Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'INTERLINK' นำเทรนด์การเรียนรู้แนวใหม่ จัดสัมมนาที่ตอบโจทย์แห่งยุค 'DIGITAL INFRASTRUCTURE'

(6 ธ.ค. 65) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา 'HOW TO INSTALL WI-FI ACCESSPOINT' ที่ตอบโจทย์การเลือกใช้อุปกรณ์ WIFI และ WIRELESS ให้พร้อมรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในยุคของเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเรียนรู้เรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ถูกต้องเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย โดยมีคุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ กล่าวเปิดงาน และพูดถึงบทบาทสำคัญของ WIRELESS WIFI ACCESSPOINT และเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจัดการติดตั้งมาแชร์ความรู้ และมาตรฐานของ WIFI ACCESSPOINT

‘บิ๊กป้อม’ เผย ทุกหน่วยรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด ‘บรรเทาภาระ - ลดผลกระทบ’ ต่อประชาชนได้มาก

พล.อ.ประวิตร เผย ทุกหน่วยงานดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด ลดผลกระทบต่อประชาชนได้เป็นอย่างมาก

(6 ธันวาคม 2565) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อติดตามการดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ในพื้นที่ภาคใต้ และ 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง หน่วยงานได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ลดผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก 

'ชลน่าน' อุบเปิดแคนดิเดตนายกฯ พท. ฟุ้ง!! ของดีต้องเก็บไว้ก่อน

(6 ธ.ค. 65) ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้เรายังไม่เปิด ของดีต้องเก็บไว้ในเวลาที่เหมาะสม และแคนดิเดตนายกฯ ต้องมี 3 คนเป็นลำดับชัดเจน ประชาชนไม่สับสน

เมื่อถามว่าจะมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนตอบแทนนายเศรษฐาไม่ได้ แต่นายเศรษฐาก็ออกมาให้ข่าวเองว่าสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องขอขอบคุณมาก ซึ่งนายเศรษฐาเป็นคนเก่งที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะมาหรือไม่มา แต่เมื่อสนับสนุนแนวทางของพรรคเพื่อไทยก็เป็นเรื่องที่ดี 

กรมศุลฯ ดักจับแก๊งนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็ง มูลค่า 1.4 แสนบาท จำนวน 950 กก.

กรมศุลกากรจับกุมเนื้อสุกรแช่แข็งซุกซ่อนในรถกระบะ จำนวน 950 กิโลกรัม รวมมูลค่า 141,300 บาท บริเวณถนนป่าไร่-ดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย 

กรมศุลกากรจึงให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ เข้มงวดในการตรวจค้นจุดที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ASF ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค พร้อมปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศอย่างต่อเนื่อง 

โดย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำเอาเนื้อสุกรที่ชำแหละแล้วจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ในพื้นที่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจึงได้วางแผนจับกุม พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บริเวณถนนป่าไร่-ดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ใกล้เทศบาลตำบลป่าไร่ และอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร ผลการตรวจค้นพบเนื้อสุกรแช่แข็งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก และจากการได้ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเนื้อสุกรดังกล่าวเป็นเนื้อสุกรที่ลักลอบนำมาจากฝั่งประเทศกัมพูชาโดยที่ยังไม่ผ่านพิธีการทางด่านศุลกากร จำนวน 950 กิโลกรัม มูลค่า 141,300 บาท

‘ประชาธิปัตย์’ รุกหนัก!! ใส่ใจชายแดนใต้ เรียกกระแส คืนศรัทธา ปูพื้นใหม่สู้ศึกเลือกตั้ง

การที่ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมงานไปเยือนประเทศมาเลเซีย และได้พบกับกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ถือเป็นการตอบโจทย์ทางการเมืองในการรุกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะกลุ่มนักธุรกิจร้านอาหารต้มยำกุ้ง 100% เป็นคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยทำธุรกิจประสบความสำเร็จส่งเงินกลับเข้ามายังประเทศไทยมหาศาล

ยิ่งเมื่อประชาธิปัตย์ตั้งธงว่า จะต้องทวงคืนสนามเลือกตั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ด้วยแล้ว การลุยเข้าไปพบปะชาวไทยในมาเลเซีย จึงถือว่าเป็นการรุกที่ ‘เข้าเป้า’ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขายังมีญาติพี่น้องอีกจำนวนมากอาศัยอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไปมาหาสู่กันอยู่ ถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ที่มีศักยภาพ และในช่วงหลังขาดการเอาใจใส่ดูแล

ทั้งนี้ ร้านอาหารต้มยำกุ้ง นั้น ถือว่าประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ไม่แตกต่างจากที่อื่น ๆ ทั่วโลก และการที่ นิพนธ์ ได้ไปพบกับ Ukhuwah Mr. Johari Bin Ahmad รวมถึงกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์พร้อมรับหนังสือร้องเรียน จนพบว่า ปัจจุบันการมาทำงานในประเทศมาเลเซียของกลุ่มคนไทยนั้นมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการให้รัฐบาลไทยได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนไทยที่มาทำงานที่นี่ โดยทาง กลุ่มฯ ได้ร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่องดังนี้...

- การแจ้งเกิด-แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก และหลายขั้นตอน
- การอํานวยความสะดวกในการออกใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย
- การอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง(Passport) ให้กับคนไทยที่เดินทาง มาทํางาน ให้สามารถต่ออายุ/ทำใหม่ได้ที่สถานทูตฯ 
- การกำหนดรายละเอียดการออกใบอนุญาตให้เข้ามาทํางานในประเทศมาเลเซีย (Work Permit) โดยกำหนดประเภทแรงงาน/ราคา
- การส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของคนไทยที่เดินทาง มาทํางานในประเทศมาเลเซีย 
- การจัดหาครูผู้สอนและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับเด็กที่ครอบครัวพามาพักอาศัย หรือ ที่แม่คนไทยคลอดในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งปัจจุบันเด็กที่เดินทางมากับผู้ปกครองนั้นไม่สามารถสื่อสารและใช้ภาษาไทยได้ 

นิพนธ์ รับปากว่าจะหาช่องทางในการช่วยเหลือ โดยกล่าวว่า การร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะกลุ่มคนที่ร้องขอมานั้นก็ถือเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดต่าง ๆ นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าบางอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที อย่างการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้รู้จักกันมากขึ้น สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในเรื่องต่าง ๆ ส่วนในเรื่องพาสปอร์ต และใบอนุญาตการทำงานต้องมีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ และทางการมาเลเซีย ต่อไป ซึ่งจะรับไปดำเนินการต่อรวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ตามที่กลุ่มฯ ได้ร้องขอมา ซึ่งต้องถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำรายได้เข้าประเทศและหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนใต้ของเราส่วนหนึ่งด้วย

ถ้านิพนธ์ดำเนินการได้ตามที่รับปากไว้ กระแสแสปากต่อปากก็จะมาถึงหูของญาติพี่น้องในเมืองไทย และจะเป็นพลังดูดเสียงมาสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ได้ไม่น้อย

ทั้งนี้ หากกล่าวสำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะถือเป็นการต่อสู้กันเข้มข้นระหว่างพรรคประชาชาติ ของวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค / พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยยึดครองสนามนี้มาก่อน พรรคพลังประชารัฐ / พรรคภูมิใจไทย โดยจะมีพรรคสร้างอนาคตไทย แทรกมาบ้างในเขตเลือกของ ‘วัชระ ยาวอหะซัน’ ที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัดพรรคสมคิด ซึ่งวัชระ เป็นทายาททางการเมืองของ ‘กูเซ็ง ยาวอหะซัน’ นายกฯอบจ.นราธิวาส

‘หมอชลน่าน’ ประกาศ ‘เพื่อไทย’ พร้อมปักธงลงพื้นที่ทั่วไทย พิชิต 250 เสียง ส.ว. เพื่อแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

(6 ธ.ค. 65) พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 ณ หอประชุมชั้น 7 พรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think Big, Act Smart, For All Thais’ โดยในช่วงแรกของงานได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ ที่เป็นการสรุปภาพการเปลี่ยนแปลง และการทำงานของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยมี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ‘2565 พรรคเพื่อไทย’ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปาฐกถาหลักในหัวข้อ ‘ประเทศไทย 2570’

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เริ่มต้นกล่าวว่า จากนี้ไปไม่เกิน 5 เดือน จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายชนะเลือกตั้งถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์ เพราะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยชนะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสูงสุดที่ 136 เสียง แต่เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะกลไกในรัฐธรรมนูญ ให้วุฒิสมาชิก 250 คนเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะนี่คือกติกาที่บิดเบี้ยว อำนาจรัฐ อำนาจเงิน พรรคเพื่อไทยที่ชนะแต่เหมือนแพ้ เราจึงต้องชนะแลนด์สไลด์ได้สมาชิกสภาเกิน 250 คน และจัดตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนให้ได้

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าการแลนด์สไลด์นั้นเป็นเป้าหมาย หนทางการเข้าสู่เป้าหมายคือการได้ทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน โดยปรารถนาพาพี่น้องและประเทศชาติพ้นจากวิกฤต จึงมีคำถามว่าทำไมต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ก็เพราะเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนสูงสุด ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย เราชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง และภายหลังปี 2562 พรรคเพื่อไทย ต้องกลับมามองสำรวจตัวเองภายใต้การเปลี่ยนแปลงของบริบทการเมืองอย่างมากมาย มีคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงปรับตัวเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ พรรคเพื่อไทยได้ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร รีแบรนด์พรรคและสัญลักษณ์อย่างเข้มข้นตลอดปีที่ผ่านมา จึงทำให้เรามั่นใจได้ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความพร้อมสูงสุด พรรคเพื่อไทยเป็นคำตอบแห่งอนาคตที่ใช่ที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศที่ยุ่งยากซับซ้อนขณะนี้

แต่การที่พรรคเพื่อไทยจะชนะแลนด์สไลด์นั้นไม่ง่าย แม้เราจะมีกระแส มีความนิยมจากพี่น้องประชาชน แต่พวกเขามีกระสุน มีอำนาจรัฐ มีอำนาจเงิน มีอำนาจการจัดการเลือกตั้งให้ผลเลือกตั้งเป็นไปดังต้องการ แต่พรรคเพื่อไทยมี 3 ยุทธศาสตร์ที่จะพาพี่น้องแลนด์สไลด์ไปด้วยกันคือ  

1. นโยบายที่เป็นประชาธิปไตย กินได้ ทำได้จริง ทำมาแล้ว และจะทำให้ดีมากกว่าเดิม 
2. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคให้เป็นจริง 
และ 3. ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจพี่น้องประชาชน

พรรคเพื่อไทย จึงเชื่อมั่นว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่สุด ที่ทุกท่านจะชนะเลือกตั้ง ชนะอย่างถล่มทลาย แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ จะเป็นความพ่ายแพ้ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย เพราะการพ่ายแพ้ครั้งนี้หมายถึง พี่น้องประชาชนเราจะถูกครอบงำภายใต้อำนาจรัฐและอำนาจเงินตลอดไป

“ดังนั้น สู้ครั้งนี้ต้องชนะ เลือกพรรคเพื่อไทย เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ชนะขาด เพื่อให้เพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อม ประชาชนพร้อม ประเทศพร้อมเดินไปข้างหน้าไปด้วยกัน พี่น้องที่เคารพครับ เราเคยคิดใหม่ทำใหม่ เราทำได้จริง ทำได้สำเร็จมาแล้ว ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเรา คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับทุกเทศกาล

ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว คือ คุณภาพชีวิตที่ดี สุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และมีแรงพลังก้าวหน้าต่อไป

ข่าวการป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายของแพทย์หนุ่มเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก สู้ดิวะ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งแรงกระเพื่อมไปยังวงการสุขภาพ วงการสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตประชาชนในสังคมหลายมิติ ถ้าเป็นเราจะรับมือและเสริมสุขภาพอย่างไร

บางเรื่อง ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ยิ่งสำหรับเรื่องสุขภาพ ก็ทำแทนไม่ได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราสามารถแบ่งปันข้อมูล เและส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้กันได้ เพื่อเพิ่มความเข้าใจ และตระหนักในการดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ในทุกๆ มิติ

• อายุยืนยาว + คุณภาพชีวิตดี = อยู่ได้นานอย่างมีความสุข
 “อายุขัย” ของมนุษย์เรา คือส่วนหนึ่งของดัชนีชี้วัดคุณภาพเกี่ยวกับสุขภาพประชากร เราอาจจะคุ้นเคยกันว่ามนุษย์เรานั้น มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ปี ซึ่งนั่นอาจจะใช้ไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าและโอกาสในการเข้าถึงการรักษา เมื่อมนุษย์เราเจ็บป่วย เรามีโอกาสที่จะรอดชีวิตมากขึ้น ต่างจากในสมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า และการเข้ารับการรักษาที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ในปี 1930 มนุษย์ มีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 40 ปีเท่านั้น

จากข้อมูลของ Our world in data ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2000-2019 มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ยสูงถึง 70 ปี  และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาก็คือ หากเรามีอายุยืนยาวโดยที่ร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วย และไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ การมีอายุยืนยาวนั้น เป็นเรื่องดีจริงๆหรือ !?

อะไรทำให้ชีวิตมนุษย์เรายืนยาวขึ้นกันนะ - ในอดีต มนุษย์เรานั้นอายุไขเฉลี่ยต่ำถึง 30 ปี ในปี 1820 การที่มนุษย์เราอายุขัยต่ำนั้น เกิดได้จากสภาพแวดล้อม อาหาร การรักษาสุขภาพ และที่สำคัญคือการแพทย์ที่อาจจะยังไม่ค้นพบโรคและวิธีการรักษา หรือต่อให้ค้นพบ การเข้าถึงการรักษาก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรูปแบบเมืองที่กระจัดกระจาย การเดินทางมาโรงพยาบาล

เมื่อเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน ถูกพัฒนา ชีวิตคนหนึ่งคนสามารถยืนยาวขึ้นได้ ด้วยการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี รับประทานอาหารที่ดี รักษาสุขภาพ และที่สำคัญการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพอย่างทันท่วงที

สถิติน่าสนใจ อ้างอิงจาก กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยหนังสือ “สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2563” หนึ่งในเนื้อหาสำคัญคือ “จำนวนและอัตราการตายต่อประชากร 1 แสนคน จำแนกตามสาเหตุที่สำคัญ พ.ศ. 2559-2563”  ซึ่งจำแนกออกเป็น 10 สาเหตุการตาย (Causes of Death)

สำหรับข้อมูลปี 2563 พบว่า 10 สาเหตุการตายของคนไทย ได้แก่ 1.มะเร็งทุกชนิด 2. โรคหลอดเลือดในสมอง 3. ปอดอักเสบ 4. โรคหัวใจขาดเลือด 5. อุบัติเหตุจากการคมนาคมขนส่งทางบก 6. เบาหวาน 7. โรคเกี่ยวกับตับ 8. โรคทางเดินหายใจส่วนล่างเรื้อรัง 9. วัณโรคทุกชนิด 10. โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากไวรัส

ดูจากโรคที่ทำให้คนเสียชีวิต ห้าอันดับต้น โดยตัดเรื่องอุบัติออกนั้น เอามือทาบอกแล้วพินิจข้อมูล คุณจะพบว่าโรคร้ายอย่าง มะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอักเสบ หัวใจขาดเลือด และเบาหวาน คือเหล่าโรคคุ้นเคยยังคงพรากชีวิตติดอันดับ

ฉะนั้นของขวัญที่ควรมอบให้ตัวเอง และคนรัก ได้ตั้งแต่นาทีนี้ ก็คือทำทุกทางให้ร่างกายให้แข็งแรง สุข สดชื่น และอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัยเพื่อใช้ชีวิตที่ยืนยาวขึ้น รวมถึงห่างไกลจากสิ่งบั่นทอนสุขภาพทั้งปวงได้เป็นดี

  

• นักวิทย์ฯ เสริมความเห็น “ชะลอการเสื่อมของร่างกายที่ต้นตอ” พร้อมหยุดความเสี่ยง เสื่อม ทรุดโทรม
“หากเราทราบต้นตอของความแก่ชรา และเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย และช่วยเสริมประสิทธิภาพตรงจุด แก้ที่ปมปัญหา เมื่อเซลล์เสื่อมลง ณ จุดหมวกของโครโมโซมคู่สำคัญ ซึ่งนวัตกรรมวัฒนชีวา จากการวิจัยของคณะ Operation BIM ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือ จัดการกับตัวเองให้ไม่ เสี่ยง เสื่อม และทรุดโทรมได้โดยง่าย ทั้งจากความเป็นอยู่ การกิน และการทำให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เราต้องดูแลตนเองให้ดีในทุกๆ วัน เพราะว่าไม่มียาไหนในโลกที่จะหยุดลมหายใจหรือทำให้ใครเป็นอมตะ” ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัยฯ กล่าว 

•  ผบ.ด้านนวัตกรรมสุขภาพย้ำ “รู้แนวโน้มความเสี่ยงเฉพาะทาง ห่างไกลโรคร้ายอันดับต้น” 
“โดยส่วนมากคนเรามักรอแก้ไขปัญหา ตอนเกิดเรื่อง มองข้ามการป้องกัน และจัดการก่อนเกิดโรค จะดีกว่าไหม หากเราทราบถึงความเสี่ยงต่างๆ ได้ก่อน แล้วนำมาปรับปรุง แก้ไขให้ตรงจุด เพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ อย่างเช่น การตรวจสุขภาพประจำปี ทำความเข้าใจกับร่างกาย และอัปเดตเทรนด์สุขภาพอยู่เสมอ เพื่อนำมาฟื้นฟูร่างกาย ให้เหมือนๆ กับ การที่เราตามทันข่าวสารของโลก รู้เรื่องคนดังใน วงการบันเทิง ออกเดินทางท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆ ตามความชอบ ร่างกายของเราก็เช่นกัน ต้องเข้าใจ ให้ความสำคัญสนใจ และอัปเดตเขาเสมอ กินอาหารที่ดี มีประโยชน์ ส่วนหนึ่ง ออกกำลังกาย อีกส่วนหนึ่ง และยังต้องทำจิตใจให้แข็งแรง เติมวิตามินจำเป็นให้ทั้งกาย และใจ ห่างไกลโรคทั้งปวง” ปารมี สินธุเสก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปารมี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด และผู้เผยแพร่สาระสุขภาพในเพจ PNA Wellness Innovation แสดงทรรศนะ
 

‘คนเพื่อไทย’ โร่แจ้งความ หลังมีภาพร่วมเฟรมตู้ห่าว ยัน!! ไม่รู้จักกันส่วนตัว เจอกันตอนนี้ก็จำหน้าไม่ได้

(6 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 14.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีถูกโยงเป็นข่าวและมีภาพปรากฏออกมาว่ามีความรู้จักสนิทกับนายหาวเจ๋อตู้หรือตู้ห่าว กลุ่มทุนจีนสีเทาว่า ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวนานมากแล้ว โดยเป็นการเปิดตัวโรงงานแถว จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนไปเป็นเพื่อนกับคุณลุงที่ถูกเชิญไปร่วมงานเท่านั้น โดยงานดังกล่าว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.ขณะนั้นเป็นประธาน แต่กลับถูกโยงทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย เพราะถูกนำมาเล่นข่าวในช่วงจะเลือกตั้ง ตนเป็นนักการเมืองที่ถูกป้ายสี ดังนั้นตนจึงได้ไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายตู้ห่าวเลย เห็นหน้าตอนนี้ก็ยังจำไม่ได้เลย

นายวิชาญ กล่าวกรณีนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยที่จะย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า พรรคดูแลและให้โอกาสนายประเดิมชัยตั้งแต่ปี 62 ตั้งแต่สมัยนายประเดิมชัยเป็น ส.ก. ส่วนการตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคใดก็ถือเป็นสิทธิ ซึ่งเราก็จะได้คัดสรรบุคคลลงสมัครแทนนายประเดิมชัยต่อไป ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้คุยกับนายประเดิมชัยในเรื่องดังกล่าว แต่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสข่าวว่าจะย้ายพรรค แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยดูแลสมาชิกทุกคนเท่าเทียมกัน

‘ตรีนุช’ โชว์สอนประวัติศาสตร์แนวใหม่ ชู ‘สื่อดิจิทัล’ เป็นเครื่องมือหลักสร้างการเรียนรู้

‘ตรีนุช’ จัดเต็ม สอนประวัติศาสตร์แนวใหม่ AR, Podcast, TiKTok, Animation,Live นายกฯ  กำชับ ต้องรู้เรื่องใกล้ตัว

(6 ธ.ค. 65) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดนิทรรศการ 'การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์' โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการ ซึ่งนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ประกาศนโยบายและจุดเน้นเรื่องการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ให้มีความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งจัดนิทรรศการในวันนี้ ศธ.ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ใน 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนแรก วิชาประวัติศาสตร์ประกาศความเป็นไทย ปรับโครงสร้างเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยได้จัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ โครงสร้าง 8+1 เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งในมิติของการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่ 2 การนำเสนอ Best Practice จากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เช่น โรงเรียนสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นำเสนอ 'เรียนรู้ประวัติศาสตร์ใกล้ตัว สู่การสร้างสรรค์ชุมชนอย่างยั่งยืน' ที่มุ่งเน้นการหาความรู้จากชุมชนใกล้ตัวของผู้เรียน และจัดทำสื่อถ่ายทอดประสบการณ์ลงสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Podcast, TiKTok, Live เพื่อสร้างการรับรู้ในประวัติความเป็นมาผลิตภัณฑ์ชุมชน จุดเด่น เอกลักษณ์ และความภาคภูมิใจ, โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเสนอ 'เรียนรู้อย่างภูมิใจสู่นักประวัติศาสตร์ไทยรุ่นเยาว์' เริ่มต้นจากการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในห้องเรียน ด้วยสื่อ Animation 'The Diary' และ การเรียนรู้ในห้องเรียน ขยายสู่การเรียนรู้จากแหล่งเรียนประวัติศาสตร์รอบโรงเรียน จากการเรียนรู้ เป็นการเห็นคุณค่า สู่ความภาคภูมิใจ และจิตอาสามัคคุเทศก์น้อย

เพชรบูรณ์-จัดโครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติดจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 1 นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรม 'โครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด จังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566' โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจาก 11 อำเภอ จำนวน 100 คน เข้าร่วม

นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ที่ทำการปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้จัดทำ โครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติด จังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 1 รุ่น โดยใช้เวลาการฝึกอบรมจำนวน 2 คืน 3 วัน ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2565 มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจาก 11 อำเภอ จำนวน 100 คน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสำรวจกลุ่มเป้าหมาย เยาวชน ที่มีแนวโน้มหรือมีโอกาสที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือสร้างปัญหาในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนในอนาคต เพื่อใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการเฝ้าระวัง เพื่อคัดเลือกประชาชนวัยเสี่ยง ห้วงอายุ 13-29 ปี ที่อำเภอเห็นว่าเป็นผู้ที่จะสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นผู้นำ หรือเป็นแนวร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและหากิจกรรมการมีส่วนร่วมให้แก่ประชาชนวัยเสี่ยง ห้วงอายุ 13-29 ปี ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาภาคปกติ หรือกลุ่มว่างงาน หรือเป็นผู้มีจิตอาสาช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์ ได้มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชน ได้ตระหนักรู้ถึงปัญหายาเสพติด เพื่อลดและป้องกันผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหม่ โดยการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมกลุ่มในชุมชนอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของอำเภอ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการนำประชาชนที่ผ่านการ ฝึกอบรมหลักสูตร มาช่วยเหลืองานของทางราชการ หรือการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ร่วมกัน เช่น ดนตรี กีฬา หรืองานบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top