Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

กก.2 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มจีนหนีหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราในพื้นที่จังหวัดระยอง

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม. , พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่ ชป.3 กก.2 บก.สส.สตม. ,ตม.จว.ระยอง ,สน.ประเวศ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว MR.YAO KEQUAN (นายเย๋า เค่อฉวน) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.66 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ”


พฤติกาณ์การจับกุม กล่าวคือ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายเย๋าฯได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมามายไม่ได้สติ นายเย๋าฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศและศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

 

ขัดตาชาวพุทธ!! ‘พระพยอม’ ติงร้านชาบู ใช้บาตรพระเป็นหม้อจุ่ม ชี้! ไม่เหมาะสม ควรเคารพสัญลักษณ์ศาสนา

จากคลิปไวรัลที่ตกเป็นที่สนใจของผู้คนในแอพพลิเคชั่น TikTok หลังมีร้านชาบูแห่งหนึ่งนำบาตรที่พระสงฆ์ใช้บิณฑบาต มาดัดแปลงเป็นหม้อจุ่มอาหาร จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านไม่หมูก็เนื้อชาบู ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งนายคุณาทิป คินิพันธ์ อายุ 28 ปี, นายคิรินท์ ร.ฤทธิ์บุญ อายุ 28 ปี และนายณัฐพล อ้นอินทร์ อายุ 28 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าของร้านที่ร่วมหุ้นกันเปิดร้านชาบูแห่งนี้

นายคุณาทิป คินิพันธ์ หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน กล่าวว่า ร้านชาบูแห่งนี้ได้เริ่มต้นเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ในคอนเซ็ปต์เป็นร้านชาบูบรรยากาศแบบแคมป์ปิ้ง ซึ่งต่อมายอดขายของทางร้านได้ตกลง เนื่องจากทางวัดลาดปลาดุกได้จัดงานวัดขึ้นหลายวัน ทำให้ลูกค้าเริ่มเข้าร้านบางตา จึงได้ปรึกษากับเพื่อนๆ ว่า สงสัยร้านชาบูเราจะโดนทำของ หรือคุณไสยใส่ จึงชักชวนกันไปทำบุญที่วัด เพื่อหวังจะนำน้ำมนต์จากวัดมาปะพรมที่ร้านเพื่อแก้เคล็ด

“จนไปเห็นน้ำมนต์อยู่ในบาตรพอดี จึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้านำบาตรมาเป็นภาชนะแทนหม้อจุ่มชาบูก็น่าจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบไอเดียนี้ จึงได้ไปหาซื้อบาตรพระมา 2 ชนิดคือ บาตรดำแบบทั่วไป และบาตรแบบสแตนเลส ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกับภาชนะทำอาหารทั่วไปมาทดลองทำคอนเทนต์ดู”

นายคุณาทิป กล่าวว่า ปรากฎว่าระหว่างที่ทดลองทำคอนเทนต์ เพื่อลงคลิปในโซเซียล หม้อแบบสแตนเลสที่นำมาทดลองใช้เป็นภาชนะแทนหม้อจุ่มชาบูถ่ายภาพออกมาแล้วดูไม่สวย เพราะมีลักษณะเหมือนภาชนะหุงต้มทั่วไป จึงได้นำบาตรดำมาทดลองถ่ายทำคอนเทนต์แทน ปรากฎว่า ภาพออกมาสวยตามคอนเซ็ปต์ที่ตนกับเพื่อนๆ ต้องการ จึงได้ถ่ายคลิปกับภาพประกอบ และนำเนื้อหมูมาทดลองจุ่มดูเท่านั้น ไม่ได้มีการเสิร์ฟให้กับลูกค้าในร้านจริง ๆ อย่างที่ผู้คนในโซเซียลสงสัย เพราะตนก็ทราบดีว่าบาตรพระแบบรมดำ หรือเคลือบดำนั้นหากถูกความร้อนจะมีสารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภคปะปนออกมา จึงไม่ได้นำบาตรดำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าเลย แต่หากมีลูกค้าต้องการใช้บาตรเป็นภาชนะสำหรับจุ่มอาหารจริง ๆ ทางร้านตนก็จะใช้บาตรสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่ปลอดภัยเกรดเดียวกับภาชนะหึงต้มทั่วไปมาเสิร์ฟให้ลูกค้าแทน

โละขายยกล็อต!!!! ‘การเคหะฯ’ ชง ‘ครม.’ เคาะขาย ‘บ้านเอื้ออาทร’ ยกล็อต หาเงินล้างหนี้เฉียด 2 หมื่นล้าน หลังแบกมานานกว่า 15 ปี 

โละขายบ้านเอื้ออาทร ยกล็อต หาเงินล้างหนี้ ‘15 ปี’ เกือบ 2 หมื่นล. เคหะขอครม.อนุมัติ

เมื่อวันที่ (6 มี.ค.66) ที่ผ่านมา นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า กคช.มีแผนจะนำโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังคงเหลือ 18,000-19,000 ยูนิต เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ขายยกล็อตให้กับเอกชนและหน่วยงานรัฐที่สนใจในราคายูนิตละ 400,000 แสนบาท รวมเป็นเงินประมาณ 7,600 ล้านบาท เพื่อปิดฉากบ้านเอื้ออาทรหลังกคช.ต้องแบกรับภาระหนี้เงินกู้มากว่า 15 ปี โดยวันที่ 9 มีนาคมจะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กคช.พิจารณาอนุมัติ หากได้รับการเห็นชอบจะเสนอครม.อนุมัติวันที่ 14 มีนาคมนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้เงินกู้โครงการบ้านเอื้ออาทรยังมีอยู่ประมาณ 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคมนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาทและในเดือสิงหาคมอีก 2,000 ล้านบาท

“หากไม่มีเอกชนหรือส่วนราชการสนใจ กคช.จะให้บริษัทเคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทลูกของ กคช.ใช้สิทธิเข้าไปซื้อยกล็อต เพื่อนำมาปรับปรุงใหม่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเช่า 1,500 บาทต่อเดือนและซื้อในราคาถูก ในราคาประมาณ 400,000-450,000 บาทต่อยูนิต หากเสนอโครงการเข้าครม. ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ต้องเสนอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติต่อไป กคช.ต้องหาเงินก้อนมาชำระหนี้ และต้องกู้เงินเพิ่ม”นายทวีพงษ์ กล่าว

ดอกเบี้ยเขย่าโลก 'กอบศักดิ์' เผย คำพูดสั้นๆ เขย่าโลกของประธานเฟด ส่งสัญญาณ 22 มี.ค.อาจขยับดอกเบี้ยถึง 0.5%

(9 มี.ค.66) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ 'คำพูดสั้นๆ ที่เขย่าตลาด !!!' ว่า...

เมื่อ 2 วันที่แล้วท่านประธานเฟด ไปให้ข้อมูลประจำปี ที่คณะกรรมาธิการการเงินของรัฐสภาสหรัฐ
ท่านพูดว่า... As I mentioned, the latest economic data have come in stronger than expected, which suggests that the ultimate level of interest rates is likely to be higher than previously anticipated. If the totality of the data were to indicate that faster tightening is warranted, we would be prepared to increase the pace of rate hikes.

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งชี้ว่าดอกเบี้ยเฟดคงจะต้องขึ้นไปสูงกว่าที่กรรมการเคยคิดกันไว้ และถ้าข้อมูลที่ประมวลทั้งหมดชี้ว่าจะต้องเร่งการขึ้นดอกเบี้ย กรรมการเฟดก็พร้อมที่จะขึ้นในอัตราที่สูงกว่า +0.25% !!!

แค่คอนเทนต์!! ‘เจ้าของร้านชาบู’ แจงหลังทัวร์ลง ปมใช้บาตรเป็นหม้อจุ่ม เผยแค่นำมาถ่ายรูปสร้างกระแส ไม่ได้นำใส่อาหารจริง

(9 มี.ค. 66) จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปใช้บาตรพระทำหม้อชาบู จนกลายเป็นไวรัลที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องความเหมาะสม และสุขอนามัยสำหรับภาชนะที่ใส่อาหาร 

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 8 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้าน ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ ตั้งอยู่บริเวณคลองถนน ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามถึงที่มาของคลิปไวรัลในติ๊กต็อกที่นำบาตรพระมาใช้แทนภาชนะหม้อชาบู โดยผู้สื่อข่าวได้พบนายคิรินท์ ร.ฤทธิ์บุญ อายุ 28 ปี นายคณาทิพย์ คิริพันธุ์ อายุ 28 ปี และนายณัฐพล อ้นอินทร์ อายุ 28 ปี ทั้ง 3 คนเป็นเจ้าของร้านและหุ้นส่วนร้าน ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ ที่เปิดมาเกือบ 3 เดือน 

นายคิรินท์ (ผมหยิก) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นพนักงานประจำทำงานเกี่ยวกับ interior design ออกแบบภายใน ร้านทั้งหมดได้ไอเดียจากทุกคนที่ตั้งใจอยากจะเปิดร้านหมูกระทะด้วยกัน การออกแบบทั้งหมดก็ช่วยกันแต่ตนจะเป็นเมนหลักของเรื่องการออกแบบขึ้นมา ทางร้านเปิดมาได้ประมาณเกือบ 3 เดือน (ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 65) มีเมนูอาหารตามชื่อร้านเลยคือ ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ มีทั้งเมนูเซ็ตหมู เมนูเซ็ตเนื้อ สามารถทานได้ทั้งแบบชาบู หมูกระทะปิ้งย่าง ซิกเนเจอร์ของร้านเลยคือเมนูเซ็ตเนื้อ เพราะเนื้อของทางร้านเป็นเนื้อนำเข้าจาก U.S.A. วากิวสำหรับคอเนื้อโดยเฉพาะ

ส่วนไอเดียเรื่องบาตรพระคือพวกตนไปเที่ยวงานวัดมาแล้วเจอจุดทำบุญ มีบาตรพระ เลยเกิดไอเดียเพื่อนำมาสร้างคอนเทนต์ให้กับร้านเท่านั้น ลูกค้าที่ไม่อยากทานแบบเซ็ตหมูหรือเนื้อ ก็สามารถสั่งเป็นแบบถาด เช่น หมูสามชั้นสไลด์ สันคอหมู สันนอกหมู น้ำจิ้มรสเด็ด มีดนตรีสดทุกวัน อยากให้ทุกคนมาชิมอาหารอร่อยและมาฟังเพลงเพราะๆ กับบรรยากาศสบายๆด้วยกัน 

หากใครสนใจมาลิ้มลองความอร่อย และหม้อชาบูไอเดียเก๋ๆ สามารถเดินทางมาได้ที่ร้าน “ไม่หมูก็เนื้อ” ทางร้านเปิดบริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุด) ตั้งแต่เวลา 17.00-23.30 น. โดยสามารถติดต่อผ่านเพจร้าน “ไม่หมูก็เนื้อ” และติ๊กต็อก “Maimookornuer” การเดินทางมาที่ร้านสามารถดูโลเคชั่นได้ตาม Google Map เลย https://g.co/kgs/WQSsde หรือขับรถมาบริเวณเลียบคลองบางไผ่ เข้าทางวัดลาดปลาดุก เลยโรงเรียนกสินธรเซนต์ปีเตอร์มานิดนึง อยู่ด้านขวามือ หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 091-499-1694 

ดับยกคัน!! เหตุสลด!! ‘รถพ่วง’ ยางแตกพุ่งชน ‘รถยนต์’ ดับ 5 ราย จนท. เร่งค้นหาคนขับรถพ่วงหนีหาย หลังเกิดเหตุ

สลด!ดับยกคัน 5 ศพ รถพ่วงยางแตกเหินข้ามเลนชนกระบะ

(9 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 18.20 น.วันที่ 8 มีนาคม 2566 เกิดเหตุการณ์สลดรถพ่วง 18 ล้อพุ่งชนรถยนต์ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น ท้องที่หมู่ 3 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่เร่งช่วยกันงัดซากรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ ทะเบียนพัทลุง ซึ่งถูกรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกไม้ยางขนาดใหญ่ เสียหลักพุ่งข้ามฝั่งถนนมาชน เป็นเหตุให้มีคนในรถได้รับบาดเจ็บ 5 ราย หนึ่งในผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 9 ปี ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะทั้งหมด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ต้องลำเลียงแยกส่ง ที่ รพ.ป่าบอน รพ.ตะโหมด และ รพ.บางแก้วแต่สุดท้ายทั้ง 5 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

วิชามาร!! ‘ดร.จักษ์’ โอด!! การเมืองเถื่อน หลังโดนทำลายป้ายหาเสียง ลั่น!! “ไม่ชอบแค่ไม่ลงเสียง อย่าถึงขั้นลงมือทำผิดกฎหมาย”

(9 มี.ค.66) ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพป้ายหาเสียงถูกทำลาย พร้อมระบุข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ผลงานของใครไม่อาจทราบได้และก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องทราบ “..ป้ายหาเสียงที่ติดเรียงกันอยู่หลายคน หลายพรรค ทุกป้ายปลอดภัยดี มีแต่ป้ายของอาจารย์จักษ์ถูกทำลาย ในสนามการเมือง ณ วันนี้ ยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิมวิธีการเดิม ๆ รูปแบบเดิม ๆ..”

"..ไม่เป็นไรครับ ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า ผมจะต้องเข้าไปทำการเมืองให้ดีขึ้นให้ได้เข้าไปทำให้การเมืองสะอาด และสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับพฤติกรรมที่ทำให้ผมเกิดความมุ่งมั่นยิ่งขึ้น เพื่อทำให้บ้านเมืองดีกว่าเดิม.."

สถิติชวนอึ้ง!! ‘กรมอนามัย’ ห่วงเด็กไทย ‘อ้วน’ ติด 1 ใน 3 ของอาเซียน ชี้ ควรกินอาหารเพื่อสุขภาพ-ออกกำลังกายควบคู่

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลพบเด็กไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนติด 1 ใน 3 ของอาเซียน ซึ่งเด็กไทยอายุ 0-5 ขวบมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 9.13 เด็กวัยเรียน 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 13.4 และเด็กวัยรุ่น 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนร้อยละ 13.2 ซึ่งสหพันธ์โรคอ้วน (World Obesity Federation) คาดการณ์ภายในปี 2573 ประชากรอายุต่ำกว่า 20 ปี จะมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงขึ้นอีกเกือบร้อยละ 50 พร้อมแนะกินอาหารชูสุขภาพ ถูกหลักโภชนาการ และเสริมการออกกำลังกายป้องกันภาวะอ้วน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันโรคอ้วนโลก (World Obesity Day) กรมอนามัยขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กไทยปลอดภัย จากการตลาดอาหารและเครื่องดื่มหวานมันเค็มเกิน ลดเสี่ยงโรคอ้วน เนื่องจากการเฝ้าระวังภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนในเด็กของกระทรวงสาธารณสุข (Health Data Center) ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า เด็กอายุ 0-5 ขวบ ภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 9.13 เด็กวัยเรียน 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 13.4 และเด็กวัยรุ่น 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 13.2 รวมทั้งจากการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (อาหารและเครื่องดื่มที่มีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง) ในเด็กพบว่าเด็กประมาณ 1 ใน 3 คน ดื่มนมรสหวานทุกวัน กินขนมกรุบกรอบทุกวัน และดื่มน้ำอัดลมทุกวัน เด็กประมาณ 1 ใน 5 คน ดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ทุกวัน การสำรวจพฤติกรรมการเลือกซื้อของเด็กไทย ปี 2563 พบว่า เด็กส่วนใหญ่ยังซื้ออาหารตามความชอบ ร้อยละ 27.7 และมีเพียงร้อยละ 8.1 เท่านั้น ที่คำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร

นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อไปว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายจากอาหารที่มีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารทอดมัน อาหารจานด่วน ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่ และขนมหวานต่างๆ รวมทั้ง เด็กยังมีภาวะในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารน้อย ประกอบกับกลยุทธ์การตลาด ลด แลก แจก แถม ชิงโชค ชิงรางวัล ทำให้การกินอาหารและเครื่องดื่มหวาน มัน เค็มกลายเป็นเรื่องปกติ อาจส่งผลไปยังสุขภาพในอนาคตของเด็กไทย ทั้งนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และโรงเรียน คือ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดจึงควรสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเด็กในการเลือกซื้ออาหาร และส่งเสริมโภชนาการที่ดี จากการเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ ถูกหลักโภชนาการ ลดการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารมีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง และเสริมอาหารที่ถูกหลักโภชนาการให้ครบ 5 หมู่กินอาหารกลุ่มข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสม เลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เพื่อเป็นการปลูกฝังนิสัยการบริโภคที่ดีให้กับเด็ก ขนมหวาน ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ปลาหรือผลิตภัณฑ์จากปลาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เนื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ไข่ 2-3 ฟองต่อคน ต่อสัปดาห์ ตับ เลือด ปลาเล็กปลาน้อย อย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ถั่วเมล็ดแห้ง เผือกมันอย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และเน้นผักและผลไม้ นอกจากนี้ ปริมาณอาหารที่เด็กได้รับในแต่ละมื้อควรเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับอายุ ให้ได้รับสารอาหารที่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไป”

คืบหน้าในยุคนี้!! อัปเดต!! โครงการรถไฟทางคู่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ เส้นทางขนส่งสินค้า ‘ไทยสู่จีน’ ที่รอเวลาก่อสร้างร่วม 60 ปี

เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ โดยระบุว่า…

ติดตามความคืบหน้า โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ผ่านเว็บไซต์ www.srt-denchai-chiangrai-chiangkhong.com เพื่อนๆ คงได้เห็นความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการ รถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จากในหลาย ๆ ช่องทาง

วันนี้ผมเลยเอาช่องทางเป็นทางการของโครงการ โดยรวบรวมข้อมูลและความคืบหน้า
ผ่านเว็บไซต์ : www.srt-denchai-chiangrai-chiangkhong.com
Facebook Fanpage : รถไฟทางคู่ เด่นชัย เชียงราย เชียงของ

ซึ่งล่าสุด ทางโครงการได้ Update ความคืบหน้าของโครงการแล้วกว่า 0.74% พร้อมกับการเปิดเผยภาพการออกแบบสถานีแป้ (แพร่) ซึ่งปรับให้เข้ากับศิลปะท้องถิ่น เป็นตัวแทนในการส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น

ใครที่ยังไม่รู้จัก โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สามารถดูได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1588626191575854&id=491766874595130

ความเป็นมาของโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ที่มีอายุโครงการมากกว่า 60 ปี!!! 
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/920004821771331/?mibextid=cr9u03

การรถไฟได้ทำการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายปี 64 ที่ผ่านมา ตามลิ้งค์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1340636983041444/?d=n

ควบคู่กับการเวนคืน ซึ่งได้ประกาศไปเมื่อกลางปี 64 ที่ผ่านมาตามลิ้งค์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1200325763739234/?d=n

โครงการเด่นชัย-เชียงราย เป็นโครงการเก่าแก่มาก มีการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2503 ซึ่ง มีการออก พระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินแล้วตั้งแต่ในปี 2510 แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง

หลังจากนั้นก็มีการรื้อโครงการออกมาศึกษา อยู่อีกหลายๆรอบ คือ 2512, 2528, 2537, 2541, 2547 และเล่มศึกษาปัจจุบันที่จะใช้ในการก่อสร้าง ศึกษาในปี 2554 และ มติครม. อนุมัติโครงการในปี 2561 เป็นโครงการก่อสร้างทรหดเหลือเกินกว่าจะได้สร้างจริงๆ ร่วม 60 ปี

ใครอยากอ่านพระราชกฤษฎีกา เวนคืนที่ดิน ปี 2510 ดูได้จากลิ้งค์นี้ครับ
https://ratchakitcha.soc.go.th/

เส้นทางโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 
จุดประสงค์หลักของโครงการนี้ คือการขนส่งสินค้า จากไทยไปจีน ผ่านช่องทางหลัก 2 ช่องทาง คือ 
- ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน 
- สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ) 
รายละเอียดเส้นทาง
- ระยะทางรวม 308 กิโลเมตร
- เป็นทางรถไฟขนาด 1 เมตร
- ใช้รางมาตรฐาน UIC 60 E1
- รองรับน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน รองรับรถไฟใหญ่สุดของการรถไฟ (รถจักร CSR)
- รองรับความเร็วสูงสุด 160 กม/ชม
- ใช้อาณัติสัญญาณ ETCS Level 1 ตามมาตรฐานทางคู่ใหม่

พลิกชีวิตผู้พิการ ‘จีน’ ลุยพัฒนา นวัตกรรมสุดล้ำ ‘ชุดไอรอนแมน’  เทคโนโลยีช่วยผู้พิการอัมพาต ให้เดินได้อีกครั้ง

เฉิงตู, 8 มี.ค. (ซินหัว) — หลินหาน ชายหนุ่มผู้ป่วยพิการอัมพาตท่อนขา สามารถลุกขึ้นยืนเดินเหินและทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เดินขึ้นลงบันไดได้เหมือนคนปกติ หลังสวมใส่หุ่นยนต์โครงกระดูกภายนอก (Exoskeleton) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศจีน ในนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทำให้เขากลายเป็น ‘ไอรอนแมน’ ในชีวิตจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top