Saturday, 7 June 2025
กรุงเทพมหานคร

เพจเฟซบุ๊ก ‘กทม.’ โพสต์รูประบุข้อความ ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ด้านเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ช็อตแรง!! ‘หนี้ยังใช้ไม่หมด’

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘กรุงเทพมหานคร’ โพสต์ข้อความพร้อมรูปประกอบ เรื่องการใช้งาน ‘ฟอนต์ Sao Chingcha’ พร้อมรูปที่นำมาโพสต์ประกอบมีข้อความต่าง ๆ ที่ระบุเป็นนโยบายที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และคณะ ได้ทำมา 2 ปี ของการดำรงตำแหน่ง เช่น ไล่ออกข้าราชการทุจริต 29 ราย, มีสวน 15 นาทีใกล้บ้าน 100+ แห่ง, มี Pride Clinic 31 แห่ง, ปลูกต้นไม้แล้ว 9.4 แสนต้น, ฟองดูว์แก้แล้ว 4.7 แสนเรื่อง, ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV ฟรี, แจกผ้าอนามัยฟรี 341 โรงเรียน

ซึ่งหนึ่งในรูปที่นำมาโพสต์นั้นมีข้อความระบุว่า ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ต่อมาทางเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ได้แชร์รูปนั้นพร้อมข้อความประกอบว่า

‘หนี้ยังไม่หมดนะครั้บบบผม😁😆😅😂 #หยอกน๊าคุณน้าา’

ทั้งนี้ชาวโซเชียลได้เมนต์แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘แรงมากก’ / ‘แรงเกินคุณน้า5555’ / ‘ช๊อตแรงจัด’

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อย้อนกลับไปวันที่ 4 เมษายน 2567 นายชัชชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า การชำระหนี้ให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ในงานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้า และเครื่องกล หรือ E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ก็ถือว่า มีการกลั่นกรองอย่างละเอียด โดยสภา กทม.มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาจนออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร รวมถึงตนยังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่จะมีการจ่ายเงิน เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน

‘ก็หวังว่า จะสร้างความมั่นใจ จริง ๆ แล้วภาคเอกชนมีความสำคัญในการพัฒนาเมือง อนาคตจะมีผู้มาลงทุนทำโครงการต่าง ๆ เพราะงบประมาณของ กทม.อาจจะไม่เพียงพอ การสร้างความร่วมมือ การสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เป็นเรื่องสำคัญ’ นายชัชชาติกล่าว

โดยจำนวนเงินที่ชำระคืนให้กับบีทีเอส เป็นจำนวน 23,312,577,476.49 บาท

ทั้งนี้ ยังเหลือการชำระหนี้อีก 1 ก้อนคือ ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ ค่า O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่ - คูคต) ที่ทางบีทีเอสซีได้ยื่นฟ้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นศาลปกครองสูงสุด วงเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย

โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การฟ้องครั้งที่ 1 วงเงิน 11,755.06 ล้านบาท ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม. และเคที ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับบีทีเอสซี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ส่วนการฟ้องครั้งที่ 2 วงเงิน 11,068.5 ล้านบาท ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565

นอกจากนี้ กทม.อยู่ระหว่างดำเนินการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สิน ในส่วนของงานโครงสร้างพื้นฐาน หรืองานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงินรวม 65,307.08 ล้านบาท แบ่งเป็น ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 20,967.48 ล้านบาท และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 44,339.60 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือน พ.ย. 2561ที่กำหนดให้ กทม.รับโอนทั้งหนี้สินและทรัพย์สินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้ทางบัญชี และเป็นหนี้ระหว่างรัฐกับรัฐ มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ

โดยนายชัชชาติเคยออกมาระบุว่า ได้ทำหนังสือตอบกลับกระทรวงมหาดไทย ขอให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ สนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐานกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท

‘นิด้าโพล’ เผย ‘คนกรุงเทพฯ’ พอใจผลงานของ ‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ ชี้!! หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ก็ยังกาให้ทำหน้าที่ต่อไป

(2 มิ.ย.67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

2. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ตัวอย่าง ร้อยละ 45.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

3. การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

4. การสนับสนุนการกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 41.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 9.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย

5. การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่าง ร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.25 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

6. การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่าง ร้อยละ 46.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.85 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.20 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

7. การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 22.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.05 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

8. การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.35 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.15 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.25 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

9. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่าง ร้อยละ 37.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 4.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

10. การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.90 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 9.75 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

11. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.80 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.40 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

12. การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 41.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

13. การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่าง ร้อยละ 36.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 11.80 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 11.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

14. การแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 30.95 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 27.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 18.35 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 12.85 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 10.50 ระบุว่า ดีมาก

15. การจัดระเบียบคนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.70 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 33.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 10.35 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

16. การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่าง ร้อยละ 37.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 34.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 9.00 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 1.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

17. การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่าง ร้อยละ 38.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี รองลงมา ร้อยละ 24.70 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 24.55 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 7.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 4.90 ระบุว่า ดีมาก

ด้านความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.25 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 20.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.45 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.75 ระบุว่า เลือก รองลงมา ร้อยละ 34.50 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 21.35 ระบุว่า ไม่เลือก และร้อยละ 0.40 ระบุว่า ไม่ตอบ

'กทม.' ซื้อเครื่องออกกำลังกายป้อน 2 ศูนย์ แตะ 10 ล้าน โซเชียลข้องใจ!! เทียบราคาตลาดแล้ว ต่างกันสูงมาก

เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย’ โพสต์บทความหัวข้อ ‘กทม.จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายเครื่องละ 4 แสน’ โดยระบุว่า…

"เครือข่าย STRONG ต้านทุจริตประเทศไทยพบเห็นความผิดปกติในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ส่อแพงจริงภายในศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ และศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ รวมกัน 2 ที่ เกือบ 10 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นที่ศูนย์วารีภิรมย์ 4,999,990 บาท จัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย 11 รายการ ดังนี้

1. อุปกรณ์ลู่วิ่งไฟฟ้า 1 เครื่อง 759,000 บาท
2. จักรยานนั่งเอนปั่นแบบมีพนักพิง 1 เครื่อง 483,000 บาท
3. จักรยานนั่งปั่นแบบนั่งตรง 2 เครื่อง เครื่องละ 451,000 บาท
4. อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้า 1 เครื่อง 466,000 บาท
5. อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อขาด้านหน้าและขาด้านหลัง 1 เครื่อง 477,500 บาท
6. อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อห้วงไหล่ อก และหลังแขน 1 เครื่อง 483,000 บาท
7. อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้ออเนกประสงค์ 1 เครื่อง 652,000 บาท
8. ชุดดัมบ์เบลพร้อมชั้นวาง 1 เครื่อง 276,000 บาท
9. อุปกรณ์บาร์โหนฝึกกล้ามเนื้ออเนกประสงค์ 1 เครื่อง 302,490 บาท
10. เก้าอี้ฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง 1 เครื่อง 103,000 บาท
11. เก้าอี้ฝึกดัมบ์เบลแบบปรับระดับได้ 1 เครื่อง 96,000 บาท

และอีกที่คือ ศูนย์วชิรเบญจทัศ 4,998,800 บาท 11 รายการ ราคาสูงผิดปกติเช่นกัน

รายการเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่ กทม.จัดซื้อ เมื่อเทียบกับราคาตลาดแล้ว ราคาช่างแตกต่างกันสูงมาก เช่น เก้าอี้ฝึกดัมบ์เบลแบบปรับระดับได้ ราคาตลาดเกรดดี ไม่เกิน 3 หมื่นบาท แต่ กทม.จัดซื้อ 96,000 บาท งานนี้ส่วนต่างเพียบ..

เมื่อลองขุดลึก ๆ ลงไปอีกพบว่าเฉพาะปี 2567 กทม.จัดซื้อครุภัณฑ์เครื่องออกกำลังกายกว่า 9 โครงการ ด้วยงบประมาณกว่า 77.73 ล้านบาท ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่อแพงเกินจริงเหล่านี้ทำให้รัฐสูญเสียเงินไปอย่างสิ้นเปลือง ต้องตรวจแบบเข้ม ๆ อย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ เพจดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า แข่งกัน 2 เจ้า เวลาบิด (ประมูล) ห่างกัน 700 บาท ต่ำกว่าราคากลางแค่ 1,190 บาท ส่วนศูนย์นันทนาการฯ โครงการนี้เกือบ 18 ล้าน แต่ละรายการวิ่งไปบนฟ้าได้เลย ราคาน่าสงสัยมาก ๆ สตง.จะว่าอย่างไรบ้าง

‘ชัชชาติ’ สั่งสอบปม ‘ซื้อเครื่องออกกำลังกาย’ แพงเกินเหตุ ลั่น!! ผิดเป็นผิด หากพบทุจริตพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย

(6 มิ.ย.67) จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย เปิดเผยถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของ กทม. โดยพบเห็นความผิดปกติในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ส่อแพงจริง โดยเป็นการจัดซื้อของ ศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ และศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ รวมกัน 2 ที่เกือบ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ศูนย์วารีภิรมย์ 4,999,990 บาท และ ศูนย์วชิรเบญจทัศ วงเงิน 4,998,800 บาทนั้น

ที่ศาลาว่าการกทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. และนายต่อภัสร์ ยมนาค ผู้พัฒนาระบบ actai.co แถลงกระบวนการตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในศูนย์กีฬาฯ

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ทราบเรื่องการถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการจัดซื้อที่มีความผิดปกติจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว จากการสุ่มตรวจของ สตง. ซึ่งยอมรับว่าจากข้อมูลบางส่วนพบการจัดซื้อมีราคาสูงกว่าท้องตลาด แต่ขั้นตอนทางฝ่ายสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม.ชี้แจงว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 มีการทำ TOR ผ่านขบวนการ e-bidding เรียบร้อยแล้ว

การจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ให้อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในการอนุมัติวงเงินแตกต่างกันไปตามลำดับตำแหน่ง ผู้บริหารกทม.ไม่สามารถเข้าไปสั่งการนอกเหนือ พ.ร.บ.กำหนดไว้ได้ และยืนยันฝ่ายบริหาร กทม.ไม่เคยสั่งการให้ทุจริต

ทั้งนี้ กรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการป้องกันการทุจริต ตรวจสอบและรายงานข้อมูล ให้ สตง.รับทราบแล้ว ถ้าตรวจสอบพบคนที่กระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เราเอาจริงเอาจัง ไม่ยอมรับต่อการทำผิด ข้อมูลที่ออกมาเชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้ หากราคาเกินไป อธิบายไม่ได้ คงต้องมีคนรับผิดชอบ

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า โครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายดังกล่าว คณะกรรมการได้ตรวจรับมาแล้ว จึงไม่อยากให้โทษผู้ว่าฯ คนเก่า ไม่เกี่ยวกับโครงการเก่า เป็นโครงการในสมัยนี้ มีบางโครงการที่ถูกตัด จึงต้องใส่โครงการใหม่เพิ่มตามงบประมาณ การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายมีมานานแล้ว หลายผู้ว่าฯ ราคาอาจจะอ้างอิงมาจากสมัยก่อน แต่การซื้ออยู่ในงบประมาณที่เราอนุมัติ ดังนั้น จึงไปโทษคนอื่นไม่ได้

ส่วนราคาเครื่องออกกำลังกายแพงหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ อาจเป็นการชี้นำ หากเกิดข้อสงสัย ต้องมีการตรวจสอบและชี้แจง และจะขยายการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ในระดับโครงสร้างเพื่อให้โครงการอื่นมีความโปร่งใส เนื่องจากปัญหาทุจริตมีมานานและฝังรากลึก

“ผมไม่กลัว เพราะไม่เคยสั่งให้ทำอะไรผิด ไม่เคยบอกให้ทำอะไรไม่ดี เรายินดีให้ตรวจสอบ ผมยืนแก้ผ้าให้ดูได้เลย เพราะไม่เคยกลัว ผิดก็ต้องผิด เพราะไม่เคยสั่งให้ทำผิด เราไม่กลัวที่จะไปสอบทุกคน ฝ่ายบริหารยืนยันว่าไม่เคยไปสั่งให้ทำไม่ดี เราเน้นความโปร่งใส” นายชัชชาติ กล่าว

ด้านนายศานนท์ กล่าวว่า เรื่องการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในศูนย์กีฬาฯ มีการจัดซื้อจัดจ้างมาตั้งแต่เดือน มี.ค.65 ก่อนที่ผู้บริหาร กทม.ชุดนี้จะเข้ามา ราคาประมาณ 600,000 บาท ตลอดจนปี 66 และ 67 มีการจัดซื้อ และมาเกิดเรื่องตามข่าวในปี 67

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวและโครงการอื่น ๆ มีรายละเอียดจำนวนมาก จำเป็นต้องช่วยกันตรวจสอบหลายฝ่าย โดยในปี 2568 กทม.มีแผนจัดทำร่างโครงการ Open Bangkok โดยร่วมกับ https://actai.co เพื่อสามารถตรวจสอบได้ทั่วถึง ให้ทุกโครงการ ตรวจสอบได้ เช่น หากพบการเสนอราคาต่ำเกินกว่า 40% ประชาชนสามารถร้องเรียนเพื่อตรวจสอบได้

ขณะที่นายต่อภัสร์ กล่าวว่า เว็บไซต์ actai.co เป็นการเชื่อมข้อมูลกับกรมบัญชีกลาง เพื่อเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ทั้งหมดโดยละเอียด เช่น สัญญา งบประมาณ ประวัติผู้เสนอราคา สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ 5 ปี เมื่อประชาชนเข้าไปค้นหาและรับทราบข้อมูลแล้วพบว่ามีความเสี่ยง สามารถนำข้อมูลไปร้องเรียนเพื่อการตรวจสอบต่อไปได้ โดยเว็บไซต์ดังกล่าว เป็นเพียงการนำเสนอ เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนเท่านั้น ในอนาคตอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพย์สินนักการเมืองเพิ่มเติม

นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบัน สตง. สุ่มตรวจโครงการของ กทม. ซึ่ง กทม.ให้ข้อมูลทั้งหมด 9 โครงการที่มีการตรวจสอบซึ่งอยู่ในส่วนของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) ซึ่ง กทม.พร้อมให้ความร่วมมือ ส่วนผลการตรวจสอบเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยการป้องปรามการกระทำทุจริตได้เน้นย้ำตามนโยบายของผู้ว่าฯ มาตลอด

‘ชัชชาติ’ ฮึ่ม!! รับไม่ได้เกิดเรื่องทุจริต พ้อ!! ความดีที่ทำสะสมมาไม่เหลือเลย

(11 มิ.ย. 67) เพจเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร เปิดเผยคลิปวิดีโอ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 โดยนายชัชชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า 

“อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์ที่ไม่ดี ชีวิตตนทำงานมาก็ไม่เคยเจอเรื่องนี้ เพราะชีวิตตนไม่เคยมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรายืนอยู่ตรงนี้ได้ ที่ตนมาเป็นผู้ว่าฯ เป็นรัฐมนตรี และเป็นหลายตำแหน่งในชีวิตได้ ก็เพราะเราไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงาน ตนว่าเรื่องความไว้วางใจคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ถ้าเราไม่มีความไว้วางใจ เราทำงานไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นนี่คือเรื่องใหญ่ ขอให้ทุกคนตระหนักไว้ด้วย เรื่องนี้ถ้ามีปัญหาตนรับไม่ได้ เรื่องทุจริต ไม่โปร่งใส”

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า “ขอยืนยันผู้บริหารชุดนี้ไม่มีเรื่องพวกนี้ ถ้าใครจะไปอ้างตน หรือผู้บริหารทั้งหลาย ให้มาบอกเลย ไม่เช่นนั้นตนยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ความดีที่ทำมาทั้งหมดไม่เหลือเลย ตนไม่ได้แคร์ชื่อตนหรอก แต่ตนเป็นตัวแทนองค์กรของ กทม. ตนว่าเรื่องนี้ต้องจริงจัง ท่านรองปลัดทุกท่าน ปลัด ผู้บริหาร ชีวิตเราอยู่ได้ด้วยความไว้วางใจ ไม่ว่าเราจะอยู่ในตำแหน่งในก็ตาม ความไว้วางใจมาพร้อมกัน 2 เรื่อง คือความเก่งงาน และความเป็นตัวตน ฉะนั้นต้องเก่งและดี เราเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ คนเก่งแต่ไม่ดี ก็ไม่ได้ คนไม่เก่งแต่ดีก็ไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้นต้องทั้งเก่งและดี ดังนั้นตนฝากขอให้รักษาเรื่องความไว้วางใจเท่าชีวิต”

'เพจดัง' แฉ!! ศูนย์กีฬา กทม. ซื้อจักรยานเป็ดน้อยแพงกว่าราคาตลาด สั่งซื้อ 75 ตัว ตัวละ 33,000 เป็นเงินรวม 2.4 ล้านบาท

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ 'ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย' ได้นำเสนอประเด็น กรุงเทพมหานคร มีการจัดซื้อจักรยานเป็ดน้ำจำนวน 15 ลำ วงเงิน 495,000 บาท ตกตัวละ 33,000 บาท ไว้ที่ศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ แต่เมื่อเทียบกับราคาตลาดทั่วไปห่างกันถึงหลักหมื่นเพราะราคาตลาดอยู่ที่ 20,000-22,000 บาทเท่านั้น

รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม...
ซื้อจักรยานน้ำ (ไฟเบอร์กลาส) 2 ที่นั่ง จำนวน 15 ลำ โดยวิธีเฉพาะเจาะจงเลขที่โครงการ : 67029182192 ราคากลาง : 427,500.00 บาท วงเงินงบประมาณ : 427,500.00 บาท ราคาที่ตกลงซื้อ/จ้าง : 427,500.00 บาท

ขณะที่ เพจ 'ต้องแฉ' ได้เสริมข้อมูลในประเด็นนี้ด้วยว่า...

ก้าบ ๆ ๆ จ๊าบไหมครับ จักรยานเป็ดน้ำ 75 ตัว ตัวละ 33,000 บาท รวม 2.4 ล้านบาท !

พอขุดข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างใน ACT Ai เพิ่มเติม พบว่าตั้งแต่ปี 66-67 กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ของกรุงเทพมหานคร ได้ซื้อจักรยานน้ำ (ไฟเบอร์กลาส) 2 ที่นั่ง มาแล้ว 5 สัญญา จำนวน 75 ลำ วงเงินรวมกว่า 2,475,000 บาท ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงกับ บริษัท ไอ คอมเมิร์ซ จำกัด ซึ่งเคยเป็นบริษัทคู่เทียบที่มีพฤติกรรมเสนอราคาเท่ากับราคากลางเป๊ะๆ ในโครงการจัดเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งเมื่อปี 65 อีกด้วย (คลิกดู https://tinyurl.com/2apmyx5p) 

อยากรู้เหมือนกันว่ามีความจำเป็นอะไรที่ทำให้หน่วยงานต้องจัดซื้อด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ? และอยากรู้ว่าน้อนเป็ดที่เหลือไปอยู่ตามศูนย์กีฬาไหนบ้างใน กทม. เพราะไม่มีเปิดเผยรายละเอียดไว้ในสัญญาที่ใช้วิธีการจัดหาแบบเฉพาะเจาะจง ยังไงฝากชาวต้องฉลองไปใช้บริการและชี้จุดบอกแอดที ส่วนเรื่องราคาของน้อนนนเป็ดน้ำคิดเห็นกันอย่างไรมาพูดคุยกันต่อในคอมเมนต์ #ต้องแฉ

‘กทม.’ โชว์ผลงาน 2 ปี ‘ทราฟฟี่ ฟองดูว์’ แก้ปัญหาคนกรุงฯ 79% ชาวเน็ตถามกลับ “แก้ได้ตรงจุด ปัญหาไม่เกิดซ้ำกี่เปอร์เซ็นต์?”

(26 มิ.ย. 67) กรุงเทพมหานคร ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์ว่า "หลังจากเปิดการใช้งานมาแล้วกว่า 2 ปี วันนี้ ทราฟฟี่ ฟองดูว์ เปลี่ยนชีวิตของชาวกรุงเทพฯ ไปอย่างไรบ้าง?”

1. ดีขึ้น
- ทราฟฟี่ ฟองดูว์ เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถแจ้งเรื่องได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแพลตฟอร์ม ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนการแจ้งเรื่องนอกเวลาราชการ เพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 เท่า หรือคิดเป็น 345,975 เรื่อง

2. ลาขาดความเชื่องช้าของการแก้ปัญหา
- ทราฟฟี่ ฟองดูว์ ช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเร็วขึ้น 31 เท่า หรือใช้เวลาแก้ปัญหาเฉลี่ย 2 วัน
- ใช้เวลาแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้น ลดลง 97% จากเดิม ในเดือน มิ.ย. 65 ใช้เวลาราว ๆ 1,375 ชั่วโมง หรือเกือบ 2 เดือน เหลือเวลาแก้ไขปัญหาเพียง 45 ชั่วโมง หรือ 2 วัน ในเดือน พ.ค. 67

3. แก้ไขปัญหาตรงจุด
- นับจากการเริ่มใช้งาน ทราฟฟี่ ฟองดูว์ ในกรุงเทพมหานคร มีจำนวนเรื่องกว่า 588,842 เรื่อง
- ทราฟฟี่ ฟองดูว์ สามารถช่วยแก้ปัญหาไปแล้วมากกว่า 465,291 เรื่อง หรือ 79% ของจำนวนเรื่องที่แจ้งทั้งหมด

ปรากฏว่ามีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นถึงประสิทธิภาพการให้บริการทราฟฟี่ ฟองดูว์ บ้างก็วิจารณ์ถึงการบริหารงานของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน อาทิ

"แรก ๆ ดีมากค่ะ หลัง ๆ ส่งต่อ ฝ่ายที่ได้รับ เงียบบอกหาที่ไม่เจอบ้าง ส่งพิกัดไปใหม่ก็เงียบ ส่วนที่แก้ไปแล้ว ก็กลับมาพังอีก เหมือนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปไม่ถาวรค่ะ"

"จุดที่แจ้งสภาพยังเหมือนเดิม"

"ถ้านับว่าการตอบว่า "เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน...ได้ส่งเรื่องต่อให้แล้ว" เป็นการแก้ปัญหาแล้ว ก็เอาที่สบายใจนะ"

"ใช้ประจำครับ เรื่องที่ไวคือ ขยะข้างทาง ทางเท้าชำรุด ไฟดับ หาบเร่กินทางเท้า บางเรื่องที่นาน เช่น ถนน หรือสายไฟ คืออะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ตรง ๆ จะช้า แต่เข้าใจเลย คนที่เข้าใจว่าอะไร ๆ ก็ กทม. ต้องทำ ก็จะไม่เข้าใจต่อไป เพราะเขาไม่ได้คิดจะเข้าใจ หรือลงมือช่วยทำเพื่อการเปลี่ยนแปลง ผมก็ส่งตลอด ไม่ได้สำเร็จทุกเรื่อง แต่เราช่วยแจ้งและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นะ บางคนก็แจ้งปัญหาแบบบ่น หรือสเกลใหญ่มาก ซึ่งเกินขอบเขตหน่วยย่อยหน่วยเดียว ปัญหาที่เหมาะคือปัญหาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ คน มีงบ รอนั่นละครับ อันไหน เป็น GAP คือ คนแจ้งแล้วปิดไม่ได้ก็วิเคราะห์แล้วก็จัดการไปเรื่อย ๆ "

"เคยแจ้งจนระอาทุกวันนี้คือ ทางเท้าน้ำดีดไม่ดีดแล้วกระเบื้องแตกน้ำขังเป็นปลักโคลน ขยะสะสมบนและข้างทางเท้าจนเปื่อยรอวันลอยไปกับน้ำรอการระบาย สวนหย่อมกลายเป็นทุ่งหญ้าพลิ้วไหวไปกับควันท่อไอเสีย ฝนมาพากันออกกำลังกิจกรรมเข้าจังหวะวิ่งหลบน้ำบนถนนที่สาดมาเวลารถวิ่งผ่าน ฮึบ ๆ ป้ายรถเมล์และใต้สะพานเป็นที่นอนถาวรคนจรจัด"

"หลาย ๆ อย่างที่แก้ไปแล้วคือไม่ได้แก้ โยธาห้วยขวางนี่ดองเรื่อง 6 เดือนแล้วแอบแปะว่าแก้แล้ว ระบบที่ไม่มีคนตาม ไม่ได้วัดผล และไม่มีคนตรวจสอบว่าที่แก้ไปแล้วแก้จริงมั้ย"

"ช่วยหน่อยค่ะ ตั้งเเต่เดือน 1 กราฟิกไม่เคลื่อนไหวเลย 6 เดือนละค่า"

"หลัง ๆ เริ่มเกินเวลา ถามอัปเดตไม่มีใครตอบอีก"

"แน่ใจนะคะ ถ้าแจ้งแล้วแค่ถ่ายรูป ว่าจัดการแล้ว แต่ปัญหายังเกิดเหมือนเดิมถือว่ายังไม่ได้แก้ค่ะ"

"แจ้งฟองดูว์ก่อนเกิดเรื่องตกท่อตายที่ลาดพร้าว รวมในผลงานด้วยไหมครับ"

"เน้นจำนวนไม่เน้นคุณภาพ"

"แก้ปัญหาที่ปัญหามีเท่าเดิม เรื่องหลัก ๆ ก็เหมือนเดิม เลขโง่ ๆ ใครก็ใส่ให้เยอะได้ แต่หลักฐานมันก็ไม่เปลี่ยน"

"แจ้งไป 2 ปีที่แล้ว ฟองดูไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยค่ะ มีรูปถ่ายพร้อม สถานที่ชัด แต่"

"79% แก้ตรงจุด ปัญหาไม่เกิดซ้ำกี่เปอร์เซ็นต์ครับ"

"หลายเรื่องได้รับการแก้ไข แต่ปัญหากลับมาเหมือนเดิมหลังจากนั้น 3 วัน อันนี้ถือว่าได้รับการแก้ไขมั้ย"

"อย่าอวยตัวเองน่า บางงานเป็นปีแล้วยังไม่มีคนตาม ไม่มีคนทำ กทม.มีตรงไหนดีขึ้น?? ฟุตบาท ทางข้าม จราจร เหมือนเดิม แย่ลงก็มีอีกเยอะ อะที่ดีขึ้นก็มีบ้างนิดนึงแล้วกัน เช่นทาสี ไฟฟุตบาท แค่นี้"

"แรก ๆ พอส่งเรื่องต่อคนรับผิดชอบดีมาก แต่หลัง ๆ คงทำงานเช้าชามเย็นชามเหมือนแต่ก่อน แอปไม่ผิดแต่ผิดที่เจ้าหน้าที่คนที่ต้องรับผิดชอบงานไม่ทำหน้าที่ไม่แก้ไขปัญหาค่ะ"

"บางหน่วยงานทำงานไวมาก ดีมาก เช่น เขตดินแดงส่วนที่รับผิดชอบเรื่องความสะอาด เต็มสิบไม่หัก บางหน่วยงานกดปิดงานแบบดื้อ ๆ เลยค่ะ (รายงานเกี่ยวกับพื้นถนนในซอย/ไฟส่องทางตรงพระราม 9) "

"ตอนแรก ๆ เราชอบ platform กับหน่วยงานใน กทม. พอตอนหลัง ๆ มีเยอะมากขึ้น ดังนั้นการส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบและการตามงานมันยากกว่าเดิม สำหรับบางเขต ส่งปัญหาไป แก้ปัญหาโดยการแค่ฟังคำแก้ตัวแล้วบอกปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว บางเขตก็แก้ไขจริง ๆ แต่พอต้องดีลกับหน่วยงานอื่นมักเชื่อแค่คำชี้แจงโดยไม่ดูหลักฐานจากประชาชน"

"ยังมีเรื่องค้างเติ่งที่หน่วยงานแก้ไขให้ไม่ได้ แถมยังขอจบเรื่องเองโดยที่ไม่ทำการแก้ไข ขอฝากไว้ด้วยนะคะ"

"รถติด น้ำท่วม ปัญหาหลัก ทำไมไม่แก้ แก้แต่ปัญหาเล็ก ๆ แล้วชมตัวเองว่าทำงานได้ดี "

"เปลี่ยนชีวิตหลายคนให้ร่ำรวยขึ้นจากการขายเครื่องออกกำลังกายได้ราคาแพงกว่าปกติหลายเท่า (ผลสอบหาคนผิดยังไม่มีเลย 20 กว่าวันแล้ว) "

"ว่าแล้ว เวลามีเรื่องแย่ ๆ ของ กทม. โดยเฉพาะกับผู้ว่า ก็จะต้องมีการทำโพลหรือทำตัวเลขออกมาให้ดูว่ามีความพึงพอใจ หรือมีผลงาน ... ว่าแต่เรื่องลู่วิ่งนี่ผลสอบออกมารึยังนะ"

"เหมือนเดิมครับ อะไรที่คิดว่าจะแก้ไขให้ดี ก็เหมือนแก้ไข ผ่าน ๆ ไป"

"สงสัย หน้าที่ที่ต้องทำประจำในทุก ๆ วัน นับรวมด้วยหรือ"

"ถ้ารับตำแหน่งกับวิ่งในสวนเป็นผลงาน ก็ไม่แปลกที่ผลงานจะเยอะขนาดนั้น"

"ส่วนปัญหาที่ด่าอัศวินไว้ยังแก้ไม่ได้สักอัน"

"พอเถอะ ศึกษามา 2 ปี ฝึกงานอีก 4 ปี พอเสร็จแล้วจะไปไหนก็ไปนะครับ"

‘เพจดัง’ อัปเดต!! งบจัดซื้อจัดจ้าง ‘ทุ่นลอยน้ำ’ กทม.แพงเกินจริง โป๊ะ!! ผู้จัดซื้อเจ้าเดิมได้งาน พร้อมส่วนต่างแพงกว่าตลาดครึ่ง

(3 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย’ โพสต์ภาพทุ่นลอยน้ำกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2.5 ล้าน ระบุว่า…

ทุ่นลอยน้ำ กทม. 2.5 ล้าน แพงเกินครึ่ง

ตามกันต่อส่อพิรุธจัดซื้อจัดจ้างแพงเกินจริงของ กรุงเทพมหานคร ล่าสุดพบเจอความผิดปกติกรณีจัดซื้อจัดจ้างทุ่นลอยน้ำ บริเวณสวนลุมฯ และสวนเบญจกิติ

สืบเสาะข้อมูลพบว่าชื่อโครงการซื้อทุ่นลอยน้ำพร้อมอุปกรณ์ยึดต่อสำหรับเทียบเรือ จำนวน 2 ชุด โดยวิธีคัดเลือก หน่วยงาน กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ราคากลาง 5,000,000 บาท ราคาจ้าง 4,998,000 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 2,000 บาท

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าติดตั้งจำนวน 2 จุด มีขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 7.5 เมตร และทางกว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร คำนวนคร่าว ๆ ประมาณ 160 ตร.ม. จากการสืบราคาตลาดพบว่าราคาทุ่นเทียบเรือรุ่นดังกล่าว อยู่ที่ ตร.ม. ละ 5-7 พันบาท ก็ราว ๆ ล้านนิด ๆ แต่ กทม.จัดซื้อ 2.5 ล้านต่อจุด งานนี้คำนวนส่วนต่างครึ่ง ๆ

เมื่อดูในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐฯ พบว่าโครงการฯ นี้ ใช้วิธีการคัดเลือก แทนที่จะต้องใช้วิธีการประมูลแบบอีบิดดิ้ง ตามระเบียบฯ กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department มีเอกชน 3 ราย ยื่นซองเสนอราคา คือ

1. บริษัท ไอ คอมเมิร์ซ จำกัด เสนอราคา 5,300,000 บาท

2. บริษัท วาล็อค สปอร์ต อีควิปเม้นท์ จำกัด เสนอราคา 4,998,000 บาท

3. บริษัท ทรี สปอร์ตฟลอริ่ง จำกัด เสนอราคา 5,500,000 บาท

บริษัท วาล็อค สปอร์ต อีควิปเม้นท์ จำกัด ที่จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพง ๆ เสนอราคาต่ำสุดได้รับงานไป ส่วนรายอื่น ๆ เสนอราคาสูงกว่าราคากลาง แต่ กทม. ไม่เอา ทั้งนี้จากการตั้งข้อสังเกตในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบแต่ชื่อไฟล์ แต่ไม่มีข้อมูล ซึ่งตามระบบแล้วจะต้องอัพเดทเข้าไปในระบบ

อีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า "ทุ่นลอยน้ำสวนรถไฟ ส่วนต่างครึ่ง ๆ เจออีก…ทุ่นลอยน้ำ กทม.ที่สวนรถไฟจัดซื้อส่อแพงเกินจริง ชื่อโครงการจัดซื้อทุ่นลอยน้ำพร้อมอุปกรณ์ยึดต่อสำหรับเทียบเรือ ขนาดไม่น้อยกว่า 46 ตารางเมตร (ศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง งบประมาณ 495,000 บาท หน่วยงานที่จัดซื้อ กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สืบราคาตลาดรวมหมุดสกรูแล้วตก ตร.ม.ละ 5,400 บาท คำนวนคร่าว ๆ คูณด้วย 46 ตร.ม. เป็นเงิน 248,400 บาท แต่ กรุงเทพมหานคร เบิก 495,000 ไม่มีลดสักบาท...ครึ่ง ๆ แบบนี้เป็นของหวานให้ ผอ.กอง-เขต ต่าง ๆ"

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ได้โพสต์ข้อความว่า "สวัสดีตอนเช้า ผ่านมา 27 วันแล้ว ตั้งแต่ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครแถลงข่าวจนบัดนี้ ยังไม่ทราบผลสอบจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง ๆ"

เป็นการกล่าวถึงกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. โดยกล่าวว่า “ผิด ก็ยืนยันว่าผิด กระบวนการในการตรวจสอบราคากลาง คงต้องให้เข้มงวดขึ้นและสามารถให้สังคมตรวจสอบได้ และขบวนการต่าง ๆ ต้องตามกฎหมายอย่างชัดเจน ของฝ่ายบริหารเองก็ไม่มีนโยบายไปก้าวก่ายฝ่ายอื่นหรือคณะกรรมการราคากลางอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบและให้ประโยชน์ต่อประชาชนกับราชการ ของเราเองก็มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) ก็จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป”

‘ชาวเน็ต’ จวก!! ‘เขตราษฎร์บูรณะ กทม.’ หลังโชว์งานซ่อมฝาท่อ เหน็บ!! งานชุ่ย - ยางมะตอยรับจบ - ควรขอบคุณหรือกลุ้มใจ

(12 ก.ค. 67) เพจ ‘สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ’ ได้โพสต์ภาพฝาท่อระบายน้ำ ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 26 หลังเข้าแก้ไขซ่อมแซมจนเรียบร้อย โดยได้นำภาพก่อนซ่อมและหลังซ่อมมาเปรียบเทียบ พร้อมระบุข้อความว่า…

“ใส่ใจดูแลแก้ไขปัญหา วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เขตราษฎร์บูรณะ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธากลุ่มงานระบายน้ำดำเนินการแก้ไขเรื่องร้องเรียน Traffy Fondue ฝาท่อระบายน้ำทรุดตัว การซ่อมเปลี่ยนบ่าลองฝาท่อระบายน้ำขนาดขอบบ่อ 75×108 cm. พร้อมแก้ไข ผิวจราจรชำรุดโดยการใช้ยางมะตอยสำเร็จรูปบริเวณใกล้เคียง ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 26 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่สัญจรไป-มา”

หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ กลับได้รับคำวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากการแก้ปัญหาดังกล่าว คล้ายการเพิ่มปัญหามากกว่า เนื่องจากเป็นการซ่อมแซมโดยใช้ยางมะตอยทดแทนบริเวณที่ชำรุด ทำให้ฝาท่อดังกล่าวอาจเปิดยาก หากต้องการระบายการอุดตันภายในท่อ และยางมะตอยดังกล่าวอาจทำให้เป็นเนิน รถสัญจรผ่านอาจเกิดอุบัติเหตุได้ 

ทั้งนี้ ชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย เช่น “ไม่รู้จะขอบคุณหรือกลุ้มใจดี” / “ยางมะตอยรับจบทุกอย่าง” / “ทำดีที่สุดแล้วไม่เห็นมีใครเข้าใจ 555” / “โอ้โหฝีมือซ่อมนายช่างไทย กทม. ก็ยังกล้าเอามาโชว์ บ้าบอ” / “มาตรฐานงานดีที่สุดแล้วใช้ไหม” / “ปรับปรุงแก้ไข หรือ สร้างปัญหา​เพื่ออนาคต”

‘ปลาหมอคางดำ’ บุก!! ‘กทม.’ โผล่ระบาดแล้ว 3 เขต ล่าสุดพบชาวบ้านแห่จับ หลังลอยเกลื่อนบึงมักกะสัน

(15 ก.ค. 67) จากกรณีปัญหา ‘ปลาหมอคางดำ’ ซึ่งล่าสุดแพร่พันธุ์กระจายเข้ามาในพื้นที่ กทม.แล้ว 3 เขต โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เขตบางขุนเทียน โดยพบว่าแพร่ระบาดมาจากจังหวัดสมุทรสงคราม

สำหรับในพื้นที่กทม. ที่พบ ‘ปลาหมอคางดำ’ ในขณะนี้ คือ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน ซึ่งมีการแพร่ระบาดเข้ามาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก

ล่าสุดวันนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพ ‘ปลาหมอคางดำ’ จำนวนมาก โดยมีการระบุว่าเป็นบริเวณบึงพระราม 9 ซึ่งเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้นำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุข้อความว่า “ชาวบ้านแห่จับปลาหมอคางดำที่น็อกน้ำ แถวบึงมักกะสันฝั่งขาออกประชาสงเคราะห์”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top