Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

‘เสี่ยหนู’ ลั่น!! ไม่สนใจ ‘ชูวิทย์’ ตามบี้ ‘ภูมิใจไทย’ ชี้ มีคนหนุนหลัง เผย ไม่หวั่น หากร่วมงานในอนาคต

(27 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จองกฐินพรรคภูมิใจไทย โดยจะติดตามการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ยังไม่ทราบ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดหรือทำอะไร เราต้องรับฟัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่า ทำไมนายชูวิทย์ ถึงพุ่งเป้ามาที่พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ได้ประเมิน เราก็ทํางานของเรา ทุกคนมีสิทธิที่จะทําอะไรตามที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายเปิดทางให้

เมื่อถามว่า มองว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรค ภท. เพราะเรามีนโยบายที่ชัดเจน และผลงานชัดเจน ไม่เคยไปลอกเลียนผลงานของคนอื่นมา เรามีผลงานเป็นของตัวเอง ทำอะไรเรารู้ ประชาชนก็รู้

เมื่อถามว่า พอรู้หรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองที่อยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์คือ กลุ่มใด นายอนุทิน กล่าวว่า ทราบหมดแหละ แต่ทําไมจะต้องมาพูดกัน เราก็ทำงานของเราไป และเรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพียงแต่เราไม่ทำแบบนี้

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ ว่าทำไมถึงมารับเรื่องจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องคุย คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ พอเลือกตั้งเสร็จใครมี ส.ส.เท่าไหร่ ถึงจะเป็นตัวชี้ว่าใครจะต้องคุยยังไงกับใคร มีเงื่อนไขอะไร ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ แต่ละคนก็ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พรรค ภท.คิดอยู่แค่นี้ ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่

เมื่อถามว่า บรรยากาศเป็นแบบนี้จะมองหน้ากันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หรือ นายอนุทินกล่าวว่า ก็มองกันอีกแค่ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ ไม่เป็นไร ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ครม.ต้องแยกออกจากัน และไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะเราทํางาน การมาประชุม ครม.คือการทำงาน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าไม่ทำงาน คนก็หาว่าละเลยละเว้น

เมื่อถามว่า จะไม่ส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลในอนาคตใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละพรรค พูดถึงก็ดีเหมือนกัน ก่อนเลือกตั้งคนจะได้ไปทำงานอย่างเต็มที่ ปลดแอกปลดพันธนาการทั้งหลาย ทําให้เราอยากเป็นตัวของเราเองอย่างเต็มที่ จะได้คิดอะไรของเราเอง โดยไม่ต้องมีความเกรงอกเกรงใจหรือวิตกกังวลอะไร เพราะบางที เราต้องนึกถึงตัวเราเอง มัวแต่ไปคิดถึงคนอื่นมาก ๆ ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับตัวเรา

'หนูนา' เดือด!! รทสช. ตีท้ายครัว ไล่ดูด ส.ส.พรรค ประกาศกร้าว!! 'ชาติไทยพัฒนา' ขอสู้ยิบตา!!

เมื่อวันที่ (26 ก.พ.66) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค ได้กล่าวถึงพฤติกรรมไร้มารยาททางการเมืองของพรรคใหม่บางพรรค ที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในช่วงหนึ่งบนเวทีปราศรัย ครั้งที่ 9 ใน จ.สุพรรณบุรี โดยมีแกนนำ กรรมการบริหารพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค มาร่วมจำนวนมาก

ไขข้อข้องใจ ‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’ มุมมองอีกด้านที่คนไทยทุกคนต้องรู้

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ตำแหน่ง อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ….

ที่ผ่านมา สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกโจมตี ใส่ร้าย บิดเบือนเป็นอย่างมาก และทำเป็นกระบวนการ ไม่มีอะไรที่จะสยบความบิดเบือน การใส่ร้ายป้ายสีได้ดีเท่าการเอาความจริงเข้ามานำเสนอ เพื่อจะได้ทุบกะลาให้แตกออกมา และเมื่อความจริงปรากฏ ก็จะทำให้คนตาสว่างและเข้าใจในข้อเท็จจริงได้

สถาบันพระมหากษัตริย์ : ความจริงที่ถูกบิดเบือน
ผศ.ดร.อานนท์ ได้กล่าวว่า ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมชอบใส่ร้ายเรื่องเงินทอง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องของความบาดใจ เพราะบางคนที่ไม่มีก็จะอิจฉาคนที่มีมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่า เรื่องที่โดนบิดเบือนเยอะที่สุดก็คือ เรื่อง ‘ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์’ กับ ‘ภาษีกู’ ที่เป็นประเด็นหลัก

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ต้นกำเนิดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาจาก ‘เงินถุงแดง’ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงค้าขาย และเอาเงินเก็บไว้ที่ข้างพระแท่นบรรทม จึงเรียกว่า ‘พระคลังข้างที่’ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านได้มีการลงทุนปล่อยกู้ คนก็เอาที่ดินมาจำนอง ที่ดินงาม ๆ ในกรุงเทพฯ เยอะแยะมากมาย ถูกจำนองและถูกยึด เพราะว่าไม่ใช้หนี้ และได้มีการลงทุนในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ทรงลงทุนในปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งหุ้นปูนซิเมนต์ไทย พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ท่านทรงถือหุ้นอยู่ประมาณ 25% และหุ้นปูนซีเมนต์ไทย เป็นหุ้นที่มีมูลค่าเกินกว่า 100 เท่า นับตั้งแต่วันที่เข้าตลาด เพราะฉะนั้น ลองคิดดูว่า มันงอกเงยขึ้นมากี่เท่า ที่ดินแปลงงาม ๆ ในกรุงเทพฯ บวกกับหุ้นปูนซีเมนต์ไทย หรือหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยก็ตาม จึงทำให้ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์งอกเงยจากการลงทุนขึ้นมามากมาย

ทรัพย์สินส่วนพระองค์ 
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ เป็นของราชวงศ์จักรี หมายความว่าจะสืบทอดต่อไปกับพระเจ้าแผ่นดินในอนาคต คนละส่วนกับทรัพย์สินของแผ่นดิน เพราะทรัพย์สินของแผ่นดิน อยู่ที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ หรือกระทรวงการคลัง แยกขาดจากกัน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน จากจตุสดมภ์ 4 เวียง วัง คลัง นา และเปลี่ยนเป็น 12 กระทรวง

กษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก
เมื่อถามว่า พระเจ้าแผ่นดินจะร่ำรวยไม่ได้หรือ ในเมื่อบรรพบุรุษค้าขายมาเก่ง เก็บเงินเก่ง ลงทุนเก่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าการที่พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชทรัพย์ จริง ๆ ก็เป็นของที่เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง คือ สามารถพระราชทานช่วยเหลือประชาชนได้ในยามที่ประชาชนเดือดร้อนลำบาก ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทรงซื้อเครื่องช่วยหายใจไปเป็นหลายร้อยเครื่อง ถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจที่ซื้อพระราชทานให้ โควิดจะมีคนตายมากกว่านี้

พระตำหนักที่เยอรมัน
นั่นก็เป็นเงินส่วนพระองค์ ที่ทรงซื้อไว้ตั้งแต่ยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ซื้อไว้ตอนที่ถูกมาก ในเมืองทุทซิง ซึ่งอยู่ในทำเลดีมาก และติดกับทะเลสาบ และส่งเสียภาษีที่ดินอย่างถูกต้องมาโดยตลอด แต่ระบบเยอรมันนั่น เป็นระบบที่แปลก คือ ปีภาษีจะครบทุก 4 ปี คราวนี้พอ 3 ปี ยังไม่ได้จ่าย ก็เลยมีคนบอกว่า ท่านไม่จ่ายภาษี จริง ๆ คือมันยังไม่ครบกำหนดที่จะต้องจ่าย นี่คือพวกหาเรื่อง ก็พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชทรัพย์ตกทอด เนื่องจากราชสกุลมหิดล มีทรัพย์สินส่วนพระองค์ค่อนข้างเยอะ เพราะสมเด็จพระศรีสวรินธราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นพระมเหสีที่ประหยัด ขยัน อดออม และฉลาดในการค้าขาย ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้ทอผ้าขายในพระราชวังสวนดุสิต และโปรดทรงทำนา และโปรดทำโรงสีข้าว ยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านสัมมากรทั้งหมู่บ้าน เป็นที่ดินของสมเด็จพระพันวัสสาฯ เป็นที่นาเก่าของสมเด็จพระพันวัสสาฯ และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ทรงเห็นว่า อยากให้ประชาชน คนที่มีสัมมาชีพ ได้มีสัมมาการอยู่อาศัย จึงได้พระราชทานมาจัดสรรเป็น ‘หมู่บ้านสัมมากร’ เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ทั้งนั้น 

เปลี่ยนแปลงเพื่อประชาชน 
พระองค์ท่านทรงเปลี่ยนหลายอย่าง อย่างที่ 1 คือ พระราชทานทรัพย์สินที่ดินจำนวนมากให้กับหน่วยราชการ เช่นตรงซอยมหาดเล็กหลวง 1-3 ตรงราชดำริ มูลค่านับแสนล้าน ทรงพระราชทานให้วชิราวุธวิทยาลัย ค่ายนเรศวรของตำรวจตระเวนชายแดน ก็คือ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน กระทั่งสำนักข่าวกรองแห่งชาติ หรือว่ากรมตำรวจที่วังปารุสก์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดินพระราชทานจำนวนมากมายมหาศาล ที่เดิมเป็นที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และหน่วยราชการไปขอใช้ ท่านก็ทรงพระราชทานโฉนดให้หน่วยราชการนั้น อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และหน่วยราชการอื่น ๆ กระทรวงศึกษาธิการ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทั้งกองก็ตั้งอยู่บริเวณพระราชวังสวนดุสิต เพราะพระราชทานที่ดินให้ และอย่างทรัพย์สินแปลงใหญ่ ที่สุดในกรุงเทพฯ ตอนนี้ ก็กลายเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เหมือนกัน นั่นก็คือ สนามม้านางเลิ้ง

แก้กฎหมายให้พระมหากษัตริย์ต้องเสียภาษี
ทรงแก้กฎหมายให้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต้องเสียภาษีเหมือนกับทรัพย์สินประชาชน เพราะว่า พ.ร.บ. ทรัพย์สิน 2491 ยกเว้นภาษี พระองค์ท่านทรงไม่เห็นด้วย แต่นั่นก็เป็น พ.ร.บ. ที่ทำไว้ตั้งแต่สมัย นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่ละปีก็ทรงเสียภาษีเป็นจำนวนมาก

‘บิ๊กป้อม’ ล่องใต้ นั่งหัวโต๊ะประชุม กพต. หนุนเด็ก-สตรีมีส่วนร่วมพัฒนา ยกระดับชีวิตชาวใต้

(27 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดสตูล และจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนา จชต. (กพต.) ครั้งที่ 1/66  ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาวิทยาเขตสตูล อำเภอระงู จังหวัดสตูล โดยมี เลขา ศอ.บต. และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องสำคัญ ๆ หลายเรื่อง ประกอบด้วย

1.) โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสตูล ปี 66-72

2.) กรอบแนวทางยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว จ.สตูล ให้เป็นการท่องเที่ยวระดับโลก ภายใต้แนวคิด ‘ริเวียร่าสตูล’ โดยเฉพาะการยกระดับเกาะอาดัง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกเชิงสุขภาพฮาลาลสากล โดยมีเกาะลังกาวี เป็นเกาะคูพัฒนา

3.) การก่อสร้างถนน เชื่อมต่อ ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ของมาเลเซีย รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา

4.) กำหนดให้วันสารท เดือนสิบ เป็นวันหยุดราชการประจำปี เฉพาะพื้นที่ จชต.

5.) ร่างระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนา จชต. ว่าด้วยการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่

6.) ร่างแผนส่งเสริมและพัฒนาเด็ก เยาวชน สตรีและกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่ จชต. ปี 66-70

7.) กรอบแนวทางการยกระดับการจัดการศึกษาในสถาบันการศึกษาปอเนาะและ รร.เอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ จชต. ที่ให้ความสำคัญ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาที่หลากหลาย การเรียนรู้ทางศาสนาและการศึกษาสมัยใหม่

8.) หลักการขอรับเงินสวัสดิการ สำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ ให้กับผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมเป็นธรรมแก่ผู้ปฏิบัติงาน

9.) โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่แบบครบวงจร ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำการทำงานร่วมกัน โดยให้ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก นำไปสู่การเกิดสันติสุขในใจของประชาชน และได้สั่งการ ให้ทุกฝ่ายเร่งจัดตั้ง ม.สตูลให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาศักยภาพประชาชน เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา รวมทั้งพื้นที่ จชต. โดยเน้นการเรียนการสอนที่ตอบสนองการพัฒนาเชิงพื้นที่และการจัดการศึกษาสมัยใหม่ ตรงความต้องการประชาชนและแผนพัฒนาพื้นที่

ทั้งนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการเร่งเดินหน้าการทำงานที่ กพต.ให้ความเห็นชอบร่วมกันให้เป็นรูปธรรม โดยขอให้ทำงานร่วมกับมาเลเซียอย่างใกล้ชิด สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ขอให้ ศอ.บต.ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดโครงสร้างการทำงานให้เป็นอิสระ เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพการทำงาน

'แม่นิ่ม' เล่านาที 'น้องต่อ' ตกพื้นก่อนแน่นิ่ง เหตุกลัวความผิด จึงนำไปโยนทิ้งแม่น้ำ

(27 ก.พ.66) ความคืบหน้าคดี ‘น้องต่อ’ อายุ 8 เดือนที่หายตัวไปอย่างปริศนาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. จนถึงตอนนี้ยังไร้วี่แวว ภายหลังตำรวจ สภ.บางหลวง จ.นครปฐม นำตัวนายพุดและนายแจ้ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยนายพุด ถูกแจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหาให้กระทำการค้าประเวณี โดยได้พา น.ส.นิ่ม ภรรยา ไปขายบริการให้กับเพื่อนพ่อ ส่วนนายแจ้ โดนแจ้ง 2 ข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์นั้น

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า นางสาวนิ่ม ซึ่งเป็นแม่ของน้องต่อ ยอมสารภาพแล้วว่า เป็นคนนำลูกไปทิ้งลงแม่น้ำ

โดยผลการเข้าเครื่องจับเท็จ ก็พบว่านางสาวนิ่มให้การเท็จทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับผลตรวจสุขภาพจิตจากโรงพยาบาลตำรวจ ที่ยืนยันว่าไม่ได้มีการป่วยทางจิตแต่อย่างใด ดังนั้นผลการตรวจโดยเครื่องจับเท็จก็สามารถยืนยันได้ว่า สามารถนำมาประกอบสำนวนได้

‘เพื่อไทย’ เรียกร้อง กกต. ใช้อำนาจอย่างชอบธรรม หลังออกระเบียบยุบพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง

(27 ก.พ. 66) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบ 3 ฉบับและได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยในระเบียบดังกล่าวระบุถึงระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการยุบพรรคการเมืองเพียง 67 วัน จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตนได้ตรวจข้อกฎหมายลำดับศักดิ์ของกฎหมายแล้ว พบว่าแม้ กกต.จะอ้าง อาศัยอำนาจตามมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ 60 และ พ.ร.ป.กกต. และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท รวมถึง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 แต่ตนเห็นว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและ พรป.กกต.ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบในลักษณะนี้ได้ การกระทำดังกล่าวของ กกต.อาจเป็นการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจ ระเบียบดังกล่าวจึงอาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกอบกับการยุบพรรคเป็นโทษกับพรรคการเมือง กกต.จึงไม่มีอำนาจออกระเบียบได้ และระเบียบดังกล่าวไม่สามารถมีผลย้อนหลังในคดีความที่นักร้องต่าง ๆ ได้ยื่นยุบพรรคการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย

‘โรม’ ฝากสื่อกระตุก ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ควรตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ ให้ชัด!!

(27 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิต ซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

‘พงศกร ขวัญเมือง’ สวมเสื้อประชาธิปัตย์ ลงชิงเก้าอี้ ส.ส. กทม. เขตคลองเตย

(27 ก.พ. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปิดตัวคนรุ่นใหม่ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. กทม. จำนวน 14 คน แม้บางคนจะมีการเปิดตัวไปบ้าง แต่ก็มีคนใหม่ ๆ อีกหลายคน เป็นมือปืนทีมชาติก็มี และอีกคนที่สำคัญ ซึ่งได้พูดคุยส่วนตัวหลายครั้ง และขอบคุณที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายพงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษกกรุงเทพมหานคร บุตรชายพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตคลองเตย

'กรณ์' ควง 'จูรี' ปลุกคนใต้ อย่าขายเสียง ชี้!! "เงินซื้อไม่ได้” แต่ถ้าให้มาก็รับไว้ แล้วไม่กา

(27 ก.พ.66) ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 เดินพบปะพ่อค้า แม่ค้า โดยพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคักมาก โดยนายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาส่งว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดสงขลา 4 คน ในเขต 1 เขต 2 เขต 3 และเขต 9 

และวันนี้มาเดินหาดใหญ่ อยู่ในพื้นที่ เขต 2 ซึ่งเราส่ง นายจูรี นุ่มแก้ว จากภาพบรรยากาศเราจะเห็นได้ว่า ประชาชนในตัวเมืองหาดใหญ่ตื่นตัว และให้การยอมรับในตัวจูรีเป็นอย่างมาก โดยจูรีเองพร้อมสร้างโอกาสให้คนหาดใหญ่ คนสงขลา และคนใต้ทุกคน จูรีเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้มาทั้งชีวิตจนวันนี้มีชื่อเสียง ก็อยากจะใช้ชื่อเสียงตรงนี้สร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน จึงอาสามาเป็นผู้สมัคร โจทย์สำคัญของวันนี้คือ ทำอย่างไรให้หาดใหญ่พัฒนาต่อไปได้ ทุกอย่างต้องไม่อยู่กับที่ เราต้องมีบทเรียนจากความเจ็บปวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านจากวิกฤตโควิด เพื่อไม่ให้ใครสามารถพูดได้ว่าหาดใหญ่ตายแล้ว ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อน

ด้านนายจูรี ซึ่งเป็นขวัญใจของคนหาดใหญ่ และคนใต้ ว่า อุดมคติของคนใต้แต่ดั้งเดิมคือ เงินซื้อไม่ได้ วันนี้มีคนเอาเงินมาให้มากมาย เราต้องรักษาอุดมคติไว้ให้มั่น ใครเอามาให้เราก็รับไว้ แต่ให้กาพรรคที่ไม่ให้เงิน โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเอาเงินไปซื้อพี่น้องประชาชน ให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต เพราะเขาซื้อเสียงวันนี้ ส.ส.เขาก็จะไม่สนใจเรา เพราะเขาถือว่าเขาซื้อขาดแล้วตั้งแต่วันที่เข้าคูหา แล้วบ้านเราก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

‘สนธิ’ แฉ!! คนใกล้ตัว ‘ชูวิทย์’ เปิดบาร์กัญชาสุดหรูกลางกรุงฯ

(27 ก.พ. 66) นายสนธิ ลิ้มทองกุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ได้ออกมาโจมตีในกรณีปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ โดยโพสต์ข้อความ 2 โพสต์ติด ๆ กัน คือ กัญชา พี้เพื่อชาติ! และ กัญชา เหรียญสองด้าน สนองกิเลสพรรคภูมิใจไทย

ต่อมาได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กนายชูวิทย์ ระบุข้อความว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขอให้กิจการรุ่งเรือง เฮง ๆ นะครับ” พร้อมแนบภาพ ร้าน ชูหวีด บาร์ (Chuweed Bar) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการภายในโรงแรมดังกลางกรุง ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวนายชูวิทย์ด้วย และช่วงค่ำวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ Channel Weez Thailand ได้โพสต์ภาพ และรายละเอียด Chuweed Bar ของครอบครัวนายชูวิทย์ ระบุว่า “กัญชาพรึ่บ! บาร์สมุนไพรสุดฟิน ในโรงแรมของชูวิทย์ การตกแต่งร้านโดดเด่นมีสไตล์ เรียบง่ายบนความหรูหรา มีหลายโซนให้ลูกค้าได้ฟินกับความ high เหนือระดับ เช่นเดียวกับโลโก้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วรู้เลยว่า คือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

โดยบาร์กัญชาดังกล่าว ตั้งอยู่ในโรงแรมของเสี่ยชูวิทย์ แว่วมาว่า ปัจจุบันโรงแรมนี้บริหารงานโดยรุ่นลูกและคนในครอบครัว ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของก็ตาม แต่ร้านนี้ถือเป็นบาร์สมุนไพรที่น่าแวะไปชมสักครั้ง แถมยังได้รับแรงบันดาลใจจากคนชื่อดัง เผื่อมีโอกาสได้นั่งเติมกัญสักครั้ง เห็นร้านสวย ๆ แบบนี้แล้ว สหายสายเขียวฝากสะกิดมาบอกพี่น้องว่า อย่าอคติกับสมุนไพรไทยโบราณเลย มาช่วยกัญรันวงการเพื่อเศรษฐกิจของลูกหลานดีกว่า กัญชาถูกย่ำยีจากเกมการเมืองมามากพอแล้วท่าน อนึ่ง จากการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่า บาร์กัญชา Chuweed Bar ภายในโรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นมีการเปิดให้บริการเชิงสันทนาการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 หรือกว่าครึ่งปีแล้ว

สำหรับโรงแดมดังกล่าว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีจำนวนห้องพัก 240 ห้อง ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นบริหารงานโดย บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด ซึ่งหุ้นทั้งหมดถือครองในครอบครัวนายชูวิทย์ทั้งหมด โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2565 ผู้ถือหุ้น ประกอบไปด้วยลูกสาว น.ส.ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, ลูกชาย 3 คน คือ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ถือหุ้น 24.75%, นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, บริษัท ต้นตระกูล จำกัด ถือหุ้น 1% และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 0.01%

ทั้งนี้ บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด มีกรรมการ 5 คน ประกอบด้วย นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์, นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ และ พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี

ส่วนผลประกอบการตามรายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏข้อมูลงบการเงินล่าสุด บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด สิ้นสุด ณ ปี 2563 ระบุว่า มีรายได้รวม 22,313,415 บาท ขาดทุน 27,758,836 บาท โดยมีสินทรัพย์รวม 211,023,896 บาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายสนธิ ได้พูดฝากเตือนไปถึงนายชูวิทย์ จากกรณีที่ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่โปร่งใส โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมอ้างมีเงินตกหล่นอยู่สามหมื่นล้าน ใจความสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายชูวิทย์ และทำวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่าห้าสิบปี มีประเด็นที่อยากจะเตือน ให้ข้อคิดแก่นายชูวิทย์ในการแฉ เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ ว่า มีเรื่องที่นายชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เพราะภาพรวมตอนนี้ นายชูวิทย์ต้องรู้ว่าเป็นการฟาดฟันกันระหว่างกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงตู่’ และกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงป้อม’ โดยใช้ลูกน้องออกมาฟาดฟันกัน จึงอยากจะเตือนว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร

“คุณชูวิทย์ไปหานายกฯ ทีไร ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ หรือที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะมี ‘เสธ.หิ’ คุณหิมาลัย ผิวพรรณ หรือมีคนอย่างคุณวรัญชัย โชคชนะ ยืนอยู่ข้าง ๆ พอพูดเสร็จ คนโน้นคนนี้ลงมาจัดการ กรณีนี้ คุณพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ เลขาธิการนายกฯ ก็ลงมาจัดการ คุณชูวิทย์ต้องระวังว่า คนจะมองว่าคุณมีนอกมีในกับคนพวกนี้หรือเปล่า

“ที่สำคัญ คุณชูวิทย์ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเลือกตั้งใหญ่ ที่กำลังจะยุบสภาฯ ภายในเดือนหน้า คือมีนาคมนี้ คงมีการจัดการให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม เรื่องเหล่านี้คุณชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะขณะนี้สายลุงตู่ กับสายลุงป้อม ฟาดฟันกันอย่างหนัก”

พร้อมย้ำว่า “การพูดจาอะไรต้องระวัง เพราะว่าในการประมูลของภาครัฐทุกครั้ง ทุกรอบ ทุกยุค ทุกสมัย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีทั้งเอกชนที่สมหวังและผิดหวัง มีคนได้ มีคนเสีย ผมเกรงว่าจะมีคนกล่าวหาคุณชูวิทย์รับงานมา ว่า พอคุณชูวิทย์เริ่มดังขึ้นมา ก็เริ่มรับงานร้องเรียนที่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการประมูลที่เป็นคู่แข่งระหว่างเอกชนกับเอกชน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top