Tuesday, 10 June 2025
บิ๊กตู่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส​

วันนี้ 15 มี.ค.66 เวลา 13.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส  ทันทีที่มาถึงจังหวัดนราธิวาส  ได้เดินทางไปสักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล (วัดเขากง) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดนราธิวาส  โดยนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนราธิวาส โดยมีพล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

สำหรับ "พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล" พระพุทธรูปกลางแจ้งที่งดงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางประธานพร สร้างตามแบบพุทธศิลป์สกุลช่างอินเดียใต้ สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมบรรจุดินจากสังเวชนียสถาน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2513 และพื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของพุทธมณฑลแห่งเดียวของภาคใต้อีกด้วย

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดแพขนานยนต์ลำใหม่ เพื่อให้บริการประชาชนทั้งไทยและมาเลเซีย ในการใช้ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตในภาพรวม

‘บิ๊กตู่’ บุกระนอง ติดตามปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค กำชับทุกฝ่าย เร่งแก้ไข บรรเทาความเดือดร้อน ปชช.โดยเร็ว

(16 มี.ค. 66) ที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เพื่อตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และพบปะประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาขาดแคลนนาอุปโภค บริโภค โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน, นายนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายอำเภอสุขสำราญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยมครั้งนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรี รับฟังสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง จากนายอำเภอสุขสำราญ โดยสภาพปัญหาคือแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี ทำให้ท่อส่งน้ำมีสภาพเสื่อมโทรม และชำรุดเสียหาย ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายคลองกำพวน และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายบ้านโตนกลอย

และเนื่องจากทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการถ่ายโอนภารกิจแล้ว โครงการชลประทานระนองจึงไม่สามารถขอรับสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในช่วงที่เกิดการชำรุดเสียหายของท่อส่งน้ำ

ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกำพวนได้ซ่อมแซมและให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยโครงการชลประทานระนองได้ประสานไปยังส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 14 เพื่อพิจารณาโครงการเบื้องต้น เป็นโครงการฝายคลองโตนกลอยพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหา วงเงินงบประมาณ 40.60 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีปัญหากัดเซาะชายหาดบ้านทะเลนอก ระยะทาง 7 กิโลเมตร รวมถึงระบบไฟฟ้า เป็นต้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการทำงานร่วมกันในการเร่งช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เป็นผลสำเร็จภายในปีนี้เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดระนองในวันนี้ ว่า เพื่อมารับฟังปัญหาและหาแนวทางพัฒนาปรับปรุงให้การดำเนินงานสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปตามแผน รวมทั้งตั้งใจมาขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของจังหวัดระนอง ทั้งด้านเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยขอย้ำให้ทุกคนนำศักยภาพที่จังหวัดระนองมีอยู่ ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ และการเป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ที่จะเชื่อมไปฝั่งอันดามันและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ รวมถึงการร่วมมือกันในประเทศและต่างประเทศ ในการลดโลกร้อนที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเฉพาะร่วมกันรักษาป่า และปลูกป่า สร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อดูดซับคาร์บอน และสามารถใช้ในการเป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสร้างรายได้ในอนาคต

‘ศรัณย์วุฒิ’ ชัดเจน!! ย้ายซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยก 3 จุดเด่น ‘บิ๊กตู่’ มั่นใจ!! นั่งนายกฯ อีกสมัย

(16 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ แถลงว่า วันนี้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญของตน ที่เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งสมัยตนอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ให้ตนอภิปราย และไม่ให้แตะต้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตนจึงแตกหักกับพรรคเพื่อไทย เมื่อไปอยู่กับพรรคเพื่อชาติก็แตกหัก และอยู่ด้วยกันไม่ได้ จากนั้นตนไปอยู่กับพรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกันบางอย่างที่ต้องสงวนเอาไว้ รวมถึงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยประกาศว่าสามารถร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ได้ ก็ทำให้ตนอึดอัดใจ

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนสู้เต็มร้อย ตนถูกฟ้องหลายคดีและไม่มีใครช่วยตน ตนเป็นนักรบผู้ต้องการประชาธิปไตยตัวจริง จึงอยู่พรรคไหนไม่ได้ เพราะพรรคที่มีอยู่ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม หลอกลวงประชาชน คนไทยทั้งแผ่นดินต้องหูตาสว่าง อย่าให้ใครมาหลอกเรา ตนจึงเลือกได้ 2 ทางคือ ด้วยความสามารถและการต่อสู้เพื่อประชาชน วันนี้จึงไม่สนใจขั้วประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผสมพันธุ์กันไปหมดแล้ว และทำพรรคเพื่อบริษัทหนึ่งตระกูลหนึ่ง ตนหมายถึงพรรคไหนคนก็รู้ ส่วนอีกพรรคหนึ่งก็สุดโต่งจนประชาชนหวั่นไหวกันหมด อีกทางเลือกหนึ่งคือการทำงานกับพรรคที่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า พรรคการเมืองปัจจุบันคือพวกประชาธิปไตยจอมปลอม และหลอกลวงประชาชน โดยใช้ประชาธิปไตยบังหน้า แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีจุดเด่น 3 ข้อ คือ 1. เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับพวกประชาธิปไตยปล้นชาติ 2. มีความจงรักภักดี และ3. ประชาชนรากหญ้าได้รับประโยชน์มากมายจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับอะไรเลยมิหนำซ้ำชาวบ้านยังบอกกับตนว่าชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ เพราะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และแม่ค้าก็บอกว่าชอบโครงการคนละครึ่ง

‘บิ๊กตู่’ โต้คนว่า “ไม่รู้เรื่อง” ลั่น!! ทำงานมา 8 ปี จะไม่รู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ ศาลาประชาคม​ อำเภอบ้านโป่ง​ จังหวัดราชบุรี ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล โดยบางช่วงบางตอนระบุว่า… รัฐบาลอยู่มา 4 ปีหลายคนคงเห็นบ้างว่าอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ตนตัดสินใจ คือการทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการขนส่ง อีกทั้งยังดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่จะให้ทั้งหมดไม่ได้เราไม่มีสตางค์พอ แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าสวัสดิการ มันผิดหลักการข้อกฎหมาย แต่ถ้าถามใจนายกฯ อยากให้ทุกคนมีกิน อยู่ดี แต่วันนี้ต้องแข็งแรงกว่าเดิม ประเทศไทยเดินผ่านความยากลำบากมา 8 ปีเต็ม เจอทั้งโควิด-19 สงครามทางการค้า และการสงครามที่หนักสุด คือ ราคาพลังงาน แก๊ส และน้ำมัน ซึ่งหลายอย่างถ้าทำได้ทำไมจะไม่ทำให้ ตนไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์เพื่อใคร แต่วันนี้ต้องสงวนงบประมาณที่มีอย่างจำกัด เพื่อรองรับ เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นนอกจากนี้

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ต่ออายุเครื่องหมายรับรอง ‘ข้าวหอมมะลิไทย’ โชว์คุณภาพ-มาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค

(18 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการดำเนินงานของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ต่ออายุเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และเครื่องหมายการค้า ‘HOM MALI’ และสั่งการให้ประชาสัมพันธ์ และพัฒนาฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้าของผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทย (List of Certified Thai Hom Mali Rice Brands) ตรวจสอบ สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และขยายฐานตลาดข้าวหอมมะลิไทย ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ข้าวไทย และสั่งการ ให้หน่วยงานของไทยเร่งประชาสัมพันธ์ผ่าน https://thaihommaliricecertificationmark.dft.go.th/ และเชื่อมั่นในคุณภาพ และเอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทย มีมาตรฐานและเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันส่งเสริมศักยภาพตั้งแต่ต้นทางการผลิต การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงปลายทางการส่งออกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมทั้งได้เน้นย้ำให้หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ในต่างประเทศ เฝ้าระวังการปลอมปมหรือละเมิด และดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายเมื่อพบการละเมิดใช้เครื่องหมายการค้าข้าวหอมมะลิไทย

‘บิ๊กตู่’ ลุยภูเก็ต ดูความพร้อมไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ฟาก ‘บิ๊กป้อม’ นำทีมบุกเชียงใหม่ ปราศรัยใหญ่ 19 มี.ค. นี้

(18 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ. ภูเก็ต โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ โดยจุดแรกตรวจติดตามความพร้อมการเตรียมการของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต แล้วไปยังสถานที่จัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการ 'ป่าในเมือง' ที่ชุมชนกิ่งแก้ว เทศบาลต.รัษฎา อ.เมือง และไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง รับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์เรื่อง 'อันดามันพร้อม' โดยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ภูเก็ต จากนั้น นายกฯกล่าวแสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาคตอันดามัน จากนั้น เดินทางกลับกทม.

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! 2 เดือน ต่างชาติแห่ลงทุนในไทยเพิ่ม 21 ราย มูลค่าเงินลงทุนในพื้นที่ EEC สะพัดกว่า 2 พันล้านบาท

(19 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC เร่งขับเคลื่อนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในพื้นที่ EEC เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทย ล่าสุดรายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เกี่ยวกับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มอีกจำนวน 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 19 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 2,078 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 ของเงินลงทุนทั้งหมด 

ทั้งนี้ จำแนกเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 7 ราย ลงทุน 1,352 ล้านบาท จีน 5 ราย ลงทุน 529 ล้านบาท ไต้หวัน 3 ราย ลงทุน 37 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 6 ราย ลงทุน 160 ล้านบาท 

‘บิ๊กตู่’ ย้ำ!! 5 ยุทธศาสตร์ยางพารา ช่วยเหลือเกษตรกร ตั้งเป้า ‘ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง’

(20 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความก้าวหน้าจากรายงานการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งได้ดำเนินการผลักดันซื้อขายยางมาตรฐาน และการจัดการป่าไม้ยั่งยืน โดยการซื้อขายล็อตแรกมีจำนวนกว่า 500 ตัน ระหว่างสหกรณ์ชุมชน กับ เอกชน ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินการตามนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แผนยุทธศาสตร์ยางพารา ระยะ 20 ปี (2560-2579) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการผลิตยางของไทยให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง

นายอนุชา กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากร ด้านเศรษฐกิจ ด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และด้านเทคโนโลยี ทำให้อาจมีผลกระทบต่อแนวทางการพัฒนา และการปรับตัวภายใต้การผลิตและการซื้อขายผลิตภัณฑ์ยาง ส่งผลให้การซื้อขายยางในหลายประเทศ เริ่มให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย กยท. จึงจัดระบบ ผลักดันสวนยางไทย ให้เข้าสู่ระบบการรับรองป่าไม้ ตั้งแต่กระบวนการปลูกสร้างสวนยาง เก็บเกี่ยว แปรรูป เพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อ - ขายผลิตภัณฑ์จากยางพารา ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ผ่านระบบตลาดยางพาราของ กยท. ซึ่งเป็นแนวทางจากแผนยุทธศาสตร์ยางพารา ระยะ 20 ปี (2560-2579) ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 

1.การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรฯ และสถาบันเกษตรกรฯ 
2.การเพิ่มประสิทธิภาพ และการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน  
3.การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม 
4.การพัฒนาตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย 
และ 5.การพัฒนาปัจจัยสนับสนุน

‘บิ๊กตู่’ ตอบนักข่าว หลังถามเรื่องยุบสภาฯ พร้อมย้ำ ขรก. ระวังใช้จ่ายงบฯ ช่วง รบ. รักษาการ

‘บิ๊กตู่’ เตือน ขรก.จากนี้ไปทำอะไรต้องระวังช่วงเป็นรัฐบาลรักษาการ ก่อนตอบนักข่าว “ก็คอยซิจ๊ะ” หลังถามว่าราชกิจจานุเบกษาฯ จะประกาศในวันนี้หรือไม่

(20 มี.ค. 66) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวตอนหนึ่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2566 โดยกำชับในที่ประชุมว่า ช่วงนี้ต้องระมัดระวัง จากนี้ไปต้องระวังในเรื่องการเป็นรัฐบาลรักษาการ ในการใช้จ่ายงบประมาณริเริ่มทำโครงการใหม่ ๆ ก็ตาม วันนี้จะมีการประชุมเพื่อรับทราบแนวนโยบายจากคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีนำทีมหารือในเช้าวันเดียวกันนี้ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้

'ธนกร' มั่น!! พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แย้ม 4 ปีพรรคร่วมรัฐบาล มีความรักความผูกพัน

(21 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่กกต.ออกประกาศว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ส่งผู้สมัคร 75 จังหวัด เว้นไว้ 2 จังหวัดที่ไม่ส่ง ว่า ตนขอไปตรวจสอบอีกที แต่จริงๆ แล้ว รทสช. มีความพร้อมทุกจังหวัด ซึ่งผู้สมัครแสดงเจตจำนงมาทุกจังหวัด และพรรคเองก็มีความพร้อม ซึ่งวันนี้พรรคจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร คงจะมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของผู้สมัคร และการปราศรัยหลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว เพราะตอนนี้พรรคก็มีความพร้อมในทุกด้าน และวันนี้ผู้สมัครทุกจังหวัดน่าจะมีการขึ้นป้าย รูปคู่กับพล.อ.ประยุทธ์ในทุกพื้นที่ 

เมื่อถามว่า หลังจากยุบสภา นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยอะไรหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ มีความมั่นใจ ว่า ด้วยผลงานที่ทำมา 7-8 ปี แม้ว่าฝ่ายค้านจะพยายามใช้วาทกรรมในการดิสเครดิตต่างๆ ว่า ไม่มีผลงาน ล้มเหลวด้ายต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประชาชนเห็นสิ่งที่นายกฯ ทำมา 7-8 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่า ยิ่งฝ่ายค้านโจมตีปราศรัยแบบนี้ จะยิ่งเพิ่มคะแนนให้กับนายกฯ และรทสช. 

"สุดท้ายแล้วการเลือกตั้ง ตนเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมี 2 ฝั่ง เชื่อว่าฝั่งของเพื่อไทย และฝั่งของพล.อ.ประยุทธ์ และสุดท้ายแล้ว ฝั่งสถานการณ์จะทำให้ประชาชน ตัดสินใจเลือกระหว่างฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ และฝั่งเพื่อไทย เพราะประชาชนไม่อยากเห็นความขัดแย้ง ความวุ่นวายในประเทศอีกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์สามารถแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้ง หรือปัญหาโควิด ถือเป็นผลงานที่ชัดเจน ผมจึงคิดว่าประชาชนจะเลือกความสุขในแบบที่เป็นอย่างนี้อยู่ ใครจะว่าไม่ดีอย่างไรก็ตาม แต่ผมคิดว่า ประชาชนตอนนี้มีความสุขในสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำ" 

เมื่อถามว่าผลโพลที่ออกมา พล.อ.ประยุทธ์ยังตามพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ผลโพลเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องนำมาปรับปรุง แต่ผลโพลไม่ใช่ผลการเลือกตั้ง ตนมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และขั้วของพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ และพล.อ.ประยุทธ์เป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง จึงเชื่อว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังให้การสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อยู่ 

เมื่อถามว่า ไม่คิดว่าจะมีขั้วการเมืองใหม่ ที่ไม่มี รทสช. อยู่ร่วมหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น 

"ผมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้นั่งวิเคราะห์การเมืองกับนายกฯ มาตลอด และพยายามวิเคราะห์ในพื้นที่ต่าง ๆ เรามั่นใจว่าเราจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนปรามาสว่า พรรค รทสช. จะได้ถึง 25 เสียงหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่อง 25 เสียงนั้นเลิกพูดได้แล้ว เพราะตอนนี้ส.ส.เก่าที่ย้ายมา 40 กว่าคนแล้ว และบัญชีรายชื่อจะถึง 25 คนด้วยซ้ำไป ตนจึงบอกว่า การเมืองจะมีแค่พรรคเพื่อไทย กับพล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ในเรื่องกระแสความนิยมในตัวบุคคล เพราะฉะนั้น คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ พรรค รทสช. ได้คะแนนสูงอยู่แล้ว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top