม่นานใกล้จะได้เห็นหน้าแล้วจริงๆ สำหรับทายาทคนแรกของทั้งคู่

ล่าสุด ทางด้านแพทริเซีย กู๊ด เผยโฉมหน้าลูกสาวคนแรก กับภาพอัลตราซาวด์ ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่าเห็นหน้าสาวน้อยชัดๆ พร้อมกับเผยถึงชื่อทายาทคนแรกว่า “เป็นคำถามที่คนถามเยอะมาก มีอยู่ 2-3 ชื่อที่คิดไว้ค่ะ แต่คงตัดสินใจตอนเห็นหน้าน้องอีกที”

‘จีน’ ไม่แผ่ว!! นำเข้า ‘ทุเรียนไทย’ ต่อเนื่อง แม้มี ‘ทุเรียนไหหลำ’ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตลาด

เมื่อไม่นานนี้ กระแสข่าวทุเรียนที่ปลูกในมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน เตรียมออกวางตลาดในประเทศช่วงปลายเดือนมิถุนายน ได้ก่อให้เกิดความสนใจในหมู่ผู้บริโภค

บรรดาคนวงในมองว่าการผลิตทุเรียนภายในประเทศของจีนไม่ได้มีแนวโน้มแปรเปลี่ยนทิศทางการบริโภคทุเรียนของจีนที่พึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก และ ‘ทุเรียนไทย’ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีน

เนื่องจากการผลิตทุเรียนในจีนยังอยู่ระยะแรกเริ่มเหมือนเด็กทารกหัดตั้งไข่ ไม่ได้มีพื้นที่เพาะปลูกมากมาย รวมถึงมีไม่กี่มณฑลที่สามารถปลูกได้ ทั้งจีนยังเป็นประเทศผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่แปลงปลูกทุเรียนของบริษัท ไห่หนาน โยวฉี อะกรีคัลเจอร์ จำกัด ในเมืองซานย่า ซึ่งถือเป็นฐานปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบันด้วยขนาด 1.2 หมื่นหมู่ (ราว 5,000 ไร่)

ปัจจุบัน ทุเรียนที่ฐานปลูกแห่งนี้เริ่มสุก และคาดว่าจะทยอยถูกเก็บเกี่ยวเพื่อส่งขายช่วงปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าทุเรียนเหล่านี้จะช่วยลดราคา หรือกระทบความต้องการทุเรียนนำเข้าหรือไม่

‘ตู้ไป่จง’ จากฐานปลูกทุเรียนแห่งนี้เผยว่าตอนนี้ไห่หนานมีการปลูกทุเรียนรวมกว่า 3 หมื่นหมู่ (ราว 12,500 ไร่) แต่มีทุเรียนสุกพร้อมส่งขายในปีนี้เพียง 1 พันหมู่ (ราว 416 ไร่) หรือคิดเป็นปริมาณราว 50 ตัน

แม้ไห่หนานจะเป็นแหล่งผลิตทุเรียนแห่งหลักของจีน แต่ยังคงมีพื้นที่ที่เอื้อต่อการปลูกทุเรียนอยู่อย่างจำกัดมาก โดยต่อให้มีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น 10 เท่า ก็ยังถือเป็นแหล่งผลิต ‘ขนาดเล็ก’ อยู่ดี

“การปลูกทุเรียนภายในประเทศอาจได้ลดต้นทุนในการขนส่ง แต่ผลผลิตยังเป็นส่วนน้อยมากสำหรับส่วนแบ่งของตลาด” ตู้ไป่จง กล่าว พร้อมเสริมว่าผู้ประกอบการไม่ได้คิดเร่งเพิ่มการลงทุนและพื้นที่ปลูกอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าด้วย

ดังนั้น ผู้บริโภคชาวจีนนั้นชื่นชอบ ‘ราชาแห่งผลไม้’ อย่างทุเรียนกันมากจนทำให้จีนกลายเป็นตลาดผู้บริโภคทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทุเรียนเกือบทั้งหมดในจีนมาจากการนำเข้า ซึ่งข้อมูลสถิติพบว่าจีนนำเข้าทุเรียนในปี 2022 สูงถึง 8.25 แสนตัน และส่วนใหญ่มาจากไทย

‘เฉินเหล่ย’ เลขานุการสมาคมการตลาดผลไม้แห่งประเทศจีน กล่าวว่าการผลิตทุเรียนในประเทศยังอยู่ในขั้นทดลองปลูกขนาดเล็ก ยังไม่มีการปลูกเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ดังนั้นยังไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อราคาทุเรียนในระยะสั้นนี้

“ราคาทุเรียนจะทรงตัวอยู่ระดับสูงในระยะยาวเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ โดยทุเรียนถือเป็น ‘ผลไม้หรู’ ชนิดหนึ่งในจีน แม้จะมีทุเรียนที่ปลูกในประเทศออกวางตลาด แต่ด้วยการปลูกขนาดเล็ก ทำให้ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าทุเรียนปริมาณมากในระยะยาว” เฉิน กล่าว

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร ชี้ว่า ต่อให้สภาพอากาศจะเอื้ออำนวย แต่จีนจะยังคงเผชิญปัญหาความยากลำบากทางเทคนิค ในการเพาะปลูกทุเรียนขนาดใหญ่

‘โจวจ้าวสี่’ ผู้ช่วยนักวิจัยประจำสถาบันทรัพยากรพันธุกรรมพืชเขตร้อน สังกัดสถาบันการเกษตรเขตร้อนแห่งชาติจีน ระบุว่าทุเรียนเป็นพืชต่างถิ่น การปลูกต้นกล้าในประเทศจึงเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่ง มีเงื่อนไขทั้งเรื่องอากาศ ความชื้น แสงแดด อุณหภูมิ ปุ๋ย และน้ำ

“แม้ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราค้นพบแนวทางการจัดการอย่างระบบน้ำหยดและบ่มเพาะต้นกล้าเตี้ย ๆ ที่ทนลมในไห่หนานได้ แต่การปลูกขนาดใหญ่ในท้องถิ่นทั้งหมดยังคงอยู่ขั้นทดลอง” โจว กล่าว

ปัจจุบันทุเรียนที่ปลูกในไห่หนานส่วนใหญ่เป็นต้นอ่อนไร้ผล และการปลูกยังคงเจอสารพัดปัญหาที่ต้องเอาชนะ ทั้งการเพาะและปลูกต้นกล้าคุณภาพสูง เทคนิคจัดการการปลูก และการควบคุมศัตรูพืช

คนวงในอุตสาหกรรมเชื่อว่า ไทยยังคงเป็นแหล่งทุเรียนนำเข้าแห่งหลักของจีนในระยะยาว เพราะทุเรียนไทยมีรสชาติอร่อยโดดเด่น เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่ทำให้ทุเรียนไทย จะยังครองตลาดการบริโภคทุเรียนของจีนในอนาคต

ด้านเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ถือเป็นช่องทางหลักของการนำเข้าทุเรียนไทย

สถิติจากศุลกากรนครหนานหนิงของกว่างซี ระบุว่า ปริมาณการนำเข้าทุเรียนไทยผ่านด่านพรมแดนกว่างซี ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม สูงแตะ 1.5 แสนตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 381.1 เมื่อเทียบปีต่อปี คิดเป็นมูลค่า 5.51 พันล้านหยวน (ราว 2.69 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 403.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

นครหนานหนิงของกว่างซีมี ‘ตลาดไห่จี๋ซิง’ เป็นตลาดค้าส่งผลไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้าส่งทุเรียนอยู่ 32 ราย และปริมาณการค้าส่งทุเรียนในปีก่อนสูงราว 2.4 หมื่นตัน

ส่วนยอดจำหน่ายทุเรียนของตลาดฯ ช่วงเดือนมกราคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม รวมอยู่ที่ราว 1.7 หมื่นตันแล้ว ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 4 เท่า โดยมีทุเรียนหมอนทองของไทยครองตำแหน่งขายดีที่สุด

‘หวงเจี้ยนซิน’ ฝ่ายบริหารธุรกิจของบริษัทขนส่งสินค้าท้องถิ่นแห่งหนึ่ง เผยว่าแต่ละวันบริษัทรับรองการทำพิธีศุลกากรผ่านด่านโหย่วอี้ของทุเรียน 16 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นปริมาณราว 200-300 ตัน

“ความต้องการและความนิยมทุเรียนไทยของตลาดผู้บริโภคชาวจีนนั้นสูงมาก ส่วนทุเรียนที่ปลูกในประเทศยังคงต้องรอผ่านบททดสอบเรื่องรสชาติก่อน” หวง กล่าว
.
‘โจวจ้าวสี่’ ผู้ช่วยนักวิจัยประจำสถาบันทรัพยากรพันธุกรรมพืชเขตร้อน สังกัดสถาบันการเกษตรเขตร้อนแห่งชาติจีน เสริมว่าจีนส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนที่มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทุเรียนไห่หนานยังมีช่องโหว่ที่ต้องพัฒนาอีกมาก

“แม้จีนจะสามารถปลูกทุเรียนในประเทศได้ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านปัจจัยธรรมชาติและพื้นที่เพาะปลูก ทุเรียนนำเข้าจากไทยจึงยังจะเป็นส่วนเสริมสำคัญ” โจว กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : Xinhua Thai

‘อินเตอร์ลิ้งค์’ จัดสัมมนา New Technology Talk เจาะลึกโซลูชั่น พลิกโฉมภาคอุตสาหกรรม ที่นำไปสู่ยุค 4.0

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา New Technology Talk เรื่อง  Industrial Technology สรุปเนื้อหาสำคัญ และเทรนด์เทคโนโลยี เจาะลึกโซลูชั่น Smart Industrial พลิกโฉมภาคอุตสาหกรรม ที่นำไปสู่ยุค 4.0

โดยมี คุณพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานคณะทางานการปฏิรูปอุตสาหกรรมและพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มาให้ข้อมูล และบรรยายพิเศษเรื่อง INDUSTRIAL 4.0

ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เกิดศักยภาพในการแข่งขัน และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ระบบ Automation ทำให้เกิดการใช้งานระบบ Network Cabling ที่เป็น Digital Infrastructure ของภาคอุตสาหกรรม ในปัจจุบัน และอนาคต นับเป็นการอธิบายเจาะลึกพร้อมกับสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของยุคของ Digital Disruption ให้เข้าใจชัดมากขึ้น โดยภาคอุตสาหกรรมในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลนี้จะต้องขับเคลื่อน และเดินหน้าปรับตัวให้ทันท่วงที อีกทั้งต้องพร้อมพัฒนาให้สอดรับกับอนาคตที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย 

งานนี้ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้เชิญวิศกรผู้เชี่ยวชาญด้านการวางโครงข่ายสายสัญญาณ คุณภาคภูมิ พลธร ผู้อำนวยการวิศวกรฝึกอบรม และผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Infrastructure มาบรรยายเกี่ยวกับการออกแบบโครงสร้าง Digital Infrastructure ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม และเตรียมความพร้อมยังไงให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้า

รวมถึงเรียนเชิญ คุณอภิชาติ พงศ์นา Product & Technical Support manager มาเล่าถึงโครงการ Project ต่าง ๆ ของภาคอุตสาหกรรมที่ก้าวเข้าสู่ Smart Industrial ว่ามีการเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง และเจาะลึกถึงการออกแบบการวางโครงข่ายแบบใดให้เหมาะสมตอบโจทย์แก่การใช้งาน เพื่อสามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไปในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ งานนี้สนับสนุนโดย LINK AMERICA และ GERMAN RACK และถ่ายทอดสด ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

สำหรับงานสัมมนา NEW TECHNOLOGY TALK อัพเดทเทรนด์เทคโนโลยีที่คุณต้องรู้ ในครั้งถัดไป จะจัดขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ในหัวข้อ Smart HealthCare ( Smart Healthcare พัฒนาไปอีกระดับ พร้อมรับการแพทย์อัจฉริยะ) เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม ตอบโจทย์ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปต่อยอดกับอาชีพของท่าน

สนใจเข้าร่วมอบรม ได้ที่ www.interlink.co.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-666-1111 ต่อ 1707

คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ประชุมทวิภาคีร่วมกับฝ่ายการพยาบาล รพ.มหาราชนครเชียงใหม่  

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของคณะฯ ร่วมประชุมทวิภาคีกับฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นำโดย คุณวีรชาติ ชูฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล และทีมบริหารฝ่ายการพยาบาล เป้าหมายเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านวิชาการ การวิจัย และบริการวิชาการ รวมทั้งความร่วมมือด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ปรึกษาหารือด้านการเรียนการสอน การขึ้นฝึกปฏิบัติของนักศึกษาพยาบาลในแต่ละหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 

พร้อมกันนี้ คุณวีรชาติ ชูฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ได้มอบช่อดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีแด่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ในโอกาสที่คณะฯ ได้รับรางวัลองค์กรที่สนับสนุนการดำเนินงานและทำคุณประโยชน์ต่อชมรมผู้สูงอายุจังหวัดเชียงใหม่ จากชมรมผู้สูงอายุจังหวัดเชียงใหม่ และ มอบดอกไม้ร่วมยินดีแด่ รศ.ดร.จิราภรณ์ เตชะอุดมเดช ผู้ช่วยคณบดี ในโอกาสได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ณ ห้องเรียนศตวรรษที่ 21 อาคาร 2 คณะพยาบาลศาสตร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2566

พัฒนชัย/เชียงใหม่

‘คุณหญิงบุญเลื่อน’ อดีต ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้เอาตำแหน่งเป็นหลักประกัน ช่วยให้ นร.ไม่ต้องปักชื่อที่ชุด

จากกรณี ‘หยก’ เยาวชนหญิงวัย 15 ปี จำเลยคดีมาตรา 112 ที่มีอายุน้อยที่สุด นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้แต่งกายด้วยชุดไปรเวทเข้าเรียน และได้ถูกเชิญตัวออกจากโรงเรียน จนเกิดเป็นกระแสดรามาขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 66 เฟซบุ๊กเพจ ‘บูรพาไม่แพ้’ ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องเครื่องแบบชุดนักเรียน ที่กำลังมีประเด็นในสังคมอยู่ ณ ขณะนี้ โดยระบุว่า…

“ทำไม #ชุดนักเรียน ของโรงเรียน #เตรียมอุดมศึกษา จึงไม่มีชื่อโรงเรียน,เลขประจำตัว หรือชื่อนักเรียนปักติดอยู่บนเสื้อ? (เป็นเสื้อสีขาว ติดเข็ม ‘พระเกี้ยวน้อย’ เท่านั้น)

ช่วงปี 2516 กรมสามัญศึกษาได้ออกระเบียบบังคับให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติเหมือนกันหมด คือให้นักเรียนทุกคนต้องปักชื่อย่อของโรงเรียน และชื่อของตนเองหรือเลขประจำตัวบนเสื้อ เพื่อจะทราบได้ว่า เรียนที่ไหน? และเมื่อทำผิดแล้ว จะได้ตามตัวได้ถูกคนถูกตัว

แต่นักเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ไม่ต้อง เพราะ ผอ. ขณะนั้น เข้าชี้แจงกับทางกระทรวงว่า นักเรียนของโรงเรียนเตรียมฯ ดี และเรียบร้อยอยู่ในระเบียบทุกคนไม่จำเป็นต้อง มีชื่อโรงเรียนหรือชื่อนักเรียนติดที่อกเสื้อ 

อธิบดีฯ ก็ถามกลับมาทันทีว่า “แล้วคุณหญิงจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน”
ผอ. ตอบว่า “โต๊ะกับเก้าอี้ตัวหนึ่ง”

อธิบดี ถึงกับอึ้ง 

แล้วโต๊ะกับเก้าอี้ 1 ตัวนั้นสำคัญอย่างไร?

เป็น ‘โต๊ะ’ และ ‘เก้าอี้’ ของผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในขณะนั้น
‘คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู’

นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ ด้วยเกียรติของ ตอ. จึงเป็นโรงเรียนเดียวในประเทศไทย ที่นักเรียนไม่ต้องปักชื่อของโรงเรียน หรือชื่อของตนเองไว้ที่อกเสื้อ โดยมีคำสั่งจากผู้อำนวยการ อาจารย์คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู ว่านักเรียนเตรียมฯ ทุกคนจะต้องติดตราสัญลักษณ์พระเกี้ยวน้อยที่อกเสื้อ หากใครถอดพระเกี้ยวออก จะถูกลงโทษ

คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู กล่าวว่า “นักเรียนเตรียมฯ แค่เห็นข้างหลังก็รู้ว่าเป็นนักเรียนเตรียมฯ”

การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลของธุรกิจไทยเริ่มต้นและเดินหน้าอย่างช้าๆ ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด แต่เมื่อเกิดโรคระบาดที่เปลี่ยนวิถีชีวิตคน เป็นผลให้ธุรกิจต้องเดินหน้าสู่การใช้งานดิจิทัลเต็มตัว เพราะเป็นช่องทางเดียวในการเข้าถึงผู้บริโภค

LINE ถูกเลือกให้เป็นแพลตฟอร์มหลักในการสร้างแบรนด์ สร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องมือบนแพลตฟอร์ม ที่พร้อมให้แบรนด์เข้าถึงคนไทยได้มากกว่า 53 ล้านคน

LINE พร้อมเชิดชูความสำเร็จขององค์กรและแบรนด์ที่ใช้งานแพลตฟอร์มในเชิงธุรกิจได้อย่างสร้างสรรค์ ทรงประสิทธิภาพ นำไปสู่ความสำเร็จเชิงการตลาดอันโดดเด่น และเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับการทำธุรกิจในวงกว้าง จึงจัดงานประกาศรางวัลสำหรับภาคธุรกิจครั้งใหญ่แห่งปี LINE Thailand Awards 2022

โดยมีการมอบรางวัลรวมทั้งสิ้น 51 รางวัล แบ่งเป็นรางวัลสุดยอดแบรนด์ผู้สร้างผลงานการตลาดดิจิทัลยอดเยี่ยมแห่ง 8 รางวัล และรางวัลการใช้งานโซลูชันต่างๆ บน LINE ยอดเยี่ยมตามแต่ละกลุ่มประเภทธุรกิจอีก 43 รางวัล ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจสำคัญในไทย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา LINE ได้พัฒนาโซลูชันมากมาย เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถเลือกใช้งานตามเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างครบครัน นำมาซึ่งผลสำเร็จเชิงการตลาดที่หลากหลาย ไม่เพียงเพิ่มจำนวนลูกค้าหรือเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของแบรนด์

โดยเห็นได้จากแบรนด์ที่ได้รับรางวัล ‘สุดยอดแบรนด์ผู้สร้างผลงานการตลาดดิจิทัลยอดเยี่ยมแห่งปี 2022’ ที่สามารถสร้างความสำเร็จเชิงธุรกิจได้หลากหลายมิติ จากการใช้แพลตฟอร์ม LINE อาทิ

>>ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง คว้ารางวัล Data Lead Campaign of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์บริหารดาต้ายอดเยี่ยมแห่งปี

ด้วยกลยุทธ์ในการบริหาร จัดการข้อมูลบนแพลตฟอร์ม LINE อย่างมีชั้นเชิง ผ่านการใช้ LINE OA และ Mission Stickers เพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย พร้อมจำแนกแบ่งกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาในเชิงลึก ด้วยเครื่องมือ MyCustomer และต่อยอดสู่การทำ Cross Targeting ร่วมกับ LINE OA ของแบรนด์ในเครือ ด้วย Business Manager ทำให้ประสิทธิภาพการสื่อสาร และการลงโฆษณาผ่าน LINE Ads ไปสู่กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ของแต่ละแบรนด์ในเครือ Unilever แม่นยำ ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ผู้นำในกลุ่ม FMCG ในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

>>วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) คว้ารางวัล Chat Commerce of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์สร้างสรรค์กลยุทธ์ Chat Commerce ยอดเยี่ยมแห่งปี

ด้วยการใช้โซลูชันบนแพลตฟอร์ม LINE ในการทำแชตคอมเมิร์ซได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การลงโฆษณาผ่าน LINE Ads เพื่อกระตุ้นลูกค้ามาเพิ่มเพื่อนบน LINE OA การใช้ LINE OA เป็นช่องทางสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างทันใจ มีการใช้แชตบอตเข้ามาเสริมเพื่อสร้างสัมพันธ์และเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายไปพร้อมๆ กัน และสามารถนำเสนอสินค้า เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกจองรถและปิดการขายผ่าน LINE SHOPPING ได้อย่างลงตัว สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับธุรกิจยานยนต์ไทย ขับเคลื่อนด้วยแชตคอมเมิร์ซบน LINE ได้อย่างครบวงจร

>>ซีพี ออลล์ คว้ารางวัล Best LINE OA of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์ใช้งาน LINE OA ยอดเยี่ยมแห่งปี จาก LINE OA: CP ALL 7-Eleven

ด้วยยอดการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Target Reach) และอัตราการเข้าใช้งาน LINE OA จากตลอดทั้งปีสูงที่สุด สะท้อนถึงกลยุทธ์การพัฒนารูปแบบการซื้อขายร้านสะดวกซื้อสู่บริการยุคใหม่ผ่านแชตบน LINE OA ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วไทยได้อย่างตรงจุด ทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับทุกการสื่อสาร ทุกกิจกรรมและทุกบริการที่นำเสนอบน LINE 0A นี้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการปฏิรูปวิถีการค้าปลีกของไทยมาอยู่บน LINE ได้อย่างทรงพลัง

>> สำนักงานประกันสังคม คว้ารางวัล Best Sticker of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์สร้างสรรค์สติ๊กเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี

จากสติ๊กเกอร์ชุด ‘ออมสุขและอุ่นใจห่วงใยคุณ ด้วยยอดดาวน์โหลดถล่มทลายสูงสุด จากการออกแบบคาแรคเตอร์ ‘น้องออมสุขและน้องอุ่นใจ’ ในรูปแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์และสร้างการจดจำต่อองค์กรได้เป็นอย่างดี สมาชิกผู้ประกันตนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารแทนใจ ส่งต่อความห่วงใยให้คนรอบข้างได้ในหลากหลายโอกาส ถือเป็นหนึ่งในตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการปรับใช้ดิจิทัลเพื่อการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้สู่ประชาชนในวงกว้างได้อย่างน่าสนใจและมีประสิทธิภาพ

>> ลาซาด้า คว้ารางวัล Best Display Advertising of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์ด้านโฆษณายอดเยี่ยมแห่งปี

ด้วยอัตราการคลิกโฆษณารวมตลอดทั้งปีสูงที่สุด จากกลยุทธ์ในการวางแผนลงโฆษณาที่โดดเด่น ทรงประสิทธิภาพ มีการจำแนกประเภทกลุ่มสินค้าให้ตรงกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ ลงโฆษณาผ่าน LINE ในหลากหลายตำแหน่งเพื่อความครอบคลุม ออกแบบช่วงเวลาการนำเสนอโฆษณาแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อให้สารจากโฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดในเวลาที่ใช่ นำมาสู่ผลลัพธ์เชิงการตลาดที่น่าประทับใจท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดอีคอมเมิร์ซ

>>โคคา โคล่า ประเทศไทย คว้ารางวัล Best LINE Ads Campaign of the Year หรือ สุดยอดแบรนด์แคมเปญโฆษณาบน LINE Ads จากแคมเปญโฆษณา ‘Coke ซ่าทุกเบรก’

ถือเป็นผู้นำพากลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ติดโผที่สุดแห่งปี ด้วยกลยุทธ์การวางกลุ่มเป้าหมายหลักของโฆษณาได้อย่างน่าสนใจ ก่อนกระจายการรับรู้ไปในวงกว้าง ผสานกับคอนเซปต์และชิ้นงานโฆษณาที่ดึงดูดสายตา ดึงดูดใจ ไปจนถึงเส้นทางการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ หลังรับชมโฆษณาที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ทำให้แคมเปญนี้สร้างสถิติการเข้าถึง และอัตราการคลิกผ่าน LINE Ads สูงที่สุดแห่งปี

>>M-Flow - กรมทางหลวง คว้ารางวัล Best Display Advertising of the Year in Public
Sector หรือ สุดยอดองค์กรภาครัฐด้านโฆษณายอดเยี่ยมแห่งปี จากโฆษณา ‘M-Flow’

รางวัลพิเศษที่ตอกย้ำถึงการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลของภาครัฐอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านสื่อโฆษณา ซึ่ง M-Flow ได้ออกแบบคอนเซปต์โฆษณาได้อย่างสร้างสรรค์ ชูสโลแกนความเป็นครอบครัวเดียวกัน (M-Flow Family) และกลยุทธ์ในการเลือกตำแหน่งโฆษณาบน LINE ได้อย่างทรงพลัง นำมาซึ่งผลสำเร็จในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในวงกว้าง ด้วยยอดการเข้าถึงและอัตราการคลิกโฆษณาสูงที่สุดในกลุ่มโฆษณาจากองค์กรภาครัฐด้วยกัน

ทั้งนี้ หากมองในมุมของกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจตลอดช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างการเติบโตบนแพลตฟอร์ม LINE ได้อย่างโดดเด่น ทั้งในด้านการใช้งาน LINE OA เพื่อสื่อสารกับฐานผู้บริโภคของแต่ละแบรนด์ในข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เช่น รายละเอียดสินค้าหรือบริการ ด้วยการพูดคุยผ่านแชตเพื่อปิดการขาย และในด้านการลงโฆษณาบน LINE เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ ไปจนถึงแคมเปญการตลาด โปรโมชันไปยังผู้บริโภค ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ FMCG เริ่มมีการพัฒนาการใช้งาน LINE OA ในเชิงลึก ยกระดับสู่การบริหาร จัดการดาต้าบน LINE นำโดยแบรนด์ใหญ่อย่าง Unilever Thai Trading Limited ถือเป็นโอกาสให้แบรนด์อื่นทั้งในกลุ่มธุรกิจนี้และกลุ่มธุรกิจอื่น ได้ศึกษาและพัฒนาต่อยอด LINE OA เพื่อประโยชน์สูงสุดในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดาต้าได้ดียิ่งขึ้น

ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ถือเป็นน้องใหม่มาแรงในช่วงปี 2022 คือ ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจสินค้าหรู และองค์กรภาครัฐ โดยธุรกิจยานยนต์และสินค้าหรู เน้นกลยุทธ์ Chat Commerce ด้วยการออกแบบเส้นทางให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ผ่าน LINE ตั้งแต่สร้างการรับรู้จนถึงปิดการขาย แม้สินค้ามีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถสร้างการเติบโตผ่าน LINE ได้อย่างต่อเนื่องและโดดเด่นไม่แพ้กลุ่มธุรกิจอื่น

ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐ ถือว่ามีความโดดเด่นในด้านโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ด้วยการสร้างการรับรู้สู่ประชาชนผ่านโซลูชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ และการลงโฆษณารวมไปจนถึงการใช้งาน LINE OA จากหลากหลายหน่วยงานภาครัฐที่มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวสู่โลกดิจิทัลที่จริงจัง อันสามารถต่อยอดสู่การขับเคลื่อนประเทศในเชิงโครงสร้างด้วยดิจิทัลได้ในอนาคต

ในยุคดิจิทัลเช่นนี้ โลกและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แบรนด์จำเป็นต้องเลือกใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเข้าถึง เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว การมอบรางวัล LINE Thailand Awards ไม่เพียงเชิดชูแบรนด์ที่มีการตลาดดิจิทัลที่เหนือกว่า แต่ยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้แต่ละแบรนด์พัฒนาความสามารถในการนำโซลูชัน LINE ไปใช้งานเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ที่มา: LINE Thailand Awards 2022

‘อัคร’ ว่าที่ ส.ส.พปชร. เร่งพัฒนาการเกษตร-ผลักดันผลิตภัณฑ์ กระตุ้น ศก. ลั่น!! ขอทุ่มเทเพื่อชาวเพชรบูรณ์ เพราะที่นี่คือบ้าน

(16 มิ.ย. 66) นายอัคร ทองใจสด ว่าที่ ส.ส.เขต 6 จังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการทำหน้าที่ในช่วงนี้ว่า ตนยังลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยกับพี่น้องประชาชนถึงปัญหาในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี และอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องแก้ไขอีกหลายจุด โดยต้องเร่งสำรวจว่า มีจุดไหนบ้างที่ต้องประสานกับหน่วยงานให้เข้ามาดูแลซ่อมบำรุง โดยเฉพาะเรื่องของถนน ที่ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจร และไม่มีความปลอดภัย

นายอัคร กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในเรื่องการผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงของวิเชียรบุรี และศรีเทพ นอกจากขึ้นชื่อเรื่องของไก่ย่างวิเชียรบุรี ที่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ชูเป็นสินค้าเด่น ทั้งผ้าไหมทอ ซึ่งจำเป็นต้องสร้างตลาด เชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากเส้นทางวิเชียรบุรี และศรีเทพ เป็นเส้นทางก่อน เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเขาค้อ ต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานจังหวัด เพื่อดำเนินการจัดสร้างศูนย์จัดจำหน่ายของทีระลึก เพื่อเป็นแหล่งศูนย์ร่วมให้ชาวบ้านมาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการสร้างรายได้ ให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง และรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่น

นายอัคร ยังกล่าวต่อว่า เรื่องน้ำก็เป็นปัญหาที่สำคัญที่ต้องประสานกับหน่วยงาน จัดสร้างแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือฝาย เพื่อกั้นน้ำ ใช้ทางการเกษตร ประชากรส่วนใหญ่กว่า 50% ประกอบอาชีพทางการเกษตร เนื่องจากพื้นที่ของ อ.วิเชียรและศรีเทพ เป็นพื้นที่ลาดชัน ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเรายังมีแนวทางที่จะส่งเสริมให้ภาคเกษตร เป็นเกษตรสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกอ้อย ข้าว ข้าวโพด ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์การบริหารจัดการเพาะปลูก เพื่อให้สามารถคาดการณ์ปริมาณการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำ รวมถึงต้นทุนของการเพาะปลูกทั้งในเรื่อง การใช้ปุ๋ย เพื่อการวางเป้าหมายและผลลัพธ์ทางการเกษตรที่จะเกิดขึ้น ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างแท้จริง

“ผมพร้อมทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจเพื่อชาวเพชรบูรณ์อย่างเต็มที่ เพราะที่นี้คือบ้านของผม สำหรับผมการเมืองคือ ประชาชน การสร้างตัวตนหรือภาพลักษณ์คือ เรื่องรอง สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าถึงให้จริง รู้จักจริงๆ ทำความเข้าใจปัญหา และนำสิ่งนั้นมาศึกษาเพื่อนำไปแก้ไขอย่างตรงจุด” นายอัคร กล่าว

‘ไอซ์’ ย้ำ!! ไม่ควรมีเด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เพียงเพราะพยายามกะเทาะเปลือกขนบเแบบดิมๆ

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ ‘ไอซ์’ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork’  เกี่ยวกับกรณี หยก-ธนลภย์ จากประเด็น ที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากสวมชุดไพรเวตและย้อมสีผมไปเรียน ก่อนทางโรงเรียนชี้แจงว่าเป็นเพราะไม่ได้เซ็นยินยอมมอบตัวในระยะเวลาที่กำหนด 

โดยไอซ์ได้โพสต์ไว้ว่า… 

“กฏระเบียบข้อไหนกันที่บังคับให้ต้องเอาพ่อแม่มาเท่านั้นถึงจะมอบตัวได้ แล้วแบบนี้เด็กกำพร้าที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไม่ต้องมอบตัวไม่ต้องเรียนหนังสือหรือไง ถ้ากลไกลสภาฯ ยังทำงานอยู่ไอซ์จะร้องเรื่องนี้ให้กรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามสังคม

ไอซ์ขอยืนยันจุดยืน ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยความไม่สมัครใจ ไม่ว่าด้วยกฏระเบียบข้อบังคับใดก็ตาม

ลองถามใจลึกๆ ดู ว่าควรมีเด็กคนไหนในประเทศนี้ต้องออกจากระบบการศึกษาไป เพราะสังคมบางส่วนรู้สึกว่าน้อง ‘ทำตัวไม่น่ารัก’ หรือเพราะไม่เคารพกฏระเบียบแบบเดิมๆ หรือป่าว เรากำลังต่อสู้กับขนบเดิมๆ กันอยู่ไม่ใช่หรือ”

ยกระดับการบริการ!! SCBX จับมือ KakaoBank ผู้นำด้านดิจิทัลเกาหลีใต้ ดันตั้ง ‘Virtual Bank’ เจาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึงการบริการ

(16 มิ.ย. 66) นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ (Income Inequality) ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ หรือ Pain Point ที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ (Underserved Group) เรื่องนี้นับเป็นหนึ่งในโจทย์หลักที่กลุ่ม SCBX ตระหนักและให้ความสำคัญ ซึ่งการถือกำเนิดของ Virtual Bank จะช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มโอกาสให้กลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบนี้ ให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น และการจัดตั้ง Virtual Bank ให้แข็งแรงนั้น จะต้องอาศัยเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการให้บริการเพื่อความพึ่งพอใจสูงสุดของลูกค้า

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ KakaoBank พันธมิตรระดับโลกซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัล 100% ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ที่มีจุดแข็งคือความเชียวชาญและประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ Virtual Bank ตลอดจนมีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมสนับสนุนให้กลุ่ม SCBX ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินในประเทศไทย และมีความเข้าใจถึงความต้องการของตลาดเป็นอย่างดี ในการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ในเมืองไทยให้ประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ในการช่วยเพิ่ม โอกาสคนไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Underserved ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้อย่างสะดวก และทั่วถึง โดยการลงนามความร่วมมือจัดตั้ง Consortium ในครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา หรือ Virtua/ Bank จากธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป” นายอาทิตย์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้ SCBX และ KakaoBank กำลังร่วมกันพิจารณาหาพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนความแข็งแกร่งให้ครบทุกมิติในการขอใบอนุญาตเพื่อจัดตั้งและประกอบธุรกิจ Virtual Bank ในประเทศไทย

‘กกต.’ จ่อประกาศรับรองผล ส.ส.ยกเซ็ตสัปดาห์หน้า รัฐฯ เตรียมกุมขมับ หลัง ‘ก้าวไกล’ เดินสายซ้อมมวลชน

(16 มิ.ย. 66) เลียบการเมือง สุดสัปดาห์ ‘เล็ก  เลียบด่วน’ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับบรรดาว่าที่ ส.ส. อย่างน้อย 475 คนที่จะได้รับการรับรองผลจาก กกต. เอาหนังสือรับรองผลไปรายงานตัวที่สภาฯ เปิดหน้าเปิดตาเตรียมคำพูดหล่อๆ สวยๆ แสดงกึ๋นกับนักข่าวกันให้เต็มที่… ตามรายงานข่าวคาดว่าอย่างเร็วหมุดหมายอยู่ที่วันพุธที่ 21 มิ.ย.หรืออย่างช้าวันที่ 28 มิ.ย.ที่วางไว้แต่เดิม

มีแนวโน้มสูงว่า การรับรองผลจะปล่อยผ่าน หรือรับรองทั้ง 500 คน หรืออย่างน้อยก็ 475 คน หรือ 95% ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถเดินหน้าเปิดรัฐพิธีประชุมรัฐสภาได้

ดังนั้น ว่าที่ ส.ส.เขต 71 คนที่อยู่ในลิสต์ของ กกต.ว่าถูกร้องเรียนคัดค้านนั้น ในชั้นนี้ขอให้สบายใจได้ว่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากจะมีการ ‘สอย’ เกิดขึ้น โดนใบส้ม ใบแดง ก็อีกนาน… ตอนนี้รับรองไปก่อน แล้วจะสอยไม่สอย ค่อยว่ากันทีหลัง

ทั้งนี้ โดยหลังรับรองผลเรียบร้อยต้องเปิดสมัยประชุมสภาใน 15 วัน เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ชะตากรรมโฉมหน้าบ้านเมือง ก็มองเห็นกันตั้งแต่ตำแหน่งประธานสภาฯแล้ว… ดังนั้น รวมความแล้วไม่เกินกลางเดือน ก.ค.ก็จะเข้าเขตคิลลิ่งโซน เดิมพันอนาคตบ้านเมือง เช่นนี้แล้ว ใครที่แหกปากร้องเช้าเย็น ว่าพวกอนุรักษ์นิยมยื้อเกมลากเกมเพื่ออยู่ในอำนาจให้นานยาวนั้น ได้โปรดเข้าใจเสียใหม่ว่า ไทม์ไลน์การประกาศการรับรองผลเลือกตั้งปีนี้เร็วกว่าปี 2562 ประมาณ 15 - 20 วัน

จะว่าไป กกต.ชุดนี้ก็ดำเนินการต่างๆ เรียบร้อยพอสมควรทีเดียว จุดอ่อนก็คือ การไม่สื่อสารกับประชาชนให้เป็นระบบ ชอบอ้ำอึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา ‘7 เสือ กกต.’ ที่ชาวบ้านชาวช่องแทบไม่รู้จักหน้าตาและผลงาน

พูดถึง กกต.ก็ต้องต่อยอดขยายความอีกเล็กน้อย เมื่อต้นสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้รายงานไปเบื้องต้นแล้วว่า มีสมาชิกวุฒิสภาสายทหาร รุ่นบิ๊กตู่คือ เตรียมทหาร 12 กำลังจับจ้องมอง กกต.ว่าที่สุดแล้ว กกต.จะใช้ช่องรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้ายร้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือไม่ ถ้าไม่พวกเขาอาจดำเนินการฟ้องร้องกกต.ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส.ว.ตัวตึงอย่างนายสมชาย แสวงการ ก็ออกมาสำทับมาอีกคนว่าจะร่วมขบวนด้วยคน

บรรทัดนี้ เล็ก เลียบด่วน ขอทำตัวเป็นสายลับกระซิบเบาๆ ให้บรรดาท่าน ส.ว.ทราบว่า กกต.คงไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรอก ยื่นร้องให้ศาลพิจารณาแน่ แต่มันต้องผ่านขั้นตอนรับรองผล ส.ส.ก่อน… ปัญหามีอยู่ว่ากว่า กกต.จะยื่นร้องและกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับไม่รับ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยที่ประชุมรัฐสภาจะมาถึงก่อนหรือไม่… ถ้าโหวตก่อนศาลมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีมีมูลก็จะกลายเป็นว่า กกต.ยืมดาบ ส.ว.เชือดพิธาแทนที่ ส.ว.จะได้ยืมดาบ กกต.!!?

เอาเหอะ… ใครจะยืมดาบใครเชือดก็ว่ากันไป แต่การข่าวของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังเชื่อว่าถ้านายพิธาได้รับการโหวต นายพิธาจะได้คะแนนไม่เกินครึ่งของรัฐสภา คือ 376 เสียง ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ใครต่อใครหวั่นใจกันลึกๆ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงก็คือ สถานการณ์หลังจากนั้นจะเป็น อย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น?

ฟังมาว่า หน่วยงานด้านการข่าวที่ตามไปเก็บทุกคำพูดทุกบรรยากาศที่นายพิธากับคณะพรรคก้าวไกลผสมคณะก้าวหน้า เดินสายไปขอบคุณประชาชนในจังหวัดที่ก้าวไกลแลนด์สไลด์แล้ว… ได้ข้อสรุปว่า มันเป็นอะไรที่มากกว่า ‘การบ่มเพาะมวลชน’ หรือ ‘ซ้อมมวลชน’ … แต่ยากที่จะบอกว่าเป็นปรากฏการณ์อะไร เพียงแต่น่าจะคาดหมายได้ว่า ถ้านายพิธาวืดเก้าอี้นายกฯ ความวุ่นวายและยุ่งเหยิงรออยู่เบื้องหน้าแบบเห็นๆ… ม็อบด้อมส้มและคนที่เลือก 8 พรรค คงลงถนน  และถ้าสถานการณ์เลยธงม็อบอีกฝ่ายก็อาจจะออกมาเหมือนกัน

สถานการณ์บ้านเมืองรอบนี้ นอกจากช่วยกันยืนกรานหลักนิติรัฐนิติธรรมแล้ว เห็นที่จะต้องช่วยกันขอพรจากพระสยามเทวาธิราชเป็นกรณีพิเศษ!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top