Wednesday, 3 July 2024
บิ๊กตู่

‘บิ๊กตู่’ เผย ‘กองทัพ’ ไฟเขียว หาเสียงเขตทหารได้ ลั่น!! ทหารพร้อมสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย 

(24 มี.ค. 66) ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีกองทัพถูกจับตาในเรื่องของความเป็นกลางทางการเมืองเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ว่า ได้มีการแถลงไปแล้ว พูดไปแล้ว ว่าต้องสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย ในเรื่องของการเลือกตั้ง ก็แล้วแต่ และการจะเข้าไปในหน่วยทหารก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ก็ต้องให้ทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน หลักการมีเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพี่น้องผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.อ.ประยุทธ์ แค่นเสียง พร้อมกล่าวว่า “โธ่เว้ย!” ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์

จับตา!! แคนดิเดตนายกฯ รทสช. ‘พล.อ.ประยุทธ์’ หรือ ‘พีระพันธุ์’

‘รทสช.’ จัดสัมมนา ชวนผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ ทำความเข้าใจกติกา กกต. ขอระวังถูกกลั่นแกล้ง สั่งจับตาฝ่ายตรงข้ามทำผิดด้วย ‘ไม่สน’ คำปรามาสตั้งพรรค

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารเดอะพอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมแพล็กซ์ อิมแพค เมืองทองธานี ในการสัมมนาผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวเปิดสัมนา ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกับสมาชิกพรรคที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้คนไทย ยืนยันว่า ที่ทำพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาตั้งใจให้เป็นพรรคของคนธรรมดา ไม่ใช่เป็นพรรคของคนยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ช่วยกันทำงานแบบเพื่อนพี่น้อง กฎหมายบอกให้มีตำแหน่งก็มีไป แต่ในการทำงานของพวกเราไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นหัวหน้าหรือรองหัวหน้า ทุกคนทำงานเป็นเบ้ของพรรคทั้งหมด เราตั้งใจที่จะให้มีพรรคการเมืองแบบใหม่เป็นพรรคของประชาชนที่สามารถลดความหลื่อมล้ำในสังคมและความเป็นอยู่ต่าง ๆ รวมทั้งมีความรักความสามัคคี ถ้าไม่เริ่มต้นจากพรรคของพวกเราก็จะไปทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ไม่ได้ 

“ในพรรคครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ทุกคนเท่ากันช่วยกันทำงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานและนำไปสู่ความสำเร็จ เพื่อนำมาช่วยเหลือประเทศไทยให้มีความสุขในการอยู่กับแผ่นดินนี้ ช่วยกันสร้างอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เลขาธิการพรรคกล่าวว่าตนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและอยู่เบื้องหน้าอีกหลายเรื่อง แต่ความสำเร็จที่ตนพยายามผลักดันให้พรรค เติบโตขึ้นมาไม่มีวันจะเป็นไปได้เลยถ้าขาดบุคคลสำคัญอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ อย่างไรตนก็ต้องขอขอบคุณ พรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มต้นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ใช่เป็นผู้จดทะเบียนตั้งพรรคแต่มีมอตโตขึ้นมาระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญโควิด 19 โดยบอกว่าคนไทยต้องช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง คนไทยต้องร่วมมือกัน รวมไทยสร้างชาติ พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกปิ๊ง

“ผมเคยคิดว่าจะพักแล้ว แต่พอเห็น พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเลยเกิดความคิดว่าแล้วเราจะทิ้งบ้านเมืองไปได้อย่างไร และชอบคำที่ พล.อ.ประยุทธ์พูด คิดว่าเป็นคำทางการเมืองที่ถูกต้อง รวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่ว่าจะประเทศไทยเราหยุดคิดและเดินไม่ได้ เราหยุดการพัฒนาประเทศไม่ได้เราจึงต้องร่วมกันสร้าง คนไทยที่อยู่บนแผ่นดินนี้ไม่ร่วมใจ ไม่ร่วมกันสร้างแล้วเราจะเดินกันไปได้อย่างไร แต่นึกได้ไม่นานนายเสกสกล ก็แอบไปจดทะเบียนพรรค ซึ่งผมรู้จักกับคุณแรมโบ้มานาน ตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยแรก ซึ่งท่านบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปทำพรรคการเมือง แต่ผมชอบคำว่ารวมไทยสร้างชาติ และเชื่อว่าจะมีคนเอาไปจดทะเบียนพรรคจึงชิงจดไว้ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ที่จะเดินหน้าทางการเมืองที่ฝันไว้ว่าจะมีพรรคที่ไม่ได้คิดแต่เรื่องการเมืองแต่คิดเพื่อประชาชน และสามารถเป็นที่พึ่งได้ จึงได้หารือกับ นายเอกนัฏ จึงลองทำดู ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ เอาแต่พูด จึงตัดสินใจเดินหน้าตั้งแต่มีกันอยู่แค่ 2 คน จนมีมากขึ้น เมื่อเป็นรูปธรรมจึงกลับไปหานายเสกสกลและขอเอาพรรครวมไทยสร้างชาติไปทำได้หรือไม่ ท่านก็บอกว่าถ้าพี่จะทำเอาไปเลยยกให้ ต้องขอบคุณและนี่คือจุดเริ่มต้นของพรรค” นายพีระพันธุ์ กล่าว

ฝีมือ รปภ.คนเดิม!! รู้หรือไม่? ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมถึงร้อยละ 39.47

ภายหลังจาก ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าผลักดันมาตรการเชิงรุก เพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นพัฒนาการสำคัญของไทยในเชิงของเศรษฐกิจใหม่ด้านยานยนต์ ขณะเดียวกันก็ช่วยพาประเทศเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคตอีกด้วย

'บิ๊กตู่' รับแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 รทสช. ลั่น “เป็นสายหลักมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่ทางผ่านของใคร”

(25 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในช่วงบ่าย ย้ายมาจัดที่อาคาร 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี ในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และเปิดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากว่าที่ผู้สมัครส.ส.แล้วยังมีผู้สนับสนุนของแต่ละพื้นที่ได้ถือป้ายไฟป้ายเชียร์ทยอยมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อยืดของพรรค รทสช. และมีการเปิดเพลงรณรงค์หาเสียง ซึ่งเป็นเพลงเนื้อหาเชิญชวนให้เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่พรรค รทสช. พร้อมมีเยาวชนมาถือป้ายเต้นกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่ ภายในงานขึ้นป้ายนโยบายต่างๆ ของพรรค เช่น ปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกช่วงวัย 1,000 บาท/เดือน, คืน 30% เงินสะสมชราภาพผู้ประกันสังคม มาตรา 33, แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ที่ ไม่ถูกฟ้อง, บัตรสวัสดิการพลัสเพิ่มสิทธิเป็น 1,000บาท/คน ให้วงเงินฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน เป็นต้น

ต่อมา เวลา 14.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. เดินทางมาถึง โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ สมาชิกพรรค ให้การต้อนรับ และนำเข้าห้องรับรอง ก่อนเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินเข้ามายังเวทีจัดงานเพื่อร่วมกิจกรรมท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้สนับสนุน

ในช่วงการเปิดตัวว่าที่ ผู้สมัครส.ส. 400 เขต และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช.นั้น มีแกนนำพรรค รทสช. อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ นายเอกนัฏ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายชัชวาลล์ คงอุดม นายชุมพล กาญจนะ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ และ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมรทสช. เข้าร่วม โดยมีสมาชิกพรรค รทสช. จากภูมิภาคต่างๆ มาร่วมให้กำลังใจ พร้อมถือธงสัญลักษณ์พรรค รทสช. และป้ายสนับสนุนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ของตัวเอง

นายเอกนัฏ ได้กล่าวต้อนรับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขต ว่า งานครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งใหญ่ที่สุดของพรรครทสช. เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ตนขึ้นมาคนเดียว หรือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เท่านั้น แต่จะเป็นการแถลงข่าวร่วมกับขุนพลพรรค รทสช. 400 คนทั่วประเทศ ตนพอมีประสบการณ์ทางการเมืองมาเป็น 10 ปี แต่ยอมรับว่าภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจที่พบกับอุปสรรคมากมาย และเป็นครั้งที่เหนื่อยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็ภูมิใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเช่นกัน เพราะพวกเราทุกคนตั้งใจมาร่วมกับพรรค รทสช. และมีปณิธานที่จะสร้างสถาบันทางการเมืองให้เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวบรวมเอาคนไทยทั้งแผ่นดินไทยที่มีดีเอ็นเอที่ยึดเป็นหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีผู้นำที่มีส่วนร่วมทางจิตวิญญาณ ที่มีทั้งความจงรักภักดี และความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง มีจิตใจนักสู้เพื่อชาติบ้านเมืองคือ พล.อ.ประยุทธ์

จากนั้น นายเอกนัฏ ได้เชิญว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต พรรค รทสช. ทั้ง 400 คนขึ้นมานั่งบนเวทีแบ่งแยกตามภูมิภาค เช่น ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้

ด้าน นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงความพร้อมของพรรคในการลงเลือกตั้ง ว่า เมื่อ 7 เดือนที่แล้วตนได้มาเป็นหัวหน้าพรรค รทสช. เราเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่พร้อมส่งว่าที่ผู้สมัครลงเลือกตั้งครบ 400 เขต เราสามารถชนะทุกพรรคที่เกิดมาก่อนเราได้ พรรคของเราค่อยๆ เติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปไม่หวือหวา ตนอยากเห็นพรรคที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือดีเอ็นเอที่ทำงานเพื่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และประชาชน ด้วยความ ซื่อตรงไม่โกงไม่กิน ตนขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ และผู้สนับสนุนพรรค รทสช. ที่มาร่วมงานกัน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ถึงวันที่เราต้องใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือกตั้งแต่เป็นการเลือกคนที่จะนำพาประเทศให้เดินไปแบบไหน

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พรรค รทสช. อยากให้ประเทศเรา เป็นประเทศที่อยู่ที่มีความสุขและมีความมั่นคง เป็นประเทศที่มีความสามัคคีปรองดอง เพราะเราคือคนที่เคยสวมเสื้อต่างกันมาใส่เสื้อพรรคที่มีสามสี 8 ปีที่ผ่านมาตนเชื่อว่าพี่น้องทุกคน เห็นว่าการพัฒนาโครงข่ายดีขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ทำอยู่ ทำแล้ว และจะทำต่อไปให้ดีกว่าเดิม แล้วอย่างนี้พวกเราทั้ง 400 ชีวิตต้องสู้หรือไม่ เราไม่ได้สู้เพื่อพรรค รทสช. หรือพล.อ.ประยุทธ์ แต่เราจะสู้เพื่อคนไทยทั้งชาติ เราจะมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนำพรรคอีกหนึ่งคน จากการประชุมผู้บริหารพรรค รทสช. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ประชุมได้มีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อนำทัพเราสู่สนามเลือกตั้ง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รทสช. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า ตนขอบคุณผู้สมัครส.ส. ทั้ง 400 คน วันนี้ตนมีเพื่อร่วมอุดมการณ์ และมีพระเอกทั้งหมดอยู่ข้างตน หนังเรื่องหนึ่งต้องมีพระเอกนางเอกแต่ผู้ร้ายต้องแพ้ทุกที เราต้องอยู่ฝ่ายพระเอก เพราะสุดท้ายก็รักกับนางเอกทุกคน ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของเรามาจากหลากหลายช่วงวัย จึงทราบว่าคนแต่ละยุคแต่ละวัยคิดอะไร และเราจะทำอะไรให้ทำอะไรให้พวกเขาบ้าง เราจะขับเคลื่อนไปสู่ความมั่งคั่ง มั่นคงและยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ของเรา เพราะทุกคนคือหุ้นส่วนของประเทศไทย ไม่ใช่บริหารธุรกิจเพื่อแสวงหาประโยชน์ เราต้องมีนโยบายที่จับต้องได้ และตามกฎหมายทุกประการ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามว่า ประเทศและเศรษฐกิจเดินหน้ามาได้จนถึงวันนี้เพราะใคร ผู้เข้าร่วมจึงตะโกนตอบว่า “ลุงตู่” เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้คิดเล่นๆ ว่าถ้าเรามี 400 คนไปนั่งในสภาฯ จะทำอย่างไร แต่เราจะไม่ทำเหมือนคนอื่นเขาทำ เพราะเราจะร่วมกันทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนอาจจะพูดจาขวานผ่าซากและพูดไม่เพราะนิดหนึ่ง แต่เป็นคนจริงใจ และเรามีหัวใจอันยิ่งใหญ่ รักทุกคนเท่าๆ กัน ตนมีหัวใจสีม่วง คือหัวใจของคนที่ใกล้จะตาย จึงไม่พูดความเท็จ ไม่ใช่ว่าตนจะตายแต่เปรียบเทียบให้ฟัง ว่าเราทั้งหมด 400 คนรับปากจะดูแลคนไทยทั้ง 70 ล้านคนไปพร้อมกัน และทุกคนได้มีเป้าหมายร่วมกันคือ รวมไทยสร้างชาติ

ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดพร้อมหันไปชี้ถามว่าที่ ผู้สมัครส.ส.เขตที่นั่งอยู่ข้างหลัง ว่า เรามีดีเอ็นเอที่ตั้งใจจะพัฒนาบ้านเมืองร่วมกันหรือไม่ และกล่าวต่อว่า ตนคือผู้ชายคนหนึ่ง เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีหัวใจ ตั้งใจจะทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็ง

“เราไม่ใช่ทางผ่าน แต่เราเป็นสายตรง สายใหญ่ สายหลักมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่ทางผ่านของใคร ผลงานของรัฐบาลต้องบอกว่า มีนับไม่ถ้วน หลายคนนั่งรถมาไม่รู้ว่าถนนนี้สร้างในสมัยใคร หรือโทรศัพท์ได้ใช้การดีขนาดนี้ได้อย่างไร และยังมีอย่างอื่นที่จะทำอีกเยอะแยะ คือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ และขอบวกอีกนิดหนึ่ง คือ ‘พลัส’ ที่ต้องทำอีก เพราะประเทศไทยเปลี่ยนแปลงทุกวัน ประเทศไทยต้องไปต่อ และลูกหลานต้องอยู่ดีกินดีกว่ารุ่นเรา วันนี้เราอยู่ใน โลกของความย้อนแย้ง โลกแห่งความผันผวน โลกแห่งความไม่แน่นอน เราจึงต้องบริหารบ้านเมืองเพื่อตอบสนอง คนไทยและทั่วโลก” นายกฯ กล่าว

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ‘ททท.’ เตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมสงกรานต์ เร่งวางแผนหนุนการท่องเที่ยว คาด นนท.สูงถึง 17–20 ล้านคน

(26 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วางแนวทางการทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 สั่งการให้เตรียมความพร้อมจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะเติบโตมาก วางแผนวิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค พร้อมประชาสัมพันธ์โครงการ ‘365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน’ กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการคาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ททท. คาดว่าจะคึกคักมากกว่า ปี 2562 ช่วงสงกรานต์ก่อนสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์ว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ จะสนับสนุนให้เกิดการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน ปี 2566 อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง

‘เอกนัฏ’ ลุยบึงกุ่ม ช่วยผู้สมัครหาเสียง-รับฟังปัญหา ปชช. เผย ‘รทสช.’ กระแสแรง ชาวบ้านพร้อมหนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

(26 มี.ค. 66) ที่สวนเสรีไทยเขตบึงกุ่ม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรคลงพื้นที่ช่วย น.ส.กาญจนา ภวัครานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว หาเสียงพบปะประชาชน โดยเดินทักทายแนะนำตัวผู้สมัครกับประชาชนที่มาเดินออกกำลังกายภายในสวนสาธารณะเสรีไทย ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามเส้นทางหลัก ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มายืนรอต้อนรับ บางส่วนก็โบกมือให้กำลังใจ และไปเดินหาเสียงที่ตลาดเช้าหมู่บ้านสหกรณ์ รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล ซึ่งในเขตนี้ประชาชนให้การต้อนรับดีมาก หนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ มื่อวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงอย่างเต็ม 100% ของว่าที่ผู้สมัครทุกคนตั้งแต่ตนทำงานด้านการเมืองมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกคนที่มีจิตอาสาจะมาทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ว่าจะมาจากที่ไหน ก็ตั้งใจที่จะมารวมกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทางพรรคเองก็ได้มีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยเป็นการลงมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคในคืนก่อนมีการจัดเวที โดย พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวบนเวทีว่า รู้สึกอบอุ่นเพราะมีผู้ที่อยู่ร่วมบนเวทีที่จะต่อสู้ไปด้วยกันอีก 400 คนรวมทั้งสมาชิกอื่น ๆ อีกทั่วประเทศทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปด้วยกัน

ฉงน!! ไร้ชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ รวมไทยสร้างชาติ ‘ส.ส.เขต’ เริ่มเขว ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ+’ อาจล่ม

อย่างที่เราๆ รู้กันตามปฏิทินของ กกต.ว่า วันที่ 3 - 7 เม.ย.66 เป็นวันรับสมัคร ส.ส.เขต ส่วน วันที่ 4 - 7 เม.ย.66 เป็นรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เหตุที่ต้องกำหนดรับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หลังหนึ่งวันก็เพราะกฎหมายเขียนไว้ พรรคไหนจะส่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตก่อน (อย่างน้อยก็หนึ่งเขต)

ตอนนี้ระหว่างทำไพรมารี่โหวต..โผรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แต่ละพรรคก็ว่อนไปทั่วหน้าสื่อทุกสำนัก

พลังประชารัฐ เรียงลำดับ 1-100 ชัดเจน นำโดยลำดับ 1 ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดทนายกฯหนึ่งเดียวของพรรค โดยรอบนี้ไม่มีชื่อ ‘อ.แหม่ม’ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์  ที่ประกาศสละสิทธิ์หลังจากที่ทราบว่าชื่อตนเองหลุดไปอยู่อันดับ 24 (ด้วยเหตุยุทธการทีฮูทีอิท)

พรรคเพื่อไทย เรียงตามตัวอักษร ตั้ง ก.เกรียง กัลป์ตินันท์ บ้านใหญ่อุบลราชธานี จนถึง อ.อนงค์ ล่อใจ ซึ่งตอนยื่นสมัครพรรคจะต้องจัดอันดับตัวจริงเสียงจริงใหม่…

น่าสังเกตว่าไม่มีชื่อ 2 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคคือแพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน หรือแม้แต่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ลือกันไม่เสร็จว่าน่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3

พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีชื่อปล่อยออกมา แต่ก็พอจะคาดหมายกันได้ว่ารอบนี้ ‘จุรินทร์-เฉลิมชัย-นิพนธ์’ ชี้เป็นชี้ตาย และไฮไลต์สำคัญก็คือรอบนี้ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ขอบาย…นัยว่าเพื่อความสบายใจของสามผู้ยิ่งใหญ่และความเป็นเอกภาพของพรรค

พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยหลุดปากออกมาว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘บิ๊กตู่’ จะลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ทำเอาหุ้น รทสช. พุ่งกระฉูด แต่ถึงนาทีนี้ รทสช. เปิดไต๋แค่แคนดิเดตนายกฯ 2 คน คือ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กตุ๋ย’ (พีระพันธุ์) ไม่มีการบอกว่าลุงตู่จะลงสมัครหรือไม่...?

‘บิ๊กตู่’ เผย ‘เสี่ยหนู’ ยังไม่ยื่นลาราชการยาว บอก ลาเป็นครั้งคราวได้-แต่ละคนภาระกิจต่างกัน

(28 มี.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “สวัสดีจ๊ะ วันนี้อากาศดีลมเย็นดี” ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้มีรองนายกรัฐมนตรีท่านไหนหารือเรื่องการลาราชการ เพราะอาจจะต้องลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน ถ้าองค์ประกอบ ครม.ครบก็ประชุมได้อยู่แล้ว ซึ่งทุกคนก็มีภาระแต่ละคนไม่เหมือนกัน  

‘บิ๊กตู่’ หารือ ‘ทูตสเปน’ หนุน ความร่วมมือระหว่างประเทศ กระชับความสัมพันธ์ไทย-สเปน ครบรอบ 153 ปี

(29 มี.ค. 66) ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเฟลิเป เด ลา โมเรนา กาซาโด (H.E. Mr. Felipe de la Morena Casado) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับในนามรัฐบาลและประชาชนไทย พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์และความร่วมมือไทยกับสเปนที่แน่นแฟ้น รวมถึงกลไกการประชุมหารือทางการเมือง (Political Consultations) ที่ทั้งสองฝ่ายได้ขับเคลื่อนพลวัตความร่วมมือทวิภาคี และต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษา ความร่วมมือด้านสมุทราภิบาล และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตสเปนฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิด และหวังว่าสเปนจะประสบความสำเร็จในภารกิจต่าง ๆ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

เอกอัครราชทูตสเปนฯ กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย และได้รับการต้อนรับจากไทยเป็นอย่างดี โดยไทยและสเปนมีความสัมพันธ์มายาวนาน ซึ่งในปีนี้จะครบรอบความสัมพันธ์ 153 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ขอยืนยันที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้านต่อไป ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว และพหุภาคี พร้อมกล่าวชื่นชมรัฐบาลในการผลักดันเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องกับสเปนที่ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสเปนมีศักยภาพและสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับประเทศไทยได้

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสเปนฯ ได้หารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดย
ความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงมากขึ้น โดยเอกอัครราชทูตสเปนฯ ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้น พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงส่งเสริมการศึกษาของบุคลากรทางทหารระหว่างไทยและสเปน

ด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เอกอัครราชทูตสเปนฯ ยินดีที่การค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยและสเปนยังมีศักยภาพในการแสวงหาโอกาสเพื่อเพิ่มพูนการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น สเปนพร้อมส่งเสริมให้นักลงทุนสเปนมาลงทุนในไทยเพิ่มเติม ด้านนายกรัฐมนตรีขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จาก RCEP รวมถึงขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG พร้อมเชิญชวนสเปนมาลงทุนในไทยในสาขาที่สเปนมีความโดดเด่น ทั้งด้านพลังงาน การแพทย์ คมนาคม (ระบบราง) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC และอุตสาหกรรมภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG

‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่งดับไฟป่า จ.นครนายก-พื้นที่ภาคเหนือ จี้ ทุกหน่วยคุมเข้ม ล่าตัวคนลักลอบเผาป่าดำเนินคดี

(30 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์เหตุไฟป่า จังหวัดนครนายก, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

พร้อมสั่งการ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งทีมชุดดับไฟป่า เข้าปฏิบัติการเข้าดับไฟป่า พร้อมขอให้กองทัพสนับสนุนการปฏิบัติการ เพื่อดำเนินการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

นายอนุชา กล่าวว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นบริเวณเขาชะภู ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ช่วงคืน 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ปภ. ได้นำรถสูบน้ำระยะไกล เข้าปฏิบัติการดับไฟ ร่วมกับทีมไฟป่าของกรมอุทยานแห่งชาติฯ มี ผู้ว่าฯ นครนายก ร่วมบัญชาการดับไฟป่า ทั้งนี้ พื้นที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นเขาสูงชัน ทำให้ชุดดับไฟป่าของสถานีควบคุมไฟป่าไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อดับเพลิงได้ อีกทั้งเพลิงยังได้ลุกลามไปยังเขาแหลมซึ่งอยู่ติดกัน

โดยจังหวัดนครนายก ได้ประสานขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ ปภ.เขต 3 จังหวัดปราจีนบุรี และเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย (KA-32) จาก ปภ. เพื่อดำเนินการดับไฟป่าแล้ว ซึ่งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 จังหวัดปราจีนบุรี ได้ให้การสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย

ประกอบด้วย รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถดับไฟป่า รถส่องสว่าง รถบรรทุกน้ำ 10,000 ลิตร รถกู้ภัย รวม 5 คัน ออกปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่การดับไฟป่าทางอากาศยานปีกหมุน หรือ เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย (KA-32) โดย ปภ.ร่วมกับกองทัพบก จะเข้าร่วมปฏิบัติการเพื่อดำเนินการดับไฟป่าในพื้นที่ในวันนี้ ด้านศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก) สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศว่า กรณีไฟไหม้ป่าในพื้นที่ จังหวัดนครนายก หากพบสัตว์ป่าหนีไฟ แจ้งได้ที่เพจ ‘ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก)’ หรือสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่า ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ปภ. ร่วมกับกองทัพบก นำเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA 32-01 ขึ้นบินปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่บริเวณ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ทำการบินทิ้งน้ำดับไฟจำนวน 6 รอบ ปริมาณน้ำ 18,000 ลิตร

ขณะที่จังหวัดเชียงรายได้ขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ ซึ่ง เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA 32-03 ได้เดินทางถึงจังหวัดเชียงรายแล้ว และจะเริ่มปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ โดย ปภ.ร่วมกับกองทัพบก จะนำอากาศยานปีกหมุนทั้งสองลำพร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top