Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

'อนุทิน' เตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 2 บ่ายนี้ เผย รัฐเล็งหนุน องค์การเภสัชฯ ผลิต 'วัคซีนไทยแลนด์'

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า บ่ายสองโมงวันนี้ ตนจะฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 ส่วนกรณีที่องค์การเภสัชกรรม ได้ฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร ซึ่งเป็นวัคซีนที่คนไทยผลิตเองจากเชื้อตายโควิด-19 นั้น เป็นวัคซีนที่ร่วมพัฒนากับสถาบันทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งเท่าที่ฟังจากนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ว่าวัคซีนตัวนี้ทำมาจากเชื้อตายของโควิด-19 ที่ใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีเทคโนโลยีนี้ และมีโรงงานวัคซีนนี้อยู่แล้ว จึงได้มีการพัฒนาและวิจัยขึ้นมา จนมาถึงขั้นที่ได้ฉีดในอาสาสมัคร จำนวนกว่า 100 คน ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้เขาก็ต้องผ่านเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 มาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามมาตรฐานทุกอย่าง 

นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะมีวัคซีนไทยแลนด์ ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีก็คือคนไทย โดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งการพัฒนาก็จะเป็นไปในหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตวัคซีนเองและมาฉีดให้คนไทยเอง โดยทราบว่าความสามารถในการผลิต คือ 30 ล้านโดส ต่อปี นี่คือเบื้องต้น

แต่ถ้ามันเวิร์ค กำลังการผลิตเราสามารถขยายได้ในอนาคต ขนาดบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ยังผลิตได้ตั้ง 200 ล้านโดส ต่อปี สิ่งเหล่านี้คือการทำให้คนไทยทุกคนมั่นใจได้เลยว่าวันนี้วัคซีน เราไม่จำเป็นต้องพูดถึง ไม่ใช่ประเด็นหลักแล้ว ตอนนี้มาคิดแค่ว่าจะทำอย่างไรที่จะเปิดประเทศ ถ้าวัคซีนมาเราต้องคิดแล้วว่าต้องเอาไปจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก่อน เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าเราสามารถควบคุมได้หมดแล้ว เมื่อแอสตราเซเนกาเข้ามา ก็จะกระจายไปยังคนไทยทุกคน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่เราได้วางไว้ ไม่มีอะไรดีเลย์หรือล่าช้าเลย

เมื่อถามว่า รัฐบาลสนับสนุนการผลิตวัคซีนของทางองค์การเภสัชกรรมด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้องค์การเภสัชกรรมใช้เงินของตัวเองอยู่ ถ้าสำเร็จเขาก็คงมาขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาให้การสนับสนุน 

เกิดเหตุกราดยิงอีกแล้วในสหรัฐอเมริกา คราวนี้ยิงสนั่นกลางซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงของวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ล่าสุดยืนยันผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุมากถึง 10 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต คิง ซูปเปอร์ส ที่อยู่ในย่านชุมชน ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยโคโรลาโดมากนัก จึงรีบส่งทีมจู่โจม และ เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เข้าประจำการในพื้นที่ทันที

พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เขาได้ยินเสียงปืนหลายครั้ง และเห็นคนล้มลง 3 คนที่ลานจอดรถ และ ประตูทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่แน่ใจว่าเสียชีวิตหรือไม่ เพราะทุกคนต่างหาที่หลบซ่อนตัว

นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบคนร้ายบุกเข้าไปยิงผู้คนในซุปเปอร์มาร์เก็ต และเจ้าหน้าที่ แอริค แทลลี่ เป็นตำรวจท้องที่กลุ่มแรกที่เข้าพื้นที่ไปปะทะกับคนร้าย จนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่ แครี่ ยามางุจิ ผู้บังคับบัญชาตำรวจท้องถิ่นรายงานว่า จับกุมคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ชื่อ และเหตุจูงใจของการก่อนเหตุในครั้งนี้

นับเป็นเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญในสหรัฐ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงในร้านสปา 3 แห่ง ของชาวเอเชียในเมืองแอตแลนต้า จนมีผู้เสียชิวิต 8 ราย เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เกิดเหตุกราดยิงบ่อยครั้ง จากข้อมูลทางสถิติพบว่า ในสหรัฐจะเกิดเหตุ กราดยิงเฉลี่ย 1 คดีในรอบ 64 วัน ซึ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับค่าสถิติเมื่อ 10 ปีก่อนที่พบคดีกราดยิง 1 ครั้งในรอบ 200 วัน

เหตุกราดยิงที่สะเทือนขวัญที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 ในงานเทศกาลดนตรีที่เมืองลาส เวกัส ที่มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 59 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 400 คน

จึงมีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากเรียกร้องให้สภา คองเกรซพิจารณาร่างกฏหมายการควบคุมการถือครองอาวุธปืนให้มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ แต่ยังไม่เป็นผล เพราะผู้แทนในบางรัฐยังคงมองว่าการครอบครองอาวุธปืนเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการการป้องป้องคุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของตนเอง

แต่ด้วยคดีความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนที่เพิ่มสูงขึ้น ชาวอเมริกันที่เรียกร้องให้จำกัดสิทธิ์การถือครองอาวุธปืน จึงได้แต่หวังว่าจะสามารถนำเป็นกรณีตัวอย่างในการผลักดันให้เปลี่ยนกฏหมายได้สักวันหนึ่ง


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2021/mar/22/boulder-colorado-active-shooter-supermarket

https://www.usatoday.com/story/news/nation/2021/03/22/boulder-shooting-police-report-active-shooter-colorado-grocery-store/6956943002/

https://edition.cnn.com/us/live-news/colorado-king-soopers-shooting/index.html

‘ดร.นิว’ ถาม ‘ประจักษ์ ก้องกีรติ’ ร้องไห้ขนาดนี้ทำไมไม่ติดคุกแทนลูกศิษย์ หรือออกมานำม็อบเอง.?

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ว่า

น้ำตาอาจารย์หรือน้ำตาอา...?

ร้องไห้ขนาดนี้ ทำไมประจักษ์ถึงไม่ออกมานำม็อบเอง?

ร้องไห้ขนาดนี้ ทำไมประจักษ์ถึงไม่ติดคุกแทนลูกศิษย์?

ประจักษ์เป็นอาจารย์ประเภทไหน? สอนแบบไหน? ทำไมลูกศิษย์ถึงได้ติดคุก?

ประจักษ์มีส่วนทำให้ลูกศิษย์ติดคุกด้วยหรือไม่? ประจักษ์ยุยงปลุกปั่นอะไรลูกศิษย์บ้างหรือเปล่า?

ประจักษ์ ก้องกีรติ อยู่ในเครือข่ายอาจารย์สามนิ้วของ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ใช่หรือไม่?

ผู้ปกครองนักศึกษาธรรมศาสตร์จะปล่อยให้คนอย่างประจักษ์ ก้องกีรติ และบรรดาอาจารย์สามนิ้วในเครือข่ายของชาญวิทย์ เกษตรศิริ สอนบุตรหลานต่อไปอีกนานแค่ไหน?

เมื่อไหร่เครือข่ายของชาญวิทย์ เกษตรศิริ จะหมดไปจากธรรมศาสตร์?

นานแค่ไหนแล้วที่นักศึกษาธรรมศาสตร์ต้องติดคุก ในขณะที่อาจารย์ธรรมศาสตร์กลุ่มนี้อยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอด?

อาจารย์กลุ่มนี้เห็นลูกศิษย์นักศึกษาเป็นอะไรกันแน่?

#ปฏิรูปธรรมศาสตร์

#อาจารย์สามนิ้วออกไป

#ให้ชาญวิทย์จบที่รุ่นเรา

"แรมโบ้" ประณามบุคคลโพสต์โซเชียลลักษณะคุกคามบุตรสาวนายกฯ ถือเป็นพฤติกรรมถ่อย สมควรถูกดำเนินคดีไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ระบุหากคิดจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ด ต้องมีสติ ปัญญา คิดก่อนโพสต์เพราะอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถือว่า สันดานถ่อยเลวที่สุด

23 มีนาคม พ.ศ. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่มีบุคคลโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลในลักษณะคุกคามบุตรสาวนายกฯ โดยขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง มีการโพสต์ออกสื่อสาธารณชนถือเป็นการคุกคามบุคคลอื่น ทั้งที่บุตรสาวนายกฯไม่เคยทำให้ใครได้รับความเดือดร้อนเลย และไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ทั้งนี้ตนเองยังมองว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้สมควรที่จะถูกดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

นายเสกสกลระบุว่าแม้ว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความอาจจะไม่ชอบนายกฯหรือรัฐบาลจะออกมาประท้วง เดินขบวนเรียกร้อง นายกฯก็ไม่เคยห้ามการชุมนุม ขอเพียงอย่าสร้างความรุนแรงและทำผิดกฎหมาย แต่ไม่ควรที่จะออกมาโพสต์ข้อความคุกคามเช่นนี้ ถือว่าเลวถ่อยที่สุด

"คนที่มีความคิดเลว ๆ ถ่อย ๆ เช่นนี้สมควรที่จะถูกดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่นอีก และหากคิดอยากจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ดแล้วก็จะต้องมีสติ ปัญญา คิดให้รอบคอบก่อนโพสต์ข้อความต่าง ๆ เพราะอาจทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน อย่าเอาแต่สนุกตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น การกระทำเช่นนี้ไม่ควรให้อภัย

ตนขอเรียกร้องให้ประชาชนที่รักความถูกต้องในสังคมไทยหรือองค์กรปกป้องสิทธิสตรีและครอบครัวได้ช่วยกันประณามบุคคลที่ก้าวล่วงครอบครัวทุกคนในประเทศนี้ จะเป็นการคุกคามครอบครัวใครก็ตามไม่ควรจะกระทำ แม้กระทั่งในกรณีคุกคามไปถึงครอบครัวนายกฯทั้งที่บุตรสาวของนายกฯ ซึ่งไม่เคยมายุ่งเกี่ยวการเมืองยังเอามาโพสต์ทำลายได้ จิตใจคนพวกนี้ทำด้วยอะไร ขอพวกเราช่วยกันขจัดคนชาติชั่วประเภทนี้ออกไปจากสังคมไทย

ตนเองถือว่า เลวชั่วช้า หยาบคายและถ่อยที่สุด พวกนักเลงโจรคีย์บอร์ด พวกโจรจิตวิปริตเหล่านี้ ที่ออกมาโพสต์ ต้องไม่ให้มีที่ยืนในสังคมไทย และต้องรีบดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน จับกุมตัวมาดำเนินคดีไปนอนอยู่ในคุกให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ไปกระทำความชั่วหรือความคิดเลวๆ โพสต์คุกคามระรานครอบครัวคนอื่นได้อีกในวันข้างหน้า" นายเสกสกล กล่าว

'บิ๊กป้อม' ลั่น พปชร.ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ยักไหล่ 'ปชป.-ภท.' ไม่ชวนร่วมแก้รธน. ชี้ จ่อนัดพรรคร่วมมาคุย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีว่าได้มีแนวคิดตั้งพรรคสำรองหรือไม่ ว่า "ไม่มีแนวคิด" เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจจะไม่เสร็จภายในสมัยรัฐบาลนี้ จึงควรจะมีการตั้งพรรคสำรองไว้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่รู้ ผมไม่ได้ทำ"

เมื่อถามว่า จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยคุยกัน 

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จับมือกันโดยไม่ได้ชวนพรรคพปชร. เข้าร่วม หัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า ถึงอย่างไรก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ในพรรคร่วมรัฐบาลคงต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ขณะนี้ยังไม่เจอกัน ถ้าเจอก็จะคุยกัน

เมื่อถามว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะทำให้เป็นประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีๆ อะไร" เมื่อถามว่า จะต้องนัดพบกระชับมิตรกันเหมือนในครั้งก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีอะไร พวกคุณไปคิดกันเองทั้งนั้น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคการเมืองก็ต่างคนต่างคิดกัน ไม่เป็นไร"

เมื่อถามว่า กรณีของน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. และกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ส.ส.อุทัยธานี พรรคภท. จะถือว่าเจ๊ากันหรือไม่ หัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า "ไม่รู้ แล้วแต่พวกคุณจะคิดอย่างไร ยืนยันไม่มีอะไรหรอก"

เมื่อถามว่า พรรคพปชร. จะอยู่ยาวนานถาวรใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า ก็ตั้งมา 2 ปีกว่าแล้ว ยืนยันไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

กองทัพไทยแถลงข่าวปฏิเสธรายงานการส่งข้าวสาร 700 กระสอบช่วยกองทัพพม่าชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน โดยอ้างในวันเสาร์ (20 มี.ค) ว่า การขนส่งข้าวสารตามรายงานสื่อฝ่ายไทย เป็นการค้าขายตามพรมแดนตามปกติ

ด้านแม่ทัพภาค 3 พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ อ้าง “นี่ไม่ใช่การส่งเสบียงให้ ทหารเมียนมา แต่ทางเมียนมาฝากซื้อข้าวของ ข้าวสาร ของใช้ต่าง ๆ จากฝั่งไทย”

รอยเตอร์รายงานวันเสาร์ (20 มี.ค) ว่า การช่วยใดๆ โดยตรงที่ออกมาจากไทยไปยังพม่าที่อยู่ภายใต้การรัฐประหารนั้น จะเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักออกมาจากนานาชาติโดยเฉพาะโลกตะวันตกที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของ อองซานซูจี ผู้นำประชาธิปไตยพม่า

ขณะเดียวกันจากเพจ The Reporters ได้รายงานเมื่อวันที่ 20 มี.คที่ผ่านมา โดยอ้างรายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - พม่า ใน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอนพบว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยแห่งหนึ่ง ได้จัดส่งมอบข้าวสารและเสบียงอาหาร ให้แก่กองกำลังทหารพม่า ที่ตั้งที่ฐานปฏิบัติการอยู่ในรัฐกะเหรี่ยงบริเวณริมแม่น้ำสาละวิน โดยเป็นข้าวสารจำนวนอย่างน้อย 700 กระสอบ

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวตามการรายงานของสื่อไทยว่า “การขนเสบียงครั้งนี้ทราบว่าได้รับคำสั่งมาจากส่วนกลางของรัฐบาลไทย และรถบรรทุกขนข้าวเหล่านี้มาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก การที่กองกำลังฝ่ายความมั่นคงของไทยยอมส่งเสบียงให้ทหารพม่าครั้งนี้ ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นปัญหาภายในพม่า ที่สำคัญคือ สังคมโลกกำลังจับตาดูการระทำอันรุนแรงที่กองทัพพม่ากำลังทำกับประชาชน ดังนั้นการส่งเสบียงให้ เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ทหารพม่าทำร้ายประชาชน”

ซึ่งชายแดนไทยที่ติดกับรัฐฉาน ภายหลังจากที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS หรือ SSA) ที่นำโดยพลเอกเจ้ายอดศึก ประกาศให้การคุ้มครองผู้ที่หลบหนีการรัฐประหารจากทหารพม่า ทำให้สถานการณ์หลายพื้นที่เกิดความตึงเครียด

พลเอกเจ้ายอดศึก เปิดเผยว่ายังไม่มีรายงานว่าบริเวณชายแดนรัฐฉาน-ไทย มีการขนส่งเสบียงให้กับทหารพม่า แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา SSA ได้ประกาศไปแล้วว่าจะให้การคุ้มครองประชาชนที่หลบหนีมาจากสถานการณ์รัฐประหารของทหารพม่า

รอยเตอร์รายงานอีกว่า พล.ต.อำนาจ ศรีมาก ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวรกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “กองทัพไม่ได้ส่งปัจจัยให้กับกองทัพพม่า และไม่มีการติดต่อจากพม่าก่อนหน้าเพื่อร้องขอความช่วยเหลือหรือเรียกร้องการสนับสนุนจากทางเราเพราะพวกเขาเองก็มีเกียรติยศ”

และเสริมต่อว่า “ซึ่งหากว่ามีอะไร ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องการค้าขายข้ามพรมแดนตามปกติ” พล.ต.อำนาจยืนยันว่า “ทางเราไม่ได้ปิดกั้นหากว่าการปฏิบัติไม่ได้ละเมิดกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบศุลกากร”

รอยเตอร์กล่าวว่า สื่อไทยได้รายงานว่า สหภาพชนชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) หรือ KNU ได้ตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของหน่วยทหารพม่าที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ในรัฐกะเหรี่ยงบริเวณชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน

ทั้งนี้จากการให้สัมภาษณ์ของ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาค 3 ได้กล่าวชี้แจงถึงปมข้าวสาร 700 กระสอบว่า...

“ที่ผ่านมา ทหารเมียนมา ฝากซื้อข้าวของ ข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จากฝั่งไทย โดยประสานผ่าน คณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (TBC: Township Border Committee)มาเป็นปกติ เพราะซื้อจากฝั่งเมียนมา จะขนส่งไกลกว่า แต่ซื้อฝั่งไทย สะดวกกว่ามาก ถือเป็นการช่วยเหลือกันถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เพราะความสัมพันธ์ทางทหารเป็นไปด้วยดี

“เพราะที่ผ่านมาเวลาเรามีปัญหาอะไร คนไทยไปเกิดเรื่องในฝั่งเมียนมา เราก็จะประสานผ่านคณะกรรมการTBC ในการช่วยเหลือดูแล และการส่งคนไทยในเมียนมากลับประเทศ เมื่อเกิดปัญหา ฝ่ายทหารเมียนมา เขาก็ฝากเราซื้อของ ทำกันแบบนี้มายาวนานและถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในฝั่งไทยในการซื้อข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จากพ่อค้าแม่ค้า ภาคเอกชนไทย แล้วส่งไปให้ฝั่งเมียนมา”

พลโท อภิเชษฐ์ ยังได้กล่าวอีกว่า "ปัญหาที่อาจถูกนานาชาติกดดันจากการที่อาจเห็นว่าฝ่ายไทยให้การสนับสนุนพม่าในการส่งเสบียง อันนั้น เป็นเรื่องการเมือง เพราะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นTBC ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เป็นเรื่องประสานงานความสัมพันธ์ทางทหาร และการร่วมดูแลชายแดนและดูแลประชาชน2 ฝั่งให้สงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาระหว่างกัน”

สำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาไทยรายงานในวันเดียวกัน (20) ว่า กะเหรี่ยง KNU อ้างมีการปิดล้อมพื้นที่ในเขตอิทธิพลของ KNU ในเมียนมา ทำให้กองทัพเมียนมาต้องหันมาลำเลียงสินค้าผ่านทางไทยแทน

โดยชี้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ด้านชายแดนไทย - เมียนมา จ.ตาก เปิดเผยเมื่อ 20 มี.ค. ยืนยันว่า “ทางทหารรัฐบาลเมียนมา ได้ส่งข้าวสาร จำนวน 700 กระสอบ พร้อมด้วยเนื้อกระป๋อง น้ำมันพืช และใบชาแห้งถูกลำเลียงมาจากฝั่ง จ.เมียวดี เมียนมา เข้ามาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วลำเลียงส่งไปที่ ริมชายหาดแม่น้ำสาละวิน บริเวณ ด้าน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน แล้วส่งข้ามแม่น้ำไปฝั่งเมียนมา ทั้งนี้เพื่อส่งให้ทหารเมียนมาตามฐานปฏิบัติการริมแม่น้ำสาละวิน หลังจากนั้นจะลำเลียงด้วยเรือหางยาวไปส่งให้ทหารเมียนมา”

แหล่งข่าวจาก KNU กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้พลโท โก่โก่ หม่อง แม่ทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประสานมายังกองทัพภาคที่ 3 ของไทยเพื่อขออำนวยความสะดวก ซึ่งทางฝ่ายไทยไม่ได้ตอบรับตกลง และทำให้ทหารเมียนมาว่าจ้างเอกชนฝ่ายไทยให้ทำการขนส่งให้เอง

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ของสหภาพชนชาติกะเหรี่ยง KNU ออกมาในวันอาทิตย์ (21) ได้ระบุว่า คัดค้านกรณีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่จะส่งเสบียงให้ทหารพม่าในพื้นที่กองพล 5 โดยระบุว่าว่าเคเอ็นยู "จะไม่รับผิดชอบใดๆ"

ขณะที่ฟากชาวบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า กองข้าวสาร 700 กระสอบ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน เป็นของใคร ชาวบ้านห่วงความปลอดภัย หากเป็นของทหารพม่า ก็ขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการนำออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะทาง KNU คัดค้านการส่งเสบียง หวั่นเกิดการปะทะที่ชายแดนไทย


ที่มา: https://www.facebook.com/119425428118611/posts/3998603250200790/

ราเมศ เผยคณะกรรมการกฎหมาย นัดถกยกร่าง แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพรรคจัดทำการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ซึ่งข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่เริ่มทำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมีครบถ้วนแล้ว ฝ่ายกฎหมายจะได้มีการนัดประชุมในวันพรุ่งนี้ 24 มีนาคม เวลา 14.00 น. ที่พรรค เพื่อเริ่มต้นทำเป็นต้นร่าง มีร่างเดิมที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วคือ มาตรา 256 และมาตรา 272 และมีประเด็นเรื่องระบบเลือกตั้ง 

รวมไปถึงประเด็นการตรวจสอบถ่วงดุลในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเรื่องสิทธิชุมชน เป็นประเด็นเบื้องต้น ทำแยกเป็นรายฉบับ และไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และ หมวด 2 เมื่อดำเนินการเสร็จก็จะได้นำเสนอหัวหน้าพรรคต่อไป ฝ่ายกฎหมายคาดว่าจะเสร็จทันก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญ 

นายราเมศกล่าวต่อว่า ทุกฝ่ายควรจริงใจในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น หากทุกคนคิดเพื่ออนาคตในเรื่องประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ เชื่อว่าจะเดินไปได้

"กรณ์" นำพรรคกล้า ล้อมวงคุย "นิค จีนี่" - "Kim Kwan Su" อดีตทีม YG สร้าง "T-Wave" ให้ดังระดับอินเตอร์

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์รูปพร้อมข้อความลงเฟสบุ๊กหัวข้อ "Soft Power ไทย ไปถึงระดับโลกได้!" โดยนำทีมงานกลุ่ม Soft Power พรรคกล้า พบกับนายวิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้บริหารจีนี่ เรคคอร์ด พร้อมทีมงานแกรมมี่ ร่วมพูดคุยกับนาย Kim Kwan Su อดีตทีมจาก YG Entertainment ที่มีส่วนสำคัญในการสร้าง K-Wave ทั้ง Big Bang, Psy, Black Pink และวงอื่นๆ อีกมากมาย โดยนาย Kwan Su มีความตั้งใจที่จะสร้าง T-Wave (คลื่นไทย) และมีความเชื่อว่าจะสามารถยกระดับวงการบันเทิงให้สร้างผลงานระดับสากลได้ โดยนาย Kwan Su ให้เวลาตัวเองไว้ 5 ปี 

นายกรณ์ บอกต่อว่า คุยกันถึงบทบาทของรัฐในการช่วยส่งเสริม และคุยกันถึงความสำคัญของการมีวัฒนธรรมด้านการบันเทิงเป็นทุนเดิม รวมไปถึงอิทธิพลของ Streaming platform เช่น Netflix ต่อโอกาสและแนวทางการพัฒนา และถามว่า กรณีเพลง Gangnam Style ทำไม Psy ถึงเลือกเปิดตัวเพลงทาง YouTube ซึ่ง Kwan Su เล่าว่าในวันนั้น Psy แทบไม่รู้จัก YouTube ด้วยซ้ำ และไม่มีใครคาดเดาว่าจะดังถึงขนาดนั้น และรายได้หลักของ K-Pop คือการจัดคอนเสิร์ต 

แต่ช่วงโควิดนี้จึงลำบากกันถ้วนหน้ารวมถึงได้รับทราบว่ากรณี Lisa ก็ไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ของ Blackpink ที่จะมีสมาชิกคนไทย เพราะ Lisa เดินเข้าไปนำเสนอตัวเอง เป็นคนมีพรสวรรค์รที่ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งๆ การมีสมาชิกในวงที่เป็นคนต่างชาติ ทำให้การบริหารจัดการยากขึ้นมาก วันนี้บริษัทใหม่ของ Kwan Su กำลังปั้นศิลปินไทย คือ ‘น้องแอลลี่’ ที่มีเพลงฮิตคือ How To Love และอีกหนึ่งวงคือ ‘อารีน่า’ ร่วมกับเพื่อนรุ่นน้องผมคือ กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ รอดูว่าเพลงของน้องๆ จะประสบความสำเร็จแค่ไหน (เพลง Come Get It Now) 

การพูดคุยวันนี้ทำให้ได้มุมมองมากมาย แต่สิ่งที่เน้นเป็นพิเศษคือ Production Value งบโปรดักชั่นของมิวสิควิดีโอหรือแม้แต่ซีรีย์ของเกาหลีมีการลงทุนมหาศาล แต่คุ้มค่าเพราะสามารถขายคอนเทนท์ไปได้หลายประเทศทั่วโลก 

จากนั้นพวกทีมไทยแลนด์นั่งระดมความคิดกันต่อว่า วงการบันเทิงไทยจะเติบโตและไปได้ไกลได้อย่างไร จะสร้าง T-Wave ได้เองไหม หรือต้องจับมือกับคนเก่งๆ จากต่างประเทศแล้วเรียนรู้ และพัฒนาฝีมือของเราไปพร้อมๆกัน นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายประเทศไทย และทีมงาน Soft Power พรรคกล้า และนี่คือ 1 ใน 5 ภารกิจหลักสำคัญของ พรรคกล้าครับ 


https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10159493102524740&id=71254499739#TheStatesTimes
 

‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ จี้สภา สอบ ‘ส.ส.เจี๊ยบ นครปฐม’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลังโผล่ร่วมม็อบ 20 มีนา ชี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันที่ 23 มี.ค.นี้ตนได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบสวนและเอาผิดนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีเข้าร่วมชุมนุมประท้วงกับกลุ่ม RE-DEM เมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นการจัดชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ มีการทำลายและเผาป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในชาติบ้านเมือง เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายและมีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก

นางอมรัตน์ มีสถานะเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ แต่กลับลดตัวลงมาคลุกคลีร่วมกิจกรรมการชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง ๆ ที่ย่อมรู้ได้ว่าเป็นการจัดการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ซึ่งตาม ป.อาญา ม.83 ระบุว่า “ในกรณีความผิดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”

การชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน ม.14 แห่ง พรบ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 ฝ่าฝืน ม.9 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ฝ่าฝืน ม.34(6) แห่ง พรบ.โรคติดต่อ 2558 รวมทั้งฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.116 ม.209 ม.210 และม.215 รวมทั้ง พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 อีกด้วย

ที่สำคัญการเข้าร่วมชุมนุม โดยพยายามที่จะแสดงออกว่าตนเองมิใช่ “เตี้ยหลังม็อบ” ที่ถูกตั้งฉายานาม แต่พยายามจะสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กของตนว่าตนเองอยู่หน้าม็อบเสมอนั้น แต่ทว่ากลับเป็นม็อบที่นำไปสู่การทำผิดกฎหมายอย่างมากมายข้างต้น การแสดงออกของ ส.ส.อมรรัตน์ จึงเป็นประจักษ์พยานที่ตอกย้ำพยานหลักฐานว่าเป็นพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 12 และข้อ 17 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติไว้

นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวยังอาจเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ 2563 อย่างร้ายแรงอีกฉบับหนึ่งด้วย โดยเฉพาะในข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 10 ซึ่งกำหนดว่า ส.ส.ต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเคร่งครัด ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และต้องรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของสภาผู้แทนราษฎร และไม่กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ส่งคำร้องไปยังท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อบังคับ เพื่อลงโทษขั้นสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top