Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

นับถอยหลัง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' อีกตำนานเบอร์ 9 ของลิเวอร์พูล

ท่ามกลางกระแสซึ่งดูจะไม่ยอมลดราวาศอกลงง่าย ๆ กับศึกแห่งศักดิ์ศรีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่ระหว่าง 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด' กับ 'ลิเวอร์พูล' ที่ตามสำนวนดั้งเดิมของเกาะอังกฤษเรียกว่าสงคราม 'Red Heat' ก่อนแปลงมาเข้ากับปากคนไทยว่า 'ศึกแดงเดือด' นับเป็นตำนานมหากาพย์แห่งสีเสื้อนับเกินร้อยปี

ผลการแข่งขันออกมาอย่างไรผมไม่ขอขยายต่อ

แต่สำหรับเหล่า 'เธอะ ค็อป' แล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจมากกว่า เพราะไม่กี่วันก่อนหน้า ผู้เล่นหมายเลข 9 คนปัจจุบันของสโมสร 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' (Roberto Firmino) เลือกจะไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูลหลังจากจบฤดูกาลนี้ โดยเปิดเผยการตัดสินใจผ่านตัวแทนของเขาเอง ใจความว่า

"ผมมีเวลาของผม และมันก็ถึงเวลาที่จะต้องไป กับลิเวอร์พูลนั้นช่างเป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตของผม ร่วมกับผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมงาน กับพวกเขาทั้งหมดนั่น"

ปฏิกิริยาต่อการเอ่ยลาของบ๊อบบี้ครั้งนี้ แสดงออกให้เห็นจากทุกมุมของอัฒจันทร์แอนฟิลด์ ทันทีที่เขาย่างเท้าลงเหยียบสนามหญ้า และค่ำคืนนั้นเขายังปิดสกอร์ส่งท้ายด้วยรอยยิ้มอันแสนมีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งเช่นที่เห็นกันตลอดมา

"หลังจากเรายิงประตูที่ห้าได้ ผมหันมองไปที่ม้านั่งสำรองเพื่อคุยกับผู้เล่นที่ต้องการอยากที่จะทำประตูต่อไปให้กับทีมในค่ำนี้ และเฟอร์มิโน่ก็พูดขึ้นมาว่า 'ผมจะลงครับ ผมต้องการทำประตู' จากนั้นไม่นานเขาได้ในที่สุด" เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือจากเยอรมันกล่าวหลังเกมแดงเดือดอันน่าจดจำ

เชื่อว่าแฟนบอล 'ลิเวอร์พูล' วันนี้ส่วนใหญ่จะรู้สึกผูกพันกับบ๊อบบี้ เฟอร์มิโน่ เพราะเขาคือทุกอย่างของทีม ทุกครั้งที่ลงสนามเขาคือคนสร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลได้อยู่เสมอ แต่หลังจากนี้ไป คงต้องเป็นผู้เล่นคนอื่นที่จะลงมาทำงานหนักแทนเขา

ครั้งหนึ่งคล็อปป์เคยพูดถึง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' ไว้อย่างจับใจ "...ทีมฟุตบอลก็เหมือนวงออร์เคสตรา คุณต้องการคนที่แตกต่าง เพื่อเล่นเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน บางชนิดดังกว่า บางชนิดดังไม่มาก แต่ทั้งหมดมีความสำคัญต่อจังหวะของเรา และสำหรับผู้เล่นอย่างบ๊อบบี้ เขาสามารถเล่นเครื่องได้ถึง 12 ชิ้นในวง!"

"...เป็นเรื่องปกติที่สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวผู้เล่นสัญญาหมดลง และผู้เล่นเองได้ตัดสินใจลงไปแล้ว เราก็แค่ต้องเคารพต่อสิ่ง ๆ นั้น และค่ำนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะพอทราบมาบ้างแล้ว เขาจึงได้รับการต้อนรับอันแสนยอดเยี่ยม และประตูที่เขาทำคือประตูที่สนามแห่งนี้ต้องการมากที่สุด และอยากจะเห็นมากที่สุด" เจอร์เก้นพูดถึงนักเตะซึ่งเขามอบความรักให้ราวน้องชายร่วมอุทร
 

คนไทยเท่าเทียมกัน!! ‘ก้าวไกล’ เปิด 10 นโยบายความเท่าเทียมทางเพศ สานต่ออุดมการณ์ 'อนาคตใหม่' สร้างสังคมคนเท่ากัน

‘ก้าวไกล’ เปิดนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ เนื่องในวันสตรีสากล ชู คำนำหน้านามตามความสมัครใจ - ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน - ตำรวจหญิงทุกสถานี - สมรสเท่าเทียม - ยุติตั้งครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ รับยาฟรี ทุก รพ.สต. - ศูนย์เลี้ยงเด็กใกล้บ้าน ห้องปั๊มนมในที่ทำงาน ด้าน ‘พรรณิการ์’ ชี้ภารกิจสร้างคนเท่ากันของอนาคตใหม่ยังไม่จบ หวัง ‘ก้าวไกล’ สานต่อสำเร็จ

(8 มี.ค. 66) พรรคก้าวไกล ร่วมกับ ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) จัดกิจกรรม “กาก้าวไกล เพศไหนก็คนเท่ากัน” เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคมของทุกปี โดยปีนี้ เครือข่าย International Women’s Day ได้กำหนดรูปแบบการจัดงานที่มีชื่อว่า ‘การโอบรับอย่างเท่าเทียม’ (Embrace Equity)

กิจกรรมเริ่มต้น โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดตัวนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ ยืนยันพร้อมสานต่อภารกิจของพรรคอนาคตใหม่ ในการสร้างประเทศไทยที่ ‘คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก’ โดย 10 นโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศของพรรคก้าวไกล ซึ่งเรียงตามช่วงอายุของคนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนแก่ ประกอบด้วย

1. ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน

ด้วยการยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในสินค้าหมวดหมู่ผ้าอนามัยและของใช้สิ้นเปลืองสำหรับวัยเจริญพันธุ์ และแจกผ้าอนามัยฟรีในสถานศึกษาและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนผ้าอนามัยและความจนประจำเดือน (Period Poverty) โดยเฉพาะสำหรับผู้มีประจำเดือนในวัย 10-25 ปี

2. ปฏิรูปการสอนเพศศึกษา ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ

ด้วยการออกแบบหลักสูตรใหม่ ให้การสอนเรื่องเพศศึกษา (Sex education) ให้ความสำคัญกับค่านิยมต่างๆ เช่น ความเข้าใจเรื่องความยินยอม (consent) ความหลากหลายทางเพศ และสอนเรื่องทางกายภาพอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เยาวชนเข้าใจความสำคัญของการป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ประสงค์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

3. ตำรวจหญิงทุกสถานี

ด้วยการเพิ่มจำนวนตำรวจหญิง เพื่อให้อย่างน้อยมีเพียงพอต่อการมีพนักงานสอบสวนหญิงประจำทุกสถานีตำรวจ เช่น เพิ่มจำนวนรับให้สูงขึ้น เปิดรับจากบุคคลภายนอกมากขึ้น พิจารณากลับมาเปิดรับนักเรียนนายร้อยหญิง เนื่องจากสถิติของกระทรวงยุติธรรม พบว่าไม่ต่ำกว่า 75% ของผู้หญิงไทยที่เคยถูกคุกคามทางเพศ เลือกที่จะไม่แจ้งความ เหตุผลส่วนหนึ่งคือความไม่สบายใจ เพราะผู้เสียหายสะดวกใจกับพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิงมากกว่า นอกจากนี้ ต้องออกแบบกระบวนการอบรมและประเมินตำรวจทุกคนไม่ว่าเพศใด ที่รับผิดชอบคดีคุกคามทางเพศ ให้สามารถดำเนินการด้วยวิธีการและบรรยากาศที่เข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของคดีและสนับสนุนให้เหยื่อรู้สึกปลอดภัยในการให้ข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมด้วย

4. ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ

ด้วยการแก้ประมวลกฎหมายอาญา และกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ การกระทำอนาจาร และการกระทำชำเราเสียใหม่ เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมายให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น
 

ทางรอดใหม่ของประเทศ!! ‘อิหร่าน’ โวพบแหล่งลิเทียม ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก คาดมีมากถึง 8.5 ล้านตัน เป็นรอง ‘ชิลิ’ ที่มีอยู่ 9.2 ล้านตัน

อิหร่านประกาศพบแหล่งลิเทียม (Lithium) ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกในจังหวัดทางตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณลิเทียมสำรองอยู่มากถึง 8.5 ล้านตัน

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านอ้างคำแถลงของ โมฮัมหมัด ฮาดี อาห์มาดี เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม เหมือง และพาณิชย์เมื่อวันเสาร์ (4 มี.ค.) ที่ผ่านมาว่า “เราพบแหล่งลิเทียมที่จังหวัดฮาเมดัน (Hamedan) ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งแรกในอิหร่าน”
 

ลิเทียมซึ่งได้ฉายาว่า “ทองคำสีขาว” (white gold) คือหนึ่งในแร่หายาก หรือ “แรร์เอิร์ธ” ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไฟฟ้า

 

ทั้งนี้ หากตัวเลข 8.5 ล้านตันของกระทรวงอุตสาหกรรมอิหร่านได้รับการยืนยัน จะทำให้สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้กลายเป็นเจ้าของแหล่งลิเทียมใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจาก “ชิลี” ซึ่งมีปริมาณลิเทียมสำรองอยู่ 9.2 ล้านตัน ตามข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS)

ลิเทียมเป็นวัสดุจำเป็นที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในรถยนต์ EV รวมถึงแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่สามารถชาร์จซ้ำได้ โดยในปีที่แล้วราคาของโลหะหายากชนิดนี้พุ่งสูงขึ้นมากตามความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ EV ในตลาดที่เพิ่มขึ้น
 

ที่คุยไว้ทำได้แน่!! ‘เศรษฐา’ นำ พท. ลงพื้นที่หาเสียงคลองเตยครั้งแรก โวลั่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาททำได้แน่

วันที่ 8 มีนาคม 66 ที่มูลนิธิดวงประทีป แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนาย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการลงพื้นที่กทม. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตคลองเตย พรรคเพื่อไทย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางคอแหลม-ยานนาวา และนายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางนา-พระขโนง พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมชมมูลนิธิครูประทีป พร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่
.
โดยครูประทีป อึ้งทรงธรรม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ระบุว่า พรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคแรกที่เข้ามารับฟังปัญหาของชาวคลองเตยอย่างจริงจัง ที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของการท่าเรือมาก่อน ซึ่งเมื่อมีการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างท่าเรือ ทำให้ต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการขนถ่ายสินค้าทำให้ชุมชนขยายตัวอย่างรวดเร็ว สลัมคลองเตยจึงเติบโตขึ้นอย่างไร้ระบบ ไร้การพัฒนา มีความเหลื่อมล้ำสูงนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ว่าที่นายกฯในอนาคตได้เดินทางมารับฟังปัญหาของคนยากคนจนที่นี่ด้วยตัวเอง
.
จากนั้น ตัวแทนชุมชนคลองเตยได้ผลัดกันลุกขึ้นสะท้อนปัญหาต่างๆในพื้นที่ ประกอบด้วย

 

1.ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยจากการเวนคืนที่ดินของการท่าเรือ ประชาชนในชุมชนขอที่ดินสักแปลงจากการท่าเรือซึ่งมีที่ดินกว่า 2000 ไร่ ขอให้คนในชุมชนเอามาจัดการตัวเอง โดยขอให้ทางการท่าเรือเปิดเวทีทำความเข้าใจกับคนในชุมชน แทนการสำรวจได้หรือไม่ ทั้งนี้ คนในชุมชนยินดีพัฒนาที่ดินแห่งนี้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แต่ช่วยให้ประชาชนชาวคลองเตยมีที่อยู่อาศัย ให้มีทางเลือกที่ไปได้ เพราะคนในชุมชนเป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำเท่านั้น ทุกคนรักคลองเตย และอยากให้ที่ดินผืนนี้ดีขึ้นเช่นกัน

2.ปัญหาด้านเศรษฐกิจ วันนี้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ไม่เพียงพอแล้วต่อครอบครัว ครอบครัวหนึ่งรัฐบาลที่แล้วขายฝันว่าจะขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาท แต่ก็ทำไม่ได้ หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะสามารถขึ้นค่าแรงเป็น 600 บาทได้จริงคนคลองเตยก็รู้สึกยินดี นอกจากนี้ วันนี้คนคลองเตยต้องการการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และต้องการการสร้างรายได้ให้คนในชุมชน เช่น ทำตลาดน้ำ ทำถนนคนเดิน ส่วนหาบเร่แผงลอยก็ขอให้ขายได้อย่างเป็นระเบียบ

 

3.เรื่องปัญหาสุขภาพ วันนี้คนคลองเตยถูกตัดสิทธิหลายอย่าง ล่าสุด ก็มีการยกเลิกการให้บริการสิทธิบัตรทอง 9 โรงพยาบาลรอบชุมชน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเดินทางไปใช้สิทธิรักษาพยาบาลไกลจากที่อยู่มาก ขอให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาในเรื่องนี้ และขอให้มีนโยบายออกมาดูเรื่องสิทธิประกันสังคมที่ไม่ครอบคลุม และกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมกับผู้มีสิทธิประกันสังคมด้วย
.
4.เรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของคนคลองเตย โดยพื้นที่คลองเตยมีปัญหาเรื่องอัคคีภัยสูงมาก แต่ชุมชน และผู้ปฏิบัติงานอาสาสมัครยังขาดอุปกรณ์ช่วยเหลือไม่ว่าชุด รองเท้า รถ ไปจนถึงงบประมาณในการรักษาพยาบาลเมื่อออกไปช่วยเหลือชาวบ้านแล้วประสบอุบัติเหตุ จึงฝากให้พรรคเพื่อไทยมีนโยบายในส่วนนี้

5.เรื่องการศึกษา เชื่อว่าการศึกษาจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลพรรคไทยรักไทยมีโครงการ 1 ชุมชน 1 ทุน แต่ในปัจจุบันไม่มีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้การศึกษาของคนในชุมชนถดถอย เด็กด้อยโอกาส และคนชายขอบไม่มีสิทธิเข้าถึงการศึกษา ทำอย่างไรที่จะทำให้เขาสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทั่วถึง ได้เดินไปโรงเรียนได้อย่างมีความสุข และได้เรียนอย่างมีคุณภาพ เพราะเด็กในชุมชนไม่มีโรงเรียนใกล้บ้านที่มีคุณภาพทัดเทียมกับที่อื่น ฝากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอนาคต ทำให้เด็กได้เข้าถึงการศึกษาและมีอาชีพที่ดีทำในอนาคตด้วย
.
 

สารพัดข้ออ้าง!! 'เยอรมนี' อ้างเหตุภัยไซเบอร์ ขอเดินตามเกมสหรัฐฯ ร่วมแบนเทคโนโลยี 5G ของ Huawei และ ZTE

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อสำนักข่าว Zeit Online ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเยอรมนี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ซอลซ์ มีแผนที่จะประกาศห้ามใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของบริษัทผู้ผลิต Huawei และ ZTE ของจีน ตามชาติพันธมิตรอย่าง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น 

โดยได้อ้างมติที่พิจารณาร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และหน่วยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของเยอรมนีที่หารือกันมานานหลายเดือน จนได้ข้อสรุปให้ระงับสัญญาการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเทคโนโลยี 5G สัญชาติจีน ด้วยเหตุผลด้านภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ และความปลอดภัยทางข้อมูลของผู้ใช้งาน 

แต่เหตุผลหลักคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทสัญชาติจีนทั้ง 2 แห่งกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับมหาอำนาจตะวันตก ที่มองว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเครือข่ายการคมนาคมยุคใหม่ในประเทศ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตอบตกลงในการติดตั้งระบบเครือข่าย 5G ของบริษัทจีนในประเทศไปแล้วบางส่วน และหากรายงานข่าวของสื่อเยอรมันเป็นความจริง ก็จะครอบคลุมถึงระบบอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไปแล้วด้วย ที่ต้องรื้อถอนออกไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลจีน

นายเซียง ลี่กัง ผู้อำนวยการสำนัก Information Consumption Alliance ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการยืนยันกับทางจีนว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ถ้าเยอรมนียืนกรานที่จะแบนอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของจีนจริง จะสร้างผลเสียให้เยอรมนีมากกว่า

เพราะจากข้อมูลของสำนักสำรวจ Strand Consult พบว่าบริษัทเทเลคอมของเยอรมันในคลื่นสัญญาณ 5G จากอุปกรณ์ของ Huawei แล้วถึง 59% แซงหน้าระบบเก่า 4G ที่ใช้อยู่ 57% ไปแล้ว 

และหากต้องรื้อถอนระบบที่ติดตั้งไปแล้วของบริษัทจีน เพื่อวางระบบใหม่หมด รัฐบาลเยอรมนีต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันล้านยูโรโดยไม่จำเป็น และฟันธงได้เลยว่าไม่มีทางหาผู้รับเหมาประเทศไหนสามารถวางระบบได้ในราคาที่จีนเสนอให้แน่นอน 
 

กฎหมายต้องไม่ล้าหลัง!! ‘ชัยวุฒิ’ ชี้ ปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปไม่ได้แล้ว ย้ำชัด ถึงเวลาทำให้ถูก กม. ช่วยแก้ปัญหารีดส่วย

ชัยวุฒิ’ ซุ่มร่วมเวทีเสวนา กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายยัง? ย้ำกฎหมายต้องไม่ล้าหลัง

วันนี้ (8 มีนาคม 2566), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตจังหวัดปทุมธานี - นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมงานเสวนาวิชาการ หัวข้อ กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมาย หรือยัง?โดยผู้จัดงานได้กล่าวว่า ปัจจุบันได้เกิดข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าหลังจากที่มีการประกาศห้าม การนําเข้าและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าออกมาจากทางรัฐบาล โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์การสูบชนิดหนึ่งที่มีสารเคมีต่าง ๆ ผสมอยู่ซึ่งให้โทษต่อผู้ที่สูบไม่น้อยกว่าบุหรี่มวน อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐาน เนื่องจากผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบเห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะกันทั่วไปทั้งในและนอก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ได้แสดงความเห็นว่า อยากให้มีการจัดงานเวทีเสวนาแบบนี้ เพื่อส่งเสียงของประชาชนให้ถึงผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ตนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น นิโคตินต่อร่างกาย แต่หากคิดในมุมอันตรายต่อร่างกายอย่างเดียวหลายเรื่องก็ไปไหนไม่ได้ เพราะภายในกาแฟก็มีคาเฟอีน ซึ่งหากดื่มมาก ๆ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเหมือนกัน แต่เราควรมองในมุมที่ว่าหากต้องการเลิกสูบบุหรี่จริง แล้วต้องการหาบุหรี่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ตนจึงอยากให้สิ่งนี้ถูกกฎหมาย  

โดยนายชัยวุฒิ ได้เน้นย้ำว่า “เราต้องยอมรับว่าการปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปมันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ไม่สามารถที่จะตรวจสอบการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าได้ เกิดการรับส่วยเป็นระบบขบวนการ นอกจากนี้นายชัยวุฒิได้แจ้งต่อว่ายังมีฏหมายอีกหลายอย่างที่ล้าหลังที่ประเทศไทยต้องปรับ เช่น การซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดลิเวอรี่ หรือ การพนันออนไลน์ที่คนไทยมีการเล่นพนันจริง ๆ แต่เราไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะผู้ให้บริการเปิดระบบข้างนอกประเทศไทย แล้วทำไมเราไม่ลองทำของเราเอง ดังนั้นจึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรื่องที่ควรแก้ไขให้มีการปรับปรุงต่อไป 

กก.2 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มจีนหนีหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราในพื้นที่จังหวัดระยอง

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่ ชป.3 กก.2 บก.สส.สตม., ตม.จว.ระยอง, สน.ประเวศ

ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว MR.YAO KEQUAN (นายเหยา เค่อฉวน) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.66 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ”

พฤติกาณ์การจับกุม กล่าวคือ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายเหยาฯได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมามายไม่ได้สติ นายเหยาฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ และศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

กสทช. จัดกิจกรรมปั้นแม่ไก่สร้างเด็กและเยาวชน 'ฅนทันสื่อ'

ชัยภูมิ - เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุมโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ให้กับโรงเรียนมัธยมศึกษาของจังหวัดชัยภูมิ โดยเชิญวิทยาการผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความรู้และป้องภัยอันตรายจากสื่อโซเซียล

นายทรงกลด หิรัญเกิด ผู้อำนวยการโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา กล่าวว่า นักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ได้รับโอกาสจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ”เป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่ง ที่จะได้นำความรู้จากวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถมาให้ความรู้ แก่เยาวชนเพื่อให้มีทักษะในการเข้าถึงสื่อ และสามารถ วิเคราะห์ ประเมินสื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับ เยาวชน และเป็นการปกป้องเยาวชนจากภัยร้ายที่แฝงมากับสื่อและเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การบรรยายให้ความรู้จาก นายชาตรี ทวีนาท ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ และ พ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว รอง ผกก.สืบสวน สภ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น และการกิจกรรมกลุ่มการเข้าฐานความรู้ เกมการศึกษาการเสวนาและอภิปรายจากผู้เข้าร่วม โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 100 คน  

ผศ.นารีนารถ ปานบุญ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา หัวหน้าทีมกิจกรรม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุน จาก กสทช. และ มรภ.สวนสุนันทา เราได้คัดเลือกมหาวิทยาทั่วทุกภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง เพื่อมาอบรมที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแม่ไก่ขยายผลสู่เครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัยฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือสถานศึกษาที่ได้รับการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยแม่ไก่ ทั่วทั้งประเทศสถานศึกษาจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมจัดกิจกรรมรวม 18 โรงเรียน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆก็คือ ต้องการให้นักเรียนได้มีความรู้ความเข้าใจเข้าใจด้านสื่อ ไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อ และที่สำคัญน้องๆที่เข้าร่วมกิจกรรม จะสามารถนำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน สถาบันของตนเอง พร้อมทั้งครอบครัว และชุมชน ขยายผลต่อไปเรื่อยๆ 

ส่วน ผศ.ดร.สุนันท์ สีพาย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้มีโอกาสขับเคลื่อนร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา ในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ในครั้งนี้ เป็นโรงเรียนที่ 2 (แห่งที่โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา) เราได้ปั้นทีมแม่ไก่ โดยมีคณาจารย์และนักศึกษา เข้ารวมเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้แก่น้องๆ โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และที่สำคัญโรงเรียนที่ผ่านกิจกรรมทั้ง 2 โรงเรียน จะต้องไปขยายผลให้กับโรงเรียนอีกโรงเรียนละ 100 คน นำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน ครอบครัว และชุมชนต่อไป

ด้านตัวแทนนักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้แสดงความรู้สึกจากการเข้าร่วมกิจกรรมโดยภาคเช้าได้รับรับรู้ถึงช่องทางสื่อและข้อกฏหมายที่พึงระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิชฉาชีพ ส่วนภาคบ่ายได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสนุกสนาน ได้ข้อคิด ได้ความรู้ พร้อมที่จะนำไปขยายผลสู่เพื่อนๆ ครอบครัว ชุมชนให้พึงระวังและไม่เปิดโอกาสให้กับสื่อและมิชฉาชีพที่จะมาหลอกลวงเราได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เสริมศักยภาพปราบปรามแรงงานบังคับ-ค้ามนุษย์

(8 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์ การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงาน อันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งจัดอบรมในช่วงระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค.66 ณ โรงแรมแคนทารี่ ฮิลส์ เชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความรู้เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ วิธีการปฏิบัติต่อผู้เสียหาย รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบังคับใช้กฎหมายและการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงาน โดยมีผู้ร่วมรับการอบรมเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมจำนวน 100 คน ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 นี้มีการจับอบรมทั้งหมด 5 รุ่น กระจายใน 5 จังหวัดครอบคลุมทุกภาค เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการบูรณาการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จับตาเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 15 มี.ค.นี้

จับตาเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 15 มี.ค.นี้

เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลให้องค์กรกลางของข้าราชการตำรวจมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและเป็นตัวแทนของข้าราชการตำรวจในการช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ดูแลอำนวยความยุติธรรม ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการบริหารงานต่างๆ ของข้าราชการตำรวจทุกนาย

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท. อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) กล่าวว่า จากที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มีการประกาศให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีองค์ประกอบ ประกอบด้วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง มีนายกรัฐมนตรี,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ.และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และอีกส่วนคือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 ท่าน ซึ่งเป็น ก.ตร.ที่มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ประมาณ 13,000 นาย ซึ่งในส่วนนี้เป็นองค์ประกอบที่กำหนดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเองและผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยปรับจากเดิมที่เป็นข้าราชการระดับ ผกก.จำนวน 5 พันกว่านาย เพิ่มเป็น 13,000 นาย

สำหรับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก) เป็นอดีตข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับ ผบช.ขึ้นไป และพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วไม่น้อยกว่า1ปี ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่ 22 พ.ย.-5 ธ.ค.65 มีผู้รับสมัครเข้าทำการเลือกตั้ง จำนวน 23 ราย จะต้องเลือกให้เหลือ 3 ราย เพื่อทำหน้าที่เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก)

ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) ได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการ ก.ตร.โดยตำแหน่งคัดเลือกให้ได้ 6 ราย จากนั้นทั้ง 6ราย จะถูกส่งรายชื่อไปพร้อมกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก) สมัครรับเลือกตั้งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เพื่อให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจาก 6 รายให้เหลือ 3 ราย รวมจะได้ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 2 ประเภท จำนวน 6 ราย

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่าในส่วนของการเลือกตั้งจะดำเนินการโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ทำหน้าที่เป็นกรรมการกลางในการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้มีระเบียบและหลักเกณฑ์วิธีการในการเลือกตั้ง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 มี.ค.66 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30น.

สำหรับข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ดำรงตำแหน่งมีพื้นที่อยู่ในจังหวัดใด จะใช้สิทธิ์จังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิ์พร้อมเขตเลือกตั้งสถานที่ใช้สิทธิ์ไปให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปทราบเรียบร้อยแล้ว

จึงขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิ์ทุกนายไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณทั้งประเภท (ก) และประเภท (ข) ประเภทละ 3 ราย เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ช่วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง ทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลให้องค์กรกลางของข้าราชการตำรวจมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและเป็นตัวแทนของข้าราชการตำรวจในการช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ดูแลอำนวยความยุติธรรม ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการบริหารงานต่างๆ ของข้าราชการตำรวจทุกนาย

ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 2 ประเภท มีสัดส่วนของความเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่รับรู้งานของข้าราชการตำรวจเป็นอย่างดี กับ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิประเภท (ข) จะเป็นผู้ทรงวุฒิสาขาต่างๆ เช่น เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ,อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำงานเกี่ยวกับด้านประชาสังคมหรือสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนนี้จะมาช่วยกันในการพัฒนาองค์กรกลางของข้าราชการตำรวจอำนวยความยุติธรรมให้ตำรวจ ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนหนึ่งจะไปเสริมการทำงานของ ก.ตร.โดยตำแหน่ง อำนวยความยุติธรรมให้กับข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะมีสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม

"องค์กรกลางมีความสำคัญในการกำหนดกฎเกณฑ์การบริหารงานบุคคล เพื่อช่วยในการทำงานและอำนวยความยุติธรรม กรณีที่ท่านอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินการต่างๆ ด้านบริหารงานบุคคล องค์กรส่วนนี้ก็จะได้ช่วยดูแลเกี่ยวกับความจำเป็นพื้นฐานของท่านให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด" พล.ต.ท.อนุชา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top