Sunday, 8 June 2025
ยาเสพติด

ภ.2 โชว์ผลงาน ...รับลูก สนองนโยบายรัฐบาล เร่งปราบยา ตามที่ ตร.กำชับ ผู้บัญชาการภาค 2 บี้ทีมสืบนครนายก ลุยขบวนการค้ายายึด 4 แสนเม็ด พร้อมของกลางเพียบ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ช่วยราชการ ตำรวจภูธรภาค 2,โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เย็นวานนี้(เวลาประมาณ 17.00 น) ภายใต้อำนวยการของ  พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.สุดเขตต์ บุญญนานันท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครนายก วางแผนจับกุมขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน จับกุมผู้ต้องหา 5 คน
(1.) น.ส.กิตติยา (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 148/1 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(2.)น.ส.ธารทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปีที่อยู่ 80/4 ม.1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(3.)นางฐานิตา (นามสมมุติ)อายุ 32 ปี ที่อยู่ 15/ช ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 
(4.) นายบรรจง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 166/9 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี 
(5.) นายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปีที่อยู่ 302/3 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโวร๊อคโค สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กทม. มูลค่า 1,200,000 บาท
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

ซึ่งเป็นความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 

ผู้ต้องหารับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้ สถานที่จับกุม บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก  จะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมดทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทางและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป

บึงกาฬ ยาบ้าไปยาไอซ์มา 5 กระสอบ 220 กก.ค่ากว่า 55 ล้านบาท

ปราบยังไงก็ยังเอาไม่อยู่หลังจากยาบ้าทะลักเข้ามาซาไปพักหนึ่ง เลขาธิการปปส. ลงมาเล่นเองขอเสนองบรัฐบาลไป 60 ล้านบาทเพื่อให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหัวหอกสกัดกั้นยาเสพติดทุกชนิดโดยที่ผ่านมาต้นปียาบ้าทะลักเข้ามา กว่า 6 ล้านเม็ด ทหารพรานร่วมหน่วยความมั่นคงเข้าสกัดจับได้ ก่อนที่จะข้ามน้ำโขงเข้าไทย คราวนี้เป็นไอซ์ที่ทะลักข้ามน้ำโขงเข้ามา5 กระสอบกว่า 220 กิโลกรัมคาดว่าจะเป็นทางผ่านเข้าสู่ตอนในของประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ก.ค ที่กองร้อยทหารพราน 2108 อำเภอบุ่งคล้าจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,พล.ต.พรชัย มาหลิน รอง มทภ.2,พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.บึงกาฬ,พ.อ.ชูชาติ นนทบุตร ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)กกล.สุรศักดิ์มนตรี,พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ นายภิญโญ โฆสิต ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 4.น.ท.ธนชัย รอดทัศนา หน.สน.เรือบึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ อายุ 19 ปีชาว กรุงเทพมหานคร ขณะขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน ฒง 3107 กทม.ที่ต่อเป็นโคลงเหล็กด้านข้างทั้ง 2 ด้านคล้ายรถบรรทุกสินค้า ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานและฝ่ายความมั่นคงสะกดรอยติดตามจับกุมได้ที่ถนนสาย 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ตรวจค้นภายในกระบะหลังรถที่มีภายใบคลุมกันฝน พบกระสอบที่มีถุงพลาสติกห่อหุ้มจำนวน 5 กระสอบ ด้านในพบเป็นไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกคล้ายถุงกาแฟ จำนวน 220 กิโลกรัม จึงถูกควบคุมตัวพร้อมของกลางไปตรวจนับอย่างละเอียดที่กองร้อยทหารพราน 2108 

ทั้งนี้เมื่อกลางดึกคืนผ่านมาพ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 ได้สั่งการให้ ร.ท.โกวิทย์ วงษ์แสง ผบ.ร้อยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2018 ได้ประสานหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) ตำรวจสืบสวน บก. สส.ภ.จว.บึงกาฬ ตชด.244 ตม.บึงกาฬ ตร.น้ำบึงกาฬ ด่านศุลกากรบึงกาฬ ดักซุ่มตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะขนยาผ่าน โดยเริ่มต้นจากริมน้ำโขงจุดทีมีการขออนุญาคดูดทรายบ้านดอนใหญ่ ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จนท.สักเกตุเห็นรถเก๋งต้องสงสัยวิ่งน้ำหน้ารถกระบะบรรทุก จึงสะกดรอยติดตาม ถนนสาย 212 บุ่งคล้า-บ้านแพง ถึงไฟแดงสี่แยกบ้านดงบังเลี้ยวข้าวเข้าถนน 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ถึงบ้านดงชมภู หมู่ 7 ต.โพธิ์หมากแข้ง จึงตัดสินใจขับแซงขึ้นหน้าส่งสัญญาณให้คนขับรถกระบะหยุดรถเพื่อตรวจค้น จึงพบของกลางไอซ์จำนวน 220 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 55 ล้านบาท

สอบสวนนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ รับว่ารับจ้างจากเจ๊แต๋ว ชาวลาวเป็นเงิน 1.5 แสนบาท เพื่อบรรทุกไปส่งในกรุงเทพฯ รับมาแล้ว 2 หมื่นบาท โดยตนจะได้ส่วนแบ่ง 8 หมื่นบาท ส่วนชุดนำทาง(ขับเก๋งสเกาท์หน้า)จะได้ 7 หมื่นบาทหลังจากทำงานสำเร็จ จึงถูกแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่(รถยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย" ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บึงโขงหลงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน 16 ก.พ.ทหารพรานชุดนี้ก็จับยาบ้าได้ 6 ล้านเม็ด และ31 มี.ค.จับยาบ้าได้ 1.58 แสนเม็ด นอกจากนี้ยังมีหน่วยอื่น เช่น ทหารเรือจับ 1.2 แสนเม็ด เมื่อ พ.ค.ผ่านมาต้นปีนี่เอง และส่วนที่จับไม่ได้ก็มีมากมาย จึงอยากฝากรัฐบาลได้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ก่อนที่ลูกหลานชาวไทยจะเป็นบ้าหลอนจนฆาตกรรมพ่อแม่หรือเผาบ้านตัวเองไปมากกว่านี้

‘เศรษฐา’ ย้ำ!! ต้องดูแลความปลอดภัย ให้เจ้าหน้าที่ ระบุ ‘รัฐบาล’ พร้อมสนับสนุน ทางด้านอุปกรณ์

(22 ก.ค.67) ที่วัดยางสุทธาราม พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร.เปิดเผยหลังการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ว่า นายกได้เน้นย้ำ เรื่องความปลอดภัย เพราะเป็นห่วง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายกฯ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ที่ขาดเหลือพร้อมที่จะจัดสรรให้ รัฐบาลมีนโยบายที่จะมอบค่าตอบแทนสำหรับการจับกุมโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด โดยนายกฯได้เร่งรัดเรื่องนี้ให้ด้วย นอกจากนั้นได้เน้นย้ำยุทธวิธีในการเข้าควบคุมระงับเหตุ ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่โลกโซเชียล เผยแพร่ภาพเสื้อเกราะที่ภายในเป็นไม้อัด ได้หารือกับนายกฯในเรื่องนี้หรือไม่ พลตำรวจโทสำราญกล่าวว่าประเด็นนี้ยังไม่ได้พูดคุยเนื่องจากเห็นผ่านจากโลกโซเชียลเท่านั้น

และเมื่อถามว่ากรณีที่กรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎรเตรียมเสนอกฎหมายการเข้าระงับเหตุหรือควบคุมสถานการณ์ ตำรวจได้พูดคุยกันเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะสำเร็จหรือผิดพลาด จะถอดบทเรียนและนำไปอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่

เมื่อถามว่าจะต้องแก้กฎระเบียบการปฏิบัติงานและการเผชิญเหตุหรือไม่ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า การปฏิบัติงานทุกครั้งมีแผนรองรับ และทบทวนทุกครั้งไม่ว่าผลจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม

มุกดาหาร -​กกล.สุรศักดิ์มนตรี ตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1.2 ล้านเม็ด อาวุธปืน 9 มม 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 50 นัด และโดรนบิน 1 ลำ

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) พ.อ.อุทัย นิลเนตร รองเสนาธิการ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.สุรศักดิ์มนตรี) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาพักไว้ในบ้านเลขที่ 63 ม.7 บ.ไผ่ล้อม ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ได้แจ้ง ร.อ.อนุพงษ์ พรหมส่วน ผู้บังคับกองร้อยทหารราบ กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดมุกดาหาร รุดไปตรวจสอบยังบ้านหลังที่ได้รับแจ้ง ขณะเข้าทำการตรวจค้น เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไม่อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่สอบถามจากบ้านข้างเคียง ทราบชื่อเจ้าของบ้านคือนายบุญไตร​ (นามสมมุติ)ภรรยาชื่อนาง​นก เป็นชาวลาว 

จากการตรวจค้นที่ห้องนอนภายในบ้านพบกระสอบขนาดใหญ่จำนวน 6 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูภายในพบว่าบรรจุยาบ้ากระสอบละ 200,000เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด 1,200,000 เม็ด นอกจากนั้นยังพบปืนพกขนาด 9 มม. ยี่ห้อ smith and wesson จำนวน 1 กระบอก กระสุน จำนวน 50 นัด พาสปอร์ตสัญชาติลาว 1 เล่ม และ โดรน Dji จำนวน 1 ตัว อยู่ภายในห้องนอนของนายอภิศักดิ์ ธิ์ (หรือแทน)​ ไหวตัวทัน หลบหนีไป ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'ตชด.ภ.4' ล่อซื้อยาบ้า รวบนายหน้าหาลูกค้าให้กับเอเย่นเสี่ยใหญ่ยึดยาบ้าได้มูลค่ากว่า 7 แสน สั่งเร่งขยายผลล่าตัวเสี่ยนายทุน

เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.67) พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด.เปิดเผยว่า จากนโนบายของรัฐบาล ทั้งข้อสั่งการ ของ ตร. ให้เร่งปราบปราบจับกุมเครือข่ายยาเสพติด วันนี้(24 ก.ค.) ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติดกองบังคับตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติติศิริ รอง ผบช.ตชด. รรท.ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.ต.อ.เสกสรร อินทรสิทธิ์ รอง ผบก.ตชด.ภาค 4 ,พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.44 , พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา รอง ผกก.ตชด.44 ,พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ สองแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.443 หน.ชปส.กก.ตชด.44 วางแผนล่อซื้อยาบ้าและจับกุม นายฟุรกร อายุ 21 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นนายหน้าค้ายาบ้า

ซึ่งสามารถ จับกุมได้ คาลานจอดรถหน้าร้านไก่ทอด  ถนนกาญจนวนิช เขตเทศบาลเมืองเขารูปช้าง อ.เมืองสงขลาพร้อมยาบ้า จำนวน 70,000 เม็ด ที่ติดต่อซื้อขายกันในราคา 770,000 บาท บริเวณถนนทางหลวงสาย 43 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา

สำหรับเบื้องหลังการจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าครั้งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายใหญ่ในพื้นที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ส่งสายลับแฝงตัวเป็นกลุ่มนักค้ายาติดต่อประสานงานกับ นายฟุรกร ซึ่งทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขายยาบ้าระหว่างเจ้าของยาบ้ากับลูกค้าที่สั่งชื้อ โดยตกลงซื้อขายยาบ้ากัน 35 มัด จำนวน 70,000เม็ด ราคา 770,000 บาท หรือมัดละ 62,000บาท นายฟุรกร ได้นัดจ่ายเงินกันที่หน้าร้านไก่ทอด เขตเทศบาลเมืองเขารูป ส่วนยาบ้าได้ให้คนเดินยานำไปวางไว้ ริมถนนสาย 43 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.จะนะ โดยให้สายลับไปรับของได้เลย เมื่อได้ยาบ้าเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมนายฟุรกร ทันที

ทั้งนี้ ตำรวจได้คุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นให้การว่าตนเองเป็นเพียงนายหน้าหาลูกค้าให้กับเจ้าของยาบ้ารายหนึ่งแต่ไม่ทราบชื่อจริงและได้จะส่วนแบ่งจากการขายยาบ้าเมื่องานเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวส่ง สภ.จะนะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลไปยังเจ้าของยาบ้าล๊อตนี้ต่อไป

“บิ๊กต่าย“สั่งเร่งกวาดล้างผู้ค้ารายย่อยในชุมชน ”ผู้ช่วยสำราญฯ“สนองนโยบาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศ”

ตามนโยบายรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งในด้านการปราบปรามนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยงเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร.ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ

วันนี้ (25 ก.ค. 67) ณ ศูนย์ปฏิบัติการ ห้องประชุมภักดีภูมิ บช.ปส. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.ผู้รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด ได้เดินทางมาติดตามการปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันในเช้าวันนี้ โดยเป้าหมายการปิดล้อมดังกล่าวมีที่มาจากข้อมูลการซักถามผู้เสพหรือผู้ต้องหาคดียาเสพติด รวมทั้งข้อมูลการแจ้งเบาะแสของประชาชน จนทำให้ได้ข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนมาทำการสืบสวนและกำหนดจุดปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกวาดล้างจับกุม โดย ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้แก่ สำนักงานป.ป.ส.,ทหาร,ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 874 เครือข่าย เป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น 2,638 จุดตรวจค้น

ผลการปิดล้อมตรวจค้น สรุปรายละเอียด ดังนี้
- จับกุมคดียาเสพติดรวม 1,757 คดี
- จับกุมผู้ต้องหา 1,645 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 112 ราย
- ตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 1,555,902 เม็ด, ไอซ์ 87 กก.,คีตามีน 4.5 กก, เฮโรอีน 35 กก., ยาอี 2,644
เม็ด, อาวุธปืน 152 กระบอก
- ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน 652 รายการ รวมมูลค่า 97,195,645 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เวลา 10.48 น.)

จากผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศในครั้งนี้ จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนัก อย่างเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง โดยในขณะนี้สำนักตำรวจแห่งชาติมีนโยบายเน้นการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าจากสถิติการจับกุมและยึดของกลางคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ถึงปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 72,050 ราย และตรวจยึดยาบ้าได้ 781,341,317 เม็ด, ไอซ์ 15,550 กก. และ คีตามีน 2,641 กก. รวมทั้งการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้รวมมูลค่ากว่า 9,525 ล้านบาท
สายด่วนแจ้งเบาะแสยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร  191 , 1599

'เชียงราย' ฉก.ทัพเจ้าตาก ยิงปะทะกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 120,000 เม็ดไอซ์ 75 กิโลกรัมชายแดนแม่สาย

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 04.20 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ จาก กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก  ทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณ บ้านป่าแดงหลวง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 6 - 8 คน แบกเป้สัมภาระเดินเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา และเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย  เนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืนไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ได้ หน่วยจึงได้จัดกำลังเพิ่มเติม จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ วางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอการพิสูจน์ทราบในห้วงเช้า

ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 นาฬิกา หน่วยจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และได้ตรวจพบเป้กระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1 เป้ จำนวน 120,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 3 เป้ๆ เป้ละ 25 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้นประมาณ 75 กิโลกรัม

และเมื่อเวลา 11.00 นาฬิกา พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้มอบหมายให้ พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี  ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก และนาย ณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สายได้มอบหมายให้นาย   ยศพงศ์ ตุลาชม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้ สถานีตำรวจภูธรแม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เชียงใหม่-ผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงจับคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 13,980,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ตามนโยบายรัฐบาลให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ดุลเดชา  อาชวะสมิตระกูลรอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย , พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พล.ต.นิรันดร์ชัย  ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35 ,นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , นายกองตรี ปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง , พ.ต.อ.ชูวิทย์  กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง และ พ.ต.อ.รัชพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี ที่ ลานสโมสรอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5  อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้สืบเนื่องผลมาจากการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของ นายป๋อลี หรือนายบุญชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด  ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายม้งในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา, อ.เทิง และ อ.พญาเม็งราย จว.เชียงราย เป็นแหล่งพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอการลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีในการสืบสวน และระดมสรรพกำลังในการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมงาน ระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และ ตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 แห่งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ณ ด่านตรวจ/จุดตรวจยาเสพติด โดยมีการนำระบบเทคโนโลยี AI และกล้องที่ติดตั้ง ในจุดต่าง ๆ มาร่วมในการวิเคราะห์ติดตามเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด รายละเอียดดังนี้

คดีที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.67 พบรถยนต์คันที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายการสืบสวน จำนวน 3 คัน ได้ขับออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามโดยแบ่งหน้าที่ในการติดตามสะกดรอย จำนวน 3 ชุด ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.67 เวลาประมาณ 23.54 น. รถยนต์เป้าหมาย รถนำคันที่ 1 ขับมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย 

จึงได้ปล่อยรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถยนต์อีก 2 คัน แจ้งว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน กลับรถที่จุดกลับรถ บ้านท่าชุม ก่อนถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ประมาณ 3 กม. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน พบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จอดทิ้งไว้ที่บริเวณป่าข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง ส่วนคนขับได้หลบหนีไป จึงทำการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว

ผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด(ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ในแคป และท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา รถนำคันที่ 2 บริเวณข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง จอดห่างกันประมาณ 1 กม. จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถนำคันที่ 1 จนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจแม่สลิด ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 25 กระสอบ รวมยาบ้าจำนวน 5,000,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และได้รับสั่งการให้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนกระทั่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์กระบะสี่ประตูมีโครงหลังคา ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน งย 4193 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกันกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับมาตามถนนสายหลังอำเภอ หมู่ 2 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันติดตามและสกัดกั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้พบ นายวีรพล เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร และพบยาบ้า จำนวน 18 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังกระบะ รวมทั้งหมดจำนวน 35 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 8,750,000 เม็ด จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ จ.
เชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติที่ซุกช่อนอยู่ในพัสดุ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Flash Express ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ - ลำปาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จำนวน 120,000 เม็ด ได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบทราบว่ายังมีพัสดุหมายเลข TH650160022510 ที่มีผู้ส่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน คือนายนิพนธ์ ที่อยู่ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้ถูกส่งไปยังปลายทางผู้รับชื่อนายฮาริส ที่อยู่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบพัสดุหมายเลขดังกล่าว อยู่ที่โกดัง Flash Express สาขาสันทราย จึงได้แจ้งแก่พนักงาน และขอทำการตรวจสอบผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 110,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ประชาชนแจ้งเบาะแส ตชด.23 ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,000,000 เม็ด

เมื่อวานนี้ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23, กองกำลังสุรศักด์มนตรี, ปลัดอำเภอเรณูนคร และสภ.เรณูนคร แถลงข่าวตรวจยึดยาเสพติด จำนวน  1,000,000 เม็ด 

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ชุดปฏิบัติการข่าว กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 และ 236 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากระบวนค้ายาเสพติด จะลำเลียงยาเสพติดจากริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ อำเภอบ้านแพง จว.นครพนมเข้าสู้พื้นที่ตอนใน จึงได้วางแผนสะกดรอยติดตาม แต่เป้าหมายรู้ตัวจึงได้นำยาเสพติดไปทิ้งแล้วหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่าพบวัตถุต้องสงสัยพบถุงดำจำนวน 5 ถุง คาดว่าจะเป็นยาเสพติดถูกวางไว้ที่ป่าหญ้าริมถนนเส้นทางระหว่างบ้านนางาม - บ้านนายอน้อย หมู่ 13 ตำบลนางาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม จึงได้ประสานการปฏิบัติกับ นปส.นครพนม, เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, สภ.เรณูนคร, อำภอเรณูนคร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ วางกำลังดักซุ่มรอ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 21 สิงหาคม ไม่พบผู้มารับสิ่งของ จึงได้ร่วมกันตรวจยึด และประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมเข้าเก็บหลักฐานและตรวจสอบของกลาง เบื้องต้นพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 1,000,000 เม็ด จึงได้นำส่ง สภ.เรณูนคร ดำเนินการคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน โดย  พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงแนวชายแดนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดยุทธการ"พิทักษ์ริมน้ำโขง" เพื่อกวาดล้าง และปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงอาชญากรรมอื่นๆ ในพื้นที่แนวชายแดน โดยมอบหมายให้กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์  ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 เป็นหน่วยปฏิบัติ  

การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นที่สังเกต ได้รับข่าวสารจากมวลชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผลมาจากการเน้นหนักการปฏิบัติงานด้านมวลชนสัมพันธ์ของหน่วยงานความมั่นคง เพื่อสร้างเครือข่ายประชาชนในการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยงานความมั่นคง เริ่มได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนในการให้เบาะแสมากขึ้น ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณประชาชน และขอความร่วมมือ ให้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

'สตม.' จับ 'หนุ่มแดนกิมจิ' รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดานพัทยา OVER STAY เกือบปี

ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตามจนนายจินปรากฏตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง ดังนี้ 

ครั้งที่ 1 วันที่ 31 พ.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา 
ครั้งที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา 
ครั้งที่ 4 วันที่ 19 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.25 กิโลกรัม โดย

ให้การว่ารับ ยาเสพติดที่พื้นที่พัทยา และสมุทรปราการ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่ง ตม.จว.ชลบุรี จะได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป สำหรับมูลค่าของยาเสพติดหากนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ได้จะมีมูลค่าสูงขึ้นมาก โดยยาไอซ์จะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ 13 ล้านบาท ส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top