Saturday, 7 June 2025
กรุงเทพมหานคร

‘สส.รวมไทยสร้างชาติ’ จี้!! กทม. เร่งแก้ปัญหา ‘คลองช่องนนทรี’ หลังปล่อย ‘เน่า-รก-ร้าง’ ไม่สมเป็นสวนแลนด์มาร์กกลางกรุง

(17 ก.ค.67) นายเกรียงยศ สุดลาภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามที่ตนได้ลงพื้นที่สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้มาจากการรับข้อร้องเรียนจากประชาชน ผู้ประกอบการในพื้นที่ ประกอบกับสื่อต่าง ๆ ได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการขาดการบำรุงรักษาของคลองช่องนนทรี 

โดย นายเกรียงยศ เปิดเผยว่า ในการพัฒนาคลองช่องนนทรีมีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพเป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์ โดยมีโมเดลจากคลองชองกเยชอน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ฟื้นฟูจากคลองที่ถูกเมินเป็นแลนด์มาร์กของเมือง 

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ พบว่าคลองช่องนนทรีขาดการดูแลรักษาหลาย ๆ ประการ อาทิ น้ำเน่าเสียซึ่งปรากฏการเผยแพร่ผ่านสื่ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การปรับปรุงภูมิทัศน์ผ่านต้นไม้ต่าง ๆ ถูกปล่อยรกร้าง ขาดการดูแลรักษาทำให้พืชบางส่วนแห้งตาย มีหญ้าและวัชพืชขึ้นรก เห็นได้ชัดว่าขาดการดูแลความสะอาดของพื้นที่ในภาพรวม

“เมื่อสภาพภูมิทัศน์โดยรวมของสวนสาธารณะคลองช่องนนทรีขาดเสน่ห์ จึงไม่มีผู้เข้ามาใช้งาน ดังนั้น หากไม่มีการแก้ปัญหาย่อมจะทำให้สวนสาธารณะคลองช่องนนทรีกลายเป็นสวนสาธารณะที่ไม่เป็นสาธารณะเพราะไม่มีผู้ใช้งาน จึงขอฝากไปยังกรุงเทพมหานครให้บำรุงรักษาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้งบประมาณจากภาษีประชาชนที่ใช้ไปในโครงการต่าง ๆ อย่างคุ้มค่า โดยตนจะนำปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งกระทู้ถามในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหา”

ทั้งนี้ สวนสาธารณะคลองช่องนนทรีได้มีการศึกษาและเริ่มทำสัญญาในสมัยที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีเจตนารมณ์ทำให้พื้นที่คลองช่องนนทรีเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กกลางเมืองไม่แพ้คลองชองกเยชอนของเกาหลีใต้

‘กองการกีฬาฯ กทม.’ โต้!! ‘เพจดัง’ กรณีค่าล้างแอร์เครื่องละ 7,000 บาท ยัน!! ไม่จริง ราคาดังกล่าวรวม ‘ค่าแรง-ค่าซ่อมแซม-ค่าอะไหล่-อื่นๆ’

เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.67) จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ ‘ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย’ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จ้างล้างเครื่องปรับอากาศสูงถึงเครื่องละ 7,000 บาท และระบุว่า เลขที่โครงการ 67059435237 ตรวจสอบได้ ที่ศูนย์กีฬา กทม. ได้แก่ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 21 เครื่อง ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน 12 เครื่อง ศูนย์กีฬาบางบอน 24 เครื่อง และศูนย์กีฬาอ่อนนุช 5 เครื่อง

นายดำรงค์ รื่นสุข ผู้อำนวยการกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เปิดเผยถึงกรณีมีข้อสังเกตโครงการจ้างเหมาล้างและซ่อมเครื่องปรับอากาศ จำนวน 62 เครื่อง โครงการที่ 6705945237 มีค่าล้างราคาเครื่องละ 7,000 บาท ว่า ข้อสังเกตดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากราคารวมของโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 455,060.30 บาท นั้น เป็นราคาของค่าแรงล้างเครื่อง รวมกับค่าอะไหล่ ค่าซ่อมแซม และค่าวัสดุอื่นๆ ที่เปลี่ยนด้วยแล้ว ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดโครงการได้ที่ https://egp.bangkok.go.th/home/detail/67059435237

สำหรับอัตราการจ้างเหมาล้างเครื่องปรับอากาศ จะแตกต่างกันตามขนาดของเครื่อง (บีทียู) ซึ่งเป็นราคาตามท้องตลาดทั่วไป ดังนี้ 

1. เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนตั้งพื้นหรือแขวน 
- ขนาด 12,000 บีทียู ค่าแรงล้างเครื่องปรับอากาศอยู่ที่ราคา 800 บาท 
- ขนาด 18,000 บีทียู ค่าแรงฯ 1,000 บาท 
- ขนาด 36,000 บีทียู ค่าแรงฯ 1,000 บาท 
- ขนาด 38,000 บีทียู ค่าแรงฯ 1,000 บาท 
- ขนาด 44,000 บีทียู ค่าแรงฯ 2,000 บาท 
- ขนาด 50,000 บีทียู ค่าแรงฯ 2,000 บาท 
- ขนาด 60,000 บีทียู ค่าแรงฯ 2,000 บาท 

2. เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนชนิดติดผนัง 
- ขนาด 30,000 บีทียู ค่าแรงฯ 1,000 บาท 

3. เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนชนิด 4 ทิศทาง 
- ขนาด 24,200 บีทียู ค่าแรงฯ 1,500 บาท โดยค่าแรงดังกล่าวยังไม่รวมค่าอะไหล่ ค่าซ่อมแซม และค่าวัสดุอื่นๆ

แฉต่อ!! ‘ศูนย์กีฬาอ่อนนุช’ ซื้อเครื่องออกกำลังกาย 21 รายการ งบ 15 ลบ. แถมซื้อเสร็จก็ไม่มีที่ไว้ ต้องจับมายัดใส่ในตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ

(1 ส.ค. 67) จากเพจ 'ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย' ได้เปิดเผยว่า...

ศูนย์กีฬาอ่อนนุช จัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย 21 รายการ งบ 15,696,600 บาท...

ซื้อเสร็จก็ไม่มีที่ไว้ มายัดไว้ในตู้คอนเทนเนอร์เล็ก ๆ แบบนี้แหละครับท่านผู้ชม…

รายละเอียดแต่ละเครื่องก็อย่างที่เราเคยนำเสนอไปแล้ว ลู่วิ่ง 7.5 แสน ฯลฯ 

ติดตามกันต่อไป..

#สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต 
#ศูนย์ปฏิบัติการSTRONGประเทศไทย
#กองการกีฬา #สำนักวัฒนธรรม #กีฬา และ #การท่องเที่ยว #กรุงเทพมหานคร

‘เพจดัง’ เปิดภาพ ‘ป้ายรถเมล์’ รักษ์สิ่งแวดล้อม แถวช่องนนทรี ชาวเน็ตจวกยับ!! เหตุมีสภาพ ‘แคบ-พื้นผิวไม่เรียบ-ขึ้นลงลำบาก’

(7 ส.ค. 67) กลายเป็นภาพที่สังคมให้ความสนใจ และหยิบยกขึ้นมาถกเถียงในโลกโซเชียลฯ หลังเพจสะท้อนปัญหาทางเท้า อย่าง ‘ฟุตบาทไทยสไตล์’ โพสต์ภาพป้ายหยุดรถโดยสารประจำทาง ที่ถูกนำมาติดตั้งไว้อยู่ในพุ่มไม้ริมฟุตบาท ที่มีสภาพทั้งแคบและพื้นผิวไม่เรียบ ประชาชนเดินทางอย่างลำบาก

โดยระบุว่า “เรื่องใหม่ครับ ฟุตบาท ถนนนราธิวาส #ช่องนนทรี แถวสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ป้ายรถเมล์ที่เพิ่งทำใหม่ เป็นจุดจอดรถเมล์ ป้ายขึ้นลงรถ…ต้องแหวกแนวพรมแดนธรรมชาติ เพื่อขึ้นไปบนฟุตบาทครับ คงเป็นป้ายรถเมล์แบบใหม่รักษ์สิ่งแวดล้อม”

งานนี้หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาแชร์ประสบการณ์ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยกันเพียบ

เพราะป้ายรถเมล์ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนของประชาชน และยังเป็นที่พักพิงสำคัญสำหรับการรอคอยที่แสนยาวนานอีกด้วย การมีป้ายรถเมล์ดี ๆ คือ หนึ่งในความอุ่นใจของผู้ใช้บริการที่จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัย

สำหรับคอมเมนต์บางส่วนนั้น ต่างระบุว่า…

- ตามภาพ+ในเมื่อเป็นสถานที่ป้ายรถเมล์+ให้คนเขายืนรอ เมื่อรถเมล์เข้าจอดเพื่อให้คนรอเขาเดินขึ้นรถ+แต่ขอให้คณะจนท.ที่ทำ+ควรเคลียร์ให้พื้นที่โล่งพอสมควร+เพื่อจะได้ดูดี+และเพื่อความสะดวกของคนที่ยืนรอรถเมล์ด้วย
- สักพักมี​ ปชช.ตามริมฟุตบาทเสียชีวิต ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชนนะงูกัด!
- อยากรู้เหมือนว่า การกำหนดตำแหน่งป้ายรถเมล์ ใครเป็นคนทำ แถว ๆ บ้านก็มีแบบนี้เหมือนกัน มั่วไปหมด ระยะห่างระหว่างป้ายแต่อัน ก็ไม่มีระยะที่แน่นอน เหมือนกับเอาที่xูสบายใจ ตามใจคนปักป้าย

17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางกรุงเทพมหานคร คนร้ายวางระเบิดบริเวณ ‘ศาลท้าวมหาพรหม’ คร่าชีวิต 20 ราย

เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.50 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ในขณะที่เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติ จู่ ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว บริเวณรอบศาลท้าวมหาพรหม หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ แรงระเบิดส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 130 คน และมีผู้เสียชีวิต 20 คน เป็นชาวไทย 6 คน และชาวต่างชาติอีก 14 คน

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนเป้, ชิ้นส่วนลูกเหล็กกลม และชิ้นส่วนของท่อเหล็ก ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นคือ ภาพจากกล้องวงจรปิด ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายใส่เสื้อสีเหลือง

วันต่อมา 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ยังมีระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้งบริเวณท่าเรือย่านสาทร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแกะรอยเพิ่มเติม จนเข้าทำการจับกุม นายอาเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซุฟู ชายชาวอุยกูร์ พร้อมหลักฐาน อาทิ อุปกรณ์ประกอบระเบิด สารเคมีเอทีพี รวมทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ

ในเวลาต่อมา ยังมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกกว่า 17 คน ในจำนวนนั้นมีคนไทยร่วมขบวนการด้วยอยู่สองคน โดยการก่อเหตุรุนแรงถูกเชื่อมโยงไปยังเรื่องการก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ต่อมามีประเด็นเรื่องความขัดแย้งในธุรกิจค้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ปัจจุบัน ผ่านมาแล้วกว่า 9 ปี เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ควรเป็นบทเรียนครั้งสำคัญต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเรื่องการดูแลความปลอดภัย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนต่อไป

‘นักเรียนประถม’ ถูกไฟดูดกลางป้ายรถเมล์ ถนนสุขุมวิท 71 ล่าสุดเอ็นขาด ค่ารักษาเฉียดแสน หลังสะบัดมือไปโดนเหล็ก

(16 ส.ค.67) จากกรณีที่เพจดัง 'อีซ้อขยี้ข่าว3' โพสต์ข้อความระบุว่า "เด็กนักเรียนชายถูกไฟดูดที่เสาแล้วสะบัดมือออกไปโดนเหล็กบาด จนเอ็นขาด บริเวณป้ายรถเมล์ ถนนสุขุมวิท 71 (กรุงเทพฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว )"

ต่อมาพบว่า นักเรียนที่ถูกไฟฟ้าดูดนั้น เป็นเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้น โดยนักเรียนรายนี้ เรียนโรงเรียนอนุบาลชื่อดังในซอยสุขุมวิท 71 ต่อมาทางเพจ 'อีซ้อขยี้ข่าว3' ได้รายงานเพิ่มเติมว่า ป้ายรถเมล์ ถนนสุขุมวิท 71 ลูกชายโดนไฟดูดแล้วสะบัดมือไปโดนเหล็กบาด เอ็นขาด รอเย็บ ค่าใช้จ่าย 85,000 บาท พร้อมทั้งโพสต์ภาพป้ายรถเมล์ พร้อมระบุว่า "ป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุ ไม่ต้องรอให้ตายถึงเป็นข่าวนะคะ"

งานนี้ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์ข้อความออกไปจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้เด็กที่บาดเจ็บปลอดภัย หายไวไวอีกด้วย 

‘บิ๊กป้อม’ เซ็นมอบ ‘วัน อยู่บำรุง’ คุม ‘พลังประชารัฐ กทม.’ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามอุดมการณ์-นโยบายพรรคฯ

(28 ส.ค. 67) มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค พปชร.ที่ 7/2567 เรื่อง มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาว่า เพื่อให้การบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) (จ) จึงขอมอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและการประสานงาน งานกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

'รัฐบาล' มั่นใจ!! สถานการณ์น้ำเหนือรับมือได้ ยืนยัน!! 'กรุงเทพฯ-ภาคกลาง' ยังไม่น่าเป็นห่วง

(29 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัย ประกอบกับในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจประชาชนที่จังหวัดสุโขทัย ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นจะเดินทางไปในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อประชุมที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา และสั่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส ได้รายงานสถานการณ์น้ำเหนือในปัจจุบันว่า สถานการณ์ในแม่น้ำยม ที่จังหวัดสุโขทัย ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ก่อนที่ปริมาณน้ำที่ผ่านจากจังหวัดสุโขทัย จะเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตนก็จะลงไปดูพื้นที่ บริเวณปากน้ำโพในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้รัฐบาล "เอาอยู่"

โดยสิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงก็คือ ปริมาณน้ำเหนือที่จะลงมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็เฝ้าติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอยู่เสมอว่า จะมีน้ำเมื่อไหร่ แต่ปริมาณน้ำ ณ เวลานี้ยืนยันว่า สามารถควบคุมได้ 

ด้านนายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ปัจจุบันนี้เขื่อน และอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ ซึ่งไม่น่ามีความเป็นห่วง แต่รัฐบาลก็พยายามป้องกันเรื่องอุบัติเหตุ เช่น พายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล และภาคกลาง ก็ยืนยันว่าไม่มีความน่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนี้ก็ยืนยันว่า "เอาอยู่ ทั้งหมด" แต่ก็ต้องเตรียมป้องกันเรื่องพายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา โดยในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. จะนำแผนที่ทั้งหมดมาประเมินว่า ตรงไหนยังเป็นจุดบอดอยู่ และให้ดาวเทียมถ่ายภาพไว้ทั้งหมด เพื่อมาประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งจะสามารถสั่งการ และบัญชาการที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัยได้ทันที เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์อำนวยการส่วนหน้า 

เมื่อถามถึงอุปสรรคการเป็นรัฐบาลรักษาการ จะส่งผลต่อการช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะงบประมาณ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่เป็นรัฐบาลโดยตรง เพราะ เป็นการพ้นตำแหน่งเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และสามารถอนุมัติงบประมาณกลางได้ทันที หากพบเจอปัญหา ซึ่งขณะนี้ได้วางงบฯ ไว้ทุกภาคส่วนแล้ว และผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมีงบประมาณจังหวัดละ 20 ล้านบาท หลังรัฐบาลประกาศเป็นภาวะภัยพิบัติ อีกทั้งยังมีเงินอยู่อีกก้อนหนึ่งที่รองนายกรัฐมนตรีดูแลอยู่ 

ทั้งนี้ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถเซ็นอนุมัติงบประมาณกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติได้ 

ส่อง ‘ชัชชาติ’ เลกเชอร์ระบบระบายน้ำ กทม. เตรียมรับ ‘น้อนน้ำ’ ย้ำ น้ำเหนือ-น้ำหนุน ไม่น่ากังวลแต่ไม่ประมาท ปิดครบจุดอ่อนริมเจ้าพระยา

เมื่อวันที่ (2 ต.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวรายงานการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำของกรุงเทพมหานคร แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ กรมชลประทานปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครต้องรับมือกับ 3 น้ำ คือ น้ำเหนือ น้ำหนุน และน้ำฝน สำหรับน้ำเหนือและน้ำหนุนจะอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก ปัจจุบันน้ำเหนือเราจะดูที่สถานีจุดวัดน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยวันนี้ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,818 ลบ.ม./วินาที ระดับเตือนภัยอยู่ที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที วิกฤตอยู่ที่ 3,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งยังเหลืออีกเยอะ 

ด้านน้ำทะเลหนุนสุงสุดจากนี้จะเป็นวันที่ 20 ตุลาคม สำหรับการป้องกันน้ำเหนือและน้ำหนุนของกรุงเทพฯ เรามีเขื่อนตลอดแนวเจ้าพระยายาว 88 กม. และเข้าไปในคลองทวีวัฒนา พระโขนง และมหาสวัสดิ์ โดยความสูงเขื่อนไล่ตามระดับน้ำจากทางด้านเหนือ +3.5 เมตร และด้านล่าง +3 เมตร เพราะด้านล่างน้ำน้อยกว่า 

โดยตลอดแนวแม่น้ำเจ้าพระยามีจุดอ่อนน้ำท่วม 120 จุด ปัจจุบันแก้ไปแล้ว 64 จุด ที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดและมีการเสริมกระสอบทรายป้องกันไว้ ซึ่งเรามั่นใจว่าเขื่อนแนวริมเจ้าพระยามีคุณภาพ คาดว่าปีนี้น้ำเหนือและน้ำหนุนไม่น่ากังวลแต่เราก็ไม่ประมาท

นายชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือน้ำฝน ซึ่งฝนที่ตกในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่แล้วไหลลงสู่เจ้าพระยาโดยมาจากคลองย่อยสู่คลองหลัก หรือจากอุโมงค์ระบายน้ำซึ่งเรามี 4 จุด ยาวรวม 20 กม. แต่ปัญหาการระบายน้ำหลัก ๆ คือเส้นเลือดฝอย ที่ผ่านมาเราลอกท่อไปแล้ว 5,000 กม. และคลองหลัก 200 กม. เปิดทางน้ำไหล 2,000 กม. จึงทำให้โดยรวมน้ำไหลได้ดีขึ้น แต่ปริมาณฝนปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนภาพรวมยังน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าเดือนตุลาคมฝนจะตกมากขึ้น ซึ่ง กทม. พร้อมรับมือเพราะเตรียมการมาโดยตลอดและร่วมบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน แจ้งว่าปริมาณน้ำผ่านจุดสำคัญ ได้แก่ 
1.สถานีจุดวัดน้ำ จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,383 ลบ.ม./วินาที โดยปริมาณน้ำไหลผ่านที่เฝ้าระวัง อยู่ที่ 3,660 ลบ.ม./วินาที

2.จุดวัดน้ำบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,150 ลบ.ม./วินาที โดยปริมาณน้ำไหลผ่านที่เฝ้าระวัง อยู่ที่ 2,730 ลบ.ม./วินาที

3.สถานีจุดวัดน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,865 ลบ.ม./วินาที โดยปริมาณน้ำไหลผ่านที่เฝ้าระวัง อยู่ที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที

สทนช. ออกประกาศเตือนคน 3 ลุ่มน้ำ เจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง เฝ้าระวังน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุน-น้ำเหนือไหลบ่า พื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด

(7 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ประกาศให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 13 – 24 ตุลาคม 2567

เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมวลน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น 

มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) 

จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top