Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพโทรศัพท์หาเหยื่ออ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีเตือนภัยมิจฉาชีพโทรศัพท์หาเหยื่ออ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน ดังนี้

การหลอกลวงในรูปแบบที่ประชาชนมักเรียกว่า 'แอปพลิเคชันดูดเงิน' นั้น ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลของ บช.สอท. ประกอบกับรายงานสมาคมธนาคารไทย (TB-CERT) พบว่ารูปแบบส่วนใหญ่จะปรากฎอยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ ในรูปแบบแรก คือ การหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมประเภทรีโมต เช่น TeamViewer, AnyDesk เป็นต้น เพื่อทำการควบคุมโทรศัพท์โอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อในทันที ในรูปแบบถัดมาซึ่งเป็นรูปแบบที่มิจฉาชีพใช้ก่อเหตุมากที่สุด คือ การหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม หรือแอปพลิเคชันอันตราย (.apk) แล้วทำให้เสมือนว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเหยื่อค้าง หรืออยู่ระหว่างการติดตั้ง จากนั้นมิจฉาชีพก็จะเข้ามาควบคุมโทรศัพท์โอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อในทันที เช่น แอปพลิเคชันปลอมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กรมสรรพากร, สายการบิน Thai Lion Air, บริษัท ไทยประกันชีวิต และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น และในรูปแบบสุดท้าย คือ การหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม หรืออันตราย (apk.) เพื่อเข้ามาควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อ โดยจะแตกต่างจากรูปแบบก่อนหน้านี้ คือ มิจฉาชีพจะยังไม่โอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อในทันที แต่จะเฝ้ารอดักเก็บข้อมูล รหัสการทำธุรกรรมการเงิน รอจนเหยื่อเผลอแล้วจึงโอนเงิน เช่น กรณีที่ผู้เสียหายเชื่อว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีเพราะสายชาร์จโทรศัพท์ แต่จากการตรวจสอบภายหลังพบว่าเกิดจากการติดตั้งแอปพลิเคชันหาคู่ปลอม เช่น Sweet meet, Bumble, Snapchat, Kakao Talk เป็นต้น

แต่ในปัจจุบันยังคงพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง โดยปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกอุบายให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันของหน่วยงาน เพื่อเป็นการอัปเดตข้อมูลนิติบุคคล และงบการเงินของบริษัทผู้เสียหาย จากนั้นมิจฉาชีพได้ให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์แล้วส่งลิงก์ให้ติดตั้ง ผู้เสียหายหลงเชื่อติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมดังกล่าว ตั้งค่าโทรศัพท์ตามที่มิจฉาชีพแจ้ง กระทั่งทำให้เงินถูกโอนออกจากบัญชีหลายครั้ง สูญเสียเงินหลายล้านบาท โดยขณะนี้ทางคดีพนักงานสอบสวน บช.สอท. อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินดดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หรือโครงการของรัฐ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชาผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในแผนประทุษของมิจฉาชีพที่นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชน แต่ก็ยังเป็นแผนประทุษกรรมเดิมๆ โดยมิจฉาชีพจะติดต่อไปหาเหยื่อตามช่องทางต่างๆ เช่น การโทรศัพท์หาเหยื่อโดยตรง, การส่งข้อความสั้น (SMS) หรือผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้ชื่อหน่วยงานต่างๆ จากนั้นจะหลอกให้เพิ่มเพื่อนโดยใช้บัญชีไลน์หน่วยงานปลอม พูดคุยสร้างความน่าเชื่อถือแล้วส่งลิงก์ให้เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม ให้กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ให้ตั้งรหัสผ่าน PIN 6 หลัก จำนวนหลายครั้ง รวมไปถึงการขออนุญาตติดตั้งแอปพลิเคชันที่อันตราย และไม่รู้จัก การขอสิทธิ์ในการเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ กระทั่งมิจฉาชีพเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของเหยื่อ แล้วนำรหัส PIN 6 หลัก ที่เหยื่อกรอกไว้ในตอนแรกมาใช้ยืนยันการทำธุรกรรมการเงินโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อ นอกจากนี้มิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนชื่อหน่วยงานที่แอบอ้าง หรือเปลี่ยนเนื้อเรื่องที่หลอกลวงไปตามสถานการณ์ หรือวันเวลาในช่วงนั้นๆ 

อย่างไรก็ตาม บช.สอท. ยังคงมุ่งมั่นปราบปราม กดดัน จับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และขอฝากไปยังภาคประชาชนช่วยแจ้งเตือนบุคคลใกล้ชิด หรือรายงานไปยังหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว 

หลวงพ่อรวยวัดมาบตาพุดจัดพิธีพุทธาภิเษกท้าวเวสสุวรรณ รุ่น รวยชนะมาร

'ท้าวเวสสุวรรณ' ถือว่าเป็นเทพที่กำลังมาแรงที่สุดในยุคนี้ เพราะเป็นเทพแห่งความร่ำรวย ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไปจากชีวิต และช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด ช่วยให้บังเกิดโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง แก้ปีชง เสริมปีชง ป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ช่วยส่งผลให้เจริญก้าวหน้า และร่ำรวย มีความสุข

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ 2566 ที่วัดมาบตาพุด อ.เมืองจังหวัด ระยอง จัดพิธีพุทธาภิเษกท้าวเวสสุวรรณ รุ่น รวยชนะมาร หลวงพ่อรวย (หลวงพ่อรวย อฺตสาโร เจ้าอาวาสวัดมาบตาพุด)เป็นประธานพิธี

โดยมีนายกลย์ทรรศน์ ทองหน้าศาล หรือปั่นกระแสพระเครื่อง เป็นประธาน ในการจัดสร้าง โดยพิธีครั้งนี้ได้มีพระสงฆ์ ร่วม อธิฐานจิต 123 รูป และมีการ สวดภาณยักษ์ เพื่อเป็นความ ศิริมงคลแก่ผู้ที่ร่วมงานให้กิจการการค้ารุ่งเรือง และก้าวหน้า พร้อมชมการแสดง มังกร ขึ้นเสากายกรรมของคณะ สิงโต

จับตา สนามเลือกตั้ง 'เมืองหมูย่าง' ที่อาจจะ 'ไม่หมู' สำหรับการ 'ยกจังหวัด' ของ 'ประชาธิปัตย์'

จังหวัดตรัง หรือ 'ทับเที่ยง' เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวที่มี ทะเลสวยงาม เกาะแก่ง ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และดำน้ำดูปะการัง ที่โด่งดังในการจัดงาน 'วิวาห์ใต้สมุทร' ใน 'วันวาเลนไทน์' และมีอาหารขึ้นชื่อคือ 'หมูย่าง' และต้นตำรับ 'เค้กลำภูรา' ที่เชิดชูหน้าตาของเมืองทับเที่ยง แห่งนี้ 

ในส่วนของเรื่อง 'การเมือง' จังหวัดตรังคือมาตุภูมิ ของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต นายกรัฐมนตรี และ อดีต หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทุกคนยอมรับในความ 'ซื่อสัตย์ สุจริต' เป็น นักการเมือง 'มือสะอาด' คนหนึ่งของประเทศไทย 

ในการเลือกตั้งเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ มา สนามเลือกตั้งของ จ.ตรัง “พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเสียที่นั่งให้กับพรรคการเมืองอื่นเพราะ” ชื่อชั้น ของนายหัวชวน เป็นเครื่องหมายการค้า ที่ประชาชนยอมรับ ดังนั้นไม่ว่าจะส่งใครลงสนาม 'ประชาชน' ยินดีที่จะกาบัตร ให้เป็นผู้แทน โดยไม่มีข้อกังขา แต่ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนายหัวชวน ถูกนักเลงดี จากพรรคพลังประชารัฐ นายนิพนธ์ ศิริพันธ์ ที่เป็นอดีต รอง ผวจ.ตรัง ปาดหน้าหมอสุกิจ นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ สส.หลายสมัย จากประชาธิปัตย์เข้าป้ายชนิดลอยลำเป็น ครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่สร้างความปราชัย ให้กับประชาธิปัตย์ ในสนามเมืองหมูย่าง แห่งนี้ 

เลือกตั้งในปี 2566 สนามเมืองหมูย่าง มีการเพิ่มเขตเลือกตั้งจาก 3 เขต เป็น 4 เขต โดยเขต 1 'ประชาธิปัตย์' ถอด นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ออก และส่ง  นพ.ตุลย์กานต์ มักคุ้น “คนใกล้ชิดคนในครอบครัว” หลีกภัย ลงแทน ซึ่งในเขตนี้ 'พลังประชารัฐ' ส่ง 'กิตติพงษ์ ผลประยูร' อดีตที่ดินจังหวัดตรังลงแทน 'นิพันธ์ ศิริธร' ที่ไม่ไปต่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขต 2 ประชาธิปัตย์ ส่ง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เสี่ยตาล ลง ป้องกันตำแหน่ง กับ ทวี สุระบาลจากพลังประชารัฐ เขต 3 ประชาธิปัตย์ ส่ง สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลงป้องกันตำแหน่งกับ พ.ต.ท. ณัฐพงศ์ เรืองนัฐพงษ์ เขต 4 ประชาธิปัตย์ โดย โกหนอ สมชาย โล่สถาพรพิพิธ หักด่านคนในตระกูล หลีกภัย ไม่ส่งสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการนายชวน หลีกภัย อดีต สส.เขตนี้ และส่งกาญจน์ ตั้งปอง ซึ่งเป็น นักการเมืองท้องถิ่นสายเลือดใหม่ ลงในเขตนี้แทน โดยอ้างว่า สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล มีคะแนนในการทำโพล ไม่ผ่าน และเป็นเหตุให้ สมบูรณ์ ลาออกจากประชาธิปัตย์ และ ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ส่ง 'ลุงตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็น 'นายกรัฐมนตรี' สมัยที่ 3 ส่วน 'พลังประชารัฐ' ส่ง พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ อดีต ผู้การจังหวัดตรังลงแข่ง 

ในขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ซึ่ง 'ขุนพลภาคใต้' พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมต. กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศชัดว่า จะของแบ่ง ส.ส.ในภาคใต้ 16 ที่นั่งนั้น ได้เปิดตัว ผู้สมัครใน จ.ตรัง ที่แน่ชัดแล้ว 2 เขต ได้แก่ นพ.รักษ์ บุญเจริญ ในเขต 1 เพื่อต่อสู้กับ นพ ตุลกานต์ มักคุ้น ที่มี ดีกรี ของหมอเหมืนกัน และส่ง ดิษธัชนิน ภาคอิฐคน์ ลงในเขตเลือกตั้งที่ 4 เพื่อสู้กับ กาญจน์ ตั้งปอง จากประชาธิปัตย์ และ สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล จากรวมไทยสร้างชาติ 

ที่ต้องจับตามองคือ ดิษธัชนิน  ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น หลานชายแท้ๆของ โกหนอ สมชาย โล่สถาพรพิพิธ ซึ่งถูกมองว่า ครั้งนี้คือ ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งตัวจริงของประชาธิปัตย์ จังหวัดตรัง หาใช่กิจ หลีกภัย ที่เคยเป็นแม่ทัพ ในการ ดูแลการเลือกตั้ง ใน จ.ตรัง เหมือนที่ผ่านๆมา ซึ่งคนในเขตเลือกตั้งที่ 4 กำลังจับตามองว่าในที่สุดแล้ว ระหว่างหน่อจากไผ่กอเดียวกันอย่าง 'ดิษธัชนิน' กับ 'กาญจน์ ตั้งปอง' ที่เป็น ไผ่นอกกอ ผู้มาก บารมีอย่าง 'โกหนอ' จะสนับสนุนผู้สมัครฝ่ายไหร่ให้ได้เป็น ส.ส. 

และที่สำคัญ ในเขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่ง 'สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล' คนสนิทของ 'นายหัวชวน' และเป็น อดีต ส.ส.เขตนี้ และไม่เคยแพ้ในการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่า ยังได้รับแรงหนุนจากคนในตระกูลหลีกภัย โดยเฉพาะ 'กิจ หลีกภัย' ที่เป็น พี่ใหญ่ ของตระกูล ดังนั้น ในเขตเลือกตั้งทั้ง 4 เขต เป็นอีกเขตหนึ่ง จะต้องจับตา เพราะอาจจะพลิกผันและทำให้ประชาธิปัตย์ ไม่สามารถยกจังหวัดอย่างที่ มีการ ประกาศ ไว้ก่อนหน้านี้

'บิ๊กตู่' ชูนโยบาย ‘บัตรลุงตู่’ ดูแล ปชช.เท่าเทียม-ทั่วถึง ยัน ทุกนโยบายมีที่มางบฯ ชัดเจน มั่นใจ ‘รทสช.’ ชนะเลือกตั้ง

(27 ก.พ. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ขอคะแนนชาวจังหวัดนครราชสีมาให้ลงคะแนนเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 16 เขต โดยย้ำถึงนโยบายการสร้างความเท่าเทียม และความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำถึงการเข้ามาดูแลประชาชนในทุกด้านโดยเฉพาะด้านปากท้อง

ซึ่งเรื่องดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติตามแคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ โดยเฉพาะนโยบาย ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘บัตรลุงตู่’ เป็นการเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย เป็นเงินจำนวน 1,000 บาทต่อเดือน และการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกคน เป็น 1,000 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ให้แบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ นอกจากนี้ ยังขยายการดูแลให้ครอบคลุมถึงกลุ่มอาชีพอิสระ ให้ได้รับสวัสดิการสามารถเข้าระบบประกันสังคมถ้วนหน้า

‘กู้ภัย-ตร.น้ำ’ ใช้โดรนใต้น้ำ ค้นหาร่าง ‘น้องต่อ’ ชี้!! ไม่ง่าย!! เหตุ ‘คลองมีกิ่งไม้-ตัวเงินตัวทองเพียบ’

(27 ก.พ. 66) ที่คลองท่อ ภายในหมู่บ้าน ในพื้นที่ ตำบลหินมูล อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม นายสมภพ สอนดอนไพร นครปฐม 54 ทีมกู้ภัยของมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ ได้ปรับแผนค้นหาร่วมกับทางตำรวจน้ำ เพื่อค้นหาร่างของ น้องต่อ วัย 8 เดือน หลังจากที่ น.ส.นิ่ม ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนโยนลูกลงน้ำ หลังจากที่ลูกเสียชีวิตแล้ว

นายสมภพ กล่าวว่า แผนการทำงานวันนี้คือ ใช้เชือกวางตามไลน์ซ้ายขวาหน้าหลัง มีนักประดาน้ำ 4 คน และถังอากาศ ดำลงไปใต้ผิวน้ำเพื่อคลำหา แล้วขึ้นมาทีละเซต เพื่อประเมินสภาพร่างกาย โดยให้ตำรวจน้ำปิดทั้งหัวท้ายส่วนกู้ภัยจะอยู่ตรงกลาง ระยะทางในการค้นหาประมาณ 3-4 เมตร ส่วนพิกัดในการดำน้ำนั้น เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่า น.ส.นิ่ม โยนลูกทิ้งจุดใด แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนใต้น้ำของกำนันแม้น มาร่วมค้นหา ตอนนี้กิ่งไม้ใต้น้ำถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการค้นหา

ออกหมายจับ ‘บิ๊ก’ น้องชาย ‘เบนซ์ เดม่อน’ พร้อมพวกรวม 7 คน เอี่ยว ‘มาเก๊า 888’

(27 ก.พ. 66) พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำหลักฐานขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับนายกิตติพงษ์ ขจรบุญถาวร หรือ ‘บิ๊ก’ น้องชายคนที่ 3 ของ ‘เบนซ์ เดม่อน’ ในพี่น้องตระกูล 4 บ. ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน”

นอกจากนายกิตติพงษ์แล้ว ศาลยังอนุมัติหมายจับอีก 6 คน ได้แก่ นายวัลลภ อายุ 61 ปี, น.ส.ภูลดา อายุ 32 ปี, นายณัฐกร อายุ 31 ปี, น.ส.ศิริลักษณ์ อายุ 25 ปี, นายสมสิทธิ์ อายุ 30 ปี และ น.ส.ธนัฎฐา อายุ 39 ปี ในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากชุดสืบสวน พบหลักฐานว่า ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ ‘มาเก๊า 888’ โดยนายณัฐกร ทำหน้าที่ดูแลเต็นท์รถหรู อู่รถหรูให้ ‘เบนซ์ เดม่อน’ ส่วน น.ส.ภูลดา ซึ่งเป็นแฟนของนายบิ๊ก พบว่าเคยผ่านเวทีประกวดเป็นดัชชี่เกิร์ลด้วย

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 2/2566

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 27 ก.พ. 66 เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2566  ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.), ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการ ก.ตร.วินัย, กรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ และกรรมการ ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคล เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีวาระการประชุมฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการด้านต่างๆ และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ก.พ.66 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 13 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 26 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 22 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 4 นาย

‘พปชร.’ ไม่ติดใจ ‘บิ๊กตู่’ ตีกินนโยบาย ชี้!! ย้อนดู 8 ปีก็รู้...ว่าผลงานใคร

(27 ก.พ. 66) นายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายต่าง ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 ซึ่งพบว่า มีหลายนโยบายทับซ้อนกับของพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ซีเรียสในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐยินดีให้การสนับสนุน ไม่ต้องการเอาชนะคะคานกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ต่างก็รับทราบดีว่า นโยบายต่าง ๆ มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนคิดริเริ่มและผลักดันจนเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม. ซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้า ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหิ้วเอานโยบายเหล่านั้น ติดตัวไปอยู่พรรคอื่นด้วย

นายอุตตม กล่าวต่อว่า อย่างนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็แค่ย้อนกลับไปดูว่า โครงการนี้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งขณะนั้น คนที่เข้ามาคุมนโยบายเศรษฐกิจให้รัฐบาล คสช. คือ ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กลางปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ท่านสมคิด กำกับดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ขณะที่ผม และท่านสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็เข้าร่วม ครม.ไปเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของนายสมคิด ซึ่งได้มีนโยบายต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายอุตตม กล่าวอีกว่า เมื่อผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผ่านการเลือกตั้งปี 2562 แล้ว ส.ส.ทุกคนของพรรคพร้อมใจกันเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ท่านสมคิด และพวกผมก็ยังร่วม ครม.คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เดินหน้าผลักดันนโยบายที่ริเริ่มเอาไว้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพวกผมลาออกจาก ครม.ในปี 2563 

“ย้อนดูไทม์ไลน์ช่วง 8 ปี ก็จะรู้ว่า ใครเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันนโยบายเหล่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ถ้าพรรคไหนเห็นว่านโยบายของเราดี จะนำไปสานต่อ พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประวิตร ก็ยินดี ไม่ขัดข้องอะไร” นายอุตตม กล่าว

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แกนนำพรรค ให้ความเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการริเริ่มของท่านสมคิด อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวกตน ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล คสช.ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จึงถือได้ว่าเป็นผลผลิตของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึง EEC

'คูหาไม่ปิดลับ' จุดจบการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 และ '16 ล้านเสียง' เหลือเพียงแค่วาทกรรม

ย้อนกลับไปในช่วงที่ 'ทักษิณ ชินวัตร' และพรรคไทยรักไทย กลับมาครองอำนาจบริหารประเทศ ในสมัยที่ 2 หลังการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ ปี 2548  รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าสมัยแรก ด้วยการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ที่กุมจำนวน ส.ส. ในสภาถึง 376 เสียง 

แต่ความแข็งแกร่งของรัฐบาลกลับถูกสั่นคลอน เมื่อมีการก่อตัวของมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ออกมาประท้วง และเริ่มขยายตัวจนเกิดเป็น 'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' ยิ่งเกิดกรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์โดยไม่เสียภาษี ความขัดแย้งก็ยิ่งบานปลาย กระทั่ง 'ทักษิณ ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 2 เมษายน 2549 แต่อีก 3 พรรคการเมือง คือประชาธิปัตย์  ชาติไทย และมหาชน ประกาศ 'บอยคอต' ไม่ลงเลือกตั้ง 

แต่การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ยังคงเดินหน้า โดยมีเฉพาะพรรคไทยรักไทยและพรรคเล็ก ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และในเขตที่พรรคไทยรักไทยไร้คู่แข่ง จะต้องได้คะแนนเสียง มากกว่า 20% ของผู้มาใช้สิทธิ จึงจะได้รับเลือกตั้ง

‘บิ๊กป้อม’ หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง สร้างความมั่นคงระดับชุมชน มีน้ำสะอาดใช้-ดื่มฟรี

(27 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ศธ., รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล 

ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯ สทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี 65 ความลึกเจาะ 90 ม. ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8 ล้านบาท 500 ครัวเรือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top