Monday, 9 June 2025
ประเทศไทย

‘รัฐบาล’ เตรียมผลักดัน ‘กรมอุตสาหกรรมฮาลาล’ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว-ส่งออกไปตลาดที่มีศักยภาพ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาล ว่า อุตสาหกรรมฮาลาลมีมากกว่าเรื่องอาหาร​ แต่รวมถึงการผลิตหรือการบริการอื่น ที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม ได้แก่ เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ประจำวัน เครื่องนุ่งห่ม สาธารณูปโภค การผลักดันให้ไทยได้เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลในภูมิภาค หรือ ฮาลาลฮับ (Halal Hub) และเป็นครัวโลกนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น​ ฮาลาลเป็นยิ่งกว่าอาหาร​ ฮาลาลคือความศรัทธาและวิถีชีวิต เราจะไปให้ไกลกว่าแค่เรื่องอาหาร

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ในก้าวแรกนี้​ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการและแผนงาน รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลสำหรับรองรับการท่องเที่ยวและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง อาเซียน และเอเชียใต้ เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการผลักดันกรมก่อตั้งกรมอุตสาหกรรมฮาลาล ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับฮาลาลไทยสู่สากลอย่างเต็มที่ ​

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ตลาดอาหารฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ที่มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.5 ตามสัดส่วนประชากรมุสลิมโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 เพียงครึ่งปีแรก (ม.ค.-ก.ค.) สามารถส่งออกมีมูลค่าถึง 136,503 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ เช่น ข้าว ธัญพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ ในขณะที่กลุ่มอาหารที่ต้องผ่านการรับรอง เช่น เนื้อสัตว์-อาหารทะเล อาหารแปรรูป ฯลฯ มีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 7.5 และ 10.3 ตามลำดับ ซึ่งไทยมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย มีร้านอาหารฮาลาลมากกว่า 3,500 ร้าน ดังนั้น หากจะผลักดันให้อาหารฮาลาลของไทยขยายตลาดมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก 

นางรัดเกล้า กล่าวว่า การผลักดันครั้งนี้​ เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับคนไทย​ โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิม ซึ่งการที่ไทยมีพรหมแดนติดกับประเทศมาเลเซียนั้นเป็นจุดแข็งให้สามารถเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลในภูมิภาค หรือ ฮาลาลฮับ (Halal Hub) เป็นฐานการผลิตที่ดีสำหรับทั้งชาวมุสลิมในประเทศเองและเพื่อส่งออกรองรับตลาดโลก สอดรับกับการเป็นครัวของโลกอย่างชัดเจน​ และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือนี่เป็นเพีบงแค่จุดเริ่มต้น

'มาร์เวล สตูดิโอ' ปล่อยโปสเตอร์ฉลองเปิดตัว #TheMarvels จับ 3 สาวซูเปอร์ฮีโร่สวมชุดไทย ในธีมลอยกระทง

'เดอะ มาร์เวลส์' ก็มา 'ลอยกระทง'

หลังจากที่เปิดตัวรอบปฐมทัศน์กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ 'เดอะ มาร์เวลส์' (The Marvels) หนังซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติอเมริกันเรื่องล่าสุด สร้างจากตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ โดยมี 'บรี ลาร์สัน' รับบท 'แครอล แดนเวอร์ส' หรือ 'กัปตันมาร์เวล' ยอดมนุษย์สาวพลังคอสมิกเช่นเคย สมทบด้วย 'โมนิกา แรมโบ' และ 'กมลา ข่าน' เป็น 'มิสมาร์เวล'

The Marvels ภาคนี้ได้ 'Nia DaCosta' (นีอา ดาคอสตา) ผู้กำกับหญิงแกร่งจากภาพยนตร์สร้างชื่อ Candyman (2021) มานั่งแท่นผู้กำกับ โดยหนังได้รับรางวัลดาว 6.1 จากเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง imdb.com

ล่าสุด มาร์เวล สตูดิโอ ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว #TheMarvels ด้วย 8 โปสเตอร์จาก 8 ประเทศทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และหนึ่งในนั้นมีโปสเตอร์จากประเทศไทย โดยจับให้ซูเปอร์ฮีโร่สาวทั้งสาม สวมชุดไทยมาในธีมวันลอยกระทง เข้ากันกับเทศกาลที่กำลังจะมาถึงของไทย และเป็นงานรื่นเริงซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ฝรั่งจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่งานนี้เราขอเรียก Soft Power ไว้ก่อน

เรื่อง : พรชัย นวการพิศุทธิ์

'ไทย' ติดโผ 1 ใน 20 ประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ ประจำปี 2023

ไทยติดโผประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ โดยสื่อสัญชาติสหรัฐอเมริกาอย่าง U.S. News and World Report ยกให้ไทยอยู่ในอันดับสูงสุดของทวีปเอเชียในด้านนี้ และอยู่ใตอันดับที่ 18 จาก 87 ประเทศ 

ส่วนเหตุผลที่ได้รับ จากนอกจากภูมิทัศน์ของประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่สืบสานกันมายาวนาน ความเป็นมิตร และความมีน้ำใจของคนไทยแล้ว ... ระดับค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก ยังเป็นจุดขายที่ชาวต่างชาติสนใจมาวางแผนเกษียณ ที่ประเทศไทยมากขึ้นด้วย

'อ.พงษ์ภาณุ' หวั่น!! นโยบายการเงินแบงก์ชาติซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย หลังเงินเฟ้อตุลาติดลบ และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดตามประเทศจีน

(11 พ.ย. 66) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ให้มุมมองต่อภาวะความเสี่ยงเงินฝืดกับอิสรภาพธนาคารกลาง ไว้ว่า...

สมัยก่อนระบบการเงินโลกตั้งอยู่บนมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) เงินตราสกุลต่าง ๆ มีค่าคงที่อิงอยู่กับน้ำหนักทองคำ ต่อมาหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 มีการใช้ระบบ Bretton Woods ค่าเงินก็ยังคงที่แต่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ นโยบายการเงิน (Monetary Policy) มักจะไม่ค่อยมีบทบาททางเศรษฐกิจเท่าไหร่ 

หน้าที่หลักของนโยบายการเงินคือ การรักษาระดับคงที่ (Parity) ของอัตราแลกเปลี่ยน ต่อเมื่อระบบการเงินโลกเปลี่ยนมาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา นโยบายการเงินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและระดับราคา และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าธนาคารกลางจะต้องมีอิสรภาพในการทำหน้าที่นี้โดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ความเชื่อในอิสรภาพของธนาคารกลางและการใช้ Inflation Targeting มาเป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการเงิน ได้ช่วยให้เงินเฟ้อของโลกที่เคยสูงถึงกว่า 20% ลดลงมาอยู่ระดับไกล้ศูนย์มาเป็นเวลานาน

ประเทศไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ยึดมั่นในหลักความเป็นอิสระของธนาคารกลาง โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 ได้มีการแก้กฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประกันความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินและทำให้การปลดผู้ว่าการฯ ยากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำไม่ได้หากผู้ว่าการฯ บกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง

1 ปีครึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านโยบายการเงินได้สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงให้กับเศรษฐกิจไทย เมื่อโลกมีเงินเฟ้อสูงเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว ธนาคารกลางทุกประเทศได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วตามกรอบ Inflation Targeting ขณะที่ทางการไทยกลับรี ๆ รอ ๆ ปรับดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศอื่น จนอัตราเงินเฟ้อของไทยในปีที่แล้วขึ้นไปสูงถึงกว่า 6% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในอาเซียนและสูงกว่ากรอบ Inflation Targeting ที่เห็นชอบร่วมกับรัฐบาล ถึงกว่า 2 เท่า 

พอมาถึงปีนี้ ภายหลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ดูเหมือนว่าการดำเนินการนี้จะสายเกินไปและผิดที่ผิดเวลา จนซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยให้เงินเฟ้อมีอัตราติดลบในเดือนตุลาคม และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดตามประเทศจีนไป และก็ถือเป็นการหลุดกรอบ Inflation Targeting 2 ปีติดต่อกัน เราไม่เคยได้ยินคำขอโทษของธนาคารแห่งประเทศไทยสักครั้งเดียว

เรายังเชื่อในอิสรภาพของธนาคารกลาง แต่อิสรภาพนี้จะต้องมีควบคู่ไปกับ Accountability ฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งต้อง Accountable ต่อประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา แต่ธนาคารกลาง ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและได้รับการคุ้มครองอิสรภาพตามกฎหมาย ควรจะต้องมี Accountability มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ควรจะต้องเคารพเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาประชาคม

15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทย จัดให้มีการเลือกตั้ง สส. เป็นครั้งแรก เป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียว

วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียวของไทย โดยเป็นการเลือกผู้แทนตำบลก่อน แล้วให้ผู้แทนตำบลเลือกผู้แทนราษฎรอีกทีหนึ่ง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ประชาชนเลือกตัวแทนของตนในระดับตำบล เพื่อไปทำหน้าที่เลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง โดยแต่ละจังหวัดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 1 คนต่อราษฎร 200,000 คน มีผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งจำนวน 78 คน รวมกับสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งโดยพระบรมราชโองการเป็น 156 คน

การเลือกตั้งครั้งนั้น เกิดขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยในปี 2475 ประเทศไทย แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 70 จังหวัด และตามรัฐธรรมนูญ 2475 สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท โดยมีจำนวนเท่า ๆ กัน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง

ในขณะนั้นรัฐธรรมนูญกำหนดให้แต่ละจังหวัดจะมี สส. ได้ 1 คนต่อราษฎร 200,000 คน ทำให้มี ส.ส. ประเภทที่ 1 จำนวน 78 คน และ สส. ประเภทที่ 2 ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอีก 78 คน รวมเป็น 156 คน ซึ่งจากการคำนวณดังกล่าว ทำให้ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถเลือก สส. ได้จังหวัดละ 1 คน และมีบางจังหวัดที่มี สส. มากกว่า 1 คน คือ เชียงใหม่, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม และนครราชสีมา มี สส. จำนวน 2 คน ในขณะที่จังหวัดพระนครและอุบลราชธานี มี สส. มากที่สุด คือ 3 คน

สำหรับการเลือกตั้งครั้งแรกของไทย ถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และเป็นการเลือกตั้ง สส. ประเภทที่ 1 โดยใช้วิธีการเลือกตั้งแบบทางอ้อม คือ ประชาชนจะไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนตำบลก่อน จากนั้นผู้แทนตำบลที่ได้รับเลือกนั้น จะไปทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนประชาชนอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

โดยในครั้งนั้น มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด 4,278,231 คน และมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ทั้งหมด 1,773,532 คน คิดเป็น 41.45% โดยจังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบุรี คิดเป็น 78.82% และจังหวัดที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์น้อยที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน คิดเป็น 17.71%

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! ‘AWS-Google-Microsoft’ ลงทุนในไทย หวังยกระดับภาคอุตฯ ไทย ให้ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

(15 พ.ย. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่น นครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ซึ่งช้ากว่าประเทศกรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลหารือกับ ผู้บริหาร Walmart ห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Walmart มีความต้องการที่จะเปิดตลาดในไทยมากขึ้น จึงได้มีการพูดคุยถึงซอฟพาวเวอร์ของไทย ที่เป็นอาหารพื้นเมือง ให้เข้าไปขายใน Walmart รวมทั้งอาหารฮาลาล ที่มีขายอยู่ในหลายรัฐในสหรัฐฯ

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการพบปะกับ เวสเทิร์น ดิจิทัล บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความต้องการลงทุนเพิ่มในไทย และต้องการจะย้ายฐานการผลิตจากประเทศฟิลิปปินส์ มาที่ประเทศไทย 

นอกจากนั้นได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัท AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแอมาซอน จัดทำคลาวเซอร์วิส ได้เซ็นสัญญาที่จะเข้ามาลงทุนแล้ว และจะเปิดดำเนินการเร็ว ๆ นี้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนแล้ว และจะลงทุนเพิ่มอีกด้วย

ขณะที่การหารือกับ Google เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีการลงนามเอ็มโออยู่กันเรียบร้อยแล้วที่จะมาทำดาต้าเซ็นเตอร์ เช่นกัน

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 ราย ของโลก 3 ราย ที่มาทำดาต้าเซ็นเตอร์ได้แก่ AWS Google และไมโครซอฟท์ ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลไทย จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ให้ได้รับการยอมรับในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้การเดินทางมาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือว่ามีความพอใจ หลายอย่างจากที่ได้พบปะภาคเอกชนรายใหญ่ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ เช่น คุณภาพโรงเรียน โรงพยาบาลระดับโลก นักลงทุนต่างพูดว่าเป็นความสบายใจที่จะได้มาใช้ชีวิตที่ไทย ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ไทยสามารถยืนหยัดและแข่งขันได้ในเวทีโลก เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทยและจะทำงานต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งให้ทีมงานสรุปแผนการชักชวนนักลงทุนต่างชาติในรอบ 3 เดือน ว่านักลงทุนรายใดลงทุนแล้ว ใครอยู่ลำดับไหน ใครเพิ่งจีบกัน หรือใครได้ชวนไปดูหนังแล้ว แต่ไม่อยากพูดถึงผลงาน หรือการตัดเกรดการทำงานของตนเอง ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนหน้าที่ของตนคือตื่นเช้าไปทำงาน

กรุงเทพฯ ติดโผ!! 10 อันดับเมืองท่องเที่ยวถูกค้นหา ‘มากที่สุดในโลก’ ปี 2023

จากผลการสำรวจและจัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางมีผู้คนค้นหามากที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 10 Most Searched Destinations Of 2023) จัดทำโดย eDreams Odigeo บริษัทด้านการเดินทางรายใหญ่ของโลก พบว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก ลอนดอน ปารีส และนิวยอร์ก

ทางเว็บไซต์ Traveloffpath (https://www.traveloffpath.com/these-are-the-top-10-most-searched-destinations-of-the-year-according-to-new-report/) ระบุว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ยังคงตอกย้ำการเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สุดในทวีปเอเชีย โดดเด่นด้วยการผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวระหว่าง วัดโบราณ ตลาดที่คึกคัก รวมไปถึงทิวทัศน์อันเงียบสงบ สามารถมอบประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวเสมือนการชมภาพยนตร์ ซึ่งยากจะเลียนแบบได้ในช่วงพักร้อนของเมืองในยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังมีสถานที่มหัศจรรย์ทางประวัติศาสตร์อย่าง พระบรมมหาราชวัง และวัดอรุณราชวราราม ซึ่งล้วนได้รับการเติมเต็มอย่างสวยงามด้วยวิถีชีวิตความเป็นเมืองบนท้องถนน พร้อมด้วยตลาดน้ำ และถนนข้าวสารที่มีชีวิตชีวา

ผลการจัดอันดับนี้เป็นการย้ำถึงศักยภาพของไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ 

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ห่วง!! 'การบ้านการเมือง' ไม่ใช่ของเล่น ปล่อยคนขาดประสบการณ์ แต่เรียนเก่งมาทำงาน อาจเสียหาย

(20 ต.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

คุณไหม ศิริกัญญา หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ปะทะกับ 2 คุณหมอ ที่ผมเคารพท่านเป็น อาจารย์ 

ปะทะ หมอเลี้ยบ, คุณไหม มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพต่ำ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐไม่ส่งผลมาต่อ GDP คุณหมอเลี้ยบบอกว่า เราไม่ได้เป็นลา แต่เป็นแค่ม้าป่วย ที่รักษาแล้วก็เป็นม้าที่แข็งแรง

หากเทียบกับ (สิงค์โปร์ที่ไม่มีทรัพยากร เขาก็พัฒนาจนก้าวหน้าได้ ไทยดีกว่านั้นเยอะ พัฒนาได้ อันนี้ผมเสริม)

ปะทะหมอมิ้ง, คุณไหม บอกว่าเงิน Digital สร้างภาระการคลัง ดอกเบี้ยจ่ายอย่างน้อย 50,000 ล้านบาท คุณหมอมิ้งสอนมวยว่า 30,000 ล้านเท่านั้นเพราะแผนการจะนำเงินงบประมาณมาชำระต้นและดอกเบี้ยทุกปี จะต้องมีการลดเงินต้นดอกเบี้ยก็ลดลง แถมโดนว่าเก่งบัญชีนิ

แต่มีผู้อ้างว่าตนเก่งการเงินไปย้อนคุณหมอว่า Bond fixed ดอกเบี้ย คุณไหมถูกแล้ว

ผมก็ขอเรียนว่า คนตอบแบบนี้ส่วนใหญ่เก่งแต่ในตำราเรียน ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานชั้นสูง คุณไหมเอง เป็นนักวิชาการเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่เคยทำงานจริง

การออก Bond นั้นเราสามารถกำหนดอายุ Bond และหากเรามีรายได้เพื่อชำระหนี้ก็สามารถกำหนดอายุชำระเงินต้นก่อน และดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลง

หรือ หากไม่แน่ใจ เราก็ตั้งเงื่อนไขใน Bond ให้ผู้ออก Bond สามารถ Call ได้เพื่อลดภาระ

ถ้าหากมาถกเถียงเพื่อเกิดปัญญาก็ดี แต่หากมาบริหารราชการแล้วมีความรู้แค่ระดับนักวิชาการหรือ ที่ปรึกษามันจะทำให้ประเทศเราเสียหายมากนะครับ

ลองกลับไปทำงานประจำ แล้วค่อย ๆ ฝึกหัดเลื่อนตำแหน่งเป็น CFO บริษัทใหญ่ ๆ มียอดขายสัก แสนล้านก่อนค่อยมาอาสาเป็น ว่าที่ รมว.คลัง

การทำงานการเมืองไม่ได้เป็นของเล่นให้คนขาดประสบการณ์แต่เรียนเก่งมาทำงานครับ 

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์

ความต่างระหว่าง 'คนมิรู้คุณคน' กับ 'คนรู้คุณคน'  ในวันที่ผู้ให้แผ่นดิน 'อาศัย-ทำกิน' ถูกเนรคุณ

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ๊ก ลูกฝรั่ง ลูกมอญ ลูกแขก หากได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีสัญชาติไทย และมีสามัญสำนึกของความเป็นคน ย่อมจะมีความกตัญญูต่อชาติ ต่อสถาบันกษัตริย์ ต้องรู้สึกหวงแหน ปกปักรักษา และมักจะคิดเสมอว่า "ตนเองนั้นเกิดจนเติบโตมาได้ ก็ล้วนเป็นหนี้บุญคุณของสถาบันกษัตริย์อย่างหนีไม่พ้น"

ด้วยสถาบันกษัตริย์ก็เปรียบเสมือน 'ต้นไม้ใหญ่' ของคนไทยทุกคน คอยให้ร่มเงา มอบความร่มรื่น ป้องแดดฝนพายุร้าย ให้ผู้อาศัยเย็นกายสบายใจ ปลอดอันตรายจากภัยรอบตัวทั้งปวง นี่คือความพิเศษที่หาไม่ได้จากประเทศอื่นใดในโลก

แล้วคนไทยแท้ ๆ ที่เกิดและเติบโตมาได้บนผืนแผ่นดินไทย คอยเดินหน้ากัดเซาะ จาบจ้วง ทำร้าย ทำลาย หรือพูดจาเหยียดหยามดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ถามว่าคนเช่นนี้เป็นคนไทยแบบไหนกัน? 

นักร้องบางคน ได้แสดงพฤติกรรมไม่ต่างจาก 'วัวลืมตีน' เล่นดึงฟ้าลงมาต่ำ เผยให้เห็น 'ธาตุแท้' ที่ซ่อนหลบอยู่ในหัวจิตหัวใจ ตอกย้ำอีกครั้งว่าการเป็นคนมีเงินและโด่งดัง ไม่ได้หมายความว่าจะมีสามัญสำนึกของความเป็นคนเสมอไป 

สำหรับนักร้องพฤติกรรมหยาบคนดังกล่าว คำว่าต่ำก็ยังดูสูงกว่ามาก!!

ผม หรือผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย วันนี้มีอายุแตะเลขห้ากันแล้ว ก็ใช่ว่าจะตอบแทนบุญคุณของ 'บูรพกษัตริย์ไทย' ได้หมด ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ผมไปเลือกพรรคการเมืองที่เดินหน้า 'ล้มล้างสถาบัน' ถ้าจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องเหตุผลเดียวคือผม 'ไม่ใช่คน'

คนอื่นคิดอย่างไรผมไม่ทราบ สำหรับผมขอคิดเช่นนี้ เพราะผม ครอบครัวผม ต้นตระกูลของผม มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ยากไร้ หนีร้อนมาพึ่งพาอาศัยแผ่นดินของ 'พระเจ้าแผ่นดินไทย' ผมจึงถูกปลูกฝังว่าทั้งโคตรเหง้าของผมล้วนเป็นหนี้บุญคุณสถาบันฯ

ผมเป็นคนเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ กลัวกฎแห่งกรรม กลัวผลแห่งการเป็นคนเนรคุณ กลัวจะทำมาหากินไม่เจริญ กลัวชีวิตต้องพานพบกับความวิบัติฉิบหาย ที่สำคัญผมกลัวจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่เนรคุณต่อชาติแผ่นดินของตัวเอง การแสดงความเคารพ รัก ศรัทธา และกตัญญูต่อสถาบันฯ จึงไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิตจิตใจของผมเลย 

คุณลองคิดดูสิ ถ้าขนาดคนที่ให้แผ่นดินอาศัยและทำกิน เรายังเนรคุณ แล้วจะมีใครคนไหนกล้ามอบความจริงใจให้กับเรา  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top