Wednesday, 3 July 2024
พิธา

‘หมอวรงค์’ ชนะคดีที่ ‘พิธา’ ฟ้อง โดยถือว่า วิจารณ์โดยสุจริต  และทำหน้าที่ ฐานะประชาชน ในการปกป้องสถาบันฯ

นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลได้ยกฟ้องในวันนี้ (28 มิ.ย.) โดยระบุว่า ...

ศาลยกฟ้อง
คดีที่พรรคก้าวไกลโดยนายพิธาฟ้องผม ที่กล่าวหาสนับสนุนการล้มล้างฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท
ศาลยกฟ้องครับ ถือว่าวิจารณ์โดยสุจริต และทำหน้าที่ในฐานะประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องสถาบันฯ

‘กิตติศักดิ์’ ฟันธง ‘พิธา’ ชวด ‘นายกฯ’  เย้ย สว.หนุนไม่เกิน 5 คน จี้หยุดอ้าง 151 ส.ส. เป็นเสียงข้างมาก 

28 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ในฐานะคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เข้าให้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯพรรค ถือหุ้นสื่อไอทีวี พร้อมให้สัมภาษณ์ กล่าวถึงความเห็นของ ส.ว.ในการโหวตนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คลื่นลมสงบได้ข้อยุติแล้ว และมองว่า กลุ่ม ส.ว.ที่สนับสนุนนายพิธาน่าจะน้อยกว่า 5 คน ซึ่งสิ่งที่ส.ว.ส่วนใหญ่ตัดสินใจ น่าจะเป็นการปิดสวิตซ์ตนเอง คือ การงดออกเสียง แต่ย้ำว่าส.ว.มีเอกสิทธิ์ส่วนตัวในการลงมติอย่างไรก็ได้

เมื่อถามว่า ถ้าเสียง ส.ว.ไม่ครบ ฟันธงว่านายพิธา ไปต่อไม่ได้เลยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าหากวันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าจะมีแคนดิเดตฯ มากกว่า 1 คน เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง พรรคที่ได้ส.ส.เกิน 25 คนสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่ามีพรรคอื่น ที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล มาพูดคุยกับส.ว.เพื่อขอเสียงโหวตสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคใด ที่จะมาเจรจาพูดคุยกับ ส.ว.แล้ว เพราะ ส.ว.มีคำตอบในใจแล้ว แต่สิ่งที่ให้สัมภาษณ์วันนี้ คือ ให้สังเกตพรรคที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีน่าจะมีมากกว่า 1 พรรค

เมื่อถามว่า ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย และฝ่ายรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ส.ว.ถูกใจฝั่งไหนมากกว่า นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า “ส.ว.กิตติศักดิ์ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการอ้างประชาธิปไตย ตนคิดว่าอาจเป็นประชาธิปไตยปลอมก็ได้”
เมื่อถามว่าถ้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อนายพิธา แล้วไม่ผ่าน และพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะหาว่าส.ว.อะไรก็ไม่เอา เรามองแล้วว่าบ้านเมืองต้องเดินไปได้ ตนขอบอกเทปเดิม ว่าบ้านเมืองต้องเดินต่อไปได้ ขณะนี้หากนายพิธาไปไม่ได้ พรรคอันดับ 2 ก็ต้องขึ้นมา เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนตอบตรงนี้ชัดเจนไม่ได้ เพราะ ส.ว.ไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล แต่บอกได้แค่ว่า จะมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 พรรค ส่วนพรรคใดจะได้หรือไม่ได้ ส.ว.ไม่ไปก้าวก่าย

เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวในขณะนี้ การเมืองถึงขั้นพลิกขั้วหรือไม่ เพราะตามที่ระบุว่ามีแคนดิเดตนายกฯเพิ่ม นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เอาเป็นว่าฝ่ายประชาธิปไตยที่อ้างกันมา และผมเรียนในขณะนี้ ยังมีฝ่ายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง
ส่วนที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนนั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีชื่อของพล.อ.ประวิตร ก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งเราไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามถึงหลักการของส.ว. จะยกมือให้พรรคที่รวมเสียงส.ว.ได้เกินครึ่งของสภา ไม่ใช่ยกมือให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า “ตนเคยพูดแล้วว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้ แต่ถ้าจะเป็นรัฐบาล ต้องไปรวบรวมเสียงให้ได้เกินครึ่ง คือ 376 เสียง แบบนี้บ้านเมืองถึงจะเดินไปได้ แต่หากมีส.ส.อยู่ 100 กว่าเสียง แล้วไปจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวไม่เห็นด้วย

เมื่อถามย้ำว่า ที่ออกมาพูดว่านายพิธา ไม่น่าจะผ่านการเลือกของส.ว.ถือเป็นการพูดแทนของส.ว.ทั้งหมดหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า “เป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งทัวร์จะมาลงก็ขยายพื้นที่ไว้ มาลงที่กิตติศักดิ์ได้ แต่ไม่ลงที่ ส.ว.คนอื่น และที่บอกมีคนโหวตให้นายพิธา น้อยกว่า 5 คน มันก็คือโลกความเป็นจริง เพราะเราประเมินแล้วว่า ส.ว.ได้รับการโปรดเกล้าฯ ถ้าจะไปสนับสนุน พรรคการเมืองที่ต้องการแตะสถาบัน ผมก็ไม่ทราบว่าจะตอบสังคม ประชาชนได้อย่างไร”

เมื่อถามว่า การโหวตของส.ว.อาจไปสู่การลงบนถนน หรือเกิดความวุ่นวาย นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนพูดมานานแล้ว ไม่ว่าใครจะมาจัดตั้งรัฐบาล ในสถานการณ์แบบนี้ ความวุ่นวายมีแน่นอน ไม่ว่าจะฝ่ายพรรคก้าวไกล หรือฝ่ายอื่น ความขัดแย้งก็ยังมี แต่ถ้าเป็นพรรคอื่น ที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ความขัดแย้งก็ยังมีแต่จะน้อยลง

เมื่อถามว่า ส.ว.จะตอบกองเชียร์พรรคก้าวไกลอย่างไร เพราะเป็นการโหวตฝืนมติของประชาชนที่เลือกตั้งมา นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดเรื่องตัวเลข ก็เป็นทราบกันอยู่ว่า ไม่ได้บ่งชี้ว่า ถ้าพรรคอันดับ 1 ได้ไม่เกินครึ่งของสภา คือ 250 จะบอกว่าได้เสียงข้างมากเลยก็ไม่ได้ ยกตัวอย่างปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ได้อันดับ 1 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นั้นคือข้อเท็จจริง ดังนั้นปี 2566 ก็อาจกลับไปคล้ายปี 2562 ก็ได้

ส่วนที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ยังตกลงตำแหน่งประธานสภาไม่ได้ มองว่าจะแตกกันหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างสัมภาษณ์ นายกิตติศักดิ์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา พร้อม ว่าที่ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับ กกต. เช่นกัน โดยระบุสั้น ๆ ว่าวันนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ กกต.ในประเด็นว่าด้วยการขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายพิธา คาดว่าจะใช้เวลาหารือพอสมควร

นับถอยหลัง ‘สุชาติ’ คว้าเก้าอี้ประธานสภาฯ ‘ทิม  พิธา’ เต็งหาม ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ

28 มิ.ย. เห็นนสพ.(ไทยโพสต์  รายวัน)พาดหัวตัวเป้ง..”14+1 หักก้าวไกล” พร้อมคำขยายว่า..เพื่อไทย ล็อกเก้าอี้ประธานสภา  ก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น..”เล็ก  เลียบด่วน” ไม่ได้โม้...ประเด็นนี้ได้ฟันธงมานานแล้ว  และไม่แต่เก้าอี้ประธานสภาฯเท่านั้น ยังได้ฟันธงว่า..ที่สุดของที่สุด คุณพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์   ก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่างหาก..

งานนี้พรรคก้าวไกลก็คงได้ลิ้มรสชีวิตจริงทางการเมืองมากขึ้น...ความฮึกเหิมทางการเมืองที่คิดจะกินรวบประเภท 14+2  คือ  กวาด 14 รัฐมนตรีว่าการ  กับอีกสองเก้าอี้ใหญ่คือ นายกรัฐมนตรีและเก้าอี้ประธานสภาฯ ในขณะที่คะแนนต่างกับเพื่อไทยแค่ 10 เสียงนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะอ่านออกมาแต่ต้นว่าพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะยอมได้...

ท่าที ท่วงทำนองฮึกเหิมห้าวหาญของพรรค”ด้อมส้ม” ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากมองว่า..พวกเขาเชื่อมั่นใน 14 ล้านเสียงจนมากเกินไป และเบื้องลึกผู้ทรงอิทธิพลในพรรคหรือโปลิตบูโรพรรคอาจจะกดปุ่มให้เดินเกมได้เสีย   คือถ้าได้ต้องได้ทั้งสองเก้าอี้ใหญ่  ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นฝ่ายค้านสร้างความเชื่อมั่นรอส้มทั้งแผ่นดินในการเลือกตั้งครั้งหน้า...

อย่างไรก็ตาม..สงครามยังไม่จบ “เล็ก  เลียบด่วน” ก็ยังไม่อยากนับศพทหาร..ฟังมาว่าวงเจรจาเก้าอี้ประธานสภาวันสองวันนี้ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน    จะเปิดอกคุยกันอีกครั้งในวันที่ 30 มิ.ย.  คุณหมอชลน่าน  ศรีแก้ว  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าแม้พรรคจะยืนยันในหลักการ 14+1  แต่ยังไม่ใช่มติพรรค...ต่อเมื่อไปคุยกับพรรคก้าวไกลอีกครั้งถ้ายังตกลงกันไม่ได้ก็จะใช้มติพรรคว่าเดินหน้าต่ออย่างไร...

นั่นคือท่าทีเชิงเทคนิคของคุณหมอชลน่าน...

ในส่วนของพรรคก้าวไกลนั้นยังไม่มีอะไรแหลมคมออกมามากไปกว่าตอนทุ่มเศษที่มีการเปิดตัว “หมออ๋อง”  ปดิภัทธ์  สันติภาดา   ส.ส.สมัยที่สองจากพิษณุโลก   ซึ่งหลายคนบอกว่าเขาคือสัตวแพทย์ปากจัด..  เป็นตัวชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ หลังจากพรรคเพื่อไทยเปิดเกมแถลงยืนยันสูตร 14+1 ตอน5โมงเย็น...เรียกว่าสองพรรคเริ่มเปิดฉากออกอาวุธชิงไหวชิงพริบกันแล้ว    ทั้งนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนาทีนี้หวยล็อกเก้าอี้ประธานสภาฯยังไม่เปลี่ยนไปจาก “พ่อมดดำ” สุชาติ  ตันเจริญ   ส.ส.9 สมัย  เป็นรัฐมนตรีมา 2 สมัย  รองประธานสภาฯมา 2 สมัย..

ครับ..สุดท้ายถ้าสองพรรคใหญ่เจรจาตำแหน่งประธานสภาฯกันไม่ได้ก็ต้องนำไปสู่การฟรีโหวตโดยที่ประชุมสภา  ซึ่งก็เดาไม่ยากว่าพรรคก้าวไกลจะแพ้หลุดลุ่ย...และหลังจากนั้นก็แทบจะพูดได้ว่าจบเกม..หรือที่คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์  หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยบอกกว่า “จบเห่” นั่นเอง...หรือแม้แต่คุณหมอชลน่านก็ยอมรับว่าถ้าสถานการณ์ลากไปถึงขั้นฟรีโหวตมันจะไม่เป็นผลดีกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล  ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยประการทั้งปวง...

สุด..ไม่ว่าจะฟรีโหวตไม่ฟรีโหวตก็ฟันธงว่า เพื่อไทยจะคว้าเก้าอีกประธานสภาฯมาครอง...คำถามใหญ่กว่าที่รอยู่เบื้องหน้ามีอยู่สองประการคือ...หนึ่ง) รัฐบาลใหม่จะยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลหรือไม่   สอง)ใครจะเป็นนายกฯ ซึ่งในชั้นนี้เขียนชื่อแปะไว้ข้างฝาเป็นครั้งที่สิบว่า..ถ้าไม่ใช่ชื่อ ป้อม  ประวิตร ก็ จะเป็น  นิด  เศรษฐา  หรืออุ๊งอิ๊ง  แพทองธาร...

ส่วน ทิม  พิธา  นั้น  เป็นเต็งจ๋าเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  -เอวัง

เปิดตัว ‘ดนัย’ คนรับซื้อที่ดิน 14 ไร่ ที่ปราณบุรี ของ ‘พิธา’ เจ้าตัวเผย ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ยัน!! เป็นการซื้อขายตามปกติ

เปิดตัว ‘ดนัย ศุภการ’ คนรับซื้อที่ดินมรดก 14 ไร่ 6.5 ล้าน อ.ปราณบุรี ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ โพรไฟล์ธุรกิจ กรรมการถือหุ้น บริษัทอสังหาฯ ใน อ.หัวหิน 6 แห่ง ก่อนหน้าแจงทำธุรกรรมปกติ ไม่รู้จัก หัวหน้าก้าวไกลมาก่อน เคยเสนอมากกว่า 10 ล้าน ต่อรองหลายครั้ง

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66 กรณีที่ดินตามโฉนดหมายเลข 13543 ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 14 ไร่ 0 งาน 62.7 ตารางวา ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งแจ้งยื่นแสดงในบัญชีรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.ปี 2562 ระบุเป็นทรัพย์ที่ ‘ได้รับมรดก’ มูลค่าปัจจุบัน (ขณะนั้น) 18 ล้านบาท นำข้อมูลมารายงานแล้วว่า ที่ดินแปลงนี้ปัจจุบันเปลี่ยนมือไปแล้วโดยทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ในราคา 6,500,000 บาท (หลังจากหลังยุบสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 20 มี.ค. 66 ประมาณ 7 วัน) ในขณะที่ราคาที่ดินที่เจ้าหน้าที่ประเมินราคาที่ดินแปลงนี้อยู่ที่ 8,777,185 บาท เท่ากับนายพิธาจดทะเบียนขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน 2,277,185 บาท โดยนายพิธาอ้างว่าที่ดินบางส่วนมีสภาพเป็นบ่อน้ำ

ขณะที่ผู้ซื้อชี้แจงว่า เป็นการซื้อขายตามปกติ เนื้อที่ดินตามจริงอาจน้อยกว่าจำนวนที่ระบุในโฉนด เนื่องจากพื้นที่ติดคลอง และมีบ่อ ส่วนราคาประเมินที่เขาแจ้งไว้สมัยก่อนอาจจะสูง แต่ซื้อขายจริงอาจจะไม่ถึง และไม่รู้มาก่อนว่าเป็นที่ดินของนายพิธา

โดยข้อมูลเบื้องต้นก่อนหน้านี้ ที่ออกมาว่า ‘ผู้ซื้อ’ ที่ดินแปลงนี้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีชื่อเป็นกรรมการถือหุ้นธุรกิจอสังหริมทรัพย์อย่างน้อย 5 บริษัท ล่าสุดได้มีการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายดนัย ศุภการ ผู้ซื้อที่ดินมีชื่อเป็นกรรมการและ/หรือถือหุ้น 6 บริษัท รายละเอียดดังนี้

1.) บริษัท สมาร์ทเฮ้าส์ วิลเลจ หัวหิน จำกัด จดทะเบียนวันที่ 15 มกราคม 2550 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการ การให้เช่า การขาย การซื้อ อสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 100 หมู่ 1 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายประวัติ ศิริพรสกุล และนายดนัย ศุภการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 9 มีนาคม 2566 นายดนัย ศุภการ ถือหุ้นใหญ่ 50,000 หุ้น บริษัท ดรากอนริชลี่ จำกัด 45,000 หุ้น จากผู้ถือหุ้น 3 ราย รวมทั้งหมด 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท

2.) บริษัท สมาร์ทเฮ้าส์ วัลเล่ย์ หัวหิน จำกัด จดทะเบียนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งเลขที่ 100 หมู่ 1 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายประวัติ ศิริพรสกุล และ นายดนัย ศุภการ เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 30 เมษายน 2566 นายดนัย ศุภการ 8,000 หุ้น บริษัท ดรากอนริชลี่ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 84,000 หุ้น จากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 ราย รวมทั้งสิ้น 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท

3.) บริษัท เอส เอช วี หัวหิน จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 ทุน 2 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อ ขาย ดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 100 หมู่ 1 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายประวัติ ศิริพรสกุล และ นายดนัย ศุภการ เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2565 นายดนัย ศุภการ ถือหุ้นใหญ่ 100,000 หุ้น บริษัท ดรากอนริชลี่ จำกัด 90,000 หุ้น และ น.ส.เรณู ปั่นเทพ 10,000 หุ้น รวมทั้งหมด 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท

4.) บริษัท หัวหิน เรสซิเด้นท์ เรียลเอสเตท จำกัด จดทะเบียนวันที่ 28 ตุลาคม 2548 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 359 หมู่ 7 ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายดนัย ศุภการ และ นายประวัติ ศิริพรสกุล เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2566 นายดนัย ศุภการ 35,500 หุ้น บริษัท ดรากอนริชลี่ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 58,050 หุ้น จากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 ราย รวมหุ้นทั้งหมด 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท

5.) บริษัท ดีน่า โฮม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 22 มีนาคม 2566 ทุน 2 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อ ขาย เช่า ให้เช่าที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง พัฒนา จัดสรร และแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อย เป็นตัวแทนซื้อ ขายในกิจการอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด ที่ตั้งเลขที่ 299/1 หมู่ 1 ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

6.) บริษัท ไทยคันทรีโฮม หัวหิน จำกัด จดทะเบียนวันที่ 25 มีนาคม 2559 ทุน 2 ล้านบาท ประกอบการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย ที่ตั้งเลขที่ 100 หมู่ 1 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางจันทรา บีแชม นายแกรแฮม จอห์น บีแชม นายประวัติ ศิริพรสกุล นายเอกรัตน์ ศุภการ เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2566 นายดนัย ถือ 1,000 หุ้น จากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 6 คน จำนวนหุ้นทั้งหมด 20,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท (ไม่มีชื่อนายดนัยเป็นกรรมการ)

ทั้งหมดเป็นโพรไฟล์ธุรกิจของผู้รับซื้อที่ดิน 14 ไร่ 6,500,000 บาทจากนายพิธา

แฟนกีฬาถล่มยับ หลัง ‘พิธา’ ร่วมเชียร์วอลเลย์บอลหญิงไทย ซัด!! ควรมีมารยาท-วางตัวให้เป็น อย่าเอาการเมืองมาปนกับกีฬา .

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 66 ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่พบกับทีมชาติตุรกี ในศึกวอลเลย์บอลหญิง เนชันส์ลีก 2023 คนไทยส่งแรงใจเชียร์นักตบสาวไทยอย่างเนืองแน่นเต็มสนาม และหนึ่งในนั้น คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

แต่หลังจากที่ทางเพจเฟสบุ๊ก ‘Volleyballthailand’ ได้ลงภาพนายพิธา ขณะที่มาร่วมเชียร์วอลเลย์หญิงไทย ได้เกิดเป็นกระแสดรามาขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มแฟนคลับกีฬาจำนวนมาก ได้เข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงการวางตัวที่ ‘ไม่เหมาะสม’ ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล และขอให้อย่าเอาการเมืองมาปนกับกีฬา เพราะคนที่ไม่ชอบนักการเมืองก็มีไม่น้อย โดยคอมเมนต์บางส่วนระบุว่า…

“ฝากบอกพิธาเว้นกีฬาไว้อย่างเหอะ สงสารน้องๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลจะโดนเกลียดไปด้วยทำอะไรคิดถึงคนอื่นบ้างค่า แฟนวอลเลย์บอลที่ไม่ชอบพิธาก็ไม่น้อยค่า”

“เรื่องมารยาท เรื่องจิตสำนึกที่ดี เป็นหนึ่งในเรื่องที่เงินซื้อไม่ได้ คนมีมารยาทและนิสัยดีจะรู้ว่า อะไรควรทำ ต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในบทบาท หรือสถานะอะไร ถ้าเป็นนักการเมือง ถ้าทั้งปีทั้งชาติ ไม่เคยไปเชียร์ แต่วันนี้โผล่ไป ถ้าคนมีมารยาท คิดเป็น และไม่ฉวยโอกาส จะบอกตัวเองว่า เราอย่าไปเลย… ไปในฐานะอะไร? มันดูหิวแสง ดูสร้างภาพ ดูปลอม ดูไม่ดี การเชียร์นักกีฬาไทย มันเป็นความสุขของคนไทย คนไทยมี 70 กว่าล้านคน คนไม่ชอบเราก็เยอะ อย่าทำให้คนไทยหมดสนุกเพราะเราเลย อย่าทำให้คนไทยต้องมาทะเลาะแตกแยกไปทุกวงการเลย เว้นสักเรื่องเถอะ”

“กีฬา โดยเฉพาะวอลเลย์หญิง เป็นสิ่งเดียวที่คนไทยไม่น้อยร่วมใจกันเชียร์ ต้องแตกแยกเพราะคนแบบนี้ ที่วางตัวไม่เป็น ไม้รู้อะไรควร ไม่ควร เห่ออออ”

“เลิกเชียร์เลิกติดตาม เชียร์มาตลอด เสียแรงจริงๆ”

“การเมืองเข้ามายุ่งกับกีฬาบรรลัยแน่นอน คอนเฟิร์ม”

“เสียใจ เป็น FC มาตั่งแต่รุ่น 7 เซียน ทำให้หมดใจกับวอลเลย์ขนาดแพ้ทุกนัดยังเชียร์”

“ปิดทีวีแทบไม่ทัน คุณพิธา/คุณปิยะบุตรมาเชียร์วอลเลย์บอลนี่นะ ขำตายล่ะ กระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์มากี่ชาติ ไม่เห็นได้ข่าวว่าไปเชียร์ มาตอนนี้เลยดูแปลก แต่ก็โอเค เป็นสิทธิ ของใครของเราไม่ว่ากัน”
 

‘พิธา’ จบข่าว.. ‘ป้อม-เศรษฐา-อนุทิน’ ชิงชัย ถอดรหัส ‘พีระพันธุ์’ ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ลุ้นเก้าอี้ใหญ่

ย่างสู่วันแรกของเดือนใหม่..กรกฎาคม เดือนแห่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง  เริ่มหลักกิโลเมตรใหม่ทางการเมือง   มีประธานรัฐสภาคนใหม่  นายกรัฐมนตรีคนใหม่...ซึ่งจนถึงวินาทีนี้ยังฟันธงให้ขาดผึงไม่ได้ว่าเป็นใคร...เพียงแต่น่าเชื่อว่า..

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภา  ตัวเต็งคือ “พ่อมดดำ”สุชาติ  ตันเจริญ จากพรรคเพื่อไทย   “ตัวตึง”คือ ปดิพัทธ์    สันติภาดา  หรือ”หมออ๋อง”จากค่ายก้าวไกล...ซึ่งต้องรอดูคำตอบสุดท้ายจากการเจรจาของสองพรรคใหญ่ในวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ว่าจะยอมกัน ณ จุดไหน อย่างไร..

ตำแหน่งประธานสภาฯ จะบอกเล่าเรื่องราวและเรื่องยาวได้ชัดเจนว่า  หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะเป็นใคร  แต่ในชั้นนี้ “เล็ก  เลียบด่วน” ฟันธงด้วยการข่าวว่าให้ตัดชื่อ..พิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ออกไปได้เลย  แม้จะถูกเสนอชื่อและอีก7พรรคร่วมชะตากรรมโดยเฉพาะเพื่อไทยจะยืนยันนอนยันเป็นครั้งที่555 แล้วว่าจะหนุนจนสุดตัวสุดทาง...และแม้จะมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมาว่ามีการทุ่มทุนล็อบบี้ส.ว.กันอย่างเอาการเอางานก็ตาม..

ต้องทำความเข้าใจให้ชัดว่า..กรณีการใช้ยุทธปัจจัยจากกลุ่มทุนบางกลุ่มล็อบบี้ส.ว.นั้นเป็นการล็อบบี้ให้กับตัวเต็งนายกฯที่ชื่อ “เศรษฐา” หรือ “อุ๊งอิ๊ง”  เป้าหมายเพื่อสกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งบัดนี้คนในสภาสูงจำนวนหนึ่งที่ใจแกว่งกะจะหาโบนัสส่งท้ายก่อนสิ้นวาระกลางปีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนใจร้องเพลง..ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า..กันเป็นแถว..

สรุปรวมความ..เต็งจ๋านายกฯตอนนี้ยังคงเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  ที่ลูกน้องดันหลังเต็มแม็กซ์ แต่เสียงสนับสนุนจากส.ว.ยังไม่แน่นหนาเท่าที่คนภายนอกนึกคิด

เต็งสอง  ห้ามมองข้ามก็คือ..เศรษฐา ทวีสิน  จากเพื่อไทย นาทีนี้ภาษากายบ่งบอกชัดเจนว่า..พร้อมมาก..พร้อมที่จะเป็น...ซึ่งโอกาสมีไม่น้อยถ้าเพื่อไทยไม่ผูกขาไว้กับพรรคก้าวไกลแบ่บว่า..ไปไหนไปด้วยกัน..

เต็งสาม   แม้จะชื่อ”หนู” แต่ก็อาจเป็นหนูที่อาจช่วยราชสีห์..เป็นทางเลือกให้กับบ้านเมืองเดินหน้าไปได้..ใช่แล้ว..เขาคืออนุทิน  ชาญวีรกูล   หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ที่ “เล็ก   เลียบด่วน” ขอยืนยันว่าคนในสภาสูงเขาอยากโหวตให้มาก...

...ส่งท้าย ด้วยปริศนาการเมือง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่าว่าแต่คนภายนอกเลยที่ออกอาการงงเต้ก..คนในพรรคเองก็มึนตึ้บไปตามๆกัน  กรณี”บิ๊กตุ๋ย”พีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค”  หัวหน้าพรรค ไม่ไปรายการตัวเป็นส.ส.ซึ่งเท่ากับสละตำแหน่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 ของพรรคไป..

ดูเฟซบุ๊กพีระพันธุ์ วันที่ 30 มิ.ย.ระบุว่าเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.เคยบอกว่าจะไม่มีวันทิ้ง”ลุงตู่” วันนี้วันที่ 30 มิ.ย.ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะทำหน้าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีช่วยลุงตู่จนวินาทีสุดท้าย...ก่อนที่จะตบท้ายว่า  “ในฐานะหัวหน้าพรรคผมไม่ได้หายไปไหน  ผมยังคงทำหน้าที่กองทุนและดูแลการทำงานของพรรค  ของส.ส.และของสมาชิกพรรคให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติของเราตลอดไป”

สายข่าวของ “เล็ก  เลียบด่วน” แจ้งว่าวันที่ 3 ก.ค.พีระพันธุ์จะไปยืนเข้าเฝ้ารับเสด็จฯร่วมรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภาในฐานะตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี..ในขณะที่มีการคาดหมายกันว่า..อนาคตฉากต่อไปเขาอาจรับบทรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง...ซึ่งเราๆท่านๆยังไม่รู้

แต่”บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กตุ๋ย” รู้แล้ว..!!??

‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช. ส่งชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งโหวตนายกฯ ย้ำ!! ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดคนปล่อยข่าวเท็จ

‘เอกนัฏ’ ยืนยันพรรคไม่เสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งนายกฯ กับ ‘พิธา’ ระบุ รทสช. มีเพียง 36 เสียงไม่เคยมีแนวคิดและสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดมีความพยายามสร้างข่าวเท็จให้เข้าใจผิด ย้ำจุดยืนไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112

(6 ก.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยระบุว่า…

“ขอยืนยันว่าการที่ #รทสช ส่งคุณวิทยาฯ สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน

การโหวตประธานสภาและนายกรัฐมนตรีมีกลไกที่แตกต่างกันครับ

การโหวตประธานสภาฯ จะใช้ ‘เสียงส่วนมาก’ ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง

ต่างจากการโหวตนายกฯ ที่ต้องได้ ‘คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง’ (หรือ 375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น

ดังนั้น ในการโหวตรองประธานสภาฯ หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ

ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และคุณพีระพันธุ์กับผม ก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่า เราไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภาฯ)

การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน

มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า “เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อน ส.ส.ของ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ

การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ

เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม

แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ
#รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง

‘พ่อทิม พิธา’ โพสต์คลิปวิดีโอลูกสาวบังคับออกกำลังกาย ด้าน ‘แม่ต่าย ชุติมา’ คอมเมนต์แซว “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ”

กีฬาพ่อก็ไม่เบา!! พ่อลูกใครสนุกกว่ากัน ‘ต่าย ชุติมา’ ก็เข้ามาคอมเมนต์ ทิม พิธา โพสต์ลูกสาวบังคับพ่อไปออกกำลังกายบ้างคลิปสนุกสนานทั้งพ่อลูก

ค่อยมีเวลาผ่อนคลายหน่อย ทิม พิธา หลังได้ประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เลยมีเวลา นอกจากพา น้องพิพิม ลูกสาวไปเดตรับประทานอาหารมื้ออบอุ่น ก็ยังเผยโมเมนต์ความน่ารักของลูกสาว พาพ่อไปออกกำลังกาย

โดยพ่อทิมโพสต์ภาพและคลิปความน่ารักน้องพิพิมขณะสนุกสนานกับกิจกรรมการไปออกกำลังกายกับแดดดี๊ พร้อมแคปชั่นว่า “พิพิมห่วงสุขภาพพ่อ บังคับออกกำลังบ้าง พ่อไม่ค่อยอยากไปเลยครับ”

ด้าน แม่ต่ายของน้องพิพิม ต่าย ชุติมา ก็เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ” โดยแฟนๆเข้ามากดไลก์คอมเมนต์แม่หลายพันไลก์ เชียร์แม่ไปร่วมออกกำลังกายด้วย

ส่วนแฟนๆก็เข้ามาคอมเมนต์แซวพ่อ อาทิ น้องพิพิมคือที่ชาร์จแบตพลังใจของคุณทิม ในโหมดความเป็นคุณพ่อก็เต็มที่มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ , อดทนนะลูก เดี๋ยวพ่อก็โตแล้วนะพิพิม , เก่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชู้ตบาสกลับหลัง ยังรอดห่วง , ไม่ค่อยอยาก = ดูสนุกกว่าพิพิมอีกนะคะคุณพ่อ เป็นต้น

‘น้าหงา’ แนะ ‘พิธา’ ลบทวีตชวน ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ทัวร์ไทย ชี้!! เป็นตรรกะที่งี่เง่า ศิลปินจะเดินสายที่ไหนเป็นเรื่องของธุรกิจ

(7 ก.ค. 66) ภายหลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์พร้อมกล่าวถึง ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ศิลปินและซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มตัวแล้วนั้น

ล่าสุด นายสุรชัย จันทิมาธร หรือ ‘หงา คาราวาน’ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘สุรชัย จันทิมาธร’ ระบุว่า…

“เกิดอะไรขึ้น? ผมก็ดูโคลด์เพลย์ จอห์น เมเย่อร์ กันแอนด์โรส หรืออะไรมากมายหลายวงในยุคเผด็จการที่คุณว่านะครับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เธอรังเกียจเผด็จการดังที่คุณกล่าวว่าจริงๆ หรือ? จึงไม่อยากมาเมืองไทย หรือว่าเป็นเรื่องธุรกิจการจัดการของสายทัวร์ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ศิลปินขึ้นอยู่กับผู้จัดการ (ยกเว้นกรณีวงเล็กๆ อย่างผม) ลบเถอะครับทวีตนี้ คุณพิธา มันดูเป็นตรรกะที่ทำให้ดูงี่เง่านะครับ”

‘ก้าวไกล’ ยืนยันเจตนารมณ์!! ไม่ลดเพดานแก้ ม.112 เชื่อ ส.ว.หนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ให้โอกาสประเทศเดินหน้า

‘ชัยธวัช’ ชี้แค่ ส.ว.บางราย ไม่เอา ‘พิธา’ ลั่นสิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น มองบวก ‘สภาสูง’ ส่วนใหญ่ให้โอกาสเดินหน้าประเทศ เมินลดเพดานแก้ 112 ไม่ห้ามม็อบเคลื่อนไหว

(7 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เริ่มชัดเจนไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเงื่อนไขการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ยังเป็นแค่ความเห็นของ ส.ว.เพียงบางราย ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แสดงออกอะไร คิดว่าจะแสดงออกทีเดียวในวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ดังนั้น อย่าเพิ่งประเมินสถานการณ์จากที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้ ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และมั่นใจในวิจารณญาณของ ส.ว.ว่าอยากจะเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนได้แสดงออกต้องการคืนความเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตยไทย ยังเชื่อมั่นใน ส.ว.จำนวนมากว่าจะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย

เมื่อถามว่า แสดงว่าอีก 60 กว่าเสียง ที่เหลือจะมาจาก ส.ว. ทั้งหมด หรือจะมีการเจรจากับฝ่าย ส.ส. ด้วย นายชัยธวัช กล่าวว่า ทาง ส.ส. โดยเฉพาะพรรคที่เราไม่ได้ชวนมาร่วมรัฐบาลก็คงเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่เชื่อว่าจะมี ส.ส.หลาย ๆ คน ใช้จุดยืนตัวเอง หรือใช้สถานะความเป็น ส.ส. ปกป้องรักษาระบบไว้ให้ได้ในสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ส่วนจะมีการเจรจาถอยบางเรื่องเพื่อให้ ส.ว. เห็นใจมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น คงเป็นการเน้นพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่า ส.ว.ส่วนใหญ่อาจรับรู้ข้อมูลจากสื่อมวลชนซึ่งบางครั้งอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่ลดเพดานมาตรา 112 ตามที่ ส.ว.ให้คำแนะนำมาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าลดเพดานหมายถึงอะไร ที่ผ่านมาเราพยายามอธิบายว่าเจตนารมณ์ของเราเป็นอย่างไร เรามองเห็นปัญหาอย่างไร เราคิดว่าแนวทางแบบนี้ดีต่อระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ยังยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 แม้จะมีคำทักท้วงจาก ส.ว.เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าถ้าได้อธิบายเหตุผล จะมีความเข้าใจมากขึ้น เราต้องอธิบายเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหลือ เวทีสำหรับสื่อมวลชนในสัปดาห์หน้าจะมีความสำคัญกับประชาชน และสังคมในการสะท้อนไปยัง ส.ว. ซึ่งในวันนี้จะมีการหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร เกี่ยวกับกระบวนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอก่อนโหวต จะมีเวลาแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่นอกจากการแสดงวิสัยทัศน์แล้ว จะมีการเปิดให้ ส.ส.-ส.ว.อภิปรายซักถามแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอชื่ออย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่สุดก่อนลงมติ แต่คงรอต้องหารือกับประธานสภาฯ ก่อนว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร

ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าถ้าฟังจากเสียง ส.ว.การโหวตเลือกนายพิธาครั้งแรกอาจจะไม่ผ่านนั้น นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่า อย่างที่บอกไป สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น ยืนยันว่าหากโหวตนายพิธาไม่ผ่านในวันที่ 13 ก.ค. จะเสนอชื่อนายพิธาเพื่อโหวตอีกในวันที่ 19 ก.ค. แน่นอน แต่ยังเชื่อว่าจะโหวตจบในครั้งเดียว และไม่กังวลหากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาแข่ง เพราะเป็นปกติในระบบรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เชื่อว่า ส.ว.จะไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนจะต้องโหวตกี่ครั้งนั้น อย่าเพิ่งไปสรุปเป็นตัวเลข ต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริง และอย่าเพิ่งตัดว่าจะต้องโหวตจบในครั้งเดียวออกไป

“ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีเสียง ส.ว.สนับสนุนเท่าไร ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกมาบอกว่าคิดเห็นอย่างไรกันแน่ มีเพียง ส.ว.เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกมาให้ความเห็น ผมยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ยังเงียบอยู่จะเป็นสิ่งที่เปิดโอกาสให้ประเทศได้คืนความเป็นประชาธิปไตยให้ระบบการเมืองไทย และเดินหน้าไปตามกระบวนการ” นายชัยธวัช ระบุ

เมื่อถามว่าเสียงที่เงียบอย่าง ส.ว.สายทหาร ที่มีแนวโน้มแน่นอนว่าจะไม่สนับสนุนนายพิธา นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งดูถูกอาชีพทหาร ตนคิดว่าทหารจำนวนมาก มีความหวังดีกับประเทศชาติ ซึ่งก็ได้มีโอกาสพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ว.สายทหาร เราทำทุกวันทั้ง ส.ว.สายทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ทำเต็มที่ที่สุดจนถึงวันสุดท้าย เชื่อว่ามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นแสงสว่าง ชีวิตต้องมีความหวัง

ส่วนกังวลหรือไม่ หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จากฝ่ายประชาธิปไตย อย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแข่งนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว อย่าเพิ่งพูดไปขนาดนั้น

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเตรียมออกมาเคลื่อนไหว จะมีการส่งสัญญาณใดหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งบอกว่ามาสนับสนุนพรรคก้าวไกล ตนก็เห็นว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดให้มีการโหวตแสดงเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนเสียงว่าให้เคารพผลการเลือกตั้งเป็นสำคัญ ประเด็นคือต้องการให้ทุกฝ่ายปกป้องระบบ ไม่ใช่ตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ส่วนจะแสดงออกอย่างไร ตนไม่ทราบ หวังว่าจะแสดงออกอย่างสงบไม่ว่าจะฝ่ายไหน เพราะเราไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ทางประธานสภาฯ ก็ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

“แน่นอนว่าหากกระบวนการเลือกนายกฯ ล่าช้า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปีในช่วงเดือน ต.ค. การพิจารณางบประมาณประจำปี และนโยบายเร่งด่วนต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุนจะชะลอ และเกิดผลกระทบไปหมด ดังนั้นจบเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และจบแบบเคารพผลการเลือกตั้งเร็วที่สุด ให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ” นายชัยธวัช ระบุ

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบจริยธรรม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯหรือไม่ว่า ตนอยู่ในแถวเดียวกับ น.ส.ศิริกัญญา ซึ่ง น.ส.ศิริกัญญาก็ปฏิญาณตนตามปกติ เพียงแต่อาจจะหันมาบ้าง เข้าใจว่า น.ส.ศิริกัญญาคิดว่าสมาชิกทุกคนจะพูดตามประธานทีละประโยค แต่พอพูดชื่อตัวเองแล้วก็พูดยาวไปเลย โดยไม่ได้รอประธาน จึงคิดว่าทำไมไม่รอ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเป็นสาระสำคัญอะไร และไม่เป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย จริงๆ การปฏิญาณตนของนายกฯ ที่ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญสำคัญกว่า อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2562 เรื่องใหญ่กว่า ไม่ทราบว่านักร้องหายไปไหน และเรื่องนี้คงไม่ถูกนำไปเป็นไปเด็นเชื่อมโยงเรื่องสถาบันฯ ให้กระทบกับการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ เพราะไม่เกี่ยวกัน เป็นการปฏิญาณตนของ ส.ส.ต่อสภาฯ

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ส.ว.น่าจะมีข้ออ้างอื่นที่จะไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แน่นอน คนไม่เลือกก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ถามย้ำว่า ส.ว.มีธงในการโหวตอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มี ส.ว.บางคนเท่านั้นที่มีธงอยู่แล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top