Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

รอเลย “เราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย” เริ่ม พ.ค. นี้

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 2 โครงการ โดยโครงการแรกคือ ทัวร์เที่ยวไทย โดยรัฐบาลจะสนับสนุนวงเงินแบบร่วมจ่าย 40% ไม่เกินคนละ 5,000 บาท กำหนดวิธีการ คือจะต้องซื้อแพ็คเกจทัวร์กับบริษัททัวร์ในประเทศ 3 วัน 2 คืน ราคาขั้นต่ำ 1.25 หมื่นบาท โดยจะต้องไปเที่ยวในวันธรรมดา คือ วันอาทิตย์-พฤหัส ซึ่งผู้มีสิทธิต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปถึงสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เริ่มต้นโครงการตั้งแต่เดือนพ.ค.-ส.ค.64 กำหนดเป้าหมายไว้ 1 ล้านคน

“คนที่ต้องการร่วมโครงการจะต้องเข้าไปดูในเวปไซต์ของ ททท. และการจ่ายเงินจะต้องทำผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ไม่มีการจ่ายเงินลักษณะอื่น และต้องสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด และสแกนใบหน้าของคนใช้บริการในระหว่างที่เข้าไปใช้บริการทั้งที่พักและร้านอาหารกับผู้ให้บริการ ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีแอปฯ ถุงเงินเพื่อรับชำระด้วย ถือเป็นระบบตรวจสอบที่จะเอามาใช้ตรวจสอบการทำโครงการเพื่อป้องกันทุจริต”

ส่วนอีกมาตรการคือ เราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 มีเพิ่มสิทธิการเข้ามาใช้ห้องพักอีก 2 ล้านสิทธิ โดยต้องเข้ามาจองห้องพักล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เริ่มต้นในเดือนพ.ค. - ส.ค.64 เป็นต้นไป ขณะที่บัตรกำนันอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เวาท์เชอร์) ที่เคยให้วันธรรมดาคนละ 900 บาทต่อวัน และวันศุกร์-อาทิตย์ คนละ 600 บาทต่อวัน นั้นจะปรับเหลือราคาเดียวคือคนละ 600 บาทต่อวัน และกำหนดให้ใช้บริการแบบข้ามจังหวัดเท่านั้น ไม่สามารถพักในจังหวัดตามภูมิลำเนาของตัวเองได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสุชาติ มอบที่ปรึกษา ลุยพัฒนาศักยภาพ อสร.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้นำบริการแรงงานสู่ประชาชน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแรงงาน มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เพชรบุรี เปิดกิจกรรมอาสาสมัครแรงงานของ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้นำบริการถึงมือประชาชน ส่งเสริมศักยภาพเครือข่าย ป้องกันยาเสพติดในสถานประกอบการ และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมในภารกิจของอาสาสมัครแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ปีงบประมาณ พ.ศ.2564  ณ นาน่า รีสอร์ท แก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

 

โดยนางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานไปสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 

 

ในวันนี้ ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้ดิฉันลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีเพื่อมาเปิดกิจกรรมในภารกิจของอาสาสมัครแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2564 ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานนั้นจะต้องอาศัยกลไกของอาสาสมัครเป็นผู้ใกล้ชิดประชาชนในชุมชนท้องถิ่น อาสาสมัคร หมายถึง ผู้ที่สมัครใจทำงานเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งอื่นใด ด้วยความสมัครใจ เสียสละ 


คุณสมบัติที่สำคัญของอาสาสมัครมี 3 ประการ คือ ทำงานด้วยความสมัครใจไม่ใช่ด้วยการถูกบังคับหรือเป็นเพราะหน้าที่ เป็นงานเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมหรือสาธารณประโยชน์ และทำโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งของมีมูลค่าแทนเงิน

 

นางธิวัลรัตน์ กล่าวต่อว่า ต้องขอชื่นชมในความเสียสละของอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) ที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้กับกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเครือข่ายอาสาสมัครแรงงานเป็นกลไกสำคัญในระดับพื้นที่ในการเชื่อมประสานและนำบริการด้านแรงงานไปสู่ประชาชนในพื้นที่ทำงานทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพให้แก่อาสาสมัครแรงงานในด้านการประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร รวมถึงเทคนิคการนำเสนออย่างมืออาชีพ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญในการปฏิบัติงานในพื้นที่ 

 

จึงขอให้ทุกท่านตั้งใจรับความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน รวมถึงได้ร่วมกันทำความดีเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะ อันจะเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

“บิ๊กป๊อก” ปัด ไม่รู้มีตั้งพรรคการเมือง ยัน ขรก.ทำงาน อยู่ ไปตั้งพรรคไม่ได้

วันที่23 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล .อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกระแสข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนกำกับดูแล ว่า “ ไม่มีหรอก ผมไม่รู้เรื่อง”

 

เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวบิ๊กข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ รับทราบแล้วหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เห็นมีแต่คนเขาพูดกัน  จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเป็นข้าราชการและยังทำงานอยู่ ไม่ได้ข่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตการตั้งพรรคการเมือง หลังมีกระแสข่าวลือยุบสภา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ ไม่ได้ข่าวเลย ”

นายกฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฉีดวัคซีนให้ปชช. พร้อมสั่ง เร่งสร้างถนนสายใหม่ เลี่ยงผ่านพื้นที่ชุมชนแออัด หวังเพิ่มขีดความสามารถประเทศ

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งนายกฯได้ให้นโยบายเรื่องการให้วัคซีนในแต่ละกลุ่ม 

 

เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่ามีความโปร่งใส และสั่งการให้เร่งรัดฉีดวัคซีนเมื่อได้รับวัคซีนมาจากต่างประเทศ และในอนาคตเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับวัคซีนที่กระจายจากส่วนกลางแล้ว โดยให้ดูเรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้ฉีดให้คนไทยด้วย

 

นอกจากนี้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงถึงผลประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมถึงเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนสายใหม่ ในเส้นทางหลัก 

 

ซึ่งมีความจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และถือว่าเป็นการลดความแออัด และลดปัญหาการจราจรของเมืองหลักด้วย แต่การก่อสร้างถนนสายหลักจะต้องไม่ผ่านพื้นที่ที่มีชุมชนแออัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของพี่น้องประชาชน 

หลังจากที่เราสังเกตการรัฐประหารตั้งแต่ Day 1 จนถึงวันนี้นั้น ฉันว่าการต่อสู้ในเมียนมามีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอยู่และทำให้เหตุการณ์ไม่สงบยืดเยื้อ ซึ่งนั่นเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Fake News ที่มากมายในเมียนมา

ขณะนี้ หลาย ๆ ข่าวหลายเรื่องราวที่ปรากฎออกมาบนเฟซบุ๊กก็ดี หรือข่าวออกสื่อหลักในไทยหรือพม่าก็ดี บางข่าวเป็นข่าวที่พูดออกมาจากคนโดยปราศจากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งฉันขอเรียกสิ่งที่นำเสนอออกมาว่ามันคือ Fake News ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า โฆษณาชวนเชื่อ หรือ Propaganda นั่นเอง

ในเมียนมานับจากที่ทางทหารทำการรัฐประหารสิ่งที่ฉันเห็นมา คือ ข่าวทั้งจากฝั่งไทยก็ดี ฝั่งพม่าก็ดี ฝั่งชนกลุ่มน้อยก็ดี หลายข่าวหากไม่สืบหาข้อมูลดี ๆ ย่อมคล้อยตามได้ง่าย

แรก ๆ โฆษณาชวนเชื่อที่ออกมาเป็นการปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้าน พอได้จำนวนคนมาก็เริ่มดำเนินการหรือจะเรียกได้ว่า ม็อบสูตรประเทศไทย คือ การพยายามสร้างภาพว่าม็อบที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจีนั้นเป็นสิ่งสวยงาม

ตามต่อมาด้วยภาพที่ทำให้เราต้องคิดว่า เฮ้ย…ผู้กำกับเดียวกันนี่หว่า…

แต่หลังจากทางกองทัพไม่ได้ให้ราคากับคนพวกนี้ ก็มีกลุ่มที่พยายามจะบิดเบือนด้วยประกาศปลอม แต่สุดท้ายก็มีคนจับโป๊ะได้ว่าประกาศนั้นเป็นประกาศปลอม

หลังจากที่มีคนชุมนุมมากพอจนทำให้ฝ่ายตำรวจต้องจับอาวุธมาสลายผู้ชุมนุม จนทำให้มะแจซินถึงแก่ความตาย แต่ความตายของมะแจซินเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ไม่ว่าจะเป็นรูปที่โพสต์ไว้มากมายก่อนตายทั้งภาพและคลิปในเหตุการณ์ที่มะแจซินเป็นทั้งผู้บริจาคให้ผู้ชุมนุมและมะแจซินเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ชุมนุมก็ดี

หลายคนที่พยายามมองทั้งสองด้านคงมองแบบผมว่า มะแจซิน คือ ศพที่ถูกสั่งให้ตายด้วยมือที่สาม เพราะเห็นได้ว่าหลังจากการตายของมะแจซิน มีฝ่ายหนึ่งการนำการตายของมะแจซินออกมาโหนอย่างชัดเจน จนฝั่งทหารพม่าต้องเข้ามาตรวจสอบหัวกระสุนที่ยิงใส่มะแจซิน

แม้ทางฝ่ายทหารจะแถลงมาว่ากระสุนสังหารของมะแจซินไม่ใช่กระสุนสไนเปอร์เพราะลักษณะของแผลเป็นกระสุน .22 แต่อย่างไรก็ดีก็อย่างที่ทราบกันในประเทศที่ไม่มีมุมมองเป็นกลาง ย่อมไม่มีใครเชื่อว่าการตายของมะแจซินเกิดจากมือที่สาม

ต่อมาแม้จะมีเฟคนิวส์มากมาย แต่ทางทหารก็ไม่ได้ตอบโต้อันใดทางโซเชียล แม้บางเฟคนิวส์ที่ฉันทราบจะทำให้ฉันขำจนถึงขั้นตกเก้าอี้อย่างเช่น การที่ทหารนำศพผู้เสียชีวิตที่ถูกสังหารไปผ่าพิสูจน์แล้วมีคนบอกว่าทหารนำเครื่องในคนตายไปขาย คือ เอิ่ม…เครื่องในคนนะ เอาไปต่อชีวิตนะ ไม่ใช่เอาไปต้มตือฮวน มันมีเวลาในการเก็บอวัยวะ ไม่ใช่ตายกันมาครึ่งวันหรือรอข้ามวันแล้วมาเอาเครื่องในตอนผ่าพิสูจน์

และล่าสุดที่ฉันทราบข่าวคือ การจับตัวหลวงพ่อ บะมอสะยาดอว์ก็ดี หรือ การที่ทหารไปลอกทองชเวดากองก็ดี คือเฮ้ย...พวกคุณรู้ไหม 'มิน อ่อง ลาย' เขาทำบุญเยอะมากนะ ถ้ามีใครตามข่าว 'มิน อ่อง ลาย' ในช่วงที่เกิดรัฐประหาร เหมือนรู้ว่าตัวเองทำบาป เลยพยายามทำบุญเยอะมากเพื่อลบล้างบาป

สุดท้ายที่ฉันเจอคือข่าวหญิงสาวตกตึกตายก็ดี หรือ ข่าวตำรวจแบกกล้วยก็ดี ก็มีการตีข่าวว่า ตำรวจผลักคนตกตึก ตำรวจ ทหาร ปล้นกล้วยเพราะไม่มีอะไรจะกิน นี่คือเฮ้ยแค่รูปเดียวรู้ดีกันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันว่าภาพๆเดียวมันสื่ออะไรไม่ได้มั้ง

สุดท้ายเราแค่อยากจะสื่อว่าในสถานการณ์ที่ยังไม่มีอะไรชัดเจน การเสพข่าวอะไรก็ตามไม่ควรจะอินตามกระแส แต่ควรหาข้อมูลมาสนับสนุนหรือหักล้างว่าสิ่งที่เราได้ทราบมานั้นจริงหรือไม่จริง เหมือนกับการมองภาพๆ หนึ่ง สื่อบางรายอาจจะเลือกมุมที่จะนำเสนอ แต่หากคุณเป็นคนที่มีเหตุมีผล คุณควรจะมองภาพทั้งภาพไม่ใช่ภาพในมุมใดมุมหนึ่งเท่านั้น


ที่มา: AYA IRRAWADEE

กระทรวงศึกษาธิการ หารือร่วมกับผู้แทนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติยูนิเซฟ ประเทศไทย สร้างความร่วมมือด้านการจัดการศึกษาสำหรับเด็กเล็ก เน้นการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ยกระดับความรู้เรื่องทักษะดิจิทัล

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รักษา รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับนางคิม คยองซัน ผู้แทนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติยูนิเซฟ ประเทศไทย ว่า จากการหารือยูนิเซฟมีความสนใจเรื่องการศึกษาของเด็กปฐมวัย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และยูนิเซฟจะมีความร่วมด้านการจัดการศึกษาสำหรับเด็กเล็กมากขึ้น เช่น การดูแลความปลอดภัย การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งตนได้พูดถึงเรื่องที่ ศธ.ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กลุ่มครูได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นกลุ่มแรก ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่เด็กนักเรียน

นอกจากนี้ยูนิเซฟยังให้ความสนใจการศึกษาของเด็กชนเผ่าและเด็กด้อยโอกาส รวมถึงได้แสดงความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ครูและนักเรียนได้ยกระดับความรู้เรื่องทักษะดิจิทัลให้มากขึ้น ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าขณะนี้ ศธ.ได้เลือกโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลในพื้นที่จังหวัดเลยและจังหวัดกาญจนบุรีอย่างละ 1 แห่ง เพื่อนำมาเป็นโรงเรียนนำร่องในการบริหารจัดการด้านการศึกษาด้วยการเติมทักษะดิจิทัล ห้องเรียนเทคโนโลยี ครูผู้สอนด้านภาษาอังกฤษ ในการเป็นต้นแบบให้เด็กในโรงเรียนเหล่านี้มีความรู้ด้านดิจิทัลและเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีหน่วยงานภาคเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนนุนการดำเนินงานให้ โดยการนำร่องดังกล่าวจะมีการประเมินผล 3 - 6 เดือนว่าเด็กในโรงเรียนขนาดเล็กมีทักษะการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นหรือไม่

“สำหรับความร่วมมือในอนาคตที่จะทำให้การทำงานระหว่างยูนิเซฟและ ศธ.มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าการทำงานของยูนิเซฟด้านการศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องส่งผลให้การดำเนินงานมีความกระจัดกระจายไม่เห็นการติดตามผลงานเท่าที่ควร ดังนั้น จึงมีข้อสรุปว่าอยากให้ยูนิเซฟจัดทำเป็นวารสาร เพื่อรวบรวมการดำเนินงานของยูนิเซฟในรูปแบบต่างๆ มารวมไว้ที่เดียวกัน ซึ่งจะทำให้สังคมได้รับทราบการทำงานของยูนิเซฟมากขึ้น”รมช.ศธ.กล่าว


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/96887

ครม.ไฟเขียว! ถอดเงินสนับสนุนค่าใช้จ่าย อสม. ออกจาก อบจ. โยกกลับมาให้ สธ.

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านออกจากรายการเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด

 

โดยให้นำเงินงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจ่ายค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอตั้งงบประมาณรายการดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากภารกิจการจ่ายเงินค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ไม่ใช่ภารกิจถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจากเดิมเดือนละ 600 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทต่อคน ทำให้ในปีงบประมาณ 2563 รายการเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 44.64 ของเงินอุดหนุนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับจัดสรร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงมีงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจัดการบริการสาธารณะที่มีความสำคัญและจำเป็นด้านอื่นๆในสัดส่วนที่ลดลง

ครม.ไฟเขียว ข้อเสนอ ป.ป.ช. สกัดทุจริต กรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ชี้! ให้ศึกษาอีไอเอ-สร้างอาคารฝั่งตะวันออก และตะวันตกก่อน

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม

ครม.ว่า ครม.เห็นชอบข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตกรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

 

ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นเบื้องต้น คัดค้านการต่อขยาย โดยมีข้อสังเกตว่า ส่วนต่อขยายดังกล่าว ยังไม่ได้รับการออกแบบและจัดทำอีไอเอ ที่มีงบประมาณค่อนข้างสูง และผู้โดยสารต้องนั่งรถไฟภายในอาคาร 3-4 ต่อ และอาจทำให้การสัญจรหรือการเดินรถบนมอเตอร์เวย์ติดขัดได้ เพราะอาคารผู้โดยสารตั้งรวมกันอยู่ด้านเดียว 

 

เรื่องนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ และได้มีข้อสรุปว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ควรเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ตามมติครม. เมื่อเดือนส.ค.2553 โดยเร็ว และควรดำเนินการโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกในคราวเดียวกัน เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 75 ล้านคนต่อปี 

 

นอกจากนี้การท่าอาอาศยานควรพัฒนาให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำตามแนะนำของสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ด้วย เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 120 ล้านคนต่อปีเป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงนำโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

กองทัพเรือแจ้ง! ซื้อระบบเรดาร์จากบริษัทคู่สัญญา จัดซื้อโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.ท.เชษฐา  ใจเปี่ยม  โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ปรากฏเป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือซื้ออะไหล่และพัสดุ ในปีงบประมาณ 2563 - 2564  ทั้งที่ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เคยถูกตัดสินให้แพ้คดีร่วมกันฉ้อโกงขายเครื่องตรวจจับสารเสพติดอาวุธและวัตถุระเบิด GT200  และ ALPHA6 คดีดำเลขที่ อ284/62 คดีแดงที่ 931/62 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 นั้น

 

โดยระบุว่า กรณีการทำสัญญาจัดซื้ออะไหล่และพัสดุตามการรายงานข่าวนั้น เป็นการจัดซื้ออะไหล่สำหรับระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิง ตราอักษร SAAB จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน ที่กองทัพเรือได้ดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2563 โดยระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิงนี้ กองทัพเรือได้จัดหามาจากบริษัท SAAB และติดตั้งไว้ใช้ในราชการในเรือรบอยู่แล้ว 

.

ทำให้การจัดหาอะไหล่เพื่อการซ่อมบำรุงจำเป็นต้องจัดหาจากบริษัทผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของระบบหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ไม่สามารถจัดซื้อจากบริษัทผู้ผลิตรายอื่นได้ ซึ่งบริษัท SAAB ได้แต่งตั้งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่ประเภทดังกล่าวให้กับหน่วยงานภาครัฐเพียงรายเดียวภายในประเทศไทย การจัดซื้ออะไหล่นี้ทำโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากเป็นการจัดซื้อผ่านตัวแทน

 

นอกจากนี้ ในขณะที่ทำสัญญานั้น บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ยังไม่ได้ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กองทัพเรือจึงสามารถทำสัญญากับบริษัทตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้

 

“ยืนยันว่า กองทัพเรือ มุ่งมั่นในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนและบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นไประเบียบราชการทุกประการ” พล.ร.ท.เชษฐา กล่าว 

‘ราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้ง 4 รัฐมนตรีใหม่ในรัฐบาลประยุทธ์ 2/4 อย่างเป็นทางการ 3 รมต.ป้ายแดง ‘ชัยวุฒิ’ นั่ง รมว.ดีอีเอส ‘สินิตย์’ นั่งรมช.พาณิชย์ ส่วน ‘ตรีนุช’ นั่งรมว.ศึกษา ตามโผ ส่วน ‘วีรศักดิ์’ ย้ายจาก รมช.พาณิชย์ไป รมช.คมนาคม

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรี 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 2. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

1.ให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสินิตย์ เลิศไกร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 22 มี.ค. 2562 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top