Tuesday, 17 June 2025
WORLD

‘รัสเซีย’ ปักธงชัยเหนือ ‘เมืองวูห์เลดาร์’ ยึดฐานที่มั่นแหล่งพลังงานสำคัญ ‘ยูเครน’

(3 ต.ค. 67) ยูเครน เกินต้าน ยอมถอนกำลังออกจากวูห์เลดาร์ เมืองสำคัญทางตะวันออกในแคว้นโดเนตสค์ให้แก่กองทัพรัสเซียแล้วเมื่อวันพุธ (1 ต.ค 67) ที่ผ่านมา หลังจากที่สู้รบกันมานานหลายเดือน 

สื่อตะวันตกได้ยืนยันชัยชนะของรัสเซียเหนือเมืองวูห์เลดาร์ ด้วยภาพของกองกำลังรัสเซียที่ปักธงชาติบนยอดเขาที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของเมืองที่เคยเป็นแหล่งเหมืองถ่านหิน และเขตเศรษฐกิจที่สำคัญทางภาคตะวันออกของยูเครน 

แต่เมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการสู้รบเพื่อชิงเมืองของทั้งสองฝ่ายนานกว่า 2 ปี จนตอนนี้ ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างที่เหลือแต่เศษซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน และในที่สุดเมืองนี้ถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซียได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

ด้านกองทัพยูเครนออกมาแถลง ยอมรับความพ่ายแพ้ และประกาศถอนกำลังออกจากพื้นที่เมืองวูห์เลดาร์ เพื่อรักษาชีวิตทหาร และยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น

เมืองวูห์เลดาร์ ตั้งอยู่ในโดเนตสค์ แคว้นที่รัสเซียประกาศผนวกดินแดนไปเป็นของตนในปี 2022 แม้จะยังไม่ได้ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดของแคว้นเลยก็ตาม ซึ่งวูห์เลดาร์ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่พยายามต่อต้านการยึดครองของรัสเซียมาตลอด และกลายเป็นสนามรบที่มีการเผชิญหน้าปะทะกันหนักที่สุดจุดหนึ่งของทั้ง 2 ฝ่าย 

ความพิเศษของเมืองนี้ นอกจากจะเป็นเหมืองถ่านหิน แหล่งพลังงานที่สำคัญแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญ มีเส้นทางรถไฟสู่ไครเมีย และภูมิภาคดองบาสทั้งหมด ที่ประกอบด้วยโดเนตสค์ และ ลูฮันสค์ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกรัสเซียผนวกดินแดนไปแล้ว

ดังนั้น การยึดครองเมืองวูห์เลดาร์ได้ จึงเป็นก้าวสำคัญของรัสเซียในมุ่งหน้าสู่การครอบครองแคว้นโดเนตสค์ในส่วนที่เหลือได้ทั้งหมดที่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้ออย่างสาหัสเช่นกัน

แน่นอนว่า ความพ่ายแพ้ในวูห์เลดาร์สะเทือนกองทัพยูเครนไม่น้อย หลังจากที่เคยได้เอาคืนรัสเซียด้วยการบุกยึดพื้นที่ในเมืองคูสค์ ดินแดนของรัสเซียได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ที่ทำให้โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนกล้าที่จะเดินหน้าขอใช้ขีปนาวุธของพันธมิตรตะวันตกโจมตีดินแดนรัสเซีย

แต่เมื่อวูห์เลดาร์ถูกตีแตกโดยรัสเซีย ทำให้ฝ่ายยูเครนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอีกครั้ง และต้องรวบรวมสรรพกำลังลงมาป้องกันไม่ให้กองทัพรัสเซียขยายเขตยึดครองรุกคืบเข้ามาทางด้านตะวันตกมากขึ้น และยังต้องรับมือกับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ในวันที่ยูเครนได้สูญเสียเมืองสำคัญที่เป็นแหล่งผลิตถ่านหินให้แก่รัสเซียไปแล้ว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้ใกล้เคียงกับเลยสิ่งที่เซเลนสกี้เคยกล่าวผ่านสื่อสหรัฐฯ ว่า สงครามในยูเครนนั้นใกล้จบแล้ว สันติสุขจะกลับคืนสู่ยูเครนในไม่ช้า และสิ่งที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญต่อจากนี้ อาจหนักกว่าที่คิด 

ผู้ผลิตรถไฟจีนสุดเจ๋ง เปิดตัวรถไฟพลังงานไฮโดรเจน ทำความเร็ว 200 กม./ชม. ปล่อยมลพาเป็นศูนย์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ซีอาร์อาร์ซี คอร์เปอเรชัน ลิมิเต็ด (CRRC) ผู้ผลิตรถไฟของจีน ได้เปิดตัวรถไฟพลังงานไฮโดรเจน 'ซิโนวา เอช2' (CINOVA H2) ที่งานมหกรรมการค้าเทคโนโลยีการขนส่งนานาชาติ หรืออินโนทรานส์ (InnoTrans) ปี 2024 ในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เมื่อไม่นานนี้

รถไฟพลังงานไฮโดรเจน ซิโนวา เอช2 สามารถทำความเร็วสูงถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และวิ่งไกลถึง 1,200 กิโลเมตร ณ ความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมบรรทุกผู้โดยสาร 1,000 คน ด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเต็มถัง

ทั้งนี้ รถไฟพลังงานไฮโดรเจน ซิโนวา เอช2 ซึ่งใช้ไฮโดรเจนน้อยกว่า 0.3 กรัมต่อผู้โดยสารต่อกิโลเมตร จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน 730 ตันต่อปี เมื่ออ้างอิงระยะทางการเดินรถราว 3 แสนกิโลเมตรต่อปี

‘อิหร่าน‘ เปิดฉากโจมตี ‘อิสราเอล‘ ระลอกใหม่ เพิ่มแรงกดดัน ส่อเค้าลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาค

อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (1 ต.ค.67) ส่งผลให้ท้องฟ้าเหนือกรุงเยรูซาเล็มและกรุงเทลอาวีฟสว่างไสว และเสียงไซเรนเตือนภัยดังไปทั่ว ขณะที่ระบบป้องกัน Iron dome สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธบางส่วนได้ 

กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐระบุว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกใส่เป้าหมายหลายแห่ง และเสริมว่า สหรัฐได้ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการปกป้องอิสราเอล

กองทัพอิสราเอลระบุว่า ยังไม่ทราบถึงความสูญเสียใด ๆ โดยก่อนหน้านี้ ขบวนการมูจาฮิดีนปาเลสไตน์อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงกราดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 รายทางตอนใต้ของกรุงเทลอาวีฟ

อิสราเอลเริ่มบุกเลบานอนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยเคลื่อนกำลังเข้าไปทางตอนใต้ ปฏิบัติการภาคพื้นดินมีเป้าหมายเพื่อผลักดันกองกำลังเฮซบอลเลาะห์ให้ถอยห่างจากชายแดนมากขึ้น หลังจากเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มก่อการร้ายที่อิหร่านให้การสนับสนุนมาหลายสัปดาห์

เจ้าหน้าที่เลบานอนกล่าวว่าการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 รายและทำให้ผู้คนต้องพลัดถิ่นฐานมากถึง 1 ล้านคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

อิสราเอลกล่าวว่า อิหร่าน 'จะต้องชดใช้' สำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ต่ออิสราเอล นักข่าว ABC News ของสหรัฐอเมริการายงานว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธประมาณ 200 ลูก โจมตี 4 เป้าหมาย ได้แก่ ศูนย์บัญชาการมอสสาด และฐานทัพอากาศหลักอีก 3 แห่ง 

แม้ว่าการโจมตีจะยุติลงได้ค่อนข้างเร็ว แต่ก็ชัดเจนว่าการโจมตีครั้งนี้ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับสถานการณ์ที่ตึงเครียดเป็นอย่างมากอยู่แล้ว มีคำเตือนมานานแล้วว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและตัวแทนของอิหร่านอย่างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน อาจลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาคที่กว้างขึ้น ทำให้ขณะนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่การตอบโต้ของอิสราเอล

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ 'สนับสนุน' อิสราเอลอย่างเต็มที่ แต่เขากล่าวว่ารัฐบาลของเขายังคงหารือกับอิสราเอลอยู่ว่าสมควรที่จะตอบโต้อิหร่านอย่างไร “เราจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้ถูกต้อง เราติดต่อกับรัฐบาลอิสราเอลและพันธมิตรของเราอย่างต่อเนื่อง และยังต้องรอดูกันต่อไป” เขากล่าว

ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบในสองแนวรบอยู่แล้ว อิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตั้งแต่ถูกโจมตีอิสราเอลทางตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนเสียชีวิตในฉนวนกาซา พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายจนเป็นเศษซาก

และแม้ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะยิงข้ามพรมแดนกันมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา แต่การที่อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีเมื่อวันอังคาร เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่อิสราเอลประกาศว่าได้เปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดิน 'จำกัดและเฉพาะพื้นที่' ในเลบานอน การส่งทหารอิสราเอลเข้าไปในเลบานอน อิหร่านจึงถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในการปฏิบัติการของอิสราเอล จนทำให้อิหร่านต้องเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง

ชาวจีนแห่เดินทาง 'หยุดยาววันชาติ' วันแรกคึกคัก พบ!! สถานีขนส่งผู้คนเนืองแน่น - รถราเต็มท้องถนน

(1 ต.ค.67) เก็บตกบรรยากาศประชาชนชาวจีนจำนวนมากออกเดินทางกันอย่างคึกคักในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะช่วงหยุดยาววันชาติจีน ระยะ 1 สัปดาห์ ได้เริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (1 ต.ค.) 

โดยสถานีขนส่งมีผู้คนเนืองแน่นและท้องถนนเต็มไปด้วยรถราวิ่งสัญจรหนาแน่น
(บันทึกภาพวันที่ 1 ต.ค. 2024)

จีน เปิดหลักสูตรใหม่กว่า 21,000 หลักสูตร รองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ - สังคม

(1 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2567 กระทรวงศึกษาธิการของจีนกล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในภูมิทัศน์การศึกษาระดับสูงของจีน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

กระทรวงฯ แถลงข่าวในกรุงปักกิ่งว่า ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวหลักสูตรใหม่ในระดับปริญญาตรี 21,000 หลักสูตรทั่วจีน และยกเลิกหลักสูตรที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม 12,000 หลักสูตร

ในปี 2024 เพียงปีเดียว มีการจัดตั้งหลักสูตรใหม่ในสาขาวิชาที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ 1,673 หลักสูตร ขณะที่หลักสูตร 1,670 หลักสูตรได้ถูกยกเลิกไป

รายงานระบุว่าการปรับเปลี่ยนเหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสำคัญในโครงสร้างวิชาการทั่วจีน ส่วนการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การจัดแนวทางการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ สนับสนุนการพัฒนาระดับภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน

ปัจจุบันจีนมีมหาวิทยาลัย 1,308 แห่งที่เปิดหลักสูตรใน 816 สาขาวิชา และมีหลักสูตรในระดับปริญญาตรีรวมทั้งสิ้น 62,000 หลักสูตรทั่วประเทศ

‘BYD’ เรียกคืน 'Dolphin-Yuan Plus' 97,000 คัน หลังพบปัญหาชุดควบคุมพวงมาลัย เสี่ยงการเกิดไฟไหม้

(30 ก.ย. 67) รอยเตอร์ รายงานว่า ‘บีวายดี’ ได้แจ้งต่อหน่วยงานกำกับดูแลของจีนว่า กำลังเรียกคืนรถยนต์ 97,000 คัน เนื่องจากพบข้อบกพร่องในการผลิต ซึ่งเกี่ยวกับชุดควบคุมพวงมาลัย ที่มีความเสี่ยงอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้

แถลงการณ์จาก สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีน (SAMR) ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนรายนี้ กำลังเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า Dolphin และ Yuan Plus ที่ผลิตในจีนระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2022 ถึงธันวาคม 2023 

ขณะที่ บีวายดี ยังไม่ได้ตอบสนองต่อข้อซักถามทันที โดยบริษัทจะขอให้ตัวแทนจำหน่าย ติดตั้งการแก้ไขทางกายภาพในรถยนต์ที่ถูกเรียกคืน ตามคำแถลงของ SAMR

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการระบุว่า ได้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไปหรือไม่ 

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน Dolphin และ Yuan Plus เป็นสองรุ่นที่ขายดีที่สุดของบริษัท BYD ในปี 2023 ซึ่งคิดเป็น 26% จากจำนวนรถยนต์ 3 ล้านคันที่ขายได้ในปีนั้น

การเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากบริษัทจีนแห่งนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์อีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในปี 2022 บีวายได้ ได้เรียกคืนรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ang จำนวนเล็กน้อย เนื่องจากพบข้อบกพร่องในแบตเตอรี่ซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ 

คุณยายวัย 80 ปี ผงาดชิงมงเวที Miss Universe Korea ตอกย้ำนิยามความสวยในยุค 'สังคมไร้วัย-ไม่จำกัดอายุ'

อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่ใช่วลีที่มีไว้ปลอบใจคนวัยเกษียณอีกต่อไปแล้ว เมื่อ 'เช ซุน-ฮวา' คุณยายวัย 80 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ ทะลุเข้าถึงรอบไฟนอล กลายเป็นหนึ่งในจำนวนสาวงาม 32 คน ผู้มีสิทธิ์ชิงมงกุฎ Miss Universe Korea ประจำปีนี้ และเป็นผู้เข้าประกวดที่มีอายุมากที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการจัดเวทีประกวดนางงามจักรวาลของเกาหลีใต้ในปี 1952 เป็นต้นมา

เช ซุน-ฮวา เกิดปี 1943 เรียกได้ว่าเป็นผู้เข้าประกวดในวัยยุคสงครามโลกคนเดียวในปีนี้ ที่ต้องมาแข่งขันกับสาวงามรุ่นหลานที่ตรงตามมาตรฐานความงามที่สังคมคุ้นชิน แต่สำหรับการประกวดในปีนี้ 2024 พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมาเนื่องจากกองประกวดได้ปรับเกณฑ์การรับสมัครใหม่ จากเดิมที่รับผู้สมัครที่มีอายุ 18-28 ปี กลายเป็น 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดอายุขั้นสูง และไม่จำเป็นต้องเป็น 'สาวโสด'

กองประกวดนางงามจักรวาลของเกาหลีใต้ มีความตั้งใจที่จะปฏิวัติขนบธรรมเนียมเก่า ๆ ของเวทีประกวดนางงาม โดยต้องการชูประเด็นเรื่องความงามไม่จำกัดอายุ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝันได้ และในปีนี้ ได้ยกเลิกการสวมชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวด แต่จะเพิ่มการแข่งขันในส่วนของการแสดงความสามารถพิเศษ อาทิ การร้องเพลง เต้นรำเพลงพื้นบ้าน เดินแบบชุดประจำชาติ ฯลฯ โดยจะตัดสินผู้ชนะจากการประเมินของคณะกรรมการ ร่วมกับผลคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้านด้วย

ด้าน คุณยาย เช ซุน-ฮวา ก็มีดีกรีไม่ธรรมดา เธอเคยทำอาชีพมาแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่ เป็นสาวโรงงานทอผ้า ไปจนถึงผู้ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุตามสถานพยาบาลต่าง ๆ แต่ด้วยเสน่ห์ที่สวยสมวัย ทำให้มีคนไข้ที่เธอเคยดูแลยุให้เธอไปลองเป็นนางแบบดู 

คำแนะนำของคนไข้ทำให้เธอติดต่อเข้าไปหาโมเดลลิ่ง และสามารถเดบิวท์เป็นนางแบบสูงวัยได้สำเร็จจริง ๆ ตอนเธออายุ 75 ปี แถมยังได้ขึ้นเวทีเดินแบบในงาน Seoul Fashion Week ถ่ายโฆษณาเบียร์ยี่ห้อดัง และรับงานถ่ายแบบในนิตยสารแฟชันชั้นนำอย่าง Harper’s Bazaar และ Elle มาแล้ว 

เมื่อกองประกวด Miss Universe Korea ได้ประกาศยกเลิกข้อจำกัดเรื่องอายุ เช ซุน-ฮวา ตัดสินใจส่งใบสมัครทันที และสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบ 32 คนสุดท้ายในการชิงมงกุฎนางงามเกาหลีใต้ ซึ่งเธอต้องการที่จะฉีกกฎเกณฑ์ของค่านิยมเรื่องความงามในสังคม และบอกกับชาวโลกดัง ๆ ว่า สาววัย 80 ก็สวย ฟิต สุขภาพดีได้

การเปลี่ยนแปลงบนเวทีประกวดนางงามนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่เกาหลีใต้ ล่าสุด บนเวทีประกวดนางงามจักรวาลของสิงคโปร์ ก็มีผู้เข้าประกวดที่อายุ 62 ปีร่วมเวทีด้วย และในปีนั้น ผู้ที่ได้รับตำแหน่งรองนางงามก็มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

และยังสะท้อนถึงการมาของยุคสังคมไร้วัย หรือ Perennial ที่คนทุกเพศ ทุกวัย มีอิสระในการใช้ชีวิต และ เลือกทำในกิจกรรมร่วมกันได้ เพราะวิวัฒนาการด้านการแพทย์ และ สังคมดิจิทัล ที่ทำให้ข้อจำกัดของอายุก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป

'เลขาฯ ยูเอ็น' ชื่นชมไทย นำ 'เศรษฐกิจพอเพียง' มาพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เผย!! อยากให้ไทยนำทฤษฎีนี้มาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาร่วมกันกับยูเอ็น

ไม่นานมานี้ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ณ อาคารสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ

นายมาริษ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังว่า ได้หารือกับเลขาธิการสหประชาชาติในหลากหลายประเด็น โดยเลขาธิการสหประชาชาติให้ความสำคัญ และเล็งเห็นบทบาทของประเทศไทยในการนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน จึงขอให้ประเทศไทยร่วมมือกับสหประชาชาติ โดยใช้ประสบการณ์ที่มี เพื่อประยุกต์ใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงนับเป็นความภูมิใจของตนและเอกอัครราชทูต ที่ได้รับคำชื่นชมจากเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยมีบทบาทในกรอบองค์การสหประชาชาติได้ ขณะเดียวกัน เลขาธิการสหประชาชาติยังแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับการนำคำมั่นเพื่ออนาคตไปสู่การปฏิบัติ พร้อมกับขอให้ไทยเป็นคนกลางและสะพานเชื่อม เพราะไม่ใช่ทุกประเทศที่จะทำได้ ในการผลักดันคำมั่น เพื่ออนาคตไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

นายมาริษ เปิดเผยต่อว่า ยังได้ยืนยันกับเลขาธิการสหประชาชาติว่า ประเทศไทยภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความประสงค์ทำงานกับองค์การสหประชาชาติอย่างเต็มที่ มีบทบาทเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการต่างประเทศจำนวนมาก จึงอยากเห็นองค์การสหประชาชาติมีคนไทยเข้าไปทำงานมากขึ้น ผ่านการวางนโยบายขององค์การในอนาคตมากยิ่งขึ้น ดังที่ประเทศไทยมีสำนักงานขององค์การสหประชาชาติตั้งอยู่หลายแห่งด้วย

'หวังอี้' เดือด!! ซัดสหรัฐฯ ต่อหน้า 'บลิงเคน' ถึงท่าทีที่มีต่อจีน ชี้!! ด้านหนึ่งทำตัวกดดันจีน อีกด้านกลับมาขอความร่วมมือ

(28 ก.ย.67) TNN World รายงานว่า เมื่อวานนี้ (27) นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้กล่าวว่า สหรัฐฯ ควรหยุดตี 2 หน้ากับจีน ระหว่างการหารือ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่ UNGA ที่นครนิวยอร์ก

หวัง กล่าวต่อบลิงเคนว่า "ขอให้สหรัฐฯ หยุดตี 2 หน้ากับจีน คือ ด้านหนึ่งพยายามควบคุม ปิดล้อมและกดดันจีน แต่อีกด้านหนึ่งกลับพูดคุยและขอความร่วมมือกับจีนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

แทนที่จะทำเช่นนั้น หวัง กล่าวว่า "สหรัฐฯ ควรกำหนดนโยบายเกี่ยวกับจีน และจัดการสัมพันธ์ทวิภาคี 2 ประเทศ จากการมีความเข้าใจและรับรู้เกี่ยวกับจีนอย่างมีเหตุมีผล และหาหนทางที่ถูกต้องในการสัมพันธ์กับจีน"

ในประเด็นไต้หวัน หวัง กล่าวว่า "หากสหรัฐฯ หวังจะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพระหว่าง 2 ฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวันอย่างแท้จริงแล้ว สหรัฐฯ ควรยึดถือในหลักการจีนเดียว ปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมจีน-สหรัฐฯ 3 ฉบับ หยุดติดอาวุธไต้หวัน คัดค้านการเป็นอิสระของไต้หวันอย่างเปิดเผย และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของจีนกับไต้หวัน"

นอกจากนั้น หวัง เผยอีกว่า จีนคัดค้านสหรัฐฯ ที่ปราบปรามทางการค้าและเทคโนโลยี จีนไม่มีวันยอมรับการชี้นิ้วกล่าวโทษด้วยการพร่ำสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน และสหรัฐฯ ควรแทรกแซงกิจการภายในของจีนให้น้อยลงภายใต้ข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน

เมื่อพูดเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ หวัง กล่าวว่า จีนยังคงยึดมั่นแก้ไขความแตกต่างในประเด็นนี้ ผ่านการพูดคุยและหารือกับประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น สหรัฐฯ ไม่ควรกระพือปัญหาในทะเลจีนใต้ หรือบ่อนทำลายความพยายามของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่นี้

เมื่อพูดเกี่ยวกับยูเครน หวัง ยืนยันว่า จุดยืนจีนนั้นเปิดเผย คือจีนยึดมั่นในการส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ และจีนได้ใช้พยายามจะที่ช่วยให้ปัญหายูเครนยุติลงอย่างสันติ สหรัฐฯ ควรหยุดให้ร้าย หรือทำให้จีนเป็นแพะรับบาป หรือออกมาตรการคว่ำบาตรจีนตามอำเภอใจในประเด็นนี้ รวมถึงให้หยุดใช้ประเด็นนี้ สร้างความรู้สึกต่อต้าน และยุยงให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างค่ายด้วย

‘ชิเงรุ อิชิบะ’ ชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ เตรียมรับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่น

(27 ก.ย.67) เอเอฟพีรายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้เปิดลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคฯคนใหม่แทนการวางมือของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ และผลปรากฏว่าตัวเต็งอย่าง ‘ชิเงรุ อิชิบะ’ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม สามารถเบียดเอาชนะคู่แข่งสำคัญไปได้ในการโหวตสองรอบ

หลังจากการประกาศชัยชนะที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ ในกรุงโตเกียว อิชิบะร่ำไห้และโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางความยินดีของบรรดาสมาชิก

“ผมจะทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่น ด้วยการพูดความจริงอย่างกล้าหาญและจริงใจ เพื่อทำให้ประเทศนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับทุกคนที่จะใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกครั้ง” อิชิบะ กล่าวในสุนทรพจน์สั้นๆ

อิชิบะ เคยเกือบได้ตำแหน่งสูงสุดมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงในปี 2555 เมื่อเขาแพ้ให้กับ ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดและเสียชีวิตจากการลอบสังหารเมื่อ 2 ปีก่อน

อดีตหัวเรือใหญ่ทางทหารผู้นี้กล่าวว่า ประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาสังคมที่ยากลำบาก เช่น การปฏิรูปการเกษตร ทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

ทั้งนี้ อิชิบะ วัย 67 ปี สามารถเอาชนะ ซานาเอะ ทาคาอิจิ รัฐมนตรีความมั่นคงเศรษฐกิจสายอนุรักษนิยม วัย 63 ปีไปได้ ทำให้เป็นการดับฝันของนักการเมืองชาตินิยมสุดโต่งในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศ

โดยในการลงคะแนนเสียงรอบแรก อิชิบะ และ ทาคาอิจิ มีคะแนนนำเป็นสองอันดับแรก แต่ยังไม่มีผู้ใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง เพราะคะแนนเสียงกระจายไปตามผู้สมัครคนอื่นๆ อีก 7 คน ทำให้ต้องมีการลงคะแนนเสียงรอบสองระหว่าง อิชิบะ และ ทาคาอิจิ ซึ่ง อิชิบะ เอาชนะไปได้ในที่สุด

สำหรับพรรคอนุรักษนิยมได้ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานและแทบจะไม่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นเวลาหลายทศวรรษ ด้วยการครองเสียงข้างมากในปัจจุบันทำให้ อิชิบะ จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภาในวันที่ 1 ตุลาคม ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งจีนที่แข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซีย ไปจนถึงการทดสอบขีปนาวุธต้องห้ามของเกาหลีเหนือ

ด้านกิจการภายใน อิชิบะจะได้รับมอบหมายให้ฟื้นคืนชีพเศรษฐกิจและแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางกำลังจะกลับมาเข้มงวดทางการเงินอีกครั้งในรอบหลายทศวรรษเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นความเชื่อมั่นของพรรคฯ ที่สูญเสียไปจากเรื่องอื้อฉาวมากมายในสมัยของ ฟูมิโอะ คิชิดะ

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#6 ศักยภาพหนักๆ จาก ‘อาวุธเบา’ ที่เกรด NATO ยังชิดซ้าย

วันที่สองของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (13 สิงหาคม) วันนี้ช่วงเช้าเป็นการเยี่ยมชมการแสดง การสาธิต และการทดสอบการยิงอาวุธเบาด้วยกระสุนจริงและกระสุนซ้อมยิง (ในกรณีของเครื่องยิงลูกระเบิด) ของบริษัท High-Precision Weapons holding ณ สนามยิงปืนซึ่งตั้งอยู่ภายในอนุสรณ์สถาน Patriot park เป็นสนามยิงปืนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 160 เฮกตาร์ (1.6 ตารางกิโลเมตร) ด้านหน้าเป็นอาคารนิทรรศการแสดงอาวุธขนาดเบาที่ผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding (ตามที่ได้เล่าไว้ใน EP.5) มีทั้งอาวุธ ปืนพก ปืนเล็กยาวจู่โจม ปืนซุ่มยิง ปืนกลเบา และเครื่องยิงลูกระเบิด ฯลฯ

อาวุธปืน Sniper ชนิดต่าง ๆ  มีทั้งใช้กระสุนรัสเซียขนาด 7.62x54R ม.ม. และกระสุน NATO ขนาด 7.62x51 ม.ม. (.308) 

ปืนกลมือ PP-2000 ขนาด 9x19 ม.ม. 

เครื่องยิงลูกระเบิด GM-94 ขนาด 43×30 ม.ม.

เครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ AGS-30 ขนาด 30×29 ม.ม. อาวุธเบาชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding

แต่ก่อนผู้เขียนเข้าใจว่าอาวุธขนาดเบาที่ผลิตในสหพันธรัฐรัสเซียออกแบบและผลิตโดยบริษัท Kalashnikov Group ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธปืนตระกูล AK แต่อันที่จริงแล้ว อาวุธเบาชนิดและแบรนด์อื่น ๆ นั้นถูกผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding หลังจากการแนะนำอาวุธปืนแบบต่าง ๆ แล้ว คณะก็ถูกพามายังสนามยิงปืนซึ่งอยู่ติดกัน และถูกจัดแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5 คนเพื่อรับแจกแว่นตาและที่ครอบหูลดเสียงก่อนที่จะทดลองยิงอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ 

ทดสอบปืนพก GSH-18 ขนาด 9x19 ม.ม. 5 นัด 
ระบบปฏิบัติการแบบเข็มพุ่งคล้ายปืน GLOCK แต่ไกหนักไปหน่อย
 

ทดสอบเครื่องยิงลูกระเบิด GM-94 ขนาด 43×30 ม.ม. 1 นัด
แต่เป็นกระสุนซ้อมยิงไม่มีระเบิด โดยยิงไปยังเป้าเหล็กสีน้ำเงิน (ยิงโดนครับ)

ทดสอบปืน Sniper OSV-96 ขนาด 12.7x108 ม.ม. 1 นัด

กระสุน 12.7 ม.ม. รัสเซีย (ขวา) และ NATO (ซ้าย) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน
แต่ใช้แทนกันไม่ได้ เพราะกระสุนรัสเซียยาว 108 ม.ม. แต่ NATO ยาวเพียง 99 ม.ม. 

โดยเป้าคือ รถหุ้มเกราะที่ระยะ 800 เมตร

ยิงโดนครับ ก็...เป้าใหญ่ซะขนาดนั้น

ทดสอบปืนเล็กยาวจู่โจม ADS ขนาด 5.45x39 ม.ม. 5 นัด
ผู้ผลิตบอกว่า ปืนรุ่นนี้สามารถลงน้ำแล้วเอาขึ้นมายิงได้เลย

ทดสอบเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ AGS-30 ขนาด 30×29 ม.ม. 3 นัด
แต่เป็นกระสุนซ้อมยิงไม่มีระเบิด

ความต่อเนื่องยาวนานของอุตสาหกรรมอาวุธปืนของสหพันธรัฐรัสเซียนับตั้งแต่จักรวรรดิรัสเซียยาวนานกว่า 200 ปี ผ่านการทำสงครามมากมายหลายครั้ง จึงทำให้พัฒนาการด้านการออกแบบและผลิตอาวุธปืนของรัสเซียมีความก้าวหน้ามาโดยตลอด แม้กระทั่งปืนเพื่อการกีฬาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศตะวันตกเลย

นอกจากนั้นแล้ว ปืนกีฬาที่ผลิตโดยรัสเซียสามารถชนะเลิศในการแข่งขันระดับโลกทั้งโอลิมปิกและ World Champion มากมายหลายครั้ง อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมของรัสเซีย (รวมทั้งเลียนแบบ) เป็นอาวุธปืนที่มียอดรวมการผลิตสูงที่สุดในโลก ด้วยประสิทธิภาพในเรื่องความแม่นยำ ความแข็งแรง ความทนทาน และระบบปฏิบัติการ 

แต่ก็น่าเสียดายที่อาวุธปืนที่ผู้เขียนได้ไปทดสอบ ยังไม่มีโอกาสเข้ามาใช้งานในบ้านเรา เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยยังคงเชื่อมั่นในอาวุธปืนของประเทศตะวันตกมากกว่า รวมทั้งการยึดติดกับคำว่า ‘มาตรฐาน NATO’ ทั้ง ๆ ที่ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพรัสเซียในยูเครนแสดงให้เห็นถึงเศษซากและความเสียหายของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ชาติสมาชิก NATO ส่งไปสนับสนุนยูเครนมากมาย 

ดังนั้นสิ่งซึ่งกองทัพควรพิจารณาคือ การบริหารความสมดุลของการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จากค่ายต่าง ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุดของอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นในการใช้งานเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

‘นักวิจัยจีน’ แยกแอนติบอดีต้านเชื้อ HIV จาก 'อัลปากา' พบแนวโน้มดี สำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่

(27 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะนักวิจัยจีนแยกแอนติบอดีจาก ‘อัลปากา’ ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีสำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่

อู๋จื้อเหว่ย ศาสตราจารย์จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ปัจจุบันการบำบัดด้วยยาต้านไวรัสถือเป็นแนวทางหลักในการยับยั้งการจำลองแบบของเอชไอวี ซึ่งแม้ว่าแนวทางนี้จะช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องศึกษาวิธีการบำบัดใหม่ ๆ

สำหรับแนวทางหลักในการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่ ทางคลินิกจะมุ่งเป้าไปที่กระบวนการที่ไวรัสเข้าสู่เซลล์โฮสต์ โดยในกระบวนการนี้ ตัวรับที่เรียกว่า ‘ซีดี4’ (CD4) จะทำหน้าที่เสมือน ‘ลูกบิดประตู’ ซึ่งไวรัสใช้เพื่อเปิด ‘ประตู’ ของเซลล์

ทีมนักวิจัยได้แยกนาโนบอดี ‘ซีดี4’ จำนวนหลายพันตัวจากอัลปากา ซึ่งในจำนวนนี้มี ‘เอ็นบี457’ (Nb457) ที่แสดงศักยภาพยับยั้งเอชไอวี โดยนาโนบอดีคือ แอนติบอดีชนิดหนึ่งที่เล็กและเสถียรกว่าแอนติบอดีทั่วไป

รายงานระบุว่าทีมนักวิจัยสร้างอนุภาคเหมือนไวรัส (Pseudovirus) จำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อจำลองสายพันธุ์เอชไอวี 117 สายพันธุ์ และทำให้อนุภาคเหมือนไวรัสเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับเอ็นบี457 โดยผลการทดลองเผยว่าเอ็นบี457 สามารถยับยั้งไวรัส 116 สายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และออกฤทธิ์ต้านไวรัสอย่างครอบคลุม

อู๋สี่หลิน นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ในการทดสอบไวรัสจริง นาโนบอดีสามหน่วยย่อยที่ดัดแปลงมาจากเอ็นบี457 แสดงศักยภาพการยับยั้งเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ ส่วนผลการทดลองกับหนูเผยว่าแทบจะไม่สามารถตรวจพบไวรัสดังกล่าวได้ในหนูที่ได้รับการบำบัด และไม่พบการกลายพันธุ์ที่ดื้อยา

อู๋จื้อเหว่ย กล่าวว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะดื้อยา ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลง ทว่าแอนติบอดีที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ไวรัสโดยตรง แต่มุ่งเป้าไปที่ซีดี4 ซึ่งเป็น ‘ลูกบิดประตู’ ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อยลงและมีนัยสำคัญต่อการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่และการรักษาทางคลินิก

อนึ่ง ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ (Nature Communications) เมื่อไม่นานนี้

รายการทีวีดังมะกัน The Tonight show เปิดฟรีโหวตเลือกตั้ง พบ 'หมูเด้ง' ชนะขาดเหนือ 'ทรัมป์-แฮร์ริส' ได้เป็นปธน.สหรัฐฯ

(27 ก.ย. 67) เอเอฟพี เผยว่า 'หมูเด้ง' ในเวลานี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว ล่าสุดรายการชื่อดังทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC ของสหรัฐฯ The Tonight show starring Jimmy Fallon ของ จิมมี แฟลลอน (Jimmy Fallon) ยังเอามาเป็นส่วนหนึ่งในการโพสต์ล้อเลียนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังงวดเข้ามาด้วย

โดยทางรายการได้ล้อเลียน ด้วยการแอบทำโพลเลือกตั้งสหรัฐฯ เวอร์ชันหมูเด้ง หรือ 'โพลหมูเด้ง' บนแพลตฟอร์ม X ในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) เป็นโพลสอบถามชาวอเมริกันว่า จะโหวตเลือกใคร พบว่า 'หมูเด้ง' นำโด่งชนะขาดได้ไป 93% ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทิ้งห่างผู้สมัครพรรคเดโมแครต รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ที่ได้ไป 4% ส่วนผู้สมัครพรรครีพับลิกัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ไป 3%

หมูเด้งยังสามารถเรียกรอยยิ้มรายวันไปทั่วโลกโซเชียลเมื่อบริษัทแพลตฟอร์ม X ส่งมีมอารมณ์หมูเด้งทวีตรายวันเป็นภาพอิริยาบทสุดคิ้วของฮิปโปฯ แคระแก้มชมพูพร้อมแคปชันโดนใจ เป็นต้นว่า “เพิ่งนึกได้ว่านี่มันแค่วันอังคาร” หรือ “รู้สึกยังไงที่ได้โพสต์”

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานเมื่อวันอังคาร (24 ก.ย.) ถึงหมูเด้ง ฮิปโปฯ แคระที่กำลังขโมยหัวใจไป (และกัดผู้ดูแล) (A Pygmy Hippo Is Stealing Hearts (and Biting Zookeepers)) ได้กล่าวว่า หมูเด้งทำให้นิยามความงามเปลี่ยนไป โดยรายงานว่าหนึ่งในผู้จัดรายการทีวีโชว์ Today Show ชื่อดังทางสถานี NBC พูดถึงหมูเด้งว่า เป็นผู้เปลี่ยนนิยามความงามไป

โฮดา ค็อตบ์ (Hoda Kotb) หนึ่งในผู้จัดร่วมของรายการที่กำลังจะเกษียณพูดถึงฮิปโปฯ แคระจากไทยว่า เป็นสาวคนใหม่ที่กำลังร้อนแรงมากที่สุดบนโลกใบนี้ พร้อมแสดงความเห็นว่า หมูเด้งทำให้มาตรฐานความงามเปลี่ยนไป จากการที่เธอนั้นมีแก้มอ้วนยุ้ยสีชมพู และสัดส่วนทรงมันฝรั่งที่โดดเด่น

เอเอฟพีรายงานว่า ฮิปโปฯ แคระ ‘หมูเด้ง’ ดีวาของไทยสามารถทำให้สวนสัตว์เปิดเขาเขียวมีรายได้สูงถึง 19.2 ล้านบาทหรือราว 590,000 ดอลลาร์ จากการจำหน่ายบัตรเริ่มตั้งแต่กันยายนมาจนถึงวันพุธ (25 ก.ย.) สูงกว่า 4 เท่าของระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้ว ผู้ชมจากทั่วโลกต้องเข้าคิวต่อแถวนานหลายชั่วโมงเพื่อชมความน่ารักของหมูเด้งที่มีกำหนดเวลา 5 นาทีเท่านั้น

และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้เปิดตัวเสื้อยืดหมูเด้ง 300 บาทต่อตัวหรือราว 9 ดอลลาร์และปัจจุบันมีเฉพาะที่สวนสัตว์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการไลฟ์สตรีมสดหมูเด้งให้ชมสำหรับแฟน ๆ ที่ไม่สามารถมาที่สวนสัตว์ได้

'สายลับยุโรป' แฉ!! 'รัสเซีย' ซุ่มพัฒนาโดรนโจมตีระยะไกลในจีน 'ชาติตะวันตก' เต้น!! กดดันจีนยุติการสนับสนุนรัสเซียทุกมิติ

สำนักข่าว Reuters อ้างอิงแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองยุโรป เปิดเผยว่า รัสเซียกำลังใช้โรงงานจีนผลิตโดรนโจมตีระยะไกลรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับใช้ในสงครามยูเครน

โดย IEMZ Kupol บริษัทย่อยของ Almaz-Antey ผู้ผลิตอาวุธของรัฐบาลรัสเซียได้พัฒนา และ ทดสอบโดรนโจมตีรุ่นใหม่ล่าสุด Garpiya-3 (G-3) ที่ออกแบบ และ ผลิตในจีน อ้างอิงจากรายงานความคืบหน้าของโครงการจาก Kupol บริษัทผู้ผลิตถึงกระทรวงกลาโหมรัสเซียตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่ผ่านมา

ข้อมูลเบื้องต้นในเอกสารของ Kupol ระบุว่า G-3 สามารถบินได้ไกลราว ๆ 2,000 กิโลเมตร สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 50 กิโลกรัม ซึ่งตัวอย่างโดรน G-3 จำนวน 2 ลำ และ โดรนโจมตีรุ่นอื่น ๆ อีก 7 ลำ ที่ผลิตจากโรงงานแห่งหนึ่งในจีนได้ถูกจัดส่งมายังเมืองอีเจฟสค์ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ IEMZ Kupol เพื่อ ทดสอบการบินในรัสเซียเรียบร้อยแล้ว พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากจีน แต่ไม่มีหลักฐานระบุได้ว่า "ผู้เชี่ยวชาญจากจีน" คนนั้นคือใคร 

นอกจากนี้ยังมีเอกสารอีกฉบับ ซึ่งเป็นใบแจ้งหนี้ที่ส่งไปยัง Kupol ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา จากซัปพลายเออร์จีน ที่ระบุให้ชำระหนี้เป็นเงินหยวน แต่ไม่ได้ลงวันที่จัดส่ง หรือแม้แต่ชื่อของบริษัทซัพพลายเออร์ แต่ก็ถือเป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรมชิ้นแรกว่ามีการจัดส่งยานไร้คนขับทั้งระบบจากจีนไปยังรัสเซีย 

เมื่อมีการสอบถามไปทางรัสเซีย ทั้ง Kupol หรือ บริษัทแม่อย่าง Almaz-Antey และกระทรวงกลาโหมรัสเซียต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในข่าวที่ออกมา ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีนปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโดรนรัสเซียในประเทศจีน พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลปักกิ่งมีมาตรการควบคุมในการส่งออกโดรนหรือยานพาหนะไร้คนขับออกนอกประเทศอย่างเข้มงวด

ฟาเบียน ฮินซ์ นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาเชิงกลยุทธ์ระหว่างประเทศแห่งลอนดอน ชี้ให้ตรวจสอบการส่งมอบยานพาหนะไร้คนขับจากจีนไปยังรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา เพื่อยืนยันข้อมูลชิ้นสำคัญจากหน่วยข่าวกรองนี้ ซึ่งจากเอกสารที่เปิดเผยได้ระบุ มีการส่งชิ้นส่วนอาวุธจากจีนไปรัสเซียจริง เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทาง หรือเป็นส่วนประกอบที่นำมาใช้ในระบบอาวุธ แต่ยังเห็นการส่งมอบระบบอาวุธทั้งชิ้นไปยังรัสเซีย แต่นั่นคือข้อมูลในเอกสารที่เปิดเผยได้เท่านั้น

ด้านสภาความมั่นคงแห่งทำเนียบขาว ก็แสดงความวิตกต่อรายงานจากสำนักข่าว Reuters ในประเด็นที่มีบริษัทจีนให้ความช่วยเหลือรัสเซียในโครงการพัฒนาอาวุธร้ายแรง แม้จะรู้ว่าเป็นชาติที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐอเมริกา 

ถึงตอนนี้รัฐบาลจีนอาจจะยังไม่ตระหนักว่ามีธุรกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างบริษัทจีนและรัสเซีย แต่รัฐบาลวอชิงตันย้ำว่า จีนมีหน้าที่รับผิดชอบว่าจะไม่มีบริษัทใด ๆ ของจีนให้ความช่วยเหลือ หรือเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอาวุธที่จะถูกส่งไปใช้ในกองทัพรัสเซีย 

ด้านกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ออกมาเรียกร้องเช่นกัน ให้จีนยุติการสนับสนุนทั้งด้านการทูต และ วัตถุดิบที่จะนำไปใช้ในสงครามของรัสเซีย และหากข้อมูลโครงการพัฒนาโดรนของรัสเซียในจีนเป็นความจริง เท่ากับว่าบริษัทจีนกำลังสนับสนุนการรุกรานยูเครนของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งขัดแย้งกับคำประกาศของรัฐบาลจีนก่อนหน้านี้ว่าจะไม่จัดหาอาวุธให้กับคู่ขัดแย้งในสงครามยูเครน

ทว่ากระทรวงการต่างประเทศจีนยังคงยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องระหว่างบริษัทจีน และ กองทัพรัสเซีย โดยเน้นย้ำว่าจีนยังคงวางตัวเป็น กลางในสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน 

แต่ทั้งนี้ 'จีน - รัสเซีย' ไม่ได้มีข้อจำกัดทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งบริษัท Kupol ในรัสเซียนั้นผลิตโดรนรุ่น Garpiya-A1 ที่เป็นโดรนโจมตีระยะไกลโดยใช้ชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตในจีน แต่ด้วยภาวะสงครามคุกรุ่นระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน ทำให้ทั้ง 2 ชาติต่างแข่งขันในการผลิตโดรนทหารที่เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงในสงครามครั้งนี้

เดวิด อัลไบรท์ อดีตผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติ ที่เฝ้าดูความร่วมมือของ จีน-รัสเซีย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทผู้ผลิตอาวุธรัสเซียจะใช้โรงงานในจีนเป็นฐานการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และ ยังสามารถเข้าถึงชิป และ เทคโนโลยีอาวุธขั้นสูงจากจีนได้

และจากรายงานของ Kupol กล่าวว่า G-3 เป็นโดรนรุ่นอัปเกรดของ Garpiya-A1 ได้รับการออกแบบใหม่โดยผู้เชี่ยวชาญชาวจีน และในอีก 8 เดือนข้างหน้า อาจมีการสร้างยานไร้คนขับอีกรุ่นที่ชื่อว่า REM-1 ที่มีน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 400 กิโลกรัม ที่จะมีระบบใกล้เคียงกับ โดรน Reaper ของกองทัพสหรัฐฯ 

ในขณะเดียวกัน สื่อรัสเซียเปิดเผยชื่อบริษัทจีน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาโดรนรัสเซียชื่อว่า  Redlepus TSK Vector Industrial ที่มีสำนักงานในเมืองเซินเจิ้น และยังมีเอกสารแสดงรายละเอียดการสร้างศูนย์วิจัยและผลิตโดรนรัสเซีย-จีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษคัชการ์ ในมณฑลซินเจียงของจีน ที่จะสามารถผลิตโดรนได้ 800 ลำต่อปี แต่เอกสารลับไม่ได้บอกว่าศูนย์ที่คัชการ์จะเปิดได้เมื่อใด

อย่างไรก็ดี Redlepus TSK Vector ของจีนได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว หรือแม้แต่สำนักข่าว Reuters ก็ไม่สามารถยืนยันที่มาของข้อมูลนี้ที่อ้างอิงโดยสื่อรัสเซียเช่นกัน

‘จีน’ เตรียมแจกเงินสด ‘กลุ่มคนยากไร้-เด็กกำพร้า’ หวังเพิ่มกำลังซื้อช่วงเทศกาล ‘วันชาติ’ 1 ต.ค.นี้

(26 ก.ย. 67) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างถึงการรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนที่เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและกระทรวงกิจการพลเรือนจะออกเงินอุดหนุนค่าครองชีพในรูปแบบการแจกเงินสดครั้งเดียวให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส รวมถึงผู้ยากไร้และเด็กกำพร้า ในวันที่ 1 ต.ค.ซึ่งตรงกับวันชาติจีน

แม้จะไม่มีการให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนเงินที่แน่ชัด แต่การแจกเงินแบบครั้งเดียวในระยะเวลาอันสั้นนี้ ดูเหมือนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลที่มักหลีกเลี่ยงสิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกว่า ‘รัฐสวัสดิการ’ มาโดยตลอดง

ทั้งนี้ รัฐบาลประกาศในเดือนเม.ย.ว่าในปีนี้กระทรวงของจีนจัดสรรงบประมาณ 1.54 แสนล้านหยวน (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) เพื่ออุดหนุนและช่วยเหลือทางการเงินแก่กลุ่มคนที่ยากจนรุนแรงกว่า 4.74 ล้านคน ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการพลเรือนในเดือนมิ.ย.67ง

อย่างไรก็ดี นับว่านโยบายแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นมากนักในจีน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศหลังจากแบงก์ชาติจีนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ซึ่งครอบคลุม ทั้งการลดดอกเบี้ยในตลาดเงิน นโยบายกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นและภาคอสังหาริมทรัพย์

รายงานระบุว่า หน่วยงานท้องถิ่นต้องดำเนินการให้เงินช่วยเหลือถึงมือผู้รับที่เป็นกลุ่มเป้าหมายก่อนวันที่ 1 ต.ค. เพื่อแสดงให้เห็นถึง ‘ความรักและความห่วงใยของพรรคและรัฐบาลที่มีต่อประชาชนผู้เดือดร้อน’

ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ว่า รัฐบาลกลางได้ออกนโยบายและสวัสดิการประกันสังคมแก่บัณฑิตจบใหม่ที่ยังไม่ได้งานทำภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจบการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน

‘วันชาติ’ เป็นหนึ่งในวันหยุดที่สำคัญที่สุดในจีนที่มักจะเห็นการจับจ่ายใช้สอย การเดินทาง แต่ภาวะตกต่ำของภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานที่ซบเซาได้กดดันการใช้จ่าย ทำให้บางนักเศรษฐศาสตร์เรียกร้องให้มีการแทรกแซงทางการคลังโดยตรงมากขึ้น

หวง อี้ผิง สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารประชาชนจีน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาการบริโภคที่อ่อนแอ ในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า การแจกเงินสดให้แก่ครัวเรือนจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในขณะที่การให้ความสำคัญกับสุขภาพทางการคลังมากเกินไปอาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top