Friday, 13 June 2025
จีน

‘สาวจีน’ ร่างยักษ์ แต่งตัวน่ารัก โมโหร้องลั่นห้าง หลังโดนขัดใจ ชาวเน็ต ชี้!! เห็นบ่อย เพราะที่จีนผู้ชายมีมาก ทำให้ฝ่ายหญิงมีตัวเลือก

(25 พ.ค.67) คลิปที่กำลังแชร์กันสนั่นในไวรัล แพลตฟอร์มของจีน และสื่อจีน เมื่อวานนี้  

มีผู้หญิงในชุดน่ารักในห้างสรรพสินค้า เหมือนเธอถูกขัดใจ เธอโมโหกลิ้งลงไปกองกับพื้น และร้องกรี๊ดดด ดังลั่นห้าง ไม่อายผู้คน 

ชาวเน็ตกำลังตั้งคำถามว่า ผู้ชายคนนั้นที่ไม่สนใจเธอ เป็นผู้ปกครอง หรือแฟน / ถ้าเป็นแฟนชาวเน็ตบอกว่าให้เลิกซะ แต่ถ้าเป็นผู้ปกครอง ให้สั่งสอน / แต่มีชาวเน็ตบางคนบอกว่าเธออาจป่วย 

อีกประเด็นที่ชาวเน็ตแสดงความเห็น ก็คือ 

ปัจจุบัน ผู้ชายจีนมากกว่า ผู้หญิง 30 ล้านคน สาว ๆ มีตัวเลือกเยอะ อาการเอาแต่ใจจึงมีมากขึ้น พบเห็นบ่อยขึ้น 

'จีน' ล้อมคอก!! แบนเนื้อหาโอ้อวดความรวยบนโซเชียล ตอบโต้ความลุ่มหลงผู้คน 'บูชาเงินทอง-สิ่งฟุ่มเฟือย'

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.67) นสพ.The Star ของมาเลเซีย รายงานข่าว ‘Influencers who flaunt wealth see their online accounts suspended’ ระบุว่า ปัจจุบันประเทศจีนกำลังมีนโยบายจัดระเบียบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยห้ามเผยแพร่เนื้อหาประเภท ‘อวดร่ำอวดรวย’ ซึ่งหลายคนถูกลบเนื้อหาออกจากระบบ ถูกระงับกรใช้งาน ไปจนถึงถูกลบบัญชีบนแพลตฟอร์ม

อาทิ ผู้ใช้ชื่อว่า ‘หวัง หงฉวน ซิง (Wang Hongquan Xing)’ ถูกระงับการใช้แพลตฟอร์ม Douyin (Tiktok เวอร์ชั่นที่ใช้ในจีน) และ Weibo รวมถึงถูกลบบัญชีใน Xiaohongshu เนื่องจากผู้ใช้ชื่อดังกล่าว ซึ่งมียอดผู้ติดตามถึง 4 ล้านคน มีพฤติกรรมชอบแสดงให้เห็นชีวิตแบบฟุ่มเฟือย มีทั้งกระเป๋าถือของดีไซเนอร์ คอลเลกชั่นเครื่องประดับที่หรูหรา และการปรากฏตัวบ่อยครั้งในกิจกรรมของแบรนด์หรู

ที่ผ่านมา หวัง เคยกล่าวถึงความชอบของตนต่อเสื้อผ้าราคาแพง และการเดินทางต้องไปพร้อมกับเครื่องประดับสุดหรู ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่า ตนจะไม่ออกจากบ้านเว้นแต่ว่าหาเสื้อผ้าสวมใส่ยกชุดแล้วจะมีราคารวมทั้งชุดอย่างน้อยแปดหลัก ซึ่งเมื่อถามถึงเหตุผล หวัง ระบุว่า วิถีชีวิตฟุ่มเฟือยของตนเกิดจากความรู้สึกไม่มั่นคง นอกจากนี้ หวังยังจุดชนวนความขัดแย้งด้วยการอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านหรู 7 หลังในชุมชนในกรุงปักกิ่ง รวมถึงคฤหาสน์ขนาด 991 ตร.ม. ที่ว่างเปล่าเนื่องจากมีแสงแดดไม่เพียงพอ

ไม่ต่างจากผู้ใช้ชื่อว่า ‘เป่าหยู เจียจี (Baoyu Jiajie)’ อินฟลูเอนเซอร์หญิงซึ่งเป็นที่รู้จักจากการนำเสนอชีวิตในสังคมไฮโซ มีชื่อเสียงจากการอวดคฤหาสน์ขนาด 2,000 ตารางเมตรของเธอ และเดินเล่นสบาย ๆ ผ่านสวนส่วนตัวของเธอ และมีผู้ติดตามบน Douyin มากกว่า 2 ล้านคน ก็กำลังเผชิญกับมาตรการเดียวกัน โดยบัญชี Douyin และ Xiaohongshu ถูกระงับการใช้งาน รวมถึง ‘ป๋อ กงซี (Bo Gongzi)’ ที่มักนำเสนอตนเองท่ามกลางสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ รถยนต์แปลกใหม่ และความชื่นชอบในแบรนด์ Hermes ถูกระงับการใช้งานบัญชี Weibo และ Xiaohongshu

สื่อมาเลเซีย รายงานต่อไปว่า การระงับดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของจีนเปิดตัวแคมเปญเพื่อกำหนดเป้าหมายพฤติกรรมที่อวดความมั่งคั่ง โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 Weibo เป็นแพลตฟอร์มแรกที่ออกประกาศ โดยระบุว่าจะดำเนินการพิเศษกับเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ‘การสนับสนุนความฟุ่มเฟือยและความสูญเปล่า’ และ ‘การแสดงความมั่งคั่งและการบูชาเงินทอง’ จากนั้นในวันเดียวกัน แพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้ง Douyin, Xiaohongshu และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้เปิดตัวการดำเนินงานที่มุ่งเป้าไปที่เนื้อหาเดียวกัน

“Weibo มุ่งมั่นที่จะสร้างชุมชนที่มีอารยธรรม มีสุขภาพดี และมีความสามัคคี โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้สร้างหรือแบ่งปันเนื้อหาคุณภาพสูง น่าเชื่อถือ และเป็นบวกบนแพลตฟอร์ม ตลอดจนส่งเสริมคุณค่าที่มีเหตุผลและดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภค” ประกาศของ Weibo ระบุ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2567 นสพ.Shanghai Daily สื่อท้องถิ่นในเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน ได้รายงานข่าว ‘Influencers silenced as platforms crack down on displays of wealth’ เกี่ยวกับมาตรการแบนเนื้อหาอวดร่ำอวดรวยที่ทุกแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในจีนบังคับใช้ ว่า ตั้งแต่ปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลอินเตอร์เน็ตของจีนได้เปิดตัวแคมเปญทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าไปที่ ‘การโอ้อวดความมั่งคั่งมากเกินไป’ เป็นประเด็นสำคัญ และมีการปราบปรามแนวโน้มนี้ ซึ่งทางการได้ตอบโต้ความต้องการที่จะประสบความสำเร็จและปล่อยตัวลุ่มหลงโดยง่าย ด้วยการลบโพสต์ที่อวดความมั่งคั่งอย่างไม่เหมาะสมกว่า 60,000 โพสต์ ปิดห้องสตรีมสด 1,174 ห้อง และแบนบัญชี 3,609 บัญชี

‘ม.เทียนจิน’ ลุยพัฒนา ‘ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์’ ใช้กับ ‘มือหุ่นยนต์’ ทนหนาวติดลบ 78 องศา ซ้ำ!! ยังเป็นประโยชน์ต่อภารกิจสำรวจขั้วโลก

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิจัยที่นำโดยจางเหลยและหยางจิ้ง จากคณะวิศวกรรมเคมีและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยเทียนจินของจีน พัฒนาผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ (electronic skin) รูปแบบใหม่สำหรับใช้กับมือหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมเย็นจัดที่มีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -78 องศาเซลเซียส โดยนวัตกรรมนี้จะเป็นประโยชน์กับภารกิจการสำรวจขั้วโลกของจีนอย่างมาก

อนึ่ง บทความเกี่ยวกับผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และมีความละเอียดอ่อน ได้รับการเผยแพร่ในวารสารเจอร์นัล ออฟ ดิ อเมริกัน เคมิคัล โซไซตี (Journal of the American Chemical Society)

ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่ทนทานอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ จะทำให้หุ่นยนต์ขั้วโลกรองรับการตอบสนองแบบสัมผัส ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสำรวจสภาพแวดล้อมขั้วโลก

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) หยางเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่าทีมงานพัฒนาผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองและใช้ได้ในทุกสภาพอากาศตั้งแต่เมื่อปี 2020 และตอนนี้มีการปรับปรุงในเวอร์ชันใหม่แล้ว

โดยนักวิจัยระบุว่า ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่สามารถนำไปพันรอบฝ่ามือของหุ่นยนต์ ตรวจจับแรงกดได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งจดจำรูปร่างของวัตถุและสัญลักษณ์เฉพาะได้ภายใต้สภาวะที่หนาวเย็นสุดขั้วถึง -78 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ยังมีฟังก์ชันซ่อมแซมตัวเอง โดยศักยภาพการส่งผ่านของมันสามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แม้จะได้รับความเสียหายในสภาวะที่เย็นจัด ทำให้สามารถตอบโจทย์ภารกิจการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในขั้วโลก

หยางกล่าวทิ้งท้ายว่าเราหวังว่าผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่นี้จะมีโอกาสถูกนำไปใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในขั้วโลกและการวิจัยอื่น ๆ ของจีนในวงกว้าง

'จีน-ญี่ปุ่น' พร้อมเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ จับมือขับเคลื่อนหลากมิติ เพื่อผลประโยชน์ 2 ประเทศ

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทำงานร่วมกับจีนในทิศทางเดียวกัน และดำเนินตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ

ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดไตรภาคีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 9 โดยหลี่แสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเสริมสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดำเนินความร่วมมืออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น จัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดในยุคสมัยใหม่

หลี่กล่าวว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และคิชิดะได้บรรลุฉันทามติสำคัญระหว่างการพบปะกันในนครซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองยืนยันจุดยืนของการเดินหน้าความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งส่งมอบการชี้นำทางการเมืองที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

หลี่ระบุว่าประวัติศาสตร์และไต้หวันเป็นประเด็นสำคัญของหลักการที่เกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นพื้นฐานอย่างความเชื่อและความซื่อสัตย์ โดยปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเป็นเส้นแดงของจีน

หลี่เผยว่าจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา พร้อมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง

หลี่กล่าวว่าการพัฒนาของจีนและญี่ปุ่นนับเป็นโอกาสสำคัญของทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด นำผลประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเสริมว่าความเกื้อกูลทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะคงอยู่ต่อไปอีกเนิ่นนาน อีกทั้งยังคงมีศักยภาพมหาศาลสำหรับความร่วมมือในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสำรวจตลาดแห่งที่สามอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน หลี่กล่าวว่าจีนและญี่ปุ่นควรช่วยเหลือกันและกันให้ประสบความสำเร็จ ร่วมรักษาห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพและไร้อุปสรรค รวมทั้งปกป้องระบบการค้าเสรีทั่วโลก โดยจีนยินดีที่จะเดินหน้าดำเนินการแลกเปลี่ยนฉันมิตรกับญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ ผ่านหลายช่องทาง ณ ระดับที่หลากหลายต่อไป พร้อมเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่อย่างแข็งขัน เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนจากสาธารณชนสำหรับความร่วมมือฉันมิตรจีน-ญี่ปุ่น

หลี่กล่าวว่าการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะส่งผลต่อสุขภาพของมนุษยชาติ สภาพแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าจีนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญ รัฐบาลและประชาชนจีนกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมาก ซึ่งจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะแสดงความจริงใจและทัศนคติที่สร้างสรรค์ในประเด็นดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการเฝ้าติดตามระหว่างประเทศในระยะยาว การแก้ไขข้อกังวลอันชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจัง ตลอดจนการปฏิบัติตามความรับผิดชอบและพันธกรณีของตนอย่างกระตือรือร้น

ด้านคิชิดะกล่าวว่าการรักษาแรงขับเคลื่อนการพัฒนาที่ดีของความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งประเทศ แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อโลกอีกด้วย ญี่ปุ่นพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ รักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูง เสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว การดูแลทางการแพทย์ ตลาดแห่งที่สามอื่นๆ รวมถึงเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนบุคลากร กระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และประเด็นอื่นๆ ทั่วโลก

นอกจากนั้น คิชิดะเผยว่าญี่ปุ่นยังยินดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพอย่างแข็งขัน ยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีในระยะยาว

คิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นยึดมั่นในจุดยืนของตนต่อปัญหาไต้หวันตามที่ระบุในแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีนซึ่งลงนามเมื่อปี 1972 และสิ่งนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการเจรจาและการสื่อสารในทุกระดับ จัดการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงจีน-ญี่ปุ่น และการประชุมกลไกการปรึกษาการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนระดับสูงรอบใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เดินหน้าส่งเสริมการปรึกษาหารือและการเจรจาเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฯ บนพื้นฐานความคืบหน้าที่มีอยู่ และรักษาการสื่อสารและการประสานงานในด้านกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาค

อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่เป็นข้อกังวลร่วมกันด้วย

‘จีน’ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัขติดไรเฟิล’ ระหว่างซ้อมรบกับต่างชาติ ตอกย้ำ!! เทคโนโลยีสงครามของประเทศก้าวหน้าไประดับหนึ่ง

(29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ในระหว่างการซ้อมรบ Golden Dragon 2024 ของกองทัพกัมพูชา และจีน กองทัพจีนได้เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัข’ ที่ติดตั้งอาวุธปืนไรเฟิลอัตโนมัติไว้ที่หลัง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนเพื่อนรักแสนรู้ของมนุษย์ ไปอยู่ในรูปแบบของ ‘เครื่องจักรสังหาร’

‘เฉิน เว่ย’ ทหารจากกองทัพจีน กล่าวผ่านวิดีโอการซ้อมรบที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซีซีทีวีของรัฐบาลจีนว่า

ในการเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัข กองทัพจีนได้แสดงให้เห็นว่า หุ่นยนต์นี้สามารถเดิน กระโดด นอน และเดินถอยหลังได้ ภายใต้การควบคุมของรีโมตสั่งการ

นอกจากนี้ ในการซ้อมรบ กองทัพจีนยังได้เปิดตัวปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่ติดตั้งอยู่ใต้โดรนแบบ 6 ใบพัด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไร้มนุษย์ควบคุมของจีน

แน่นอนว่าหุ่นยนต์สุนัขที่ใช้ทางทหาร และโดรนติดตั้งอาวุธนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่รายงานของซีซีทีวีตอกย้ำว่า สุนัขอิเล็กทรอนิกส์แบกปืนไรเฟิลของจีน มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมระหว่างกองทัพจีน และชาติอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ กองทัพกัมพูชา กองทัพลาว กองทัพมาเลเซีย กองทัพไทย และกองทัพเวียดนาม

อีกทั้งยังดูเหมือนว่า หุ่นยนต์สุนัขนี้จะได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากมาย เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของกองทัพปลดปล่อยประชาชน และหุ่นยนต์ชนิดนี้ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียของจีนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี

ตามข้อมูลของโกลบอลไทม์ส สื่อรัฐบาลจีน ระบุว่า การปรากฏของหุ่นยนต์สุนัขสังหารในการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพต่างชาติบ่งชี้ถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

นักวิชาการคนหนึ่งเผยกับโกลบอลไทม์สว่า “ปกติแล้ว อุปกรณ์ใหม่ ๆ จะไม่นำมาร่วมฝึกซ้อมกับประเทศอื่น ดังนั้น หุ่นยนต์สุนัขจะต้องมีความพร้อมทางเทคนิคในระดับหนึ่งแล้ว”

‘ศาลจีน’ สั่งประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่สถาบันการเงิน ฐานรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน ตามบรรทัดฐาน รบ.จีน ‘โกง=ประหาร’

ศาลนครเทียนจินได้อ่านคำตัดสิน พิพากษาประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่บริษัท China Huarong International Holdings หนึ่งในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัฐบาลจีน ด้วยข้อหารับสินบนก้อนโตถึง 1.1 พันล้านหยวน (ประมาณ 5.5 พันล้านบาท) 

‘ไป๋ เทียนฮุย’ เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปให้กับ Huarong Asset Management ที่เป็นบริษัทจัดการหนี้เสียในเครือ China Huarong และได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงในข้อหารับสินบน โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาในการแอบอ้าง รับผลประโยชน์และข้อเสนอพิเศษจากการซื้อ-ขายโครงการก่อสร้างต่าง ๆ และการจัดหาเงินทุนให้กับองค์กร นับรวมมูลค่าเงินสินบนที่เขาได้รับนั้นสูงถึง 1.1 พันล้านหยวน 

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการไต่สวนคดีทุจริตของผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง China Huarong 

ย้อนกลับไปในปี 2018 มีข่าวการจับกุม ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ประธานใหญ่ของบริษัท Huarong Asset Management ในข้อหารับสินบน ฉ้อโกง และ คบชู้ มาแล้ว

และหลังจากตรวจค้นอพาร์ตเมนต์หรูของ ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ในกรุงปักกิ่ง ตำรวจจีนพบเงินสดกว่า 200 ล้านหยวนซุกอยู่ในตู้กับข้าว นอกจากนี้ยังพบว่า เขาได้ซุกซ่อนทองคำแท่ง รถหรู สินค้าแบรนด์เนม และเงินสดในธนาคารโดยใช้บัญชีชื่อแม่ของเขามากถึง 100 ล้านหยวน 

และได้กระจายทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ให้กับภรรยาเก็บที่เขาเคยมีสัมพันธ์ด้วยถึง 100 คน ที่ทำให้ประธานใหญ่ของสถาบันการเงินฉาวแห่งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนรวมมูลค่าถึง 1.79 พันล้านหยวนในช่วงเวลา 10 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง พ่วงด้วยข้อหาคบชู้กับหญิงสาวจำนวนมาก

ไล่ เสี่ยวหมิน ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2021 หลังจากที่ศาลเทียนจินตัดสินคดีเขาถึงที่สุดเพียง 24 วัน

คดีของ ไล่ เสี่ยวหมิน และ การทุจริต China Huarong เป็นหนึ่งในนโยบายปราบปรามการคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจการเงินของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่มักถูกมองเป็นแวดวงของกลุ่มผู้มีอิทธิพลสูงในรัฐบาลจีน 

ซึ่งแผนการปราบโกงในแวดวงกลุ่มคนธนาคารก็มีทั้งผู้สนับสนุนให้รัฐบาลจีนกวาดล้างการคอร์รัปชันในระบบให้เด็ดขาด และกลุ่มผู้ต่อต้าน ที่มองว่า ‘สี จิ้นผิง’ ใช้นโยบายปราบโกงเป็นเครื่องมือประหารขั้วตรงข้ามทางการเมืองของเขา 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พายุในแวดวงสถาบันการเงินจีนยังไม่จบง่าย ๆ เมื่อทางการจีนได้ออกหมายจับกุม ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่ของ China Huarong ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนในวงเงินระดับพันล้านหยวนเช่นกัน และได้ถูกตัดสิน ณ ศาลของนครเทียนจินด้วยโทษประหารชีวิต ไม่ต่างจากคดีของประธานบริษัทเมื่อ 3 ปีก่อน 

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารสถาบันการเงินจีน ที่ถูกดำเนินคดีทุจริตอีกหลายคนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาทิ หลิว เหลียงเก๋อ ประธานธนาคาร Bank of China ที่ออกมารับสารภาพหลังถูกสอบสวนว่าเขาเคยรับสินบน และปล่อยสินเชื่ออย่างผิดกฎหมาย และล่าสุด ‘หลี เสี่ยงเผิง’ ประธานใหญ่บริษัท Everbright Group ก็กำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีจากการกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงหลายข้อหาอยู่ในขณะนี้ 

ด้านผู้นำระดับสูงในคณะรัฐบาลจีนได้ประกาศในที่ประชุมโปลิตบูโร เมื่อวันจันทร์ (27 พ.ค. 67) ที่ผ่านมาว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการเงิน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อตรง ต้องถูกตรวจสอบ และ ถูกลงโทษอย่างรุนแรง 

และกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบยุติธรรมจีนว่า ‘โกง = ประหาร’ ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งในสายตาคนนอกประเทศ

‘BYD’ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด รุ่นที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพ วิ่งได้ไกล 2,100 กิโลเมตร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บีวายดี (BYD) บริษัทยานยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริดสองระบบ (DM) รุ่นที่ 5 สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งมาพร้อมระยะทางวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร

หวังฉวนฝู ประธานบีวายดี ซึ่งร่วมงานเปิดตัวเทคโนโลยีข้างต้นในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดของบีวายดีก้าวเป็นผู้นำโลกในหลายด้าน

เทคโนโลยีดังกล่าวมีประสิทธิภาพทางความร้อนร้อยละ 46.06 อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 2.9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร แม้อยู่ในสถานะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า และระยะทางวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร เมื่อยานยนต์ชาร์จแบตเตอรี่เต็มและน้ำมันเต็มถัง

นอกจากนั้นบีวายดีเปิดตัวยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ ฉิน แอล ดีเอ็ม-ไอ (Qin L DM-i) และซีล 06 ดีเอ็ม-ไอ (Seal 06 DM-i) ซึ่งจะใช้เชื้อเพลิงเพียงหนึ่งในสามของยานยนต์รุ่นเก่าและมีระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นสามเท่า ราคา 99,800-139,800 หยวน (ราว 4.99-6.99 แสนบาท)

หวังกล่าวว่าบีวายดีเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ในระดับโลกและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก หลังจากทำยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดสะสมมากกว่า 3.6 ล้านคัน

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีนระบุว่ายอดการผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน ช่วงเดือนมกราคม-เมษายนของปีนี้ รวมอยู่ที่ 2.985 ล้านคัน และ 2.94 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 และร้อยละ 32.3 เมื่อเทียบปีต่อปี

‘ศธ.จีน’ ขอความร่วมมือโรงเรียน กำหนดบทลงโทษ ‘การบูลลี่’ ชี้!! ควรมี ‘สายด่วน-อีเมล’ พร้อมรับเรื่อง ติดตั้งวงจรปิด ดูแลใกล้ชิด 

(2 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีนออกหนังสือเวียนขอความร่วมมือโรงเรียนในจีนให้กำหนดบทลงโทษสำหรับการกลั่นแกล้งรูปแบบต่างๆ ในสถานศึกษา และจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อจัดการกรณีการกลั่นแกล้งตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

หนังสือเวียนระบุว่าโรงเรียนควรตั้งสายด่วนสาธารณะ มีอีเมลสำหรับรายงานเหตุกลั่นแกล้ง ให้หมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโรงเรียนที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดครอบคลุมสถานที่ที่ไม่เป็นเป้าสายตาทั้งหมด

เมื่อเดือนมีนาคม กระทรวงฯ ได้เริ่มโครงการรณรงค์ให้โรงเรียนจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยของนักเรียนและความสามารถในการปกป้องตนเอง

ในปี 2021 สำนักงานอัยการประชาชนสูงสุดของจีน ระบุว่าจำนวนการจับกุมและการตั้งข้อกล่าวหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งและความรุนแรงในโรงเรียนในจีนระหว่างปี 2017-2020 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

‘จีน’ ส่ง ‘ฉางเอ๋อ 6’ ยานอวกาศไร้ลูกเรือ ลงจอดบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ได้สำเร็จ ชี้!! นี่คือภารกิจครั้งสำคัญ เพื่อเก็บ ‘หิน-ดิน’ จาก ‘ซีกมืดของดวงจันทร์’ เป็นครั้งแรก

(3 มิ.ย.67) จีนนำยานอวกาศไร้ลูกเรือลงจอดบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ได้สำเร็จในวันอาทิตย์ (2 มิ.ย.) ก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญในภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขา สำหรับเก็บตัวอย่างหินและดินจากซีกมืดของดวงจันทร์กลับมายังโลกเป็นครั้งแรก

การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับสถานะมหาอำนาจด้านอวกาศของจีนขึ้นไปอีกขั้น ในความพยายามของโลกในการมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ ในขณะที่ประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ หวังว่าการสำรวจแร่ต่างๆ บนดวงจันทร์จะสนับสนุนภารกิจของมนุษย์อวกาศในระยะยาวและจัดตั้งฐานบนดวงจันทร์ภายในทศวรรษหน้า

ยานฉางเอ๋อ 6 ของจีน ติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และแท่นปล่อยตัวเองลงแตะพื้นในแอ่งขั้วใต้-เอตเคน (South Pole-Aitken Basin) ตอนเวลา 6.23 น.(ตามเวลาปักกิ่ง) จากข้อมูลของสำนักงานอวกาศแห่งชาติจีน

ภารกิจที่ประสบความสำเร็จนี้ถือเป็นภารกิจครั้งที่ 2 ของจีนในบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ ดินแดนที่ยังไม่มีประเทศอื่นๆ ไปถึง ด้านนี้ของดวงจันทร์หันหน้าหนีโลกอยู่ตลอด มันเต็มไปด้วยแอ่งลึกและมืดมิด ทำให้การสื่อสารและปฏิบัติการลงจอดหุ่นยนต์เจองานท้าทายกว่าเดิม

ยานสำรวจฉางเอ๋อ 6 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดลองมาร์ช 5 ของจีนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมเหวินฉาง บนเกาะไห่หนาน ทางใต้ของประเทศ มันเข้าบริเวณใกล้เคียงกับดวงจันทร์ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก่อนกระชับวงโคจรเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เพื่อเตรียมการลงจอด

ฉางเอ๋อ 6 ถือเป็นยานอวกาศลำที่ 3 ของโลกที่ลงจอดบนดวงจันทร์ในปีนี้ เริ่มจากยานแลนเดอร์ SLIM ของญี่ปุ่นในเดือนมกราคม ตามด้วยยานแลนเดอร์ของ Intuitive Machines บริษัทสตาร์ปอัปสัญชาติสหรัฐฯ ในเดือนต่อมา

จนถึงตอนนี้สหรัฐฯ ยังเป็นชาติเดียวของโลกที่ส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบบนดาวจันทร์ในปี 1969

ด้วยการตักและขุดเจาะ ยานฉางเอ๋อ 6 จะมีเป้าหมายเก็บรวมรวบวัตถุดวงจันทร์น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ในระยะเวลา 2 วัน และนำมันกลับมายังโลก

ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตัวบูทเตอร์จรวดที่อยู่ด้านบนสุดของยานแลนเดอร์ ที่จะถูกปล่อยกลับสู่อวกาศ และประกอบร่างเข้ากับยานอวกาศอีกลำในวงโคจรของดวงจันทร์ และเดินทางกลับโลก ทั้งนี้คาดหมายว่ามันจะกลับสู่โลก ลงจอดแถวๆ ภูมิภาคเขตปกครองตนเองมองโกเลียในของจีน ประมาณวันที่ 25 มิถุนายน

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ภารกิจนี้จะมอบร่องรอยสำคัญแก่จีน ในประวัติศาสตร์ 4,500 ปีของดาวจันทร์ และให้เงื่อนงำใหม่ๆ เกี่ยวกับรูปแบบระบบสุริยะ และเปิดทางสำหรับการเปรียบเทียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างด้านมืด ภูมิภาคที่ยังไม่เคยมีการสำรวจ กับด้านที่หันหน้ามายังโลกของดวงจันทร์

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่จีนเริ่มภารกิจเก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์ในปี 2020 โดยครั้งแรกยานฉางเอ๋อ-5 นำวัตถุหนัก 1.7 กิโลกรัมกลับมาจากพื้นที่ที่เรียกว่า มหาสมุทรแห่งพายุ (Oceanus Procellarum) ซึ่งอยู่บนด้านใกล้ของดวงจันทร์ซึ่งเผชิญหน้ากับโลกตลอดเวลา

จีนกำลังวางแผนภารกิจยานอวกาศไร้คนขับอีก 3 ภารกิจในทศวรรษนี้ เนื่องจากจีนกำลังค้นหาน้ำบนดวงจันทร์ และสืบเสาะการตั้งฐานถาวรที่นั่น

ยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางของรัฐบาลจีน ตั้งเป้าที่จะเห็นนักบินอวกาศจีนเดินบนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ตั้งเป้าจะนำนักบินอวกาศกลับไปเหยียบดวงจันทร์เช่นกัน โดยนาซาตั้งเป้าที่จะเปิดตัวภารกิจชื่อว่า อาร์เทมิส 3 (Artemis 3) ภายในปี 2026

‘ไชน่า อีสเทิร์นฯ’ ลุยสร้าง ‘โรงเก็บเครื่องบิน’ ใหญ่สุดในเอเชีย รองรับการซ่อมบำรุงได้ถึง 9 ลำ คาด!! แล้วเสร็จ-ส่งมอบปี 2026

(4 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ ของจีน เริ่มต้นการก่อสร้างฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศของสายการบินฯ ในเขตสินค้าทัณฑ์บนครบวงจรพิเศษหยางซาน เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน

ทั้งนี้ ฐานดังกล่าวใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านหยวน (ราว 7.5 พันล้านบาท) และพื้นที่รวมกว่า 110,000 ตารางเมตร จะประกอบด้วยโรงเก็บเครื่องบิน 3 หลัง รวมถึงห้องปฏิบัติงานและสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนการซ่อมแซมและปรับแต่งอุปกรณ์เสริม

ด้าน ฟางจ้าวย่า ประธานบริษัทเทคโนโลยีของไชน่า อีสเทิร์น กล่าวว่า โรงเก็บเครื่องบินหมายเลข 1 จะเป็นโรงเก็บเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีความยาว 316 เมตร ความลึก 146 เมตร และสามารถรับรองการซ่อมบำรุงเครื่องบินลำตัวกว้างพร้อมกัน 9 ลำ

อย่างไรก็ตาม โครงการฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศนี้ มีกำหนดเสร็จสิ้นและส่งมอบภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 1.8 ล้านชั่วโมงต่อปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top