Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

(เปียงยาง) เกาหลีเหนือประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับมาเลเซีย หลังกัวลาลัมเปอร์ ส่งตัวพลเมืองชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐเคซีเอ็นเอ

"เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เจ้าหน้าที่มาเลเซียก่ออาชญากรรมที่อภัยให้ไม่ได้ บังคับส่งตัวพลเมืองผู้บริสุทธิ์ (ของเกาหลีเหนือ) ไปยังสหรัฐฯ" ถ้อยแถลงระบุกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุ

ถ้อยแถลงระบุต่อว่าด้วยเหตุนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ขอประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตโดยสิ้นเชิงกับมาเลเซีย พร้อมกล่าวประณามสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "พฤติกรรมที่เป็นศัตรู" ที่กระทำกับเปียงยาง โดยโอนอ่อนต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ

ในถ้อยแถลงให้คำจำกัดความบุคคลซึ่งไม่ระบุชื่อรายดังกล่าว ว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการค้านอกประเทศอย่างถูกกฎหมายในสิงคโปร์ พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ว่าเขาพัวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายนั้นเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่อุปโลกน์ขึ้นมา

โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ชายชายเกาหลีเหนือนามว่า มุน โชล มยอง ถูกตีตกคำอุทธรณ์สุดท้ายในศาลสูงสุดของมาเลเซีย ในการคัดค้านการถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เพื่อเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน

มุน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในมาเลเซียกับครอบครัวมานานกว่า 1 ทศวรรษ ถูกจับกุมในปี 2019 ตามหลังมีคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาจากสหรัฐฯ

ระหว่างขึ้นให้การกับศาล เขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเอฟบีไอ ที่กล่าวหาว่าเขาเป็นแกนนำแก๊งอาญากรรมกลุ่มหนึ่ง ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ด้วยการจัดหารายการต้องห้ามแก่เกาหลีเหนือ และฟอกเงินผ่านบริษัทต่าง ๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาบังหน้า

ทนายความเปิดเผว่าเขาเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน 4 กระทงและสมคบคิดฟอกเงิน 2 กระทง โดยข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการงานของเขาในสิงคโปร์

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า มุน ถูกกล่าวหาจัดหาสินค้าประเภทไหน แต่ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่บรรดานักธุรกิจในสิงคโปร์ ส่งข้าวของหรูๆ อย่างสุราและนาฬิกาไปยังเกาหลีเหนือ

การส่งออกสินค้าหรูบางรายการไปยังเกาหลีเหนือถูกห้าม ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรอันกว้างขวางที่สหประชาชาติและประเทศอื่นๆกำหนดเล่นงานเปียงยาง ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ โดยมีจุดมุ่งหมายสกัดโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3989816011079514&id=119425428118611

'ผู้ว่าฯ ปู' วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี คืนถิ่นสมุทรสาคร คนแห่รับเนืองแน่น ด้านพ่อเมืองบอกรักและคิดถึงที่สุด สมุทรสาคร ขอเวลาพักฟื้นอีก 1 เดือนพร้อมสู้ต่อ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ แพทย์ผู้ให้การดูแลฯ ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หรือผู้ว่าฯ ปู / นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี (ภริยา) นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และ นางสาววีราพร หรือ น้องน้ำหวาน วิจิตร์แสงศรี (บุตรสาว) เพื่อพบปะกับ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนที่มาร่วมกันต้อนรับอย่างเนืองแน่น

โดยเมื่อขบวนรถของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาถึงผู้ที่มาต้อนรับปรบมือส่งเสียงดีใจ ที่ท่านเดินทางกลับมาที่สมุทรสาครด้วยใบหน้าที่สดใส มีรอยยิ้มและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แม้จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและครอบครัว โบกมือทักทายทุกคน พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่ทุกคนรักและมารอต้อนรับ ก่อนที่จะเข้าห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ฯ เพื่อพบปะกับผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ประมาณ 30 คน

สำหรับในห้องประชุมหลังจากที่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้เล่าให้ฟังถึงอาการท่านผู้ว่าฯ และแนวทางการรักษา ตลอดจนกำลังใจที่มีส่วนสำคัญทำให้ท่านผู้ว่าฯ ฟื้นคืนร่างกายกลับมาได้โดยเร็วแล้วนั้น ทางนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้กล่าวถึงความรู้สึกตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด -19 จนกระทั่งนอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบไม่รู้สึกตัว 43 วัน และต้องพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชทั้งหมด 82 วัน

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตนเองได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการเล่าเรื่องจากแพทย์ผู้ให้การดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของโรงพยาบาลสนามที่ตนมุ่งหวังและเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางในการป้องกันแก้ไขสถานการณ์โควิดให้ลุล่วงไปได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเมื่อตนเองรู้สึกตัวและสามารถขยับร่างกายได้แล้วนั้น ก็ได้อ่านข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโควิดที่สมุทรสาครมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รับรู้ความเคลื่อนไหว ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำใจจากทุกภาคส่วนที่หลั่งไหลสู่สมุทรสาคร และความรัก ความสามัคคีของคนสมุทรสาคร ตลอดจนกำลังใจที่ส่งต่อมาให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอย่างล้นหลาม

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะบอกกับคนสมุทรสาครคือ “รักและคิดถึงสมุทรสาครมากที่สุด” แม้ตนเองจะไม่ใช่คนสมุทรสาคร แต่การที่ได้มาทำงานที่นี่กว่า 1 ปี ก็รักและคิดถึงที่นี่มากแม้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านก็เสมือนบ้านของตนเอง โดยสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ เป็นบททดสอบที่สำคัญยิ่ง ซึ่งคนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมสถานการณ์

ทั้งนี้ตนก็เชื่อว่าการระบาดครั้งนี้จะต้องมีจุดจบ สมุทรสาครจะต้องสามารถกลับขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ด้วยความร่วมมือของคนสมุทรสาคร ที่จะทำให้เราสามารถต่อสู้ชนะโควิดได้ในเร็ววันนี้ ส่วนตัวนั้นขอเวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการพักฟื้นร่างกายตามคำสั่งของแพทย์ หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานรับใช้พี่น้องชาวสมุทรสาคร

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังบอกทิ้งท้ายด้วยอารมณ์แห่งความสุขและเรียกรอยยิ้มด้วยว่า ถ้าวันที่หายเป็นปกติสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว คิดว่าจะลงพื้นที่ไหนเป็นจุดแรกนั้น คงตอบไม่ได้ เพราะทุกพื้นที่สำคัญเหมือนกันหมด หากจะระบุไปที่ใดที่หนึ่งกลัวจะทำให้พื้นที่อื่นเกิดความน้อยใจ เพราะการทำงานเลือกพื้นที่ไม่ได้ คงต้องดูความเหมาะสมหรือความจำเป็นในขณะนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ บอกไม่ได้ตอนนี้ เพราะกลัวภริยาจะรู้ ห้ามไม่ให้ไปทำงาน

ทั้งนี้หลังจากที่ใช้เวลาในห้องประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อแรกที่สมุทรสาคร โดยมีเมนูโปรดของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคือ ข้าวผัดปู ต้มส้มปลากระบอก ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งซอสมะขาม ลอดช่องวัดเจษ และลำไยพวงทอง ส่วนการรับประทานอาหารนั้นก็จัดเป็นเซ็ตสำหรับแต่ละท่าน มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการ New Normal


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/local/461546

เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ยืนยันเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน AstraZeneca ต่อให้ครบตามเป้าหมาย แม้จะมีข่าวการค้นพบอาการลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มผู้รับวัคซีนบางราย จนทำให้มีประเทศในสหภาพยุโรปถึง 13 ประเทศระงับการฉีดวัคซีนไปก่อนเพื่อรอการตรวจสอบ

แต่ล่าสุด หน่วยงานการแพทย์แห่งยุโรป หรือ EMA ได้ทำการตรวจสอบวัคซีนของ AstraZeneca อีกครั้งและรายงานผลว่า อาการลิ่มเลือดอุดตัน ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน พร้อมยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างได้ผล แต่ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลของแต่ละประเทศสมาชิกจะพิจารณาว่าจะยุติ หรือไปต่อกับ AstraZeneca

และทางเยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน 4 ประเทศแกนนำหลักของสหภาพยุโรปก็ตัดสินใจไปต่อกับ AstraZeneca โดย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง คาสเทค ออกมาสนับสนุนการใช้วัคซีน AstraZeneca และกล่าวว่าตอนนี้ที่ฝรั่งเศสยังพบการแพร่ระบาดรุนแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขึ้น ดังนั้นจึงควรเร่งเดินหน้าโครงการวัคซีนให้เร็วที่สุด และ ฌอง คาสเทค ก็จะเข้ารับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคมนี้

เช่นเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ที่เคยมีประสบการณ์ ติด Covid-19 ในระดับรุนแรงมาแล้ว ก็ออกมารับประกันความปลอดภัยของวัคซีน AstraZenca และพร้อมที่จะรับวัคซีนเข็มแรกในเร็วๆนี้ นายบอริส จอห์นสัน ย้ำว่า ติด Covid-19 ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ ถ้ามีวัคซีนมาแล้ว ควรรีบมาฉีดกันดีกว่า

ทางด้านองค์การอนามัยโลกก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีน AstraZeneca มีความปลอดภัย และมีความเสี่ยงน้อย สามารถฉีดต่อไปได้

ส่วนทางบริษัท AstraZenca แถลงว่า ตอนนี้มีประชากรในยุโรป และอังกฤษมากถึง 17 ล้านคนได้รับวัคซีนของบริษัทเรียบร้อยแล้ว มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเพียง 37 เคสที่ไม่น่าจะสัมพันธ์กับผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน

AstraZenca เป็นหนึ่งในวัคซีน Covid-19 ที่ใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก รองจากวัคซีน Pfizer เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยอดจองวัคซีนยังคงล้นหลาม และหนึ่งในจุดมุ่งหมายของทีมพัฒนาวัคซีน AstraZeneca คือการสร้างวัคซีนที่ประชากรทุกคนบนโลกสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราคา การผลิต การขนส่งและการใช้งาน ให้เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพสูงนั่นเอง


อ้างอิง:

https://www.bbc.com/news/world-europe-56440139

https://www.bbc.com/news/uk-56452412

https://timesofindia.indiatimes.com/world/europe/french-pm-jean-castex-says-he-plans-to-get-an-astrazeneca-covid-19-vaccine/articleshow/81539624.cms

https://www.newsweek.com/boris-johnson-jean-castex-signal-support-astrazeneca-vaccine-getting-shots-amid-controversy-1577210

ที่จังหวัดร้อยเอ็ด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาพบปะพูดคุยและร่วมหาเสียงให้กับ นายร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพนทอง เบอร์ 3 และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลในนามคณะก้าวหน้า

สำหรับโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้

ที่ตลาดเทศบาลโพนทอง อ.โพนทอง นายปิยบุตร ได้กล่าวตอนหนึ่งในการพบปะประชาชนว่า คณะก้าวหน้าออกแบบนโยบายโดยดูจากงบประมาณที่เทศบาลมี ใช้มันสมองของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกับความเป็นคนพี้นที่โพนทองของ ร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรี และรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน คิดค้นออกมาเป็นนโยบายก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการและบริการสาธารณะ เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สิ่งแวดล้อม พัฒนาพื้นที่สาธารณะ การเดินทางเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมการบริหารงานเทศบาลที่โปร่งใสตรวจสอบได้

“นโยบายดี ๆ เพื่อเทศบาลก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ต้องให้โอกาสคนใหม่ๆ เข้าไปทำงาน ผมเข้าใจดีว่าการเมืองท้องถิ่นที่ผ่านมายึดโยงกันด้วยความเป็นครอบครัว ความสนิทชิดเชื้อ พี่น้องอาจคิดว่าต้องกากบาทให้คนนั้นคนนี้ เพราะเคยช่วยเหลือมาเยอะ แต่หลักการที่ถูกต้องของการเมืองท้องถิ่น คือต้องสัมพันธ์กันด้วยสิทธิและหน้าที่ มิใช่บุญคุณที่ต้องทดแทน ใครก็ตามที่เข้าไปมีอำนาจรัฐ มีหน้าที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน และพี่น้องมีสิทธิเรียกร้องให้เขามาทำงานให้เราแบบที่เราต้องการ ที่สำคัญที่สุดเงินที่จ้างเขามาทำงานในเทศบาลเงินที่เขาเอามาพัฒนาบ้านของเรา แท้จริงแล้วก็คือเงินภาษีของพี่น้องเอง คือทุกบาททุกสตางค์ของเราที่จับจ่ายซี้อของไป ภาษีเหล่านั้นถูกจัดสรรกลับมาเป็นงบประมาณเทศบาล” ปิยบุตร กล่าว

จากนั้นนายปิยบุตรและคณะผู้สมัครนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ได้ทักทายพี่น้องทั่วตลาดมีแม่ค้าพ่อค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่าเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับเผด็จการต่อไป อีกกี่สิบปีก็จะรอ ขณะที่ นายปิยบุตร บอกว่าไม่ต้องรอถึงสิบปี 28 มีนาคมนี้ เลือกผู้สมัครนายกเทศมนตรีคณะก้าวหน้า ก็ได้มันสมองของธนาธรมาทำนโยบายดี ๆ ให้พี่น้อง เห็นผลทันตา เทศบาลก้าวหน้าอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ทั้งหมดเดินทางไปพบปะกับกลุ่มอาชีพจักรสานบ้านคำแข้ ณ ศูนย์อาชีพ บ้านคำแข้ จ.ร้อยเอ็ด “ครูสวย” ผู้ริเริ่มการฝึกอบรมงานจักรสานให้กับแม่ ๆ ในพื้นที่บ้านแข้เล่าว่า พอเกษียณอายุก็จัดอบรมฝึกอาชีพจักรสานกระเป๋ากันมาตั้งแต่ปี 2561 ใครอยากเรียนก็มาฝึกกันและตั้งขายที่หน้าศูนย์ บางครั้งมีลูกค้ามารับไปขายต่อ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีช่องทางส่งสินค้าที่แน่นอน

ด้าน ร่วมภูมิศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยนำงบประมาณของเทศบาลมาจัดสรรปันส่วนให้เป็นทุนสนับสนุนกลุ่มอาชีพทุกหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 100,000 บาท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ริเริ่มมาแล้ว แต่ยังไม่มีช่องทางในการเพิ่มกำไร ขณะที่ นายปิยบุตร กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้ง 28 มีนาคมนี้ เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้อยู่หน้าบ้านของพี่น้อง หากได้นายกเทศมนตรีมีความสามารถ บริหารงบประมาณเป็นสักคนชีวิตในบ้านของพี่น้องจะเปลี่ยนไปได้ชั่วข้ามคืน จึงอยากชวนออกไปใช้สิทธิ์กันให้มาก ๆ ถ้าไม่ใช้สิทธิใช้เสียง แปลว่าปล่อยให้งบประมาณปีละหลายล้านบาท เอาไปให้ใครไม่รู้บริหาร

'สมศักดิ์' ชง!! คลายล็อกกีฬาพื้นบ้าน ไก่ชน - มวย - วัว - ม้า เปิดแข่งแบบไม่มีคนดู - ถ่ายสดผ่านไลฟ์ กระตุ้นปากท้องห่วงโซ่ธุรกิจเกี่ยวข้อง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยถึงการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ และหารือถึงการคลายล็อก ซึ่งตนคิดถึงกีฬาพื้นบ้าน เช่น ไก่ชน, มวย, ม้าและวัวชน จึงได้เสนอที่ประชุมให้มีการเปิดการแข่งขัน โดยที่ไม่ต้องมีผู้เข้าชม

โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารพัฒนาไปไกลแล้ว เราสามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านการไลฟ์สดได้ และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเราก็จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้มีผู้เข้าชมในสนามได้ เหมือนการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกและวอลเล่ย์บอล ซึ่งสิ่งที่จะได้ประโยชน์ตามมาคือ คนที่ทำงานในซุ้มไก่จะมีงานทำและมีรายได้ เพราะปัจจุบันพบว่า ใน 1 หมู่บ้านจะมีคนที่ทำงานเกี่ยวกับซุ้มไก่ เช่น คนเลี้ยงไก่ คนให้น้ำไก่ ประมาณหมู่บ้านละ 10 คน ซึ่งหากเราเปิดตรงนี้ได้คาดว่าจะสร้างงานได้ถึง 8 แสนคน นี่ยังไม่รวมกับค่ายมวย สนามม้าและสนามวัวอีกที่มีลักษณะคล้ายกัน

"ท่านนายกฯเห็นด้วยกับแนวทางนี้ และสั่งการให้ผู้บริหารไปวางแผนและเร่งดำเนินการ อาชีพต่าง ๆ จะต้องไม่ชะงัก สมาคมต่าง ๆ ที่จะเดินทางมาเรียกร้องก็คงไม่ต้องมาแล้ว เพราะท่านนายกฯรับทราบปัญหาและเข้าใจในจุดนี้โดยได้เร่งแก้ไขให้แล้ว แต่ทั้งนี้ หากเปิดให้ทำกิจกรรมแล้ว ทุกคนต้องต้องรักษากฎเกณฑ์ ไม่ให้มีคนดูก็ต้องห้ามเข้าอย่างเด็ดขาด อย่าชุมนุมคนมากมาย เพื่อให้สถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านไปด้วยดี คนที่เลี้ยงม้า เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ทำค่ายมวย ก็ไม่ตกงาน แต่อาจไม่มีรายได้จากค่าผ่านประตู หรืออาจะมีน้อย ตรงนี้ก็ต้องค่อย ๆ แก้ไขกันไป ซึ่งรัฐบาลพยายามค่อย ๆ ผ่อนคลายเป็นส่วนใหญ่แล้ว"


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/politic/461530

ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์กำลังมาแรงในประเทศจีนโดยบางคนสามารถทำรายได้สูงถึง 1,000 หยวนหรือ 4,700 บาทต่อวันเลยทีเดียว

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ได้รายงานว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่บรรดาทาสหมา ทาสแมวจะต้องตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน โดยช่วงนี้เจ้าของสัตว์บางคนไม่สามารถเดินทางกลับไปหาสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ รวมไปถึงลูกค้าบางคนมักจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจหรือแฮงเอาท์กับเพื่อนฝูง แต่ไม่อยากทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ตามลำพังธุรกิจนี้จึงเป็นทางออก

ประกอบกับทุกวันนี้การให้บริการทางออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น หลายคนหันไปพึ่งพาคนแปลกหน้าบนอินเทอร์เน็ตแทนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอย่างเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (อาจจะเป็นเพราะการไหว้วาน มักสร้างความรำคาญแก่คนใกล้ชิด และการดูแลสัตว์ โดยที่ไม่ได้รัก ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย) และนั่นก็ทำให้ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์ได้รับความนิยมในจีน

สำหรับธุรกิจนี้เจ้าของสัตว์และพี่เลี้ยงสัตว์ไม่ต้องพบหน้ากันโดยตรง แต่พวกเขาติดต่อกันทางออนไลน์ ก่อนที่เจ้าของจะส่งที่อยู่และมอบกุญแจบ้านให้แก่พี่เลี้ยง (ต้องใช้ความไว้ใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากเลยทีเดียว)

อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นงานพาร์ทไทม์ที่ค่อนข้างสะดวกสบายและรายได้ดี เพียงแค่สละเวลาครั้งละประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหาร เล่นกับน้องหมาน้องแมว เก็บขยะนิดหน่อย ก็สามารถคิดค่าบริการได้ 30 ถึง 50 หยวนหรือ 140 ถึง 230 บาท

Ningxia พี่เลี้ยงสัตว์วัย 25 ปีในเมืองหยินชวนกล่าวว่าเธอมีลูกค้าจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวในเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำให้เธอรับงานนี้วันละกว่า 10 ออเดอร์

เช่นเดียวกับ Xiao Mei พนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งระบุว่าเธอรับงานในวันหยุดเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งนอกจากจะได้เงินแล้วเธอยังบอกว่าได้มีความสุขไปกับการเล่นกับบรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ อีกด้วย

Wang Shuixiong นักวิจัยชาวจีนกล่าวว่าธุรกิจนี้เป็นผลมาจากการที่ชาวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากมักเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้ และในปัจจุบันผู้คนมีความไว้วางใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงหันไปพึ่งพาคนเหล่านั้นมากกว่าคนรอบข้าง


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/648337

จีนออกคำสั่งฟ้าผ่า ห้ามเจ้าหน้าที่ และทหารในกองทัพใช้รถยนต์ Tesla ขับเข้ามาในเขตค่ายทหารเด็ดขาด ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

เนื่องจากจีนเชื่อว่า กล้องที่ติดตั้งภายในรถยนต์ของ Tesla อาจถูกนำมาใช้เพื่อแอบสืบข้อมูลภายในของกองทัพได้ ด้านอีลอน มัสก์ ปฏิเสธวุ่น ไม่เป็นความจริง

เบื้องหลังของคำสั่งนี้ มาจากระบบกล้อง และ ตัวจับสัญญาณความเร็วเหนือเสียง เทคโนโลยีล่าสุดที่ติดตั้งในรถยนต์ของ Tesla ที่อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของรถยนต์ และสถานที่ทุกแห่งที่ไป ซึ่งทางจีนถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากเป็นพื้นที่ในเขตกองทัพ

ดังนั้น จีนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กองทัพห้ามใช้รถ Tesla ขับเข้ามาในเขตทหาร หรือถ้าเป็นพลเรือนจะเข้ามาติดต่อกับใครในกรมทหาร ต้องจอดรถทิ้งไว้หน้าค่าย ถึงจะเข้าไปได้

แต่ทั้งนี้ ก็มีความเห็นของสื่อตะวันตกว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่กองทัพจีนจะแบนรถ Tesla เพราะคำสั่งนี้ ออกมาในช่วงที่จีน และ สหรัฐอเมริกา กำลังมีนัดประชุมทวิภาคีกันที่รัฐอลาสก้าพอดี ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดอย่างมาก และจีนอาจต้องการแสดงอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งหวยก็ดูจะมาออกที่ Tesla พอดี

นอกเหนือจากนัยยะทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ทางรัฐบาลจีนต้องการสกัดดาวรุ่ง Tesla ที่กำลังขายดีอย่างมากในตลาดจีน ในปี 2020 ที่ผ่านมา Tesla Model-3 คือรถยนต์ EV ที่ขายดีที่สุดในจีน ด้วยยอดขาย 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 20%

ฉะนั้นหากมีคำสั่งถึงเจ้าหน้าทุกหน่วยในกองทัพจีน ที่มีทหารประจำการมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ให้ใช้รถ Tesla ในค่ายทหาร ก็เท่ากับตัดกลุ่มผู้ซื้อรถไปได้เยอะทีเดียว

ทางด้าน อีลอน มัสก์ ผู้บริหารสูงสุดของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้รถ Tesla เป็นสปายส่งข้อมูลลับ และยังบอกว่า "หากทางบริษัทคิดจะขายข้อมูลของลูกค้า หรือให้ใช้รถ Tesla เพื่อจารกรรมข้อมูลลับ เราคงขายรถที่ไหนไม่ได้แล้วครับ คงเจ๊ง ปิดโรงงานไปนานแล้ว"

ถึงจะออกมาปฏิเสธหนักแน่น แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลจีนอยู่ดี ว่าจะเปลี่ยนใจ หรือ จะให้แบนต่อ เพื่อบีบตลาดรถ Tesla ในจีนให้โตช้าลงหน่อย แล้วปล่อยให้รถยนต์ EV สัญชาติจีนได้โตไล่ทัน หรือแค่ต้องการใช้เป็นตัวแทน ฟาดกับสหรัฐฯ เหมือนอย่างที่สหรัฐฯ เคยใช้ Huawei บีบจีน ก็ต้องรอติดตามกัน


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2021/mar/20/elon-musk-denies-teslas-used-for-spying-after-chinas-military-bans-cars-from-bases?CMP=Share_AndroidApp_Other

https://www.foxbusiness.com/technology/chinese-military-bans-teslas

https://www.aljazeera.com/economy/2021/3/19/chinas-military-bans-tesla-cars-on-camera-sensor-spy-concerns

สุดยอด! ‘นุศรา ต้อมคำ’ มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดโผ 100 นักตบ ทรงอิทธิพลของโลกในรอบทศวรรษ

สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ เอฟไอวีบี ประกาศให้ ‘ซาร่า’ นุศรา ต้อมคำ นักวอลเลย์บอลสาว มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดทำเนียบหนึ่งในร้อยสุดยอดนักวอลเลย์บอลและทีมวอลเลย์บอลของโลกที่ทรงอิทธิพลในทศวรรษ ซึ่งเป็นคนไทยหนึ่งงเดียวที่ติดโผดังกล่าว

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาทั้งวอลเลย์บอลในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีปทั้งประเภทชายและหญิงซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาคัดเลือก 100 นักวอลเลย์บอล ทั้งในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีป ทั้งประเภทชายและหญิง ซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย


ที่มา : https://www.volleyball.world/en/roster100/roster-100-to-showcase-stars-of-volleyball?id=91918&fbclid=IwAR3FMR1xSfvr3VnT8MX8-mAb_tuzyvA6zROpj67kF7X55mOzl5D4ZKshk_A

ทัวร์ลง ‘แคน ก้าวไกล’ ปกป้อง ‘ฝ้าย’ อดีต BNK48 ที่เพิ่งโดนปลด บอกแอบโพสต์บัญชีให้แฟนคลับโอนเงินเข้าโดยตรง เป็นจำนวนเงินไม่มาก อีกทั้งบริษัทไม่เคยตักเตือน ถือว่าไม่ผิด เจ้าตัวรีบแจงไม่หนุนคอร์รัปชัน พร้อมรับคำติ เพื่อพัฒนาตัวเอง

น.ส.นายิกา ศรีเนียน หรือ แคน อดีตสมาชิกวงไอดอล BNK48 ได้ไลฟ์สดร่วมกับ น.ส.สุมิตรา ดวงแก้ว หรือ ฝ้าย อดีตสมาชิก BNK48 ที่เพิ่งถูกให้พ้นสถานะจากวง BNK48 กะทันหันเมื่อวันก่อน (19 มี.ค.) เนื่องจากทำผิดกฎของวง จากการโพสต์เลขบัญชีตัวเองเพื่อให้แฟนคลับโอนเงินเข้าโดยตรง

จากการไลฟ์สดในครั้งนี้ มีคำพูดหนึ่งของ แคน ที่ทำให้แฟนคลับหลายคนผิดหวัง เนื่องจากบอกว่า ‘เงิน’ เป็นจำนวนไม่มาก แล้วการอยู่ในวงค่าตอบแทนไม่คุ้มกับค่าเดินทางด้วยซ้ำ อีกทั้งบริษัท ‘ไม่เคยเรียกไปตักเตือน’ แสดงว่าเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ผิด’

คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดกระแสตำหนิอย่างมากในทวิตเตอร์ เพราะแคนเองก็ได้ร่วมทำงานการเมืองกับพรรคก้าวไกล สะท้อนถึงทัศนคติที่เห็นว่าการคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จึงไม่เหมาะสมที่จะเล่นการเมือง ด้านเจ้าตัวก็ได้ลบคลิปไลฟ์ดังกล่าวไปแล้ว พร้อมกับยอมรับผิด และเน้นย้ำว่า ไม่ได้สนับสนุนการคอร์รัปชัน พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

สำหรับ แคน นายิกา ภายหลังจากที่ลาออกจาก BNK48 เคยเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบราษฎร และร่วมงานกับพรรคก้าวไกล อยู่ในทีมประชาสัมพันธ์ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม และ คันนายาว ขณะที่ จ.เจตน์-ภูวกร ศรีเนียน บิดาของ แคน ก็เป็น 1 ในทีมผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และเคยลงสมัคร ส.ส.พะเยา ของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเป็นผู้ประสานงานคณะก้าวหน้า จ.พะเยา


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000026966?fbclid=IwAR2eOqXKFrsQ-OgWroWqWRaKCLBazetjrcIE_vwKwqlnAK--77xgjSx1eGY

ธุรกิจร้านอาหาร MK และในเครือ ดูท่าจะงานเข้า!!

หลังจากนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ ‘ส.ส.เจี๊ยบ’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ประกาศชวนเชิญชวนเลิกกินร้านดัง หลังเป็นสปอนเซอร์ให้กับรายการ Top News ว่า…

“เลิกกิน MK และ Yayoi แม้จะเป็นร้านโปรดจนกว่าจะเลิกเป็นสปอนเซ่อร์ให้ช่อง Top News”

[หากเป็นการเข้าใจผิดขอให้ทาง MK เร่งชี้แจงข้อเท็จจริง]


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=489770832429119&id=100563224683217


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top