Tuesday, 10 June 2025
จีน

‘ไห่เวย-2’ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลางทะเลในกว่างตง ใช้เทคโนโลยีในการควบคุม จับปลาได้ 500 ตัน/ครั้ง

(27 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘ไห่เวย-2’ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลางทะเลอัจฉริยะในอ่าวหลิวซา เมืองจ้านเจียง มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งกำลังรองรับการเพาะเลี้ยงลูกปลาจาระเม็ดทองเกือบ 1 ล้านตัว น้ำหนักรวมประมาณ 100 ตัน

แท่นเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดยักษ์นี้ มีความกว้าง 32 เมตร ยาว 86 เมตร และสูง 16.5 เมตร ทั้งยังมีความจุน้ำ 30,000 ลูกบาศก์เมตร สำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยสามารถจับปลาถึง 500 ตันภายในรอบเดียว

ไห่เวย-2 ซึ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีระบบการดำเนินการแบบพึ่งพาพลังงานสีเขียว ไม่ต้องอาศัยมนุษย์ควบคุม และเอื้อต่อการตรวจสอบระยะไกลแบบเรียลไทม์ โดยสะท้อนความพยายามระยะเวลาหลายปีของกว่างตงในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำใต้ทะเลลึก

‘จีน’ ออกหนังสือปกขาว เปิดวิสัยทัศน์มุ่งหน้าพัฒนาประชาคมโลก นำเสนอแนวทางจัดระเบียบโลกใหม่ เพื่อแบ่งปันอนาคตร่วมกัน

(27 ก.ย. 66) หลังจากที่ ‘สี จิ้นผิง’ ผู้นำสูงสุดของจีน เคยออกมาสร้างความฮือฮา ด้วยการประกาศเป้าหมายในการสร้างทางสายใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยโครงการยักษ์ใหญ่ ‘Belt and Road Initiative’ (ฺBRI) เมื่อปี 2013 มาแล้ว

ผ่านมา 10 ปี วันนี้ รัฐบาลจีนได้ออกหนังสือปกขาว ที่เป็นเหมือนพิมพ์เขียวฉบับใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า ‘A Global Community of Shared Future : China's Proposals and Actions.’ หรือ ประชาคมโลกแห่งอนาคตร่วมกัน : ข้อเสนอและแผนการดำเนินการของจีน

โดยได้นำเสนอพื้นฐานทฤษฎี, หลักปฏิบัติ และแผนพัฒนาประชาคมโลกในมุมมองวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีน ซึ่งต่อต้านความคิดของบางประเทศ ที่พยายามแสวงหาอำนาจสูงสุดในการครอบงำโลก ในขณะที่จีนนำเสนอวิธีในการแบ่งปันอนาคตร่วมกันระหว่างประชาคมโลก ผ่านพันธมิตรในเขตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ BRI ของจีน

การออกสมุดปกขาวแสดงเจตจำนง และ วิสัยทัศน์ฉบับล่าสุดของจีน ที่เป็นเหมือนการปักหมุดครบรอบ 10 ปี ของการเปิดโครงการ BRI เป็นเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายสำหรับจีนยิ่งกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วอย่างแน่นอน

เนื่องจากโลกเพิ่งผ่านวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ อาทิ การระบาดของ Covid-19, การหดตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในหลายประเทศ รวมถึงสงครามทางเศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์การเมืองที่ยังคงเข้มข้น และจีนก็ถูกจับตามองมากขึ้นกว่าเมื่อ10 ปีก่อน ในฐานะที่เป็นทั้งชาติมหาอำนาจ และภัยคุกคาม

นักวิเคราะห์จีนมองว่า รัฐบาลปักกิ่งก็ตระหนักถึงความท้าทายนี้ ที่จีนมักถูกโจมตีจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ด้วยวาทกรรม เช่น ‘ประชาธิปไตย vs เผด็จการ’ การเผชิญหน้ากับจีนด้วยรูปแบบการใช้พันธมิตรกดดัน การกล่าวหาจีนในเรื่องการจารกรรมเทคโนโลยี ล้วนแต่เป็นวิธีในการรักษาระเบียบโลกเก่าที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นใหญ่

ซึ่งจีนมองว่าทั้งแนวคิด และพฤติกรรมของชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ทำให้เกิดความตึงเครียด และความขัดแย้งไปทั่วโลก อย่างไม่จบ ไม่สิ้น จนนำไปสู่สงครามเย็นรูปแบบใหม่ ดังนั้น จีนและอีกหลายประเทศจึงเกิดความคิดเหมือนกันว่า ควรหาหนทางจัดระเบียบโลกใหม่ ที่ให้ประชาคมโลกทั้งหมดสามารถสร้างและแบ่งปันอนาคตร่วมกันได้

ด้าน ‘ศาสตราจารย์ อู่ ซินปั๋ว’ ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันศึกษาของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ได้กล่าวถึงสมุดปกขาวฉบับใหม่ว่า รัฐบาลจีนต้องการก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจที่มีบทบาทสังคมโลกอย่างเปิดเผย และต้องการให้ชาติอื่นๆ ในประชาคมโลกสนับสนุน ดังนั้น รัฐบาลจีนจำเป็นต้องสื่อสารให้ชัดเจนถึงทิศทาง และเป้าหมายที่จีนกำลังจะมุ่งหน้าไปว่าไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของจีนชาติเดียว แต่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมโลกด้วย

ซึ่งชัดเจนว่า สมุดปกขาวของจีน นำเสนอแนวคิดเชิงการทูตสไตล์จีน ที่ต้องการสร้างระเบียบโลกทางเลือก จากที่เคยนำโดยชาติพันธมิตรตะวันตก และเป็นการต่อยอดจากโครงการ BRI ของจีน ซึ่งจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 มีประเทศกว่า 3 ใน 4 ของโลก และ องค์กรนานาชาติกว่า 30 แห่ง ได้เซ็นข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ BRI ของจีนแล้ว ซึ่งน่าจะมีพลังมากพอที่จีนจะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนประชาคมโลกที่เกิดจากความร่วมมือ และแบ่งปัน แทนการชี้นำโดยชาติมหาอำนาจเพียงชาติเดียว

และนี่ก็เป็นภาพรวมของยุทธศาสตร์โลกของจีน ที่หวังสร้างประชาคมโลกในอุดมคติใหม่ ท่ามกลางวิกฤติปัญหาเศรษฐกิจ และ สังคมที่รุมเร้าจีน และอุปสรรคใหญ่ที่สุดของจีน ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ที่มีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถชี้นำไปในทิศทางเดียวกันได้

ซึ่งจีนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการสร้างความมั่นใจให้ชาวประชาคมโลก ‘ซื้อ’ ไอเดียของสมุดปกขาวนี้ และมองเห็นอนาคตในมุมมองเดียวกันกับที่จีนมอง ที่อาจต้องใช้เวลา 10 ปี หรือนานกว่านั้น 

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

สืบนครบาล ผนึกกำลัง สืบภูธรภาค 2 รวบแก๊งมังกร บุกปล้นทรัพย์ชาวจีนย่านห้วยขวาง ก่อนจะเผ่นไปกบดานที่บ่อวิน

วันที่ 27 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2  , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร, พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง, พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.น.1, พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2, บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.มาโนด หวังสู้ศึก ผกก.สส 1 บก.สส.ภ 2, พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.บ่อวิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

ร่วมแถลงผลการจับกุม Mr.LUI JIAN ( หลิว เจี้ยน ) สัญชาติจีนอายุ 34 ปี ตามหมายจับของ : ศาลอาญา 3267/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 ข้อหาว่า “ ปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำความผิดแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย,และโดยมีหรือใช้อาวุธปืน,ร่วมกันเข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ,และโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,พกพาวุธปืนและมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ” จับกุมได้ที่ร้านอาหารจีน ตำบลบ่อวิน  อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 20.40 น. มีผู้เสียหายชาวจีน 3 คน พักอยู่บ้านเลขที่ 999/92 ห้องที่ 3 หมู่บ้านเกศินีวิลล์ฯ หลังจากเสร็จสิ้นการออกกำลังกาย ได้กลับมายังบ้าน พบว่ามีชายชาวจีนจำนวน 6 คน พร้อมด้วยอาวุธปืน และมีด เข้ามาก่อเหตุปล้นทรัพย์ผู้เสียหายโดยได้ทรัพย์สินประกอบด้วย 1.แหวนทองคำขาวประดับเพชร ยี่ห้อ BVLGARI มูลค่า 627,500 บาท, 2.กำไลข้อมือทองคำขาว ประดับเพชร ยี่ห้อ CARTIER มูลค่า 1,690,000 บาท 3.กระเป๋าถือ ยี่ห้อ CHANEL สีดำ จำนวน 3 ใบ มูลค่ารวม 540,000 บาท  4.กระเป๋า ยี่ห้อ RIMOWA สีดำ มูลค่า 55,000 บาท, 5.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 14 PRO สีม่วง ราคา 45,000 บาท 6.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 14 PRO สีดำ ราคา 45,000 บาท  ไปจาก ผู้เสียหายชาวจีนทั้ง 3 คน 

ต่อมาตำรวจได้สืบสวน จนสามารถออกหมายจับได้ทั้งหมด พบว่าผู้ต้องหาบางส่วนได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ ส่วนตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้หลบหนี ไปเปิดห้องพักอยู่พื้นที่บ่อวินชลบุรีและออกไปรวมกลุ่มลักลอบมั่วสุมเล่นการพนันกับกลุ่มชาวจีน ด้วยกันในร้านอาหารจีน  จึงบูรณาการกำลังสืบ ภ 2 , สน.บ่อวิน , สน.ห้วยขวาง, สืบ บก.น.1 และ สืบนครบาล จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่ง สน.ห้วยขวาง และจับกุมกลุ่มชาวจีนที่ลักลอบเล่นการพนัน ( ไพ่นกกระจอก ) จำนวน 6 คน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.บ่อวิน  

ชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การผ่านล่ามภาษาจีนปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลจับกุมกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุ ที่ออกหมายจับไว้แล้วเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีน ที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยโดยมีข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาก่อเหตุอยู่แล้ว มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อก่อเหตุเสร็จ ก็จะแยกย้ายกันหลบหนีออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น และจะทำสืบสวนข้อมูลบุคคลต้องสงสัย และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม ที่เป็นภัยต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ  และถ้ามีบุคคลพบเห็นลักษณะบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวของต่อไป

‘ฉางอัน’ พร้อม!! ทุ่ม 9,800 ล้าน ตั้งโรงงานผลิต ‘EV-แบตเตอรี’ ในไทย เป้ากำลังผลิต 1 แสนคันต่อปี เซ็นสัญญาแต่งตั้งดีลเลอร์แล้ว

เมื่อไม่นานนี้ ‘ฉางอัน ออโตโมบิล’ จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรทางธุรกิจตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย (ดีลเลอร์) โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ภายใต้แนวคิด ความร่วมมือแบบเปิด ผลประโยชน์ร่วมกัน และความร่วมมือแบบ ‘win-win’ เพื่อสร้างตัวแทนจำหน่ายระดับสากลสำหรับประเทศไทย

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้ประกาศการตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ซึ่งเป็นการลงทุนตั้งโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนโดยมีมูลค่าการลงทุนราว 9,800 ล้านบาท เพื่อให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) และแบตเตอรี่ กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี

กระทั่งในช่วงเดือน สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ฉางอัน ออโตโมบิล (Changan Automobile) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยครอบคลุมถึงบริษัทจัดจำหน่าย โรงงานประกอบรถยนต์ รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ เพื่อเป็นการรองรับและตอบสนองแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดยได้รับหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้จัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเพื่อประกอบการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

สหรัฐฯ ชี้!! จีนพยายามก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก หวังครอบงำโลกในด้านการทหาร-เศรษฐกิจ-การทูต

(29 ก.ย. 66) นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกมาระบุว่า จีนกำลังพยายามที่จะแซงหน้าสหรัฐเพื่อก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจโลก หลังถูกตามในเวทีที่จัดขึ้นโดยนิตยสารแอตแลนติก เมื่อวันที่ 28 กันยายน

เมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขามองว่าเป็นความมุ่งหมายของจีน บลิงเกนกล่าวว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่จีนต้องการคือการเป็นมหาอำนาจที่ครอบงำโลก ทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และการทูต นั่นคือสิ่งที่สี จิ้นผิง กำลังพยายามทำ

อย่างไรก็ดี บลิงเกนรับว่า ในแง่หนึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะจีนมีประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา ถ้าคุณมองและฟังผู้นำจีน พวกเขากำลังพยายามกอบกู้สิ่งที่พวกเขาเชื่อว่า เป็นที่ทางอันถูกต้องของพวกเขาบนโลกนี้

บลิงเกนยังกล่าวด้วยว่า เดิมพันในเรื่องไต้หวันนั้นสูงเป็นพิเศษ เพราะไต้หวันมีบทบาทในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางของเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง หากมีวิกฤตที่ไต้หวันซึ่งมาจากการกระทำของจีน ก็จะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก

“ผมคิดว่าสิ่งที่จีนได้ยินเพิ่มขึ้นจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกคืออย่ากวนน้ำให้ขุ่น เราต้องการ และทุกคนก็ต้องการ สันติภาพและความมั่นคง ทุกคนต้องการให้มีการรักษาสถานะที่ดำรงอยู่ในขณะนี้ต่อไป” บลิงเกนกล่าว

ก่อนหน้านี้บลิงเกนเคยพูดอ้อมๆ ถึงความปรารถนาของจีนที่จะปรับเปลี่ยนระเบียบโลก และฝ่ายบริหารของสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แม้จะกดดันจีนอย่างชัดเจน แต่ก็ยังพยายามที่จะเจรจาด้วยความหวังว่าจะจัดการกับความตึงเครียดระหว่างกัน ซึ่งนำไปสู่การเยือนจีนของบลิงเกนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าใดนัก

‘จีน’ เปิดประสบการณ์ดูหนังแบบใหม่ เปลี่ยนป๊อปคอร์นเป็น ‘ชาบู’ กินไป ดูไป อร่อยแบบฟินๆ สะเทือนวงการโรงหนัง คนสนใจเพียบ!!

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 เกิดกระแสไวรัลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ในประเทศจีน หลังเว็บ Weibo ได้เผยภาพโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในจีน ซึ่งสิ่งที่พีค คือ บริเวณโซนที่นั่งที่โซฟาแต่ละจุด จะมีโต๊ะและเซตหม้อไฟชาบู รวมไปถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า โดยมีการระบุข้อความว่า “คุณสามารถกินชาบูในโรงหนังที่ประเทศจีนได้แล้ว”

อย่างไรก็ดี โดยปกติในโรงหนัง เราจะกินป๊อปคอร์นกับน้ำดื่มเวลาดูหนัง แต่ครั้งนี้เล่นเสิร์ฟชาบูให้ได้อิ่มท้องระหว่างดูหนัง ส่งให้งานนี้คอหนัง – สายกินทั้งหลายถูกใจ พากันแชร์ภาพโรงหนัง ที่เปิดให้ลูกค้า ‘ดูหนังไป กินชาบูไป’ ได้ด้วย พร้อมอยากเปิดประสบการณ์ใหม่นี้กันล้นหลาม

กระแส ‘ตลาดรถ NEV’ ของจีนส่งสัญญาณคึกคัก ดันยอดจำหน่ายช่วง ม.ค.-ส.ค. ปาไป 5.37 ล้านคัน

เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า งานจัดแสดงยานยนต์ในช่วงหยุดยาววันชาติจีน (29 ก.ย.-6 ต.ค.) หรือ ‘สัปดาห์ทอง’ ได้สะท้อนความนิยมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นดาวเด่นดวงใหม่ของงานจัดแสดงยานยนต์ทั่วจีน

งานจัดแสดงยานยนต์พลังงานใหม่นานาชาติแห่งเหอเฝย ปี 2023 ในนครเหอเฝย มณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน เมื่อวันที่ 29 ก.ย.-4 ต.ค. มีการจัดแสดงยานยนต์พลังงานใหม่จาก 95 แบรนด์ในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 1,000 คัน

“หลังคำนวณราคาและปัจจัยอื่นๆ คิดว่าพร้อมซื้อรถยนต์พลังงานใหม่สักคัน จึงมาเดินงานนี้เพื่อดูรุ่นที่เหมาะสม” จางจู้ ชาวเมืองเหอเฝยที่มีรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันแล้วกล่าว โดยจึงอยากซื้อรุ่นที่ราคาราว 2 แสนหยวน (ราว 1.02 ล้านบาท)

นอกเหนือจากรถยนต์ขนาดเล็กมูลค่าหลายหมื่นหยวน งานนี้ยังนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณสมบัติครบครันมูลค่าสูงถึง 1 ล้านหยวน (ราว 5.13 ล้านบาท) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายอีกด้วย

งานนี้มีบรรดาแบรนด์ยานยนต์พลังงานใหม่ ครอบคลุมยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างออดี เมอร์ซิเดซ-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงผู้ผลิตยานยนต์ม้ามืดจากจีนอย่างบีวายดี เชอรี และนีโอ เข้าร่วมจัดแสดงยานยนต์อย่างคึกคัก

อู๋หู่ ผู้เข้าชมงานนี้อีกคนหนึ่ง เผยว่าประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะและคุณสมบัติด้านความบันเทิงของยานยนต์พลังงานใหม่แบรนด์ภายในประเทศนั้นน่าสนใจมาก ไต้เสี่ยวฮุย พนักงานประจำบูธของเชอรี ผู้ผลิตยานยนต์ภายในประเทศ กล่าวว่ามีคำสั่งซื้อรถยนต์รุ่นต่างๆ มากกว่า 100 รายการในวันเดียว ซึ่งเท่ากับยอดจำหน่ายทั้งเดือนของร้านตัวแทนจำหน่ายระดับมาตรฐาน

เจิ้งลี่ ชาวเมืองเหอเฝยผู้เข้าชมงานนี้อีกคน เผยว่าการก่อสร้างและความครอบคลุมของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการชาร์จไฟในปัจจุบันมีเพียงพอแล้ว ทำให้ยานยนต์พลังงานใหม่ตอบสนองความต้องการเดินทางได้เต็มที่

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ระบุว่าจีนเป็นผู้ผลิตและตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยยอดจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม รวมอยู่ที่กว่า 5.37 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.2 เมื่อเทียบปีต่อปี

แผนงานด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ฉบับล่าสุดของรัฐบาลจีน กำหนดเป้าหมายผลักดันยอดจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ในปีนี้แตะหลัก 9 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบปีต่อปี

'จีน' ได้รับเลือกเป็นสมาชิก UNHRC สมัยที่ 6 ถือเป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกบ่อยที่สุด

(11 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีนได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC: United Nations Human Rights Council) สมัยที่ 6 ทำให้จีนเป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีฯ บ่อยที่สุด โดยก่อนหน้านี้จีนได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีฯ ในปี 2006-2012 (ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2009) ปี 2014-2016 ปี 2017-2019 และปี 2021-2023 ส่งผลให้จีนเป็น 1 ใน 15 รัฐที่ได้รับเลือกตั้งผ่านการลงคะแนนเสียงแบบลับโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้อยู่ในคณะมนตรีฯ อันมีสมาชิก 47 ราย เป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มต้นวันที่ 1 มกราคม 2024 (พ.ศ. 2567)

สำหรับ UNHRC มีชื่อเรียกย่อๆ ว่า HRC เป็น กลไกระหว่างรัฐ จัดตั้งขึ้นตามข้อมติ สมัชชาแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2549 โดยมีหน้าที่สำคัญในการสอดส่องดูแลการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อหยุดยั้งการละเมิดสิทธิ มนุษยชน

วิกฤตคนหนุ่มสาวจีน ‘หมดไฟ-ไม่อดทน-ไร้ความพยายามสู้ชีวิต’ อ้าง!! แรงแข่งขันสูงในสังคม ผลักให้กลับมาเกาะพ่อแม่กิน

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกช่องหนึ่ง ชื่อ ‘daodiy’ ออกมาเล่าถึงสถานการณ์ในสังคมยุคปัจจุบัน ที่กำลังเกิดวิกฤตจากการที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ขาดความพยายามในการเอาตัวรอดในสังคม และหันมาพึ่งพาพ่อแม่มากขึ้น โดยเจ้าของช่องได้ระบุว่า…

ในปัจจุบัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีนที่ยังต้องพึ่งพาพ่อแม่อยู่ หรือที่เรียกกันว่า ‘เกาะพ่อแม่กิน’ มีจํานวนอัตรามากกว่า 270 ล้านคนทั่วประเทศ โดยคนกลุ่มนี้ ในภาษาจีนมีชื่อเรียกว่า ‘เขินเหล่าจู๋’ (啃老族) ซึ่งถ้าแปลเป็นตรงตัวจะหมายถึง ‘กลุ่มคนที่กัดกินผู้สูงอายุ’

กลุ่มคนที่กัดกินผู้สูงอายุเหล่านี้ กำลังมีจํานวนที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมจีน และแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต ประเด็นสําคัญที่ทําให้คนกลุ่มนี้ มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คือ

1.) ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่เป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน โดยคนกลุ่มนี้จะได้รับการประคบประหงม ถูกดูแลอย่างดีจากคุณพ่อคุณแม่ ตั้งแต่เด็กจนโต โดยเฉพาะคนที่เกิดในช่วงปี 1985 ถึงประมาณ 1990 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนกลุ่มนี้มักจะเติบโตมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน จึงทําให้พวกเขานั้นไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กับคนในสังคมได้มากนัก หรือก็คือ ‘ขาดทักษะในการเอาตัวรอด’ นั่นเอง เพราะว่าคนกลุ่มนี้นั้นพึ่งพาครอบครัวของเขามาตลอด

2.) การศึกษา ในระบบการศึกษาของจีนนั้นยังเน้นสอนแบบการ ‘ท่องจํา’ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เด็กจีนมีทักษะในการเอาตัวรอดในสังคมค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้น นักศึกษาที่เรียนจบไปส่วนใหญ่ มักจะเก่งแค่เรื่องของทฤษฎีและวิชาการ แต่ในด้านการปฏิบัติเมื่อต้องออกไปเจอสังคมภายนอก อาจจะทำให้เอาตัวรอดได้ยาก

3.) เศรษฐกิจของจีน สังคมในที่ทํางานส่วนใหญ่นั้นมักจะมีความกดดัน หรือการแข่งขันกันค่อนข้างสูงและรุนแรง ทําให้คนรุ่นใหม่หลายคนเกิดความเหนื่อยล้า จนยอมแพ้และลาออกจากงาน เพื่อกลับไปบ้านกับพ่อแม่ จนในที่สุดก็กลายเป็นกลุ่มคนที่เกาะพ่อแม่กินนั่นเอง

4.) ระบบในสังคมจีน ซึ่งยังเป็นระบบของที่มีการใช้ ‘ความสัมพันธ์’ (Relationship) หรือที่เรียกกันว่า ‘ระบบเส้นสาย’ ในสังคมค่อนข้างสูง ทำให้คนที่มีเส้นสายสามารถเข้าไปอยู่ในหน่วยงานดีๆ ได้ทํางานที่ดีๆ ส่วนคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดีนัก หรือว่าที่บ้านไม่ได้มีเส้นสาย ก็ต้องไปต่อสู้ แก่นแย้งกับคนที่มีเส้นสาย ทําให้คนกลุ่มนี้ ขาดกำลังใจ เกิดความหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต และสุดท้ายก็กลับไปอยู่บ้าน ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมจีน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงยิ่งขึ้นในอนาคต

แล้วที่ ‘ประเทศไทย’ ล่ะ… เป็นอย่างไรบ้าง?

‘จีน’ มุ่งสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดีใน ‘กลุ่มเด็ก-วัยรุ่น’ ปกป้องเด็กจากภาวะวิตกกังวล - โรคซึมเศร้า

(12 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เปิดเผยว่าหน่วยงานภาครัฐและภาคสังคมของจีนดำเนินความพยายามร่วมกันเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตในหมู่เด็กและวัยรุ่นตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อนึ่ง จีนเฉลิมฉลองวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) ครั้งที่ 32 ซึ่งตรงกับเมื่อวันอังคาร (10 ต.ค.) ภายใต้หัวข้อ ‘การส่งเสริมสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น’

หลี่ต้าชวน เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการฯ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (9 ต.ค.) ระบุว่ากุญแจสำคัญในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตของวัยรุ่น คือการให้ความสำคัญกับการป้องกันเป็นอันดับแรก และดำเนินการป้องกันและควบคุมในสังคมวงกว้าง อีกทั้งเน้นย้ำความสำคัญในการจัดให้งานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในบริการสังคม บริการสาธารณสุข และระบบประกันสังคม

ข้อมูลการสำรวจสุขภาพจิตที่ครอบคลุมวัยรุ่นมากกว่า 30,000 คน ซึ่งจัดทำโดยสถาบันจิตวิทยา สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์ของจีน ในปี 2022 พบว่าร้อยละ 14.8 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าในระดับต่าง ๆ โดยจำเป็นต้องมีการเข้าช่วยเหลือและการปรับเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพและทันเวลา

เจิ้งอี้ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กจากโรงพยาบาลปักกิ่ง อันติ้ง สังกัดมหาวิทยาลัยการแพทย์นครหลวง ระบุว่าเด็กและวัยรุ่นอยู่ในช่วงที่มีการพัฒนาด้านสุขภาพจิตอย่างรวดเร็ว ภาวะทางจิตของพวกเขามีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางชีวภาพ สภาพจิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เย่ไห่เซิน นักจิตวิทยาคลินิกประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน ระบุว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มมีอาการทางสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยความผิดปกติทางจิต อาทิ ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า พบได้เด่นชัดในเด็กและวัยรุ่น

คณะกรรมการฯ ดำเนินมาตรการหลายรายการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งรวมถึงการออกแนวปฏิบัติส่งเสริมบริการด้านสุขภาพจิต โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อีก 16 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ออกแผนปฏิบัติการระยะเวลา 3 ปี เพื่อปรับปรุงงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตของนักเรียน

แผนดังกล่าวกำหนดความรับผิดชอบของรัฐบาลระดับต่างๆ ในการสร้างเสริมสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น อีกทั้งเน้นย้ำการประสานงานระหว่างหน่วยงานและความพยายามร่วมกันระหว่างสถาบันทางการแพทย์ โรงเรียน และครอบครัว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางได้จัดสรรกองทุนพิเศษเพื่อสนับสนุนการป้องกันและการรักษาความผิดปกติทางจิตที่พบบ่อย พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการนำร่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต

หลี่กล่าวว่าการทดลองต่าง ๆ ถูกจัดขึ้นทั่วประเทศเพื่อเดินหน้าบริการด้านจิตวิทยาสาธารณะภายใต้การสนับสนุนของคณะกรรมการฯ โดยปัจจุบันหมู่บ้านและชุมชนร้อยละ 96 โรงเรียนประถมและมัธยมร้อยละ 95 ตลอดจนวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งหมดในพื้นที่นำร่องเหล่านี้ สามารถเข้าถึงบริการด้านจิตวิทยาสาธารณะได้แล้ว

อนึ่ง จีนยังทุ่มเทความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มการจัดสรรทรัพยากร การสนับสนุนทางการเงิน และการพัฒนาบุคลากรทั่วประเทศ เพื่อสร้างหลักประกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการส่งเสริมสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top