Saturday, 7 June 2025
ยาเสพติด

นครพนม-รองเลขาธิการ ปปส. ตรวจเยี่ยมกำกับติดตามการดำเนินงานตามแผน  ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ในพื้นที่รับผิดชอบของ นบ.ยส.24

เมื่อวันที่ (3 เม.ย.68) เวลา 0930 น. ที่ห้องประชุมพระยอด กองบังคับการมณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันเอกศิวดล  ยาคล้าย ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการ หน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้การต้อนรับ  นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมคณะ ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำกับติดตามการดำเนินงานตามแผน  ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน งบประมาณ 2568 ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) โดยมี โดย ผู้แทนสำนักยุทธศาสตร์, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ จังหวัดนครพนม เข้าร่วมประชุม และวันที่ 2 เมษายน 2568 คณะผู้แทนสำนักยุทธศาสตร์ได้ลงพื้นที่ บ้านแสนพันท่า หมู่ที่ 4 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บริเวณวัดศรีสะอาด บ้านเหล่านนาด ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานในหมู่บ้าน/ชุมชน พื้นที่ชายแดน ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม 

โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในการปฏิบัติงาน และสามารถเร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม​ ซึ่งหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ต.ค 67 ถึง ปัจจุบัน ประกอบไปด้วย มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน  มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51​ อำเภอชายแดน (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) หน่วยมีผลการปฏิบัติตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ตามแนวชายแดน/ โดยทำการซุ่มเฝ้าตรวจ 6,540 ครั้ง, ลาดตระเวนทางน้ำ 64 ครั้ง, ลาดตระเวนทางบก 5,383 ครั้ง,จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 1,530 ครั้ง ทำการปิดล้อมตรวจค้น 47 ครั้ง /ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สิน คดียาเสพติด จำนวน 28 คดี รวมผลการตรวจยึดจับกุมตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) มีการตรวจยึดจับกุมจำนวน 216 ครั้ง/ ผู้ต้องหา 272 รายของกลาง ยาบ้า 26,970,802 เม็ด,ไอซ์ 1,216.336 กิโลกรัม, และอื่นๆ

ตำรวจ ปส. ล้างบางขบวนการยานรก! ยึดของกลางทะลัก 6.5 ล้านเม็ด  ไอซ์-เฮโรอีนอีกเพียบ เดินหน้าตามนโยบาย "แพทองธาร" ปราบยาครบวงจร

(9 เม.ย. 68) สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาว่าปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติด ปราบปราม และยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการขับเคลื่อนงานของตำรวจ

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./              ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ  วงศ์สุข  รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.

บช.ปส. โดย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย  ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า  รอง ผบช.ปส., ผบก.ปส.1 - 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

วันนี้ (9 เม.ย.68)  บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, นบ.ยส.35 และ ป.ป.ส. โดย พลตรี ธีรนันท์ นันทขว้าง  ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร, พลตรีฉกาจ ขันตี  ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, นาย จารุวัฒน์ ทองแจ้ง นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ คุณ มัชฌิมา คีรีเพ็ชร  หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 4 ผู้แทนศุลกากร  โดยจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 6 คน รถยนต์ของกลาง 5 คัน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 6,534,400 เม็ด, ไอซ์ 15.68 กก., เฮโรอีน 11.47 กก. และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ทำการตรวจสอบประมาณ 23 ล้านบาท ดังนี้

บก.ขส.
คดี ล่าข้ามจังหวัด ทลายเครือข่ายลำเลียงยาบ้ากว่า 5.5 ล้านเม็ด (ยาบ้า 5,584,400 เม็ด)
(ผู้นำเสนอ : พล.ต.ต.วันชนะ บวรบุญ ผบก.ขส.)
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ บก.ขส. ร่วมกับ บก.สกส. และหน่วยข่าวกรอง
ทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ สืบสวนติดตามกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน 
จว.เลย เข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จนเวลาประมาณ 11.00 น. สามารถจับกุมนายทรงพล หรือ ตี๋ พร้อมยาบ้า 3,970,000 เม็ด บริเวณริมถนนพหลโยธิน ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นเวลา 13.30 น.
เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่รอรับยาเสพติด ณ ถนนเลียบคลองสิบ ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จว.ปทุมธานี จับกุมนายอนุชิต หรือ ป็อบส์ และนายสุทธาเทพ หรือ เชษฐ์ ได้ขณะขับรถบรรทุก 6 ล้อมารับยาเสพติด ต่อมาเวลา 16.00 น. จากคำให้การของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นบ้านเลขที่ 68/6 หมู่ 6 ต.ตันหัง อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา พบยาบ้าเพิ่มอีก 1,600,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์ และพบอีก 14,400 เม็ด ในตู้ภายในบ้าน พร้อมไอซ์บรรจุกระปุกครีม 152 กระปุก (รวม 10.5 กิโลกรัม) เตรียมส่งออกต่างประเทศ จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย รวมยึดยาบ้า 5,584,400 เม็ด ไอซ์ 10.5 กิโลกรัม ผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายจากปฏิบัติการทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากลำน้ำโขงแนวชายแดนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและแหล่งพักคอยในพื้นที่ปริมณฑลกลุ่มนี้ เริ่มตั้งแต่ 21 ตุลาคม 2567 ได้ไล่ล่าจับกุมสมาชิกในเครือข่ายไปแล้ว 16 คน ยึดยาบ้ากว่า 20 ล้านเม็ด  ไอซ์ 10.5 กิโลกรัม ตรวจยึดรถยนต์ 16 คัน บ้านและที่ดิน 7 หลัง พร้อมด้วยเงินสดและทองรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท

บก.สกส.
คดี ดักจับสายใต้ ยึดยาบ้าอีกเกือบล้านเม็ด (ยาบ้า 950,000 เม็ด)
(ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ฉัตรชัย ศิลลา  ผกก.4 บก.สกส.)
เมื่อวันที่  4  เมษายน  2568 เวลาประมาณ  17.25 น. เจ้าพนักงานตำรวจ กก.4 บก.สกส. จับกุมตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 1 คน ยาบ้า 950,000 เม็ด สืบเนื่องจาก กก.4 
บก.สกส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างจากนายทุนภาคใต้ เพื่อให้ไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน จว.เชียงใหม่  และนำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา 
โดยจะใช้รถยนต์นิสสันสีดำ นาวาร่า ทะเบียน 3 ฒธ 77xx  กรุงเทพมหานคร  ในการลำเลียงยาเสพติด ต่อมาวันที่  4 เม.ย.68  เวลาประมาณ  10.00 น พบความเคลื่อนไหวของรถคันดังกล่าว  มุ่งหน้าจากทางภาคเหนือเส้นทางลงสู่ภาคใต้ จึงจัดกำลังเฝ้าตามรายทาง  จนกระทั่งเวลา 15.20 น พบรถยนต์ดังกล่าว  วิ่งเข้าพื้นที่ จว.ชุมพร จึงได้เรียกตรวจสอบที่ด่านตรวจปฐมพร นายกุหลาบคนขับให้การวกวน  จึงเชิญตัวและนำรถคันดังกล่าว มาตรวจสอบและ x-ray ที่ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร  ผลการตรวจค้นพบของกลางยาบ้า จำนวน 660,000 เม็ด  ซุกซ่อนในตัวถัง (ที่มีการดัดแปลงสำหรับซุกซ่อนยาเสพติด) และ ยาบ้าอีกจำนวนประมาณ 290,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในล้ออะไหล่ และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ทำการตรวจสอบประมาณ 10 ล้านบาท จึงแจ้งข้อกล่าวหานายกุหลาบ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีนี้ต่อไป

บก.ปส.3
คดี ไอซ์-เฮโรอีน ซ่อนในพัสดุ เตรียมส่งออสเตรเลีย (ไอซ์ ประมาณ 5,680 กรัม, เฮโรอีน ประมาณ 1,1470 กรัม)
(ผู้นำเสนอ  พ.ต.อ.กฤษณ์ มณีรมย์  ผกก.1 ปส.3)
ก่อนเกิดเหตุ นปส.สุวรรณภูมิ กก.1 บก.ปส.3 ได้เฝ้าระวังกลุ่มนักค้ายาเสพติดระหว่างประเทศลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศและระบบโลจิสติกส์
จนกระทั่งวันที่ 3 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่ตามโครงการ AITF (Airport Interdiction Task Force) ประกอบด้วย นปส.สุวรรณภูมิ กก.1 บก.ปส.3, สำนักงาน ป.ป.ส. และศุลกากร ตรวจยึดพัสดุปลายทางประเทศออสเตรเลีย
จำนวน 2 คดี ดังนี้
        คดีที่ 1 ตรวจยึดไอซ์ ประมาณ 2,000 กรัม ซุกซ่อนในหัวตุ๊กตากาฟิว ที่ศูนย์กระจายสินค้าบางนา บางพลี สมุทรปราการ
       คดีที่ 2 ตรวจยึด ไอซ์ ประมาณ 3,680 กรัม และเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 11,470 กรัม ซุกซ่อนในแผ่นผ้า ประกบด้วยกระดาษแข็ง เย็บติดกับกล่องทิชชู่ ที่ศูนย์กระจายสินค้าเทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จว.สมุทรปราการ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป    

พลตำรวจโท สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) เปิดเผยว่า ปฏิบัติการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปตามข้อสั่งการของ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มอบนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง การดำเนินการดังกล่าว มุ่งเน้นการกดดันและทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งในระดับผู้ค้ายารายใหญ่และรายย่อย ตลอดจนเร่งรัดขยายผลไปยังกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน รวมถึงเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยในห้วงที่ผ่านมา บช.ปส. ได้ระดมกำลังปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 10 เครือข่ายทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการต่อผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในระดับชุมชน เพื่อสร้างผลกระทบโดยตรงให้เกิดความหวาดกลัวแก่ผู้กระทำผิด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ จากสถิติผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึง ปัจจุบัน ทั่วประเทศสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนทั้งสิ้น 42,010 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติดเป็นยาบ้า จำนวน 530,596,150 เม็ด, ไอซ์ 29,922.44 กิโลกรัม, เฮโรอีน 880.31 กิโลกรัม, คีตามีน 3,929.80 กิโลกรัม และยาอีจำนวน 119,498 เม็ด รวมทั้งสามารถดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดได้รวมมูลค่ากว่า 5,014,121,601 บาท

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 755 คดี ผู้ต้องหา 756 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 181,152,158 เม็ด, ไอซ์ 12,516.91 กก., เฮโรอีน 200.68 กก., คีตามีน 710 กก. และยาอี 577 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,564,021,964 บาท

ขอนแก่น- โชว์ผลงานปราบยาเสพติดในรอบ 6 เดือน 

จังหวัดขอนแก่น โชว์ผลงาน 6 เดือนปราบยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 9 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 56 ล้านบาท “ผู้ว่าฯไกรสร” เดินหน้าปิดล้อมทั้งจังหวัดค้น 106 เป้าหมาย พร้อมเตือนพวกฉวยโอกาสลักลอบนำยาเสพติดเข้าพื้นที่ช่วงสงกรานต์ เพราะชุดการข่าวเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มหมดแล้ว
    
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ (9 เม.ย.68) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ,นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 106 จุดในพื้นที่ 26 อำเภอของ จ.ขอนแก่น พร้อมกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 100 คน แยกเป็นผู้เสพ 78 คน ผู้เสพ 22 คนยาบ้า 225,349 เม็ด,ยาไอซ์ 1.2 กรัม ตรวจยึดอาวุธปืน 14 กระบอก เครื่องกระสุน 51 นัดยึดทรัพย์ 894,830 บาท

นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นและรีเอ็กซเรย์พื้นที่เป้าหมายเป็นมาตรการที่คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายระดมกำลังกันอย่างต่อเองและเต็มที่เพื่อกวาดบ้านของตนเองให้สะอาด ซึ่งในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ทั้ง 26 อำเภอได้กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พร้อมกันโดยมี รอง ผวจ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ปฎิบัติงานร่วมกับตำรวจ,ฝ่ายปกครอง,ปปส. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งสามารถตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก ขณะที่ผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมทั้งจังหวัดมีการตรวจค้นไปแล้ว 1,745 เป้าหมาย,จับกุมผู้ต้องหา 5,379 คน แยกเป็นผู้เสพ 2,936 คน ผู้ค้า 2,443 คนตรวจยึดยาบ้า 9,298,778 เม็ด ยาไอซ์ 4,454.45 กรัม ตรวจยึดอาวุธปืน 106 กระบอกเครื่องกระสุน 213 นัดและยึดทรัพย์แล้วรวม 56,741,925 บาท

“ขอเตือนพวกที่คิดจะฉวยโอกาสลักลอบนำเข้ายาเสพติดหรือนำยาเสพติดจากพื้นที่ต่างๆเข้ามาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้คิดใหม่เพราะเจ้าหน้าที่ยังคงคุมเข้มในมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มงวด โดยไม่มีวันหยุด ควบคู่กับการอำนวยความสะดวกและบริการประชาชนนักเดินทาง ซึ่งขณะนี้ชุดการข่าวของจังหวัด,ตำรวจและ ปปส.ได้ติดตามและเฝ้าจับตากลุ่มบุคคลหรือกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มต่างๆทั้งหมดแล้ว ซึ่งหากพบว่ากระทำความผิดก็จะดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมายทันทีไม่มีละเว้น”

สมุทรปราการ-แพรกษาใหม่ ร่วมต้อนรับ 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี ประธานเผายาเสพติด กว่า 27 ตัน 

เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.68) ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ภายใต้การอำนวยความสะดวก โดย นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมให้การต้อนรับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เดินทางมาด้วยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หน้าลานอาคารศูนย์งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ 

ที่จะเดินทางไปเป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ในห้วง 2 เดือนแรก (1 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2568) 

โดยเป็นประธานการเผาทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี 2568 (ครั้งที่ 2) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฝ่ายการเมือง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง พล.ต.ฉกาจ ขันตี รอง ผอ.ศปป.2 กอ.รมน. 

และหัวหน้าส่วนราชการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมพิธีเผาทำลายยาเสพติด จำนวนกว่า 27 ตัน ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ 

ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ 

(21 เม.ย. 68) สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาว่า ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจําหน่าย เน้นการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสกัดกั้นลําเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ และข้อสั่งการของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นการปราบปรามแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางที่จะส่งมายังกรุงเทพมหานคร ประกอบกับนโยบาย ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งกําชับการปราบปรามยาเสพติด อย่างเร่งด่วน

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./              ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข  รอง ผบ.ตร.(ปป)/ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติด
ในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้,  พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา  ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.

บช.ปส. โดย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย  ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน 
ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส., ผบก.ปส.1 - 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

วันนี้ (21 เม.ย.68)  บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, นบ.ยส.35 และ ป.ป.ส. โดย 
พลตรีฉกาจ ขันตี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, 
นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ  รองเลขาธิการ ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ส. โดยจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ของกลาง 2 คัน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 13,200,000 เม็ด ดังนี้

บก.ปส.3
กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่, สำนักงาน ป.ป.ส., นบ.ยส.35 เฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือ โดยมีผลปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปราม
ยาเสพติดรายสำคัญ ตามนโยบายรัฐบาล “Seal Stop Safe” จำนวน 2 คดี ดังนี้

(ผู้นำเสนอ : พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 ปส.3)
คดีที่ 1 (ยาบ้า 12,000,000 เม็ด)    
    เจ้าหน้าที่ นปส.เชียงใหม่ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อนำส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าระวัง กระทั่งวันที่ 
7 เม.ย.68 พบความเคลื่อนไหวรถกระบะกลุ่มบุคคลในเครือข่ายอยู่บนถนนโชตินา เขตพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ โดยเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์ จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ ต่อมาวันที่ 8 เม.ย.68 รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับออกมา ซึ่งมีการบรรทุกกะหล่ำปลีเต็มท้ายกระบะ และรถมีลักษณะน้ำหนักมากผิดปกติ  มุ่งหน้า อ.แม่แตง 
จว.เชียงใหม่ เมื่อรถกระบะมาถึงบริเวณด่านตรวจยาเสพติด แก่งปั้นเต้า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวทำการตรวจค้น พบผู้ต้องหาจำนวน 1 คน พร้อมยาบ้าประมาณ 12,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะโดยมีกะหล่ำปลีปกปิดอำพราง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 (ยาบ้า 1,200,000 เม็ด)    
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 นปส.เชียงราย กก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน พร้อมยาบ้า 1,200,000 เม็ด ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติด บ้านผาหมี อ.แม่สาย 
จว.เชียงราย จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่สาย จว.เชียงราย เพื่อนำส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าระวังกระทั่งพบรถกระบะของกลุ่มเครือข่ายขับออกมาจากหมู่บ้านผาหมี มุ่งหน้าไปตัว อ.แม่สาย จว.เชียงราย จึงได้ทำการติดตามกระทั่งรถกระบะคันดังกล่าวเข้าไปจอดบริเวณลานจอดรถ
ของห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาแม่สาย จว.เชียงราย
ต่อมามีชาย 2 คน ได้เดินมาที่รถกระบะและจะขับออกจากสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว
ขอตรวจค้น ชายคนขับได้เปิดประตูรถ และหลบหนีไปยังด้านหลังของห้างสรรพสินค้า จึงได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 คน (ผู้เยาว์) ซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ และของกลางยาบ้า 1,200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารตอนหลัง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 จะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. เปิดเผยว่า ปฏิบัติการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย รอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร.
ที่ได้มอบนโยบายให้ บช.ปส. ดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง การดำเนินการดังกล่าว มุ่งเน้นการกดดันและทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งในระดับผู้ค้ายารายใหญ่และรายย่อย ตลอดจนเร่งรัดขยายผลไปยังกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน รวมถึงเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง และจากสถิติผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึง ปัจจุบัน ทั่วประเทศสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนทั้งสิ้น 136,189 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติดเป็นยาบ้า จำนวน 566,622,422 เม็ด, ไอซ์ 30,334.51 กิโลกรัม, เฮโรอีน 896.07 กิโลกรัม, คีตามีน 4,068.51 กิโลกรัม และยาอีจำนวน 123,087 เม็ด รวมทั้งสามารถดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดได้รวมมูลค่ากว่า 5,301,456,966 บาท

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการ
ค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 679 คดี ผู้ต้องหา 680 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 194,410,158 เม็ด, 
ไอซ์ 12,526.44 กก., เฮโรอีน 205.01 กก., คีตามีน 710 กก. และยาอี 581 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,566,813,230 บาท

นครพนม-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 บูรณาการ 'Seal Stop Safe' เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ 

เมื่อวันที่ (28 เม.ย.68) เวลา 1330 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนครพนมตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง อำเภอชายแดน เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้น ยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด                              

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศเรื่องกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

มีพื้นที่อำเภอชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดน มีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เป็นหน่วยรับผิดชอบ มีภารกิจวางแผนบูรณาการอำนวยการประสานงาน ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บำบัดผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด จัดตั้งหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านอื่นๆในพื้นที่ชายแดน โดยได้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้  ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญหลักของชาติ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน และรัฐบาลนี้ก็ให้ความสนใจให้ทุ่มเทในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศชาติ มีความมั่นคงปลอดภัย และนับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ผมและทีมงาน ได้เข้ามารับทราบผลการปฏิบัติงานรวมถึงรับทราบปัญหา ข้อขัดข้องเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา และเพื่อเป็นการ​ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยจากการรับฟังบรรยายสรุป เห็นถึงความเข้มแข็ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินการสกัดกั้น ลำเลียง ปราบปราม ตลอดจนบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนใน โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ นบ.ยส.24 รวมถึงการขับเคลื่อน “ธวัชบุรีโมเดล” 

ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา และขอให้หน่วยดำเนินการดำรงความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยใช้การข่าวและการลาดตระเวนเชิงลึก ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แนวหน้า ส่งเสริมการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงานและข้ามพรมแดน เพื่อเสริมสร้างระบบความมั่นคงแนวชายแดน โดยเฉพาะการมีจุดประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง เป็นปราการด่านหน้าในการเอาชนะยาเสพติด และเป็นกลไกในการดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนภารกิจการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิด เร่งรัดการผลักดันโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน และการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกำลังพลทุกนายว่า จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติให้ปลอดภัยจากภัยยาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน  

อยุธยา - ตำรวจนครบาล ร่วม ตร.ภาค 1 ตร.อยุธยา ทลายโกดังพักยาเสพในพื้นที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พบยาเสพติด จำนวนมาก

(7 พ.ค. 68) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย  ผบก.สส.บช.น พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา  เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา  นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร  ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม แบ็ค  หรือ นายชัยนรินทร์  (นามสมมุติ)  อายุ 32 ปี   ชาว ต.โพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร ภายในบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยหลังจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุม รถบรรทุกเทรลเล่อร์ขนยาเสพติด ในพื้นที่ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก บเขก.สส.ก.1 ชุดขยายผลฯ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้สืบสวนขยายผล จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มลูกค้าที่เคยรับยาเสพติดจากรถบรรทุกเทรลเล่อร์คันดังกล่าว ได้นำยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ภายในบ้านหลังหลังหนึ่ง ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมเรื่อยมาจนกระทั่ง ในวันที่ 7 พ.ค. 68  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 23/7 ม.5 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระมาหรือยุธยา ผลการตรวจคัน พบ ยาบ้า 40 กระสอบ คิดเป็นจำนวนยาบ้าประมาณ 8.712 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ  720 กิโลกรัม โดย แบ็ค หรือ นายชัยนรินทร์ ชมเชย อายุ 32 ปี รับว่าเป็นเจ้าของยาเสพติดทั้งหมด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง ข้อกล่าวหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และ ยาไอซ์) การมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของปราชนทั่วไป" โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ฟ้าการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดต่อไป

ทั้งนี้การกวาดล้างยาเสพติดครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  โดยทาง รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติด เป็น 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ โดยมุ่งเน้นการปราบปราม การบำบัดเยียวยา ตลอดจนทำให้ผู้เสพกลับเข้าสู่สังคมได้ และพร้อมประกอบอาชีพหลังบำบัดหายแล้ว

สุจินดา อุ่นขาว รายงาน

‘พรรคส้ม’ สมุทรปราการ โร่ออกแถลงการณ์ขอโทษ กรณีผู้สมัคร สท. เมืองลัดหลวง ทำงามหน้าร่วมแก๊งค้ายา

จากกรณีเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.68) กรณีตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี บุกจับกุมแก๊งค้ายาบุญรักษา พร้อมยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ยาไอซ์ 1,098 กรัม คีตามีน 1,000 กรัม พร้อมกับผู้ต้องหารวม 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลของพรรคประชาชน เมืองลัดหลวง จ.สมุทรปราการ

ล่าสุด พรรคประชาชน สมุทรปราการ ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชน ใจความระบุว่า จากกรณีที่วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการของพรรค ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง

พรรคประชาชนสมุทรปราการ เห็นว่านอกเหนือจากการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและรับผิดชอบตามกฎหมาย ผู้สมัครควรต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการแสดงเจตจำนงยุติบทบาท ไม่ประสงค์เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งที่มาถึงนี้ 

พรรคประชาชนสมุทรปราการ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ได้ว่าผู้สมัครคนดังกล่าวมีความผิดจริง พรรคจะดำเนินการถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตามขั้นตอน

ทั้งนี้ พรรคประชาชนสมุทรปราการขอน้อมรับกรณีนี้เป็นบทเรียนในการปรับปรุงกระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคต่อไป

เหตุการณ์การดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เฟซบุ๊กเพจ 'สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี' โพสต์ข้อความรายงานผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด บก.น.3 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 68 โดยมีรายละเอียดระบุว่า สืบมีนบุรีรวบสมาชิกแก๊งค้ายา 'บุญรักษา' พร้อมยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ยาไอซ์-เคตามีน 2 Kg

วันที่ 7 พ.ค. 68 เจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรีได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิวัฒน์ อายุ 27 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-104........ ที่อยู่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายภานุพงษ์ อายุ 36 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-101......... ที่อยู่ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
นายศรายุท อายุ 34 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-330............ ที่อยู่ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
นายสุธี อายุ 33 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-101.............. ที่อยู่ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

พร้อมของกลาง
1. ยาบ้า 480,000 เม็ด
2. ไอซ์ 1,098 ก.
3. เคตามีน 1,000 ก.
4. โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง

ฐานความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าและไอซ์) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นภัยมั่นคงต่อรัฐ

ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน

สถานที่จับกุม บ้านพักเลขที่ 29/785 แยก 15 หมู่บ้าน เคซี รามอินทรา 1 ซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องลานจอดรถ ภายในซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก กทม.

กกต.สั่งถอนชื่อผู้สมัคร 'สท.ศรีราชา' เหตุเคยต้องโทษจำคุกคดีค้ายาเสพติด

พรรคประชาชนฉาวอีก หลัง กกต. สั่งถอนชื่อ 'สิทธิชัย สัมฤทธิ์' ผู้สมัคร สท.ศรีราชา เหตุขาดคุณสมบัติต้องคำพิพากษาจำคุกคดีค้ายาเสพติด

(8 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีมีการเผยแพร่คำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีการถอนชื่อนายสิทธิชัย สัมฤทธิ์ สมาชิกพรรคประชาชน ออกจากการเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ หมายเลข 13 เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติในการลงสมัครนั้น น.ส.มนัสนันท์ วิทนา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรี ยอมรับว่า กกต.มีมติสั่งถอนชื่อนายสิทธิชัย ออกจากการเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์จริง และได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์แล้ว

โดยนายสิทธิชัยต้องคำพิพากษาในคดีเก่า ซึ่งเป็นเหตุทำให้ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครและเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิ์สมัครแต่ยังมาลงสมัครตามมาตรา 120 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด20 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามคำวินิจฉัยของ กกต.ระบุว่า นายสิทธิชัยเคยต้องคำพิพากษาศาลจังหวัดพัทยาซึ่งพิพากษาว่ากระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และสั่งลงโทษจำคุกลงโทษจำคุก 4 ปี 6 เดือน ปรับ 300,000 บาท จะมี พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรม มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2550 ก็ไม่ได้เป็นผลให้การกระทำอันเป็นเหตุให้ถูกลงโทษลบล้างไปด้วยนายสิทธิชัย จึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สภาเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ตามพ.ร.บ.การเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 50 (10)

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.68) เวลา 10.30 น. ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสําคัญ จำนวน  2 คดี ดังนี้ 1.สภ.แม่พริก จ.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหา 7 คน รถยนต์ 2 คัน พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 305 กก. 2.สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 2 คน  รถยนต์บรรทุก 1 คัน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,576,000 เม็ด 

โดยมี นายปฤษปฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย, นายกองตรีปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก, พ.ต.อ.ชาญชัยวัฒน์ เปล่งสันเทียะ เสนาธิการ กอ.รมน.ภ.3 สย.2, พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย, ผู้แทน เสธ.นบ.ยส.35, ผู้แทน ปปส.ภ.5 ร่วมแถลงผลการจับกุม

คดีที่ 1วันที่จับกุม วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 06.30 น. สถานที่เกิดเหตุ อุโมงค์เอกซเรย์ด่านตรวจแม่พริก ม.5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จว.ลำปาง ผู้ต้องหา 7 คน ขณะทำการตรวจสอบ ได้แสดงอาการพิรุธหน้าซีดตัวสันคล้ายกับคนมีสิ่งของ ผิดกฎหมายซุกซ่อน ก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้บุคคล ทั้ง 7 คน ดูจนเป็นที่พอใจและยินยอมให้ตรวจสอบด้วยความสมัครใจ ตรวจค้นบุคคลทั้ง 4 คน ที่มากับรถนำ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายตรวจค้นบุคคลทั้ง 3 คน และรถยนต์ (รถตู้นั่งสี่ตอน) พบกระสอบต้องสงสัยว่า อาจจะซุกซ่อนยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้เชิญตัวทั้ง 7 คน พร้อมรถยนต์ทั้ง 2 คัน มายังด่านตรวจแม่พริก 

ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์หรือไอซ์) จำนวน 13 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 305 กิโลกรัม จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้ง 7 คนทราบ และทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จว.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 วันที่จับกุมวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 07.30 น.สถานที่เกิดเหตุ ด่านตรวจยาเสพติดท่าก๊อ ม.14 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จว.เชียงราย (ผู้ต้องหาที่ 1) ต่อเนื่อง จุดตรวจยาเสพติดถ้ำปลา ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จว.เชียงราย (ผู้ต้องหาที่ 2) ผู้ต้องหา 2 คน ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ เป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 1,576,000 เม็ด และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการขยายผลการจับกุม จนสามารถจับกุมนายณรงค์ชัยได้ที่บริเวณจุดตรวจยาเสพติดถ้ำปลา ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จว.เชียงราย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ. แม่สรวย จว.เชียงราย

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้ง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนำบัญชาข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 - 7 พฤษภาคม  2568  จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 13,357 คดี คดียาเสพติดรายสำคัญ 140 คดี  ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ยาบ้า 131 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 8,450 กิโลกรัมเศษ เฮโรอีน 148 กิโลกรัม เคตามีน 1,100 กิโลกรัมเศษ ฝิ่น 64 กิโลกรัมเศษ ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 392 ล้านบาทเศษ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top