Sunday, 8 June 2025
สหรัฐอเมริกา

‘ลิซ่า’ ปังไม่หยุด ‘ROCKSTAR’ ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง กวาดยอดขายแตะ 1 แสนยูนิต ในสหรัฐฯ เทียบเท่ามูลค่า 4.6 ลบ.

(18 ก.ค. 67) ตามรายงานระบุว่า ‘ROCKSTAR’ ผลงานเดี่ยวล่าสุดของ ‘ลิซ่า’ ทำยอดขายได้ 100,000 ยูนิตในสหรัฐอเมริกา ตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ ROCKSTAR กลายเป็นเพลงที่ 4 ของลิซ่าที่ทำได้ตามหลัง ‘Lalisa’ และ ‘Money’ ที่เคยทำไว้ได้เมื่อปี 2021 รวมถึงเพลง ‘SHOONG!’ ที่ร่วมงานกับ แทยัง BigBang ก็ทำได้เมื่อปี 2024

การนับยอดขายแบบยูนิต เป็นการขายเพลงในรูปแบบดิจิทัล ที่ทำตามระบบ DSP (Digital Service Providers) ที่นับทั้งการสตรีมมิงและการดาวน์โหลดจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเพลง

โดยการดาวน์โหลดเพลง 1 ครั้ง นับเป็น 1 ยูนิต ส่วนการสตรีมมิง 1,500 ครั้ง จึงจะนับเป็น 1 ยูนิต อย่างไรก็ตามหากคิดเป็นตัวเงินที่การดาวน์โหลด 1 ครั้งใน iTunes จะมีราคา 1.29 ดอลลาร์ หรือประมาณ 46.34 บาท นั่นหมายความว่า 100,000 ยูนิตที่ทำได้ในอเมริกาก็มีมูลค่าอยู่ที่ 4.6 ล้านบาท

ROCKSTAR ของลิซ่านับว่าประสบความสำเร็จในตลาดอเมริกา ซึ่งเธอนับเป็นศิลปินที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่สามารถนำเพลงภาษาอังกฤษของเธอเข้ามาติดท็อปชาร์ตได้ โดยเปิดตัว Rockstar อยู่ที่อันดับ 70 บนชาร์ต Hot 100 ซึ่งเป็นการจัดอันดับเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ROCKSTAR กลายเป็นเพลงเดี่ยวที่ติดชาร์ตสูงสุดของลิซ่าบน Hot 100 โดยสามารถแซงหน้าเพลงก่อนหน้านี้ของเธอ LALISA (ซึ่งขึ้นสูงสุดที่อันดับ 84) และ MONEY (อันดับ 90) ได้สำเร็จ

นอกจากนี้ ROCKSTAR ยังเดบิวต์ที่อันดับ 1 บนชาร์ต Global Excl. U.S. ของ Billboard อันดับ 4 บนชาร์ต Global 200 อันดับ 2 บนชาร์ต Rap Digital Song Sales อันดับ 7 บนชาร์ต Digital Song Sales หลัก และอันดับ 19 บนชาร์ต Hot Rap Songs

ขณะเดียวกัน ลิซ่ายังกลับเข้ามาในชาร์ต Artist 100 ของ Billboard อีกครั้งที่อันดับ 84 นับเป็นสัปดาห์ที่สองที่เธอปรากฏบนชาร์ตนี้

‘มาสด้า’ ใส่เกียร์เดินหน้า ลุยกีฬา สานฝันเด็กไทย ให้ตีไกลถึง ‘อเมริกา’ เปิดให้เยาวชน เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟ เพื่อก้าวเป็น ‘นักกีฬามืออาชีพ’ 

(21 ก.ค.67) มาสด้าส่งเสริมเติมความฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางโปรกอล์ฟระดับโลก มอบโอกาสสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าและครอบครัวผู้ใช้รถยนต์มาสด้า เพื่อคว้าสิทธิ์ในการเดินทางไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเชิญชวนเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงอายุระหว่าง 12-19 ปี สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟรอบคัดเลือก ที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาผู้ที่ทำผลงานดีที่สุดเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายร่วมกับนักกอล์ฟเยาวชนที่เดินทางมาจากทั่วโลก 128 คน ในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าระดับสากลที่เฟ้นหาและผลักดันเยาวชนกอล์ฟดาวเด่นให้ไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลก ผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันรอบสุดท้ายจะได้เดินทางไปร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่หลายรายการในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางนักกอล์ฟมืออาชีพอีกด้วย นับเป็นโครงการดีๆ ที่เยาวชนไทยผู้รักในกีฬากอล์ฟไม่ควรพลาด

อีกหนึ่งในกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดขึ้นพร้อมกัน มาสด้ามอบเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ามาสด้าและครอบครัว เพื่อร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็นก๊วน พร้อมด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ มากมายตลอดงาน กับโครงการ ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ ณ สนาม Alpine Golf Club โดยเปิดรับสมัครนักกอล์ฟสมัครเล่นลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้า จำนวน 32 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 64 คน เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความสนุกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับความ สัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับมาสด้า เป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่มาสด้าต้องการส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางร่วมกัน เพื่อให้แบรนด์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้า และสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี 

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเพื่อให้การสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถในด้านกอล์ฟครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจของมาสด้าที่ต้องการต่อเติมความฝันให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็น Challenger Spirit ที่มีอยู่ในสายเลือดของนักกีฬาทุกคน เฉกเช่นเดียวกับแนวคิดหลักของแบรนด์มาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ พร้อมผลักดันขีดความสามารถตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มาสด้าเชื่อในศักยภาพของคนไทยที่มากฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก และมาสด้าต้องการผลักดันเยาวชนไทยให้มีโอกาสได้เปล่งประกายประดับวงการกีฬา เพื่อก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลก และนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทยต่อไปในอนาคต

การสมัครเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟสำหรับเยาวชนชายและหญิง
MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024

เอกสิทธิ์พิเศษนี้ มาสด้าจัดขึ้นสำหรับลูกค้าและครอบครัวมาสด้า โดยเปิดรับสมัครทั้งประเภทเยาวชนชายและหญิง ที่มีอายุระหว่าง 12 – 19 ปี จำนวน 64 คน แบ่งเป็นเยาวชนชาย 32 คน และเยาวชนหญิง 32 คน รวม 64 คน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ‘รอบคัดเลือก’ ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี ค่าสมัครเพียง 2,500 บาทต่อคน (รวมค่ากรีนฟรี รถกอล์ฟ และแคดดี้) ซึ่งผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ณ สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา 

โดยมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตุทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ และผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย จำนวน 32 คน ในครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 

ผู้ที่สนใจสามารถ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับกอล์ฟเยาวชนได้ที่นี่

https://m.mazda.co.th/PR-GPTP-0724
 

‘กรณ์’ ชี้ ‘ไบเดน’ ตัดสินใจถอนตัว พลิกเกม ดึงเงินบริจาค กลับมาเข้าพรรค มอง!! ‘กมลา แฮร์ริส’ เก่ง-ฉลาด สามารถแข่งกับ ‘ทรัมป์’ ได้แต่ยังเสียเปรียบ

(22 ก.ค.67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ไบเดนถอนตัว…แล้วไงต่อ? ระบุว่า ไบเดน เสนอรองประธานาธิบดี Kamala Harris เป็นผู้สมัคร แต่ยังสรุปไม่ได้ อาจจะต้องเปิดให้มีการแข่งขันในที่ประชุมพรรคที่เรียกว่า ‘Open Convention’ (หลายชั่วโมงที่ผ่านมา คลินตั้นสนับสนุน Harris แต่โอบาม่า โน้มเอียงไปทาง Open Convention) ตัวเต็งคือ Harris ส่วนตัวผมว่าเธอโอเค เก่ง ฉลาด แข่งกับ Trump ได้ แต่ในขณะนี้เสียเปรียบอยู่แน่นอน

ส่วนตัวผมไม่แปลกใจที่ไบเดนถอนตัว ก่อนหน้านี้ที่หลายคนลุ้นอยู่คือไบเดนจะแค่ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร หรือจะถอยให้ Harris เป็นประธานาธิบดีด้วยเลย ผมคิดว่าแค่นี้ดีแล้ว ดีสำหรับไบเดน ดีสำหรับ Harris ดีสำหรับการเมืองอเมริกัน

ผมว่าการตัดสินใจครั้งนี้อยู่ในระดับเปลี่ยนเกมส์ได้เลย เงินบริจาคเข้าพรรคน่าจะกลับมา

“อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว” เสียงกู่ร้องจาก ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีติดท็อปโลก

(23 ก.ค. 67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ และโซเชียลมีเดีย X ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ส่วนตัวของตนเอง ระบุว่า “อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว”

การโพสต์ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีจำนวน 34 ล้านล้านเหรียญ มีภาระดอกเบี้ยปีละ 1.14 ล้านล้านเหรียญ โดยสหรัฐฯ ต้องเจียดออกมาจากภาษีที่เก็บเข้ารัฐถึงปีละ 76%

‘แฮร์ริส’ ภูมิใจได้รับแรงหนุนจากคนในพรรค หลัง ‘ไบเดน’ ถอนตัว พร้อมลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สู้!! ‘โดนัลด์ ทรัมป์’

(23 ก.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘กมลา แฮร์ริส’ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เธอได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้แทนของพรรคเดโมแครตมากพอจะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคฯ ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้จะเกิดขึ้น

โดยแถลงการณ์จากแฮร์ริสระบุว่า เธอภูมิใจที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางที่จำเป็นต่อการได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และหวังว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

อนึ่ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ว่าเขาจะถอนตัวออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากภายในพรรคเดโมแครต โดยไบเดนยังแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเสนอให้แฮร์ริสเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรคฯ

แฮร์ริสได้รับแรงหนุนจากบุคคลสำคัญของพรรคเดโมแครตหลายคน ซึ่งรวมถึงอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างแนนซี เพโลซี ที่เรียกร้องให้พรรคฯ รวมพลังและคว้าชัยเหนืออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน

‘กมลา แฮร์ริส’ ขึ้นแท่นเจ้าแม่มีม 2024 หลังเปลี่ยน ‘มุกแป้ก’ กลายเป็น ‘ปัง’ พร้อมกวาดคะแนนเสียงชาว Gen Z ที่แม้แต่ ‘ไบเดน-ทรัมป์’ ก็ทำไม่ได้

‘กมลา แฮร์ริส’ กลายเป็นจุดสนใจของสื่ออเมริกันทันทีที่ ‘โจ ไบเดน’ ยอมถอนตัวออกจากสนามเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ เพื่อดัน กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคู่หูของเขาขึ้นชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ในสมัยหน้า 

แม้ แฮร์ริส อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคเดโมแครต แต่เธอมีฐานเสียงสนับสนุนอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะ ‘กลุ่มสตรี’ และ ‘คนผิวสี’ ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดบริจาค 81 ล้านเหรียญเข้าพรรคได้ภายใน 24 ชั่วโมง และยังทำให้คนในพรรคที่เคยเสียงแตกกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อีกครั้ง ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คือ เอาชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ให้ได้ 

และล่าสุด…ดูเหมือนว่าความนิยมของแฮร์ริส จะพุ่งสูงยิ่งขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ทันได้เริ่มออกหาเสียงในฐานะแคนดิเดตเบอร์ 1 ของพรรคอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ 

เมื่อคลิปบางช่วงที่ตัดมาจากสุนทรพจน์ของเธอ ที่เคยกล่าวไว้ที่ทำเนียบขาวตั้งแต่ปี 2023 กลายเป็นไวรัลไปทั่ว โดยเธอได้ยกคำพูดของแม่มาเล่าให้ฟังว่า "ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ หนุ่ม-สาวทั้งหลาย พวกเธอคิดว่าเพิ่งตกลงมาจากต้นมะพร้าวหรือไง"

และทำให้มุกต้นมะพร้าวที่เคยแป้กของเธอ กลายเป็นมุกปังไปทั่วโลกออนไลน์ ที่มีทั้งชาว X ชาว Tiktok ออกมาปล่อยมุกต้นมะพร้าวกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่า ‘ต้นมะพร้าว’ ของ กมลา แฮร์ริส หมายถึงอะไร

ยิ่งพรรคคู่แข่งอย่าง ‘รีพับลิกัน’ พยายามโจมตีแฮร์ริส เรื่องมุกตลกฝืด ๆ ของเธอ ก็ยิ่งทำให้กระแสคลิปของเธอดังยิ่งขึ้นไปอีก จนสื่อมวลชนยกตำแหน่ง ‘เจ้าแม่มีม 2024’ ให้แก่ กมลา แฮร์ริส โดยพร้อมเพรียง

ข้อดีของกระแสมีมมุกแป้กของแฮร์ริสนั้น ทำให้เธอสามารถจับฐานเสียงกลุ่ม Gen Z ที่เป็น Young Voter ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งเป็นกลุ่มฐานเสียงที่ทั้งไบเดน และ ทรัมป์ เจาะไม่ถึง 

จากความเห็นบางส่วนของกลุ่ม Gen Z ที่ชื่นชอบ กมลา แฮร์ริส มองว่า เธอเป็นคนเข้าถึงง่าย มีความเป็นปุถุชนสูง ไม่ถือตัวที่จะปล่อยมุกตลก 5 บาท 10 บาท แม้ส่วนใหญ่จะเป็นมุกฝืด ๆ เพื่อเข้าถึงผู้ฟังทุกกลุ่ม ซึ่งต่างจากผู้นำคนอื่น ๆ ที่มักกล่าวสุนทรพจน์ที่ร่างขึ้นอย่างสวยหรู แต่ห่างไกลผู้ฟัง

และตอนนี้ คนรุ่นใหม่มีเกณฑ์ในการเลือกผู้นำของพวกเขาที่แตกต่างจากคนรุ่นเก่า ๆ อย่างชัดเจน เน้นกระแสออร่าความเป็นเซเลป คนดังก่อน ค่อยพิจารณานโยบายทีหลัง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมาชาวอเมริกันไม่ได้เห็นความแตกต่างของการทำหน้าที่รัฐบาลของพรรคการเมืองมากนัก เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงขอเลือกคนที่ถูกใจตัวเองดีกว่า 

ไม่แน่ว่า…การเลือกตั้งผู้นำครั้งนี้ของสหรัฐ อาจตัดสินกันที่กระแสมีมก็เป็นได้ 

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ‘สหรัฐอเมริกา’ ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่ม ‘เมืองฮิโรชิมะ’ โศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นทันที 80,000 คน

วันนี้เมื่อ 79 ปีที่แล้ว ซึ่งก็คือวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เป็นอีกหนึ่งวันที่คนญี่ปุ่นไม่มีวันลืม เมื่อระเบิดปรมาณู ‘ลิตเติลบอย (Little Boy)’ ของสหรัฐอเมริกา ถูกทิ้งเหนือเมืองฮิโรชิมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 80,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับกัมมันตภาพรังสีอีก 60,000 คน

‘ลิตเติลบอย (Little Boy)’ เป็นชื่อระเบิดปรมาณู ที่ถูกนำไปทิ้งเหนือเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องบิน B-29 Superfortress (เครื่องบินลำนี้มีชื่อ Enola Gay) และระเบิดลูกนี้ ยังนับเป็นระเบิดปรมาณูลูกแรกที่ใช้ในการสงครามอีกด้วย

โดยอาวุธนี้พัฒนาขึ้น ในระหว่างจัดตั้ง ‘โครงการแมนฮัตตัน’ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย ‘จูเลียส โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์’ ผู้ที่ได้ฉายาว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’

สำหรับ ‘ลิตเติลบอย’ มีความยาว 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 71 เซนติเมตร และน้ำหนัก 4,000 กิโลกรัม บรรจุธาตุยูเรเนียมประมาณ 64 กิโลกรัม และจากเหตุการณ์นี้นับเป็นโศกนาฏกรรมที่โลกไม่เคยลืม

'ผู้เชี่ยวชาญ' แนะ!! สหรัฐฯ ควรปฏิรูป 'ระบบภาษี-สวัสดิการสังคม' ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว หลังหนี้สาธารณะพุ่งแตะ 35 ล้านล้านเหรียญ

(31 ก.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้สาธารณะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อตัวเลขหนี้รวมของรัฐบาลกลางพุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก สร้างความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่เหนือระดับ 34 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2566 และในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น หนี้สาธารณะของสหรัฐได้ทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 33 ล้านล้านดอลลาร์

ข้อมูลจากมูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน (Peter G. Peterson Foundation) องค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและมุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายด้านการคลังระยะยาวของสหรัฐ ระบุว่า หนี้สาธารณะจำนวน 35.001 ล้านล้านดอลลาร์นั้น หมายความว่าตัวเลขหนี้สินต่อประชากร 1 คนในสหรัฐอยู่ 103,945 ดอลลาร์

นางมายา แมคกินีส์ ประธานคณะกรรมการด้านงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้มูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน ซึ่งเป็นองค์กรที่ศึกษาปัญหาการคลังระยะยาวของสหรัฐฯ ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า หนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยโครงสร้างที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบภาษีและสวัสดิการสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว

'อรรถชัย สิงห์ทอง' ชนะเลิศ Microsoft PowerPoint version 2019 เวที The Microsoft Office Specialist World Championship 2024

เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘MOS Olympic Thailand Competition’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“เย้!!!!! #เฮลั่น เด็กไทยคว้าแชมป์โลก 🇹🇭 โชว์ฟอร์มเก่ง เอาชนะคู่แข่งจากทั่วโลกบนเวทีการแข่งขัน The Microsoft Office Specialist World Championship 2024 การแข่งขันทักษะการใช้งาน Program Microsoft PowerPoint

ซึ่งการแข่งขันจัดขึ้นในระหว่างวันที่ July 28 - 31, 2024 ณ เมือง Anaheim รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยนายอรรถชัย สิงห์ทอง ตัวแทนนักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เข้าแข่งขันในโปรแกรม Microsoft PowerPoint Version 2019 และได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันดังกล่าว

ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนคนเก่ง ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้สำเร็จ”

เหตุใด Berkshire ของ 'ปู่บัฟเฟตต์' จึงเทขายหุ้น Apple ออก 49% แม้จะทำกำไรได้สวย และไม่น่าจะเป็นแค่การประหยัดภาษี

(4 ส.ค. 67) นักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศกำลังสนใจและอยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีข้อมูลว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทโฮลดิงของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทแอปเปิล (Apple Inc.) ได้ขายหุ้นแอปเปิลออกไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งในไตรมาส 2 ปี 2024 ที่ผ่านมา หลังจากที่ขายออกไป 13% ในไตรมาสแรก ขณะที่ฝั่งแอปเปิลนั้น เพิ่งรายงานผลการดำเนินงานว่ามีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 (เมษายน-มิถุนายน) ของปีงบการเงิน 2024 ทำสถิติสูงสุด 21,448 ล้านดอลลาร์ 

ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานในวันที่ 3 สิงหาคมว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2024 บริษัทถือหุ้นแอปเปิลอยู่เป็นมูลค่า 84,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทของบัฟเฟตต์ได้ขายหุ้นแอปเปิลออกไปถึง 49.4% ของจำนวนที่เคยถืออยู่เมื่อเริ่มต้นไตรมาส 

ทั้งนี้ บัฟเฟตต์ลดการถือหุ้นของแอปเปิลลง 13% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และแย้มในการประชุมประจำปีของ เบิร์กเชียร์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านว่า เหตุผลที่ขายออกไปนั้นเป็นเพราะเหตุผลด้านภาษี และบัฟเฟตต์บอกว่าการขายหุ้น ‘แอปเปิลจำนวนเล็กน้อย’ ในปีนี้จะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ในระยะยาว หากรัฐบาลสหรัฐต้องการขึ้นอัตราภาษีกำไรจากการขายหุ้นในอนาคตเพื่ออุดช่องว่างทางการคลังที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ขนาดของการขายหุ้นครั้งนี้บ่งชี้ว่าอาจมีเหตุผลมากกว่าแค่เรื่องการประหยัดภาษี

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของแอปเปิลร่วงลงในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าแอปเปิลจะล้าหลังในด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ในไตรมาสที่ 2 หุ้นแอปเปิลก็พุ่งขึ้นถึง 23% สู่ระดับสูงสุดใหม่ หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมแก่ผู้ลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในด้านปัญญาประดิษฐ์

ซีเอ็นบีซีระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใดนักลงทุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการเน้นลงทุนระยะยาวอย่างบัฟเฟตต์จึงขายหุ้นที่ซื้อมาเมื่อ 8 ปีก่อน อาจจะเป็นเหตุผลของบริษัทเอง หรือการประเมินมูลค่าตลาด หรือเพราะข้อกังวลด้านการจัดการพอร์ตโฟลิโอ (โดยปกติแล้วบัฟเฟตต์ไม่อยากให้หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีสัดส่วนในพอร์ตใหญ่มากเกินไป) ซึ่งหุ้นแอปเปิลที่เบิร์กเชียร์ถืออยู่นั้น ครั้งหนึ่งเคยมีจำนวนมากจนกินสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพอร์ต 

นอกจากหุ้นแอปเปิลแล้ว เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของบัฟเฟตต์ได้ขายหุ้นธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) อย่างต่อเนื่อง 12 วันติดต่อกัน นับถึงวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ทั้งนี้ โดยภาพรวม รายงานประจำไตรมาส 2/2024 ของเบิร์กเชียร์แสดงให้เห็นว่าบัฟเฟตต์เทขายหุ้นออกไปในไตรมาสดังกล่าว ในช่วงที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะ ‘ชะลอตัว’ และล่าสุด การลงจอดอย่างนุ่มนวล (Soft Landing) ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม ออกมาต่ำกว่าคาด

ด้านรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ดูเหมือนว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีความกังวลเกี่ยวกับหุ้นมากขึ้น จึงเลือกที่จะไม่ใช้เงินลงทุนแล้วปล่อยให้เงินสดของเบิร์กเชียร์สูงเกือบ 277,000 ล้านดอลลาร์ และยังขายหุ้นแอปเปิลออกไปจำนวนมาก แม้ว่าแอปเปิลจะรายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดก็ตาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top