Saturday, 7 June 2025
กรุงเทพมหานคร

‘คลองแมพ’ แอพดี ๆ จากสำนักระบายน้ำ เช็กปริมาณน้ำในคลองใกล้บ้านแบบเรียลไทม์

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ได้พัฒนาระบบ ‘แผนผังบริหารจัดการน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ภายใต้ชื่อ KlongMap หรือ คลองแมพ โดยระบบดังกล่าวสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการน้ำ โดยข้อมูลจะแสดงเป็นแถบสี ถ้าสีเขียวคือปกติ สีเหลืองคือระดับเฝ้าระวัง และสีแดงคือระดับวิกฤต

ทั้งนี้ข้อมูลที่นำมาประมวลผลจะนำมาจากอัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา, ระดับน้ำในคลอง แม่น้ำ ที่ประตูกั้นน้ำ, ค่าระดับความเค็มของน้ำ และคาดการณ์เวลาและระดับของน้ำขึ้น-น้ำลงสูงสุดในแต่ละวัน

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจระดับน้ำใกล้บ้านท่านได้ที่ http://weather.bangkok.go.th/KlongMap?fbclid=IwY2xjawFzM8FleHRuA2FlbQIxMAABHQeQxtZrPROuRLviN8aeNYZ_6rWpg2DMskrjeeGxnuKn60NAVeBEt7yksg_aem_FeR2xYlmAozwiAl4VdV8JA

นอกจากนี้สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานครยังมีอีกหลายระบบ เช่น เรดาห์ตรวจอากาศ และระบบตรวจวัดน้ำบนถนน

จับจองที่นั่งริมฝั่งเจ้าพระยากว่า 7.5 พันที่นั่ง รับชมความวิจิตรขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

(22 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘กรุงเทพมหานคร’ ได้เผยแพร่ประกาศเชิญชวนประชาชนรับชมการซ้อมใหญ่ ‘ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค’ ความว่า

กรุงเทพมหานครขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมการซ้อมใหญ่ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ตามจุดที่กำหนด ดังนี้

- ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี จำนวน 4,000 ที่นั่ง
- สวนสันติชัยปราการ จำนวน 1,500 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จำนวน 1,130 ที่นั่ง
- สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จำนวน 1,100 ที่นั่ง
- โรงพยาบาลศิริราช (อุทยานสถานภิมุข) จำนวน 100 ที่นั่ง
- ตลอดแนวทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

สนง.คลองเตย ฉกโอกาสช่วงฝนตกหนัก เร่ง ประชาสัมพันธ์งานบริการประชาชน

(25 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ (24 ต.ค. 67) เป็นเหตุให้มีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ แต่อย่างไรก็ดีสำนักงานเขตคลองเตยกลับอาศัยโอกาสนี้ทำการประชาสัมพันธ์ได้อย่างน่าประทับใจ 

โดยประชาสัมพันธ์จุดที่น้ำท่วมขัง และจุดที่น้ำลดพร้อมระยะเวลา อีกทั้งยังมีการส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยความสะดวกในจุดที่น้ำท่วมขัง ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของทางสำนักงานเขต 

โดยในโพสต์ดังกล่าว มีประชาชนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น มีหลายซอยให้ชมเลยค่า มีน้ำท่วมขังไม่ถึง30นาทีเลยค่า, เยี่ยมค่ะ แถวบ้านช.ม.ที่แล้วน้ำเต็มซอย ตอนนี้ลดลงแล้วเหมือน ซ.22 เลย เป็นต้น 

เผยตัวเลข!! ชาวต่างชาติเยือนไทย ม.ค. - ก.ย. 2567

(27 ต.ค. 67)  เผยตัวเลข ! ชาวต่างชาติเยือนไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2567 สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง 

จำนวนผู้โดยสารต่างชาติขาเข้ารวมด่านรายเดือน ประมาณ 31.3 ล้านคน
นักท่องเที่ยวชาวจีน  เดินทางเยือนประเทศไทยมากที่สุด อยู่ที่ 5.6 ล้านคน 
ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีนักท่องเที่ยวผ่านเข้ามามากที่สุด อยู่ที่ 13.9 ล้านคน
จังหวัดที่มีผู้มาเยี่ยมเยือนมากที่สุด โดยรวมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็คือ กรุงเทพมหานคร อยู่ที่ 38 ล้านคน

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งจราจร ยาเสพติด การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย 

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.67) เวลา 15.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชุมหารือแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร , พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

การประชุมหารือแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการหารือประเด็นในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การแก้ไขปัญหาด้านการจราจร โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการชั่งน้ำหนักรถบรรทุก แล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 300 คดี , การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการควบคุมสัญญาณไฟจราจร บังคับใช้กฎหมาย และวินัยจราจร ส่วนการจอดรถริมถนนสาธารณะ รอรับผู้โดยสาร หรือกลุ่มรถสาธารณะที่ตั้งตัวเป็นกลุ่ม สร้างพื้นที่อณาเขตต่าง ๆ ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย หรือกลุ่มรถจักรยานยนต์ส่งสิ่งของหรืออาหารที่ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

2. การแก้ไขปัญหายาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า การขายสิ่งของผิดกฎหมาย Sex toy โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณโรงเรียนและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะต้องสืบสวนปราบปรามไปยังผู้จำหน่าย ต้นตอการนำเข้า หรือการจำหน่ายที่ผิดกฎหมาย เพื่อสร้างอนาคตของเด็กและเยาวชนต่อไป

3. การแก้ไขปัญหาคนขอทาน การค้าประเวณี การค้าสินค้าผิดกฎหมาย คนเร่ร่อน หรือคนไร้บ้าน โดยนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกรุงเทพมหานคร เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย หรือนำเข้าไปพักยังสถานที่พัก (Shelter) ส่วนคนขอทานทั้งคนไทยหรือคนต่างด้าวจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

4. การหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย จะต้องร่วมกันตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามทุกมิติ ในสถานที่ต่าง ๆ  เช่น พื้นที่โดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ , ถนนสุขุมวิท , ถนนข้าวสาร เป็นต้น

5. ปัญหากลุ่มจีนเทาในพื้นที่ห้วยขวางและเขตอื่น ๆ จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปรามทุกด้าน ตั้งแต่การเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร วัตถุประสงค์การเข้ามา การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สินค้าหรือธุรกิจที่ดำเนินกิจการ โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมกับกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบและดำเนินการในทุกด้าน

6. การใช้ที่ดินเขตพญาไทหรือพื้นที่เขตอื่น ๆ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้หารือการใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้ใช้ร่วมกันสมัยที่เป็นตำรวจดับเพลิงแล้วโอนภารกิจไปให้กรุงเทพมหานคร และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2546 กำหนดแนวทางการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวร่วมกันว่า ทั้งหมดนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งคณะทำงานย่อยเชิงปฏิบัติการแต่ละด้าน เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมปฏิบัติการโดยเร็ว จะนำร่องปฏิบัติในพื้นที่โดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ศาลหลักเมือง ถนนสุขุมวิท ถนนเยาวราช และพื้นที่ห้วยขวาง โดยจะกำหนดการปฏิบัติและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเห็นผลโดยเร็ว เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองที่น่าอยู่ มีความสะดวกและปลอดภัย

กทม.ประกาศ 'ห้ามจุดพลุ' ฉลองปีใหม่ เว้นขออนุญาต ฝ่าฝืนโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับ

ผู้ว่าฯกทม.ประกาศ ‘ห้ามจุดพลุ’ ฉลองปีใหม่ ยกเว้นได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนเจอโทษหนักจำคุกไม่เกินสามปี-ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 67) ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ได้ลงนามประกาศมาตรการป้องกันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เนื่องด้วยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีเป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

รวมทั้งประชาชนบางส่วนนิยมที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามงานเทศกาล สถานบันเทิงและสถานบริการต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร บ้านเรือนที่อยู่อาศัยจึงถูกทิ้งไว้ไม่มีผู้ดูแล ทำให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเหตุสาธารณภัย หรืออุบัติภัยเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ อาทิ ภัยจากการคมนาคม อาชญากรรม เหตุการณ์ความไม่สงบ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เนื่องจากมีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมากทำให้สถานที่จัดงานมีความแออัด

อีกทั้งงานเทศกาลและสถานบันเทิงบางแห่งมีการจัดงานเฉลิมฉลอง จุดพลุ หรือดอกไม้เพลิง ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศแห้งและแล้ง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 32 และมาตรา 23 วรรคสอง (1) ขอความร่วมมือจากผู้จัดงานเทศกาลปีใหม่ สถานประกอบการสถานบันเทิง ประชาชน รวมถึงผู้ผลิต สะสม จำหน่ายผู้เล่นดอกไม้เพลิงและโคมลอยในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ดังนี้

1.กรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมและกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ.2568 และจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์กรุงเทพมหานคร (ศตส.กทม.) ในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2568 จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับชุมชนที่มีความเสี่ยงหรือพื้นที่ล่อแหลมสูง

โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ จุดเสี่ยงอาชญากรรม ตรวจสอบตรวจตราสถานประกอบการ สถานบันเทิงที่มีการจัดงานหรือกิจกรรม เพื่อวางแผนออกแบบมาตรการจัดกิจกรรมอย่างปลอดภัย กำหนดรูปแบบและลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นที่เส้นทางหรือจุดเข้าออกพื้นที่จัดงานอย่างเข้มงวด และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตามสถานที่ต่างๆ ตลอดระยะเวลาจัดงาน โดยประสานงานกับหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมเฝ้าระวังดูแลในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นโดยใช้กล้อง CCTV

รวมถึงการตรวจตราสถานประกอบการที่ผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิง สำหรับสถานที่ซึ่งได้รับอนุญาตให้จำหน่ายดอกไม้เพลิงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การควบคุมและกำกับดูแลการค้าดอกไม้เพลิงตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

เรื่องหลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้าการครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตฤที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน

2.ขอความร่วมมือสถานประกอบการ สถานบันเทิง ผู้จัดงานและเจ้าของพื้นที่จัดงาน วางแผนการบริหารจัดการพื้นที่ และแผนงานรองรับความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยทางกายภาพ หากพบจุดเสี่ยงอันตรายหรืออุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายให้ดำเนินการแก้ไขให้มีความปลอดภัยหรือประสานผู้รับผิดชอบดำเนินการทันที อาทิ ระบบป้องกันอัคคีภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ประตูทางเข้า-ออก ถังดับเพลิง ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบไฟฟ้าสำรอง ป้ายบอกเส้นทางหนีไฟต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดเส้นทาง และสามารถเปิดออกสู่ภายนอกได้อย่างทันที ตลอดจนกำหนดเส้นทางเข้า-ออกที่ชัดเจน จำกัดจำนวนคนภายในงานให้สอดคล้องกับขนาดและสภาพพื้นที่จัดงาน

เพื่อป้องกันความหนาแน่นแออัด และสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อต้องอพยพผู้ใช้บริการกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีเหตุเพลิงไหม้หรือเหตุสาธารณภัยอื่นๆ ให้แจ้งสายด่วน โทร. 199 ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และให้ประสานงานกับสำนักงานเขตอย่างใกล้ชิด

3.แจ้งเตือนประชาชน กรณีวางแผนเดินทางออกต่างจังหวัดขอให้ตรวจสอบสายไฟ ปลั๊กไฟและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากพบความชำรุดให้แก้ไขทันที ปิดสวิตซ์ ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งานหรือก่อนออกจากเคหสถาน

รวมถึงกำชับบุตรหลานไม่ให้เล่นไม้ขีดไฟหรือไฟแช็ก และควรเก็บวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายให้อยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมจัดหาอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย ศึกษาวิธีการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อเกิดอัคคีภัย ตลอดจนดูแลบำรุงรักษาให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยและรณรงค์ให้ประชาชน ลด เลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้แนวคิด “ ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งผู้ขับขี่และผู้สัญจรร่วมทาง หากพบผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน แจ้งศูนย์เอราวัณ 1669 

4.ห้ามมิให้ผู้ใดจุดและปล่อย หรือกระทำการอย่างใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการเขตพื้นที่นั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ผู้ประสงค์จะขอจุดและปล่อยหรือกระทำการอย่างใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ให้ยื่นแบบคำขอรับใบอนุญาตพร้อมแผนการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อผู้อำนวยการเขตพื้นที่ และห้ามมิให้ผู้ใดทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิง รวมถึง พลุ ประทัดไฟ ประทัดลม และวัตถุอื่นใด อันมีสภาพคล้ายคลึงกัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

สำหรับผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรมอุตุฯ เผย ไทยเผชิญอากาศหนาวจัดอีกระลอก ย้อนอดีตปี 2498 กทม. เคยหนาวสุดขั้วอุณหภูมิต่ำสุด 9.9 องศา

(13 ม.ค. 68) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน ฉบับ 11 อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย อันดามัน “ลมเย็นอีกระลอก” จากจีนแผ่ปกคลุม ทำให้มีอากาศหนาวจัดมีลมแรง สุดทึ่ง!! ในอดีตกรุงเทพมหานคร เคยหนาวสุดขั้วอุณหภูมิต่ำสุด 9.9 องศา เมื่อปี 2498

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 11 (11/2568)
เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยรวมทั้งทะเลอันดามัน มีผลกระทบจนถึงวันที่ 13 มกราคม 2568

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวและหนาวจัดในบางพื้นที่กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร 

ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 13 ม.ค. 68

สำหรับในปีนี้ พื้นที่กรุงเทพมหานคร นับว่ามีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องยาวนาน โดยอุณหภูมิต่ำสุดจะอยูที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียส แต่ทว่า เมื่อย้อนไปดูบันทึกสภาพอากาศในอดีต พบว่า เมื่อปี 2498 กรุงเทพมหานคร เคยหนาวสุดขั้ว โดยมีอุณภูมิต่ำสุดถึง 9.9 องศาเซลเซียส

เปิด 10 อันดับ เมืองที่ชาวต่างชาติ มาเยือนมากที่สุดในโลก ปี 2024

กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ยังยืนหนึ่งด้วยยอดผู้มาเยือนที่ทะลุไปถึง 32.4 ล้านคน ส่วนอันดับอื่น ๆ มีเมืองใดบ้าง ไปส่องกันเลย

21 เมษายน พ.ศ. 2325 ครบรอบ 243 ปี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ รำลึกพระมหากรุณาธิคุณรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงวางรากฐานพระนครใหม่ สู่มหานครแห่งความรุ่งเรืองของแผ่นดินไทย

วันที่ 21 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธียกเสาหลักเมือง ณ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสถาปนา 'กรุงรัตนโกสินทร์' หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 'กรุงเทพมหานคร' อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325

การย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนครมีเหตุผลสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ความมั่นคง และการบริหารราชการ โดยพระองค์ทรงเล็งเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยามีความเหมาะสมต่อการพัฒนากรุงใหม่ให้มั่นคงและรุ่งเรือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การปกครอง และวัฒนธรรม

พิธียกเสาหลักเมือง หรือ 'พิธีฝังหลักเมือง' เป็นพิธีกรรมสำคัญในวัฒนธรรมไทยและอินโดจีน ซึ่งสื่อถึงการกำหนดศูนย์กลางของเมืองใหม่ โดยมีความเชื่อว่าหลักเมืองเป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะปกปักรักษาบ้านเมือง

เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ที่ฝังเมื่อปี พ.ศ. 2325 ถูกบรรจุไว้ในศาลหลักเมืองซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามพระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง

นับตั้งแต่การสถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ วัฒนธรรม ศิลปะ และศาสนาของประเทศ โดยผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กรุงรัตนโกสินทร์ไม่เพียงเป็นเมืองหลวงทางกายภาพ แต่ยังเป็นหัวใจของความเป็นไทยในหลากหลายมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ ราชประเพณี และความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ ในทุกปี วันที่ 21 เมษายน จะมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 1 และราชวงศ์จักรี รวมถึงการสืบสานวัฒนธรรมไทย เช่น พิธีบวงสรวงที่ศาลหลักเมือง ขบวนแห่ เครื่องสักการะ และกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมเฉลิมฉลองและเรียนรู้รากเหง้าทางประวัติศาสตร์ของชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top