Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

‘อนันต์’ ว่าที่ ส.ส.พปชร. เดินหน้าแก้ปัญหาคุณภาพดิน พร้อมดันเรื่องเข้าสภาฯ ช่วยเกษตรกรหลุดพ้นความยากจน

(16 มิ.ย. 66) นายอนันต์ ผลอำนวย ว่าที่ ส.ส.เขต 3 จังหวัดกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาตนทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ตั้งใจทำเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด ทั้งงานในสภาฯ และนอกสภาฯ เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่ประชาชนได้มอบโอกาสให้ตน ซึ่งยังมีแผนงานที่ต้องเข้าไปสานต่อให้กับเกษตรกรในกำแพงเพชรอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาดิน เพราะพื้นดินในประเทศไทยถูกใช้งานเกษตรมานาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ให้ดินอยู่ในสภาพที่จะใช้ปลูกพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการแก้ปัญหานี้จะต้องใช้งบกรมพัฒนาที่ดินในการจัดการ ซึ่งตนก็จะผลักดันในสภาฯ เพื่อแก้ปัญหานี้ให้ได้รับการแก้ไข เพราะคุณภาพดินจะต้องดีขึ้นให้ได้ ถ้าฐานไม่แข็งแรง อย่างอื่นก็จะไปได้ยาก

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ประชาชนในประเทศไทยรวมถึงจังหวัดกำแพงเพชร ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร ซึ่งปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานก็คือความยากจน ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ นั่นก็คือ การบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลลำคลอง การทำโครงการแก้มลิง เหล่านี้เป็นหัวใจของ ส.ส.ที่ต้องเร่งทำให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องลดรายได้ เพิ่มรายจ่ายให้เกษตรกร เพราะถ้าผลผลิตที่ได้มีจำนวนต่ำ ทำไปก็ไม่พ้นความยากจน ทั้งนี้ การแก้ปัญหาจะต้องมีการประสานกับหลายหน่วยงาน เช่น กรมทรัพยากรน้ำ, กรมอุทยานแห่งชาติ, สปก., กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ เพื่อการแก้ไขแบบบูรณาการ เพราะถ้าไม่เร่งทำ โอกาสทางรอดของเกษตรกรจะยากมาก

ทั้งนี้ นายอนันต์ ยังฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องทำให้ครบวงจร ไม่ใช่แค่ให้เงินกับประชาชน แต่ต้องมีการฝึกอาชีพให้ และสามารถทำได้จริง เพราะการดำเนินการตามนี้จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน รวมถึงในอนาคตจะสามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ด้วย

ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว กล่าวถึงกรณี ‘หยก-ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี

จากประเด็นถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากสวมชุดไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน ผ่านรายการ ‘The Daily Dose Live! ยามเช้า’ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 66 ว่า…

“ผู้ใหญ่คนไหนที่ให้ท้ายคุณ เขาไม่ได้รักคุณ นั่นคือข้อเท็จจริง ผู้ใหญ่คนไหนที่ตักเตือนคุณ ให้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมได้ นั่นคือ คนที่รักคุณจริงๆ”

 

‘บุฟเฟต์ทุเรียน’ ที่ปีนัง มาเลเซีย นุ่มลิ้นเหมือนกินคัสตาร์ด มีให้เลือกหลายสายพันธุ์ อิ่มได้ไม่อั้น แค่หัวละ 700 บาท!!

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘I will travel around the world’ ได้โพสต์ภาพร้อมข้อความเกี่ยว ‘บุฟเฟต์ทุเรียน MusangKing’ ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่า…

#มาเลเซีย
ปาร์ตี้ทุเรียนบุฟเฟต์ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย
ร้านแบบนี้ฮิตมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ทุเรียนบ้านเขาจะรอสุกหล่นจากต้นแล้วเก็บเอามาทานทุเรียนบ้าน เม็ดเล็กๆ เนื้อบางๆ ขม บ้านเขาชอบกินทุเรียนเละๆ สุกๆ ซึ่งจะแตกต่างกับบ้านเรา  

บุฟเฟต์ที่นี่ หัวประมาณ 700 บาท กินไม่อั้น มีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งก้านยาว, D24, Musang King ร้านเปิดตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน 

คนที่นี่พาลูกพาหลานมากันทั้งบ้าน ฟีลเหมือนมากินร้านไอติม

สำหรับพันธุ์ Musang King รสชาติค่อนข้างติดขมนิดๆ แต่เนื้อละเอียดเหมือนคัสตาร์ด ในร้านจะมีมังคุดให้ทานปิดท้าย

อิ่มมาก ออกจากป่ามาเจอบุฟเฟต์ทุเรียน 😆

ชวนส่องธุรกิจ ‘วิชัย ท่องแตง’ นักกฎหมายที่มั่งคั่งจากการลงทุน จนได้ฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’

เมื่อเอ่ยถึง ‘วิชัย ทองแตง’ ผู้คนในแวดวงนักลงทุน น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะถือเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้น ที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ จนครั้งหนึ่งเคยได้รับฉายาว่า ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ มาแล้ว

แม้ระยะหลังได้ลดดีกรีการลงทุนในตลาดหุ้นลง พร้อมผ่องถ่ายธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ส่งต่อไปให้ทายาทสานต่อ เพราะตนเองมีเป้าหมายใหม่ นั่นคือ การใช้ประสบการณ์และความรู้ เข้าไปช่วยปั้นบริษัทสตาร์ตอัปไทยให้ประสบความสำเร็จ

ขณะที่ปัจจุบัน คุณวิชัย ยังถือครองหุ้นและลงทุนในธุรกิจใดบ้าง ไปดูตัวอย่างกัน!!

‘จตุพร’ ฟันธง!! ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ใช่นายกฯ คนที่ 30 เชื่อ งูเห่าผุด เตือน!! ฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

‘จตุพร’ เย้ย ‘ทักษิณ’ อย่าเอาแต่พูดขายหัวเราะ บี้กลับบ้าน 26 ก.ค. ฟันธง ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นนายกฯ เห็นตำตางูเห่าฝูงใหญ่เลื้อยหนี 8 พรรค เตือนฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

(16 มิ.ย. 66)  นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ชัดมาก?” โดยแนะให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านตามสัญญาประกาศมาก่อนวันเกิดใน ก.ค. นี้ และเมื่อถึงไทยก็อย่าคิดมาก ต้องปลงใจ ปล่อยวางเดินเข้าคุกให้สง่างาม จะได้มีเวลาอยู่เลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่ออกแบบชีวิตในยามสูงวัย

นายจตุพร กล่าวถึงอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ยืนกรานทักษิณ ยังจะกลับบ้านใน ก.ค.นี้ ว่า อุ๊งอิ๊งพูดเป็นการโยนภาระให้ทักษิณตัดสินใจเอง ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเข้ามาไทยต้องถูกนำตัวไปเข้าคุกตามกฎหมาย ซึ่งจะมีความสง่างามอย่างยิ่ง

อีกทั้ง ระบุว่า แต่ทักษิณต้องการกลับไทยแบบไม่ต้องเข้าคุก เพราะทำให้ตัวเองเท่ เหนือคนอื่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้คงเป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทักษิณ ทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวางเมื่อกลับมาก็เดินเข้าคุก และอย่าได้ระแวงกังวลใดๆ เพราะในคุกมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม จะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ขอเพียงพยายามปรับตัว นอนให้หลับจะได้มีเวลาออกมาเลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่อายุมากแล้ว

“พูดกลับบ้านมา 17 ปีแล้ว ก็ยังไม่กลับ ไม่เบื่อพูดบ้างหรืออย่างไร ก็รีบตัดสินใจกลับมา คนอื่นยังกล้าติดคุกเต็มไปหมด แล้ววันนี้ยังพูดกลับบ้านอีก ถึงที่สุดที่บอกว่า จะกลับมาก่อนวันที่ 26 ก.ค.นี้ (วันเกิดทักษิณ) ก็ยังอยู่ในการตัดสินใจของทักษิณเหมือนเดิม” นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า หวังว่าถ้าคำพูดของตนเผื่อได้ยินถึงทักษิณแล้ว ขอให้ปลงใจและรู้จักพอเสียบ้าง ละวางใจให้ได้ แล้วตัดสินใจกลับมาเดินเข้าคุก ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัว ตนติดมา 5 ครั้งแล้ว คุกไม่น่ากลัวเลย ที่น่ากลัวก็คือ ใจของตัวเองที่ขลาดกลัว หวาดระแวงจะถูกกระทำเหมือนที่เคยกระทำกับคนอื่นไว้

“ดังนั้น จึงหวังว่าทักษิณจะตัดสินใจกลับมาในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตามที่ประกาศไว้ ถ้าไม่มาแล้วคนจะหัวเราะเอาได้ ซึ่งอย่าได้พูดกลับบ้านอีก เพราะคนไม่เชื่อ และจะกลายเป็นตำนานคนเลี้ยงแกะมาขายหัวเราะอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลว่า ถ้า 3 ฝ่าย คือ ฝ่าย 8 พรรค 312 เสียง กับพวกอำนาจเดิม 188 เสียง และ ส.ว. 250 ไม่โหวตให้ฝ่ายใดเลย หากทุกฝ่ายแสดงความเป็นคนจริงก็ย่อมตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมีคนไม่จริง คือ พูดอย่างทำอย่าง แม้พรรคไม่เปลี่ยนข้าง แต่คนของพรรคก็จะเปลี่ยนใจไปโหวตให้อีกฝ่าย ซึ่งคาดได้เห็นร่องรอยปรากฎตั้งแต่วันเลือกประธานสภาแล้ว

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ นั้น คงหนีการหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปไม่พ้น เมื่อถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นมีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส. แต่จะลามถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่ กกต. จะเสนอต่อศาลหรือไม่ ส่วนตนคิดว่า อยากให้นายพิธาได้มีโอกาสหลุดไปถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เพื่อจะได้เห็นภาพตำตาตัวเองว่า ใครหักหลังและทรยศทางการเมืองกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถ้านายพิธาไม่มีโอกาสได้เข้าไปโหวตเลือกนายกฯ แล้ว เมื่ออารมณ์ระอุไม่พอใจกับการถูกกลั่นแกล้ง มวลชนจะออกมาชุมนุมบนถนนหรือไม่ แต่ไม่ว่าอารมณ์แบบไหนก็หนีการชุมนุมไม่พ้น ดังนั้น ถ้าให้พิธา พิสูจน์ตัวเองก่อน ก็จะได้สะสางความคลางแคลงใจของสังคมให้เบาบางลง สิ่งสำคัญนายพิธา จะได้รู้ว่าตัวเองก็ผิดด้วยที่ไม่ล้างหุ้นไอทีวีจำนวน 4.2 หมื่นหุ้น ออกจากตัวเองก่อนไปสมัคร ส.ส. ยกเว้นคนออกแบบเกมต้องการไม่ให้นายพิธาพิสูจน์ตัวเอง ให้ไปต่อสู้ทางกฎหมาย จึงเป็นการคิดทางการเมืองให้เกิดชนวนการชุมนุมขึ้น

“ถึงที่สุดแล้วนายพิธา อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ทวีสิน คงใม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะมีงูเห่าจำนวนมากเลื้อยแตกรังออกไปหนุนฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ แต่จะปกครองยาก เพราะคนจะออกมาชุมนุมเต็มบ้านเมือง คนคิดเกมออกแบบดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ช่วยรอเวลาอีกสักนิด และให้โอกาสนายพิธาได้เข้าประชุมโหวตนายกฯ ด้วย เพราะนายพิธาไม่มีทางได้เป็นนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่ได้เสียง ส.ว. อย่างไรก็ตาม การให้โอกาสนายพิธา เท่ากับลดแรงชิงชังของมวลชนลงได้อย่างมาก”

ส่วน กกต. แขวน ส.ส. 71 คนเพื่อรอการตรวจสอบนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทางการเมืองเพ่งเล็งไปที่การทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรมของ กกต. แต่ในจำนวน 71 คน จะต้องมีคนรอดและได้รับรอง ส.ส. จนครบ 475 คนหรือ 95% จากจำนวน 500 คน ก็สามารถเปิดสภาได้แน่ อีกทั้งขณะนี้ กกต. เอาแต่รำมวยไปเรื่อยๆ ให้ครบเวลา 60 วันตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ (จะครบ 13 ก.ค.นี้) จึงถูกหลายฝ่ายเร่งรัดให้รีบรับรองผลการเลือกตั้ง

‘วิชัย ทองแตง’ เผยแผนดำเนินชีวิตในวัย 76 ปี ทิ้งฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ สู่นักปั้นธุรกิจสตาร์ตอัป

ในวัย 76 ปี ชื่อของ ‘วิชัย ทองแตง’ กำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ค่อนข้างเงียบหายไป จากอดีตที่เคยโด่งดังในยุคของการเป็นทนายมือทอง และเข้าสู่แวดวงตลาดหุ้น มีการ ‘เทกโอเวอร์กิจการ’ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง

มาถึงวันนี้ ในวันที่หันหลังให้กับฉายา ‘เจ้าพ่อตลาดหุ้น’ แล้ว ฉากและชีวิตจะก้าวไปอย่างไร มาลองฟังมุมมองและแพชชันใหม่ ๆ ที่ ‘วิชัย ทองแตง’ ตั้งใจผลักดันกัน

>> ลุยปั้นคน-ไม่เน้นสร้างเวลท์
“new chapter ของผมต่อจากนี้ คือ สร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) เหมือนก่อนแล้ว” อดีตเจ้าพ่อตลาดหุ้น ประกาศจุดยืนใหม่ของตัวเอง

วิชัยบอกว่าปัจจุบันตนไม่ใช่เซียนหุ้นแล้ว และไม่อยากจะให้ภาพตัวเองเป็นพ่อมดตลาดหุ้น หรือเป็นนักลงทุนขาใหญ่เหมือนในอดีต เพราะตนคิดว่าก้าวข้ามจากส่วนนั้นมาแล้ว โดยปัจจุบันได้โอนทรัพย์สินแบ่งให้ลูก ๆ ไปเกือบหมดแล้ว และวางมือจากธุรกิจเดิม ลาออกจากประธานกรรมการโรงพยาบาลพญาไท เพื่อขอออกมาทำตาม ‘passion’ ของตัวเอง นับตั้งแต่ตอนอายุ 70 ปี หรือตั้งแต่ราว 6 ปีก่อน ปัจจุบันรับบทเป็นเพียงที่ปรึกษาในแต่ละธุรกิจเท่านั้น

>>ดันสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้น
“ตอนนี้ new chapter ของผมเป็นคนเก่าในชีวิตใหม่ ที่เริ่มต้นเมื่อตอนอายุ 70 ปี คือ ผมอยากมีภาพเป็น ‘นักปั้นหุ้น’ มากกว่า” วิชัยบอก พร้อมอธิบายว่า การปั้นหุ้น ก็คือ การปลุกปั้นบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัปของเด็กรุ่นใหม่ ที่เดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ โดยตนจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เข้ามาคุยและวางแผนอนาคตร่วมกัน ซึ่งความตั้งใจของตนเองในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ จะต้องสร้างยูนิคอร์นตัวใหม่ให้ได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ให้ฉายาผมว่า ‘godfather of startup’ หรือแปลเล่น ๆ ว่า ‘พ่อทูนหัว’ ฉะนั้น new chapter ของผมต่อจากนี้ คือสร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์เหมือนก่อนแล้ว” วิชัยกล่าว

โดยที่ผ่านมา ได้เฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่ที่มีความกระหายอยากทำธุรกิจ แต่ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมด้วย ซึ่งตรงนี้นับเป็นข้อกำหนดที่ร่วมธุรกิจกับทาง ‘บิทคับ’ ด้วย ว่าตนขอทำแค่ส่วนที่เกี่ยวกับบล็อกเชน และดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเท่านั้น ส่วนที่เป็นคริปโตเคอร์เรนซี พวกการเทรดต่าง ๆ จะไม่ยุ่ง

>>โฟกัสธุรกิจ ‘เมกะเทรนด์’
สำหรับประเภทธุรกิจที่ให้ความสำคัญ วิชัยกล่าวว่าจะเป็น ‘เมกะเทรนด์’ นอกจากเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว ก็ยังมีธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริษัทนี้ จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี

ต่อมาธุรกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) ที่รับซื้อพลาสติก ซึ่งจะดำเนินการเป็น 2 แบบ คือ 1.) เม็ดพลาสติกรีไซเคิล และ 2.) กลั่นออกมาเป็นน้ำมัน ซึ่งธุรกิจแบบนี้มีความจำเป็นกับประเทศไทยตอนนี้มาก

ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีคนทำน้อย โดยตนกำลังปั้นบริษัทแบบนี้ ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่หากินในต่างประเทศได้ด้วย

ส่วนธุรกิจที่ใช้ AI ก็สนใจ ซึ่งก็มีสตาร์ตอัปรายหนึ่งที่น่าสนใจ สามารถบริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก

“ลองคิดดูเล่น ๆ ถ้าคนไทยทั้งประเทศใช้ไฟพร้อมกัน หม้อแปลงจะอยู่ได้ไหม ตอนนี้ไม่มีใครคิด แต่ผมไปเจอสตาร์ตอัปเด็กไทยคนหนึ่ง ไปประกวดระดับโลกได้ที่ 29 เขาทำสิ่งนี้อยู่ ผมพาเขา เข้าไปพรีเซนต์กับการไฟฟ้าแล้ว ธุรกิจพวกนี้คอยไม่ได้ เพราะกระแสอีวีเข้ามาเร็ว” วิชัยกล่าว

นอกจากนี้ ยังสนใจเกี่ยวกับ smart farmer โดยกำลังปั้นบริษัทบริหารฟาร์ม สร้างโมเดลเกษตรกรหัวขบวนอยู่ โดยสตาร์ตอัปรายนี้นอกเหนือบริหารฟาร์มแล้วยังสามารถค้นหาดีมานด์และซัพพลายให้มาเจอกันได้ ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนพ่อค้าคนกลางออกไปได้

“ตอนนี้บริษัทที่ว่านี้ เพิ่งทำ ‘กระดานเทรดข้าว’ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เสร็จเรียบร้อยไปเมื่อ 3 เดือนก่อน” วิชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาโรงพยาบาลพญาไท ย้ำว่า ตนและลูก ๆ ก็ไม่ได้ทิ้งธุรกิจด้านสุขภาพ (healthcare) เพราะเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูงมาก

>>ดันสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้น
สำหรับปีนี้วิชัยคาดว่าจะผลักดันบริษัทสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้นได้ ประมาณ 2 บริษัท โดยตนจะไม่ถือหุ้นใหญ่เกิน 50% อาจจะถือหุ้นแค่ 20-30% และไม่เข้าไปบริหาร

“ผมต้องการให้สตาร์ตอัปเกิด ฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเทกโอเวอร์” วิชัยกล่าว

>>สูตรเลือกสตาร์ตอัป
วิชัยกล่าวว่า การเลือกสตาร์ตอัปที่จะนำมาปั้นนั้น ตนมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 คน ที่อยู่ในเครือข่าย ที่มีหน้าที่วิเคราะห์ธุรกิจให้ เพราะทุกวันนี้สตาร์ตอัปเข้ามาหามาก เพราะ pain point ของสตาร์ตอัป คือการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งเด็กที่เข้ามาจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า what’s next ? คืออะไร มีแผนธุรกิจต่อไปอย่างไร มีแผน 5-10 ปีหรือไม่ ต้องการเพิ่มทุนอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้

“ผมมีสูตรเลือกสตาร์ตอัป คือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดี ถ้ามี 2G แล้ว ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้ด้วย” วิชัยกล่าว

“นอกจากนี้ ทุกคนที่เข้ามา ต้องปฏิญาณ 3 ข้อ คือ 1. ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกง หรือหลอกลวงผู้อื่น 2. เรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีมีคุณธรรม และ 3. แบ่งปันความรู้และโอกาสให้แก่ผู้ที่ด้อยกว่า” เดอะ ก็อด ฟาร์เธอส์ นักปั้นสตาร์ตอัปกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: prachachat

‘สดช.’ ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ เชื่อมโยงข้อมูลการแพทย์ ยกระดับการรักษาพยาบาลเพื่อ ปชช.

คณะผู้บริหาร สดช. ลงพื้นที่ม.เชียงใหม่ ติดตามผลการดำเนินงานโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District)

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 66 นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร พร้อมด้วย นางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อํานวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะผู้บริหาร และข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District) ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยโครงการฯ ดังกล่าว เป็นโครงการของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางและประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยี 5G ในการส่งเสริมการให้บริการการแพทย์ 5G Smart Ambulance สำหรับบริหารจัดการรถพยาบาลแบบรวมศูนย์ และ Telemedicine สำหรับโรงพยาบาลประจำอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียง รวม 20 แห่ง โดยผู้รับทุนกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานดังกล่าวในแผนการดำเนินโครงการ มีแหล่งข้อมูล (Big Data) เพื่อนําไปวิเคราะห์และประมวลผลต่อในด้านการพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมต่อประชากรในท้องถิ่นระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกลุ่มข้อมูลแบบเรียลไทม์

ปัจจุบันโครงการฯ ดังกล่าว มีระบบที่สามารถเชื่อมข้อมูลได้อย่างน้อย 15 โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลอื่น ๆ ในภาคเหนือ ซึ่งการทำงานของระบบแบบ Real Time สามารถพูดคุยเพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ระบบ Telemedicine ได้นำมาใช้เฉพาะเจาะจงในการติดตามรักษาโรคเรื้อรัง เช่น หัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด หัวใจล้มเหลว ไตเรื้อรัง เป็นต้น

“มส.15” ติดอาวุธทางปัญญาเด็กเมืองนนท์ ร่วมศึกษา-พัฒนา ”วิสาหกิจชุมชนปากเกร็ด” สู่ความยั่งยืนทางธุรกิจ

วันที่ 16 มิถุนายน พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ประธานมูลนิธิการจัดการเพื่อความมั่นคง เป็นประธานเปิด โครงการ มส.15 ส่งเสริมเยาวชน สร้างสรรค์ วิสาหกิจชุมชนยั่งยืน ณ โรงเรียนปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมี พล.อ.ดร.มารุต ปิชโชตะสิงห์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง พร้อมคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักศึกษาหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง (มส.) รุ่น 15 รวมทั้ง นายภิรมย์ ชุมนุม นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร่วมพิธี

โดย ดร.วรวุฒิ ไชยศร อาจารย์ประจำหลักสูตร มส. กล่าวรายงานสรุปภาพรวมโครงการ CSR สู่ความยั่งยืนว่า หลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง (มส.) รุ่น 15 เล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของหลักสูตร ในการสร้างความยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

จึงจัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายของภาคส่วนที่มีความแข็งแรง ทั้งด้านประสบการณ์ ความรู้ เงินทุน มาส่งเสริม สนับสนุนซึ่งกันและกัน ให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มเยาวชน ที่จะเติบโตในพื้นที่ของชุมชน เป็นผู้มีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง เกิดความ
รักและหวงแหน และมีจิตสำนึกในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนเอง

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกของเด็กและเยาวชนในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนของตนเอง
เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่นำความรู้ความสามารถที่ได้รับ ไปต่อยอดสู่การพัฒนาชุมชน

สำหรับกิจกรรม เริ่มคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2-5 จากโรงเรียนปากเกร็ด โรงเรียนเตรียมอดุมศึกษาน้อมเกล้านนทบุรี และโรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส ทั้งหมด 45 คน โดยแบ่งเป็นทีม มาช่วยกันออกแบบ "นวัตกรรมสร้างสรรค์วิสาหกิจชุมชน"ในพื้นที่เกาะเกร็ด โดยให้ศึกษาถึงประเด็นปัญหา แนวทางในการต่อยอดเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน โดยมีผู้แทน จาก มส.15 ผู้ทรงคุณวุฒิ และตัวแทนในเขตพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นกรรมการพิจารณาตัดสิน 

ผลคะแนนอันดับที่ 1 วิสาหกิจชุมชนผ้าบาติกและดอกไม้ใยบัว โรงเรียนปากเกร็ด อันดับที่ 2 วิสาหกิจชุมชนจากเส้นพลาสติก โรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส (แสนสวัสดิ์วิทยาคาร) และอันดับที่ 3 วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรและเบเกอรี่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นนทบุรี 

พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ นับเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ มีความสาคัญ เพราะเป็ น ความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ที่ส่งเสริมเยาวชนไทยให้มีทักษะการคิดที่สร้างสรรค์ มีอาวุธทางปัญญา ที่ร่วมคิด ร่วมทำ และช่วยพัฒนาให้วิสาหกิจชุมชนของเกาะเกร็ดทั้ง 9 วิสาหกิจ ได้นำผลงานของเยาวชนไปต่อยอด พัฒนาการดำเนินธุรกิจไม่มากก็น้อย 

ด้าน ดร.เภา บุญเยี่ยม ประธาน CSR มส.15 กล่าวว่า โครงการ “ส่งเสริมเยาวชน สร้างสรรค์วิสาหกิจชุมชนยั่งยืน” ที่เกาะเกร็ด นนทบุรี ในวันนี้ มส.15 มีความตั้งใจที่จะให้เยาวชนได้ร่วมคิด ร่วมสร้างและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นตนเอง โดยเก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่วิสาหกิจจริงๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางการแก้ไข ด้วยเครื่องมือและกระบวนการทางธุรกิจสมัยใหม่ที่เราถ่ายทอดให้ ตอบโจทก์ความต้องการของลูกค้าและนักท่องเที่ยว เป็นการเชื่อมต่อของคนต่างวัยในชุมชน เพื่อสร้างสังคมให้เติบโตเข้มแข็งและส่งต่อความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น

“ต้องขอขอบคุณ อ.ใหม่ ลัดดาวัลย์ ชูช่วย ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการให้ความรู้กับน้องๆเยาวชน และขอบคุณเจ้าภาพ มส.15 กลุ่มม้ามังกร และกุญชรศึก จัดกิจกรรม CSR เพื่อส่งต่อความยั่งยืนในวันนี้” ประธาน CSR มส.15 กล่าว

‘ชัยวุฒิ’ โพสต์ถึงลูก อยากให้เป็นเด็กดี และอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคม ได้อย่างมีความสุข

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความรู้สึกที่ได้เห็นลูกสาวฝาแฝดของตน ในชุดเครื่องแบบนักเรียนและมีรอยยิ้มน่ารักสดใสตามวัย โดยระบุว่า ...

มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นลูกใส่ชุดนี้ อยากให้หนูเป็นเด็กดี มีความรู้และสามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมได้อย่างมีความสุข

ปล.ปีนรั้วเข้าโรงเรียนผมไม่ห่วงครับ ผมห่วงเด็กปีนรั้วออกครับ

หลังจากที่ได้มีคนเห็นโพสต์ข้อความนี้แล้ว ก็ได้มีคอมเมนต์ตอบแบบน่ารักๆ ตามมาหลากหลายเช่น 

“เห็นด้วยครับ ลูกผมก็ชอบใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน เหมือนเพื่อนๆ ชีวิตวัยเรียนก็ปกติ มีความสุขดีครับ”

“เด็กน้อยของพ่อแม่น่ารักเสมอ”

“น่ารักที่สุดค่ะสาวน้อย”

“น่ารักจังเลย”

‘ปริญญา ฤกษ์หร่าย’ ว่าที่ ส.ส.กำแพงเพชร เดินหน้า  สานงานต่อในสภาฯเต็มที่ หวังยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เกษตรกร

นายปริญญา ฤกษ์หร่าย ว่าที่ ส.ส.เขต 4 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงปัญหาของประชาชนในจังหวัดกำแพงเพชรที่ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือยังคงเป็นเรื่องของน้ำ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตร ในการเดินหน้าประสานงานกับกรมชลประทาน และกรมเจ้าท่า เพื่อให้มีการซ่อมบำรุง ฝายกั้นแม่น้ำปิง( ฝายวังบัว)   ที่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน เกิดการชำรุด และมีรอยร้าว จึงเป็นห่วง เรื่องของปริมาณน้ำที่อยู่ในช่วงฤดูมรสุม หากมีน้ำมาก  และอาจทำให้ฝายกั้นน้ำพังได้ ส่งผลกระทบต่อการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการซ่อมบำรุงได้เร็วๆนี้

นายปริญญา กล่าวต่อถึงปัญหาที่ทำกินว่า ต้องผลักดันอย่างต่อเนื่อง ประสานกับหน่วยงาน เพื่อให้สามารถออกโฉนดในการถือครองกรรมสิทธิ์ ที่ดิน เหมือนจังหวัดอื่นๆ เพราะประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่ ยังประกอบอาชีพทางการเกษตร ให้เป็นไปตามนโยบายของพรรค ต้องการให้ชาวบ้านมีสิทธิ์ในที่ดินโดยโฉนดเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต

นายปริญญา ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนขอบคุณประชาชนในพื้นที่ทุกคนสำหรับทุกๆ คะแนนเสียง ทุกๆ ความไว้วางใจที่มอบให้ตนได้เข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนในสภาอีก 1 สมัย ซึ่งตนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำการพัฒนามาสู่จังหวัดกำแพงเพชรบ้านของพวกเรา รวมถึงการแก้ไขปัญหาให้กับชาวกำแพงเพชรทุกคนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top