Wednesday, 26 June 2024
WORLD

ตะกอนสองสีในหัวใจ เหยียดผิวในถิ่นมะกัน ความเกลียดชังจากคนขาว ที่ซ่อนไว้ใต้คำสวยหรูอย่าง 'สิทธิอันเท่าเทียม'

เรื่องของการเหยียดสีผิวนั้นเป็นเรื่องสาหัสมากในประเทศสหรัฐอเมริกายุคก่อน และถึงแม้ในปัจจุบันจะดูเหมือนว่าการเหยียดผิวนั้นเบาบางลง แต่บอกได้เลยว่าการเหยียดผิวระหว่างคนขาวและคนดำยังคงดำรงอยู่ในอเมริกา เพียงแต่ซ่อนไว้ภายใต้หน้าฉากอันสวยหรูของคำว่า 'สิทธิอันเท่าเทียม'

องค์กรลับที่ตั้งขึ้นเพื่อทำลายล้างคนผิวดำและผิวสีอื่นที่ไม่ใช่คนขาวคือ องค์กร 'คู คลักซ์ แคลน’ อำนาจของคู คลักซ์ แคลนแข็งแกร่งช่วงระหว่างปี คศ.1865-1870 มีกองกำลังอันเกรียงไกร สามารถกำราบคนดำในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า, เทนเนสซี และจอร์เจียอยู่หมัด   

สมัยประธานธิบดี ยูลิซิส เอส. แกรนต์ มีการประกาศว่า คู คลักซ์ แคลน เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายนอกกฎหมาย ถือเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง จึงมีการกวาดล้างกลุ่มเอียงขวาจัดอย่างจริงจังช่วงปี ค.ศ. 1868-1870 จนทําให้กลุ่มสลายตัวชั่วระยะหนึ่ง

ปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มมีคนผิวสีอย่างเม็กซิกันและเอเซียอพยพเข้ามาอาศัยในอเมริกามากขึ้น จึงทำให้องค์กรนี้กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คนผิวดำแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่คราวนี้เหมารวมเอาคนยิว คนเม็กซิกัน คนเอเซียและฝรั่งผิวขาวด้วยกันเองแต่นับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคด้วย

ปีค.ศ. 1915 ที่แอตแลนต้า บาทหลวงของศาสนาคริสต์ วิลเลียม เจ. ซิมมอนส์ อ้างว่าได้ยินเสียงพระเจ้าในความฝันให้ฟื้นฟู คู คลักซ์ แคลน ขึ้นอีกครั้ง ซิมมอนส์ซึ่งเดิมมีแนวคิดนิยมคนผิวขาวอยู่แล้วจึงรวบรวมคน 34 คนประกาศการก่อตั้ง คู คลักซ์ แคลน ขึ้นใหม่ 

อยากจะเรียกการกลับมาขององค์กรนี้ว่ารุ่นพิมพ์นิยม เพราะคู คลักซ์ แคลน ที่ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่นี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนผิวขาวอย่างถึงขนาดจนประกาศอย่างหน้าชื่นตาบานว่า การเป็นชาวแคลนนั้นถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวชาวอเมริกันเลยทีเดียว สมาชิกก็ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยเป็นคนขาวจนๆ คลั่งชาติอย่างพวกระดับล่าง แต่ประกอบด้วยนักธุรกิจผู้ร่ำรวย และมีนักกฎหมายระดับสูงอีกมากมาย

ในปี คศ.1922 เฉพาะที่เท็กซัสก็มีคดีทำร้ายร่างกายกว่า 100 คดีที่เกี่ยวข้องกับ คู คลักซ์ แคลน และในปี คศ.1923 เกิดคดีรุมทำร้ายที่โอกลาโฮม่าที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ 

ความกร่างของคู คลักซ์ แคลน ดูได้จากการส่งจดหมายขู่และไล่ที่ไปยังบ้านของคนผิวดำและคนผิวขาวซึ่งสนับสนุนคนผิวดำ เมื่อไม่ได้รับการปฏิบัติตามก็จะเข้ารุมทำร้าย 

นอกจากนี้ยังมีการเผาบ้าน บ้างก็ตัดแขนขา บ้างก็เอายางรถยนต์ห้อยคอผู้เคราะห์ร้ายแล้วจุดไฟ บ้างก็จับมัดไปวางให้รถไฟทับ บ้างก็จับแขวนคอ บางครั้งสมาชิก คู คลักซ์ แคลน จะมีการเผาไม้กางเขนบริเวณเชิงเขาหรือบริเวณใกล้บ้านของเหยื่อ ที่เรียกว่า Cross Burning เพื่อเป็นการเเสดงอํานาจและการข่มขู่เหยื่อ สรุปเลยคือพวกนี้สรรหาสารพัดวิธีในการทารุณกรรมนั่นเอง

ประมาณปี 1950 เด็กผิวขาวและเด็กผิวดำที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เวลานั่งรถโรงเรียน เด็กผิวดำจะต้องสละที่นั่งด้านหน้าให้เด็กผิวขาวนั่งก่อน ส่วนเด็กผิวดำจะต้องนั่งเบาะหลังเท่านั้น บนรถเมล์ คนผิวดำจะต้องลุกให้คนผิวขาวนั่งก่อน ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย หรือในร้านอาหารก็จะมีการแยกที่นั่ง หรือบางร้านไม่ต้อนรับคนผิวดำ ในโรงภาพยนตร์แยกไม่ให้คนสองสีผิวปะปนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้รวมไปถึงการใช้ห้องน้ำสาธารณะ การดื่มน้ำจากก๊อกน้ำสาธารณะไปจนถึงมหาวิทยาลัย    

‘คริส วู’ เจอคุก 13 ปี - เนรเทศพ้นประเทศจีน โทษฐาน ‘ล่วงละเมิดทางเพศ-ปาร์ตี้มั่วสุม’

กว่าหนึ่งปีหลังถูกควบคุมตัวในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ล่าสุดในวันนี้ (25 พ.ย. 65) สำนักข่าว ‘รอยเตอร์ส’ (Reuters) รายงานว่าศาลเขาเฉาหยาง ปักกิ่ง ตัดสินจำคุก 13 ปี แก่ ‘คริส วู’ หรือ ‘อู๋อี้ฝาน’ (Kris Wu) ดาราศิลปินหนุ่มจีนคนดัง วัย 32 ปี ซึ่งมีผลงานเพลงและงานแสดงเป็นที่รู้จักมากมาย

หลังการสืบสวนสอบสวนพบว่า ‘คริส วู’ กระทำผิดจริง หลังจากที่ได้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศซึ่งรวมถึงการข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวจำนวน 3 ราย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ปี 2020

และนอกจากมีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ศาลยังระบุว่า ดาราศิลปินหนุ่มคนดังรายนี้มีความผิดทางอาญาฐานก่อการมั่วสุมทางเพศในงานปาร์ตี้รวมกลุ่มฝูงชน โดยหลังจากชดใช้ความผิดในคุก 13 ปีแล้ว เขาจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศต่อไป

AFP ชี้ 'ภาพผัดไทย' ไม่ใช่ปกเพลง Taylor Swift แต่เป็นภาพที่ระบบ YouTube นำเสนอขึ้นมาให้

หลังมีข่าวเมื่อช่วงวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมาว่ามีภาพของ ‘ผัดไทย’ ขึ้นอยู่บนปกเพลง Lover ของศิลปินระดับโลก ‘Taylor Swift’ เผยแพร่อยู่ในช่อง YouTube ของเธอ จนทำให้ชาวเน็ตฮือฮากันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 65 มีการชี้แจงจากแผนกตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักข่าวเอเอฟพี ว่าเป็น ‘เรื่องเข้าใจผิด’

ภาพผัดไทยดังกล่าวนั้น ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Shutterstock.com เว็บไซต์รวบรวมภาพถ่ายและรูปวาดที่ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ และวิดีโอเพลงนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 65 ผ่านระบบอัลกอริทึมอัตโนมัติของยูทูปที่เรียกว่า Art Track

‘ซาอุฯ - ญี่ปุ่น’ เอาชนะอดีตแชมป์บอลโลก ผลสำเร็จจาก ‘ทีมเวิร์กสุดปัง - แรงบันดาลใจสุดเจ๋ง’

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มีเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงในวงกว้างอย่างมาก ทั้งในโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์ นั่นก็คือ ‘ฟุตบอลโลก 2022’ ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ โดยประเด็นที่ทำแฟนบอลทั่วโลกตกตะลึงก็คือ การที่ทีมชาติซาอุดีอาระเบียสามารถเอาชนะทีมชาติอาร์เจนตินา ทีมที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกหลายสมัย และมีสตาร์ดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ไปด้วยด้วยสกอร์ 2-1 อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

แต่ความตะลึกยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะถัดมาอีกวันทีมชาติญี่ปุ่น ก็สามารถเอาชนะทีมแนวหน้าของโลกอย่างเยอรมนีไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เช่นกัน 

กลายเป็นว่าคอบอลทั่วโลก (อาจจะรวมถึงแฟนบอลในชาตินั้นๆ) ต้องตกตะลึงถึง 2 วันติดกัน เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าทีมชาติทั้ง 2 ประเทศจากทวีปเอเชีย ที่เคยเป็นเพียงทีมไม้ประดับของเทศกาลฟุตบอลโลก จะสามารถพลิกเกมกลับมาชนะทีมระดับชั้นนำและอยู่ในแนวหน้าของโลกลูกหนังไปได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอาจารย์ ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในคลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบ ‘Suriyasai Channel’ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 ไว้อย่างน่าสนใจ สรุปได้ว่า…

นัดเปิดสนามระหว่างทีมเอกวาดอร์เจอกับทีมชาติกาตาร์ (เจ้าภาพ) จบที่ความปราชัยของเจ้าภาพที่สกอร์ 2-0 จากนั้นในนัดถัดมา ก็เป็นการดวลระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติอิหร่าน ซึ่งอิหร่านก็พ่ายแพ้ไป 6-2 

จากผลลัพธ์ของทีมเอเชียทั้งสอง ทำให้หลายคนกังวลใจว่าทีมชาติที่มาจากทวีปเอเชียดูจะไม่มีพัฒนาการที่จะไปสู้ทีมชาติจากทวีปอื่นๆ เทียบกับทวีปแอฟริกาแล้ว ยังผลักดันตนเองสามารถพัฒนาทีมมาเป็นคู่แข่งเทียบชั้นชาติแนวหน้าในละตินและยุโรปได้มากกว่า

จนกระทั่ง เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. 65 ตามเวลาไทย ทีมชาติซาอุดีอาระเบียต้องฟาดแข้งกับทีมชาติอาร์เจนตินา ขณะที่ทีมชาติญี่ปุ่นฟาดแข้งกับเยอรมนีในวันที่ 23 พ.ย.65 ทั้ง 2 ทีมชาติจากเอเชีย สามารถเอาชนะมาได้ จึงเป็นการลบล้างคำสบประมาทต่างๆ นานาออกไปได้ทันที เพราะว่าทั้งซาอุฯ และญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เก็บชัยชนะ แต่พวกเขาสามารถโค่นเต็งแชมป์และอดีตแชมป์โลกมาหลายสมัยลงได้

เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น น่าจะทำให้ทีมชาติจากเอเชียถูกจับตามองมากขึ้นอีกแน่ ๆ 

ทั้งนี้หากเทียบความแตกต่างของทั้ง 2 ชาติ คือ ซาอุฯ อาจจะได้เปรียบญี่ปุ่นหน่อย ตรงเรื่องของรูปร่างนักเตะ ซึ่งกายภาพของนักเตะซาอุฯ สามารถเทียบชั้นกับยุโรปได้เลย ในขณะที่ญี่ปุ่นน่าจะพอ ๆ กับไทย 

‘คุณแม่ชาวจีน’ บังคับให้ลูกดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน หลังลูกชายดูแต่โทรทัศน์ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง

เด็กชายวัย 8 ขวบรายหนึ่งถูกพ่อแม่บังคับใช้ดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน ในบทลงโทษที่หนูน้อยรายนี้ดูทีวีมากเกินไป การสั่งสอนแบบรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ที่โหมกระพือประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์อ้างอิงรายงานของสำนักข่าวจีนแผ่นดินใหญ่ Vista ระบุว่า เด็กชายไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ จากมณฑลหูหนาน ทางภาคกลางของจีน ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อแม่ออกไปข้างนอก และถูกขอให้ทำการบ้านให้เสร็จแล้วเข้านอนตอนเวลา 20.30 น.

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่กลับมาถึงบ้านในช่วงดึกคืนดังกล่าว แม่ของหนูน้อยพบว่าลูกชายยังทำการบ้านไม่เสร็จแถมยังไม่อาบน้ำ นอกจากนี้ แทนที่จะเข้านอน ลูกชายยังคงเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ละสายตา

แม้ไม่นานหลังจากนั้น ลูกชายจะลุกเดินเข้าไปนอน แต่ผู้เป็นแม่ตามไปลากหนูน้อยลงจากเตียง กลับมายังห้องนั่งเล่น เปิดทีวีและบังคับให้ลูกชายดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน

ในตอนแรกเด็กชายยังคงดูโทรทัศน์อย่างสงบ มีท่าทีผ่อนคลาย กินขนมขบเคี้ยว เล่นแท็บแล็ตและนอนเอกเขนกบนโซฟา แต่พอหลายชั่วโมงผ่านไป หนูน้อยชักเบื่อหน่ายและเริ่มร้องไห้ตอน 02.00 น. มีอยู่ช่วงหนึ่งเด็กชายรายนี้แอบกลับไปที่เตียงเพื่อนอนหลับ แต่แม่จับได้ และบังคับให้เขากลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง และดูโทรทัศน์ต่อไป

พ่อและแม่เฝ้าดูลูกชายอยู่ตลอด โดยคนเป็นพ่อไม่ยอมให้ลูกหลับ คอยปลุกหนูน้อยให้ลืมตาตื่น และทั้ง 2 คนไม่ยอมให้ลูกชายเข้านอนจนกระทั่งถึงเวลา 05.00 น.

สื่ออังกฤษปูด ‘แอปเปิล’ สนใจซื้อสโมสรแมนยูฯ คาดตัวเลขซื้อขายอยู่ที่ 5,800 ล้านปอนด์

สะพัด ! ‘แอปเปิล’ ยักษ์เทค สนใจซื้อสโมสรดัง ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ หลังตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายเมื่อต้นสัปดาห์ 

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ‘แอปเปิล’ แสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเจ้าของปัจจุบันคือตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายสโมสรชื่อดังแห่งนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่ามา

สื่ออังกฤษอย่าง ‘เดลีสตาร์’ อ้างว่า แอปเปิลอาจสนใจซื้อแมนฯยูไนเต็ดในราคา 5,800 ล้านปอนด์ (ประมาณ 251,076 ล้านบาท)

‘รัฐบาลสหรัฐฯ’ พร้อมหนุน ‘ยูเครน’ สู้รัสเซียสุดกำลัง แต่ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ อยากให้เจรจายุติสงคราม

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand Vision’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ โดยระบุข้อความว่า…

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กับกองทัพสหรัฐฯ กำลังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันสุดขั้ว ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับยูเครน โดยคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำเทียบขาว และกระทรวงต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซียต่อไป ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ มองว่าควรผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

กองทัพสหรัฐฯ นำโดย พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ (Gen. Mark Milley) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ ได้พยายามเสนอนโยบายการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผบ.สส.สหรัฐฯ ท่านนี้ พยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวมาตลอดเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

‘อันวาร์ อิบราฮิม’ ขึ้นแท่นนายกฯ มาเลเซียคนใหม่ สางปัญหาเงินเฟ้อ-ศก.ชะลอตัว-ความขัดแย้งต่างเชื้อชาติ

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงประกาศแต่งตั้งนาย อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านขึ้น เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย โดยจะเข้าพิธีสาบานตนในเวลา 17.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) นับเป็นการยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 วันเต็ม ภายหลังศึกเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่มีพรรคใดชนะได้ครองเสียงข้างมาก

การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของ อันวาร์ มีขึ้นหลังจากที่เขาต้องเผชิญมรสุมในเส้นทางการเมืองมานานถึง 30 ปี โดยเริ่มจากการเป็นอดีตศิษย์รักของ ‘มหาเธร์ โมฮาหมัด’ และเคยก้าวไปถึงตำแหน่งรองนายกฯ ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกในคดีรักร่วมเพศ พ้นโทษออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียในวันนี้

การเลือกตั้งทั่วไปในมาเลเซียซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำมาสู่ภาวะ ‘สภาแขวน’ เนื่องจาก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวัง (Pakatan Harapan - PH) ของ อันวาร์ อิบราฮิม และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ (Perikatan National - PN) ที่นำโดยอดีตนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ต่างไม่สามารถคว้าจำนวน ส.ส.ได้ถึง 112 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเสี่ยงที่จะซ้ำเติมภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ มาแล้วถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 3 ปี และยังอาจทำให้การกำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้าออกไปอีก

กลุ่ม PH ของ อันวาร์ คว้าที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุด 82 ที่นั่งจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ขณะที่กลุ่ม PN ของมูห์ยิดดิน ได้มา 73 ที่นั่ง ส่วน บาริซาน เนชันแนล (BN) ที่เคยผูกขาดการเป็นรัฐบาลปกครองมาเลเซียมานานถึง 60 ปีตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1857 กลับได้ ส.ส.เข้ามาเพียง 30 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งทั่วไป

‘บัณฑิตสาวชาวจีน’ โชว์ทำอาชีพ ‘คนดูแลสุสาน’ อวด ‘งานสบาย - เหมือนได้เกษียณก่อนกำหนด’

สาวจีนรายหนึ่งออกมาเผยเรื่องราวของตนเองที่เรียนจบปริญญาตรี แต่เลือกทำงานเป็น ‘คนดูแลสุสาน’ เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและหลีกเลี่ยง ‘การเมืองในออฟฟิศ’ จนทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการทำงานของคน Gen-Z

หญิงสาวแซ่ ตัน (Tan) วัย 22 ปี กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้โพสต์คลิป Douyin อวดสถานที่ทำงานที่ ‘สงบสุข’ ของเธอ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสุสานที่อยู่ติดกับภูเขาในเมืองฉงชิ่ง

“นี่คือบรรยากาศการทำงานของคนดูแลสุสาน Gen Z มันเป็นงานที่สบายมาก มีหมาแมวให้เล่น แล้วก็มีอินเทอร์เน็ตด้วย” ตัน กล่าว

หญิงสาวเล่าว่า ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็รู้สึกเหมือน ‘ได้เกษียณก่อนกำหนด’ เพราะงานดูแลสุสานนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน มีเวลาว่างมากมาย และยังได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยไม่ต้องเจอกับการเมืองในออฟฟิศและปัญหารถติดเหมือนคนอื่น ๆ

หน้าที่ประจำวันของเธอคือการต้อนรับแขกที่มาเยือนสุสาน ขายที่ฝังศพ และปัดกวาดดูแลหลุมศพแทนญาติผู้ตาย

เธอได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท) สำหรับการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. โดยมีเวลาพักทานข้าวกลางวันวันละ 2 ชั่วโมง

ตามฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวเมืองฉงชิ่งอยู่ที่ 33,800 หยวน (170,000 บาท) หรือประมาณ 2,800 หยวนต่อเดือน (14,000 บาท) ซึ่งเท่ากับว่างานดูแลสุสานที่หญิงสาวเลือกทำช่วยให้เธอมีรายได้สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่พอสมควรทีเดียว

หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจีนจำนวนมากเข้าไปแสดงความตกตะลึงที่บัณฑิตอย่าง ตัน เลือกงานในสุสาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่า ‘ไม่เป็นมงคล’ และไม่ใช่สถานที่ที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่เข้าไปให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ โดยมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของ ‘กระแสวัฒนธรรมนอนราบ’ (lying flat) หรือ ‘ถ่าง ผิง’ (躺平) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวจีนมากขึ้น

การที่หนุ่มสาวจีนขานรับ ‘วัฒนธรรมนอนราบ’ ก็เนื่องจากความท้อแท้ต่อสภาพกดดันในสังคมโดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่หนักสาหัสเกินไป แต่กลับได้ผลประโยชน์ไม่สมกับที่ได้ลงแรงเหนื่อยยาก จนกระทั่งมาถึงจุดที่ไม่ต้องการทนอยู่กับสภาพนี้อีกต่อไป และหันหลังให้กับความคาดหวังของสังคม

แฟนผีแดงเฮ! ‘ตระกูลเกลเซอร์’ ประกาศขายทีม หลังเพิ่งประกาศแยกทาง ‘พี่โด้’ - หุ้นปิดบวก 15%

‘ตระกูลเกลเซอร์’ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เตรียมปล่อยมือ ประกาศขายทีม 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยเวลานี้พร้อมเปิดพิจารณาข้อเสนอจากนักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสนใจจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ขณะที่หุ้นพุ่ง 15% 

มหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกา เข้ามาซื้อกิจการ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะบริหารทีมมาอย่างยาวนาน 17 ปีจนถึงปัจจุบัน และได้รับเสียงวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งจากเหล่า 'เรด อาร์มี' จากการบริหารงานด้านฟุตบอลที่ดูไม่ดีเสียเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามล่าสุด 'ปีศาจแดง' แถลงผ่านเว็บไซต์สโมสรถึงประเด็นที่ว่าพวกเขาพร้อมมองหากลุ่มนักลงทุนรายอื่น ๆ ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และดูแลทีมต่อไป

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จ และมีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากที่สุดทีมหนึ่งของโลก พวกเราขอประกาศว่า ณ วันนี้บอร์ดบริหารกำลังเริ่มต้นขั้นตอนสำหรับพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสรกันใหม่”

“ขั้นตอนดังกล่าวถูกวางแผนขึ้นเพื่อยกระดับการเติบโตของสโมสรในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการทำให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในสนาม และในด้านธุรกิจ”

“บอร์ดบริหารของพวกเราจะพิจารณาทางเลือกยุทธศาสตร์ในทุกด้าน รวมไปถึงการหาการลงทุนใหม่เข้ามาในสโมสร การขายสโมสร หรือการดำเนินการทางธุรกิจอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับสโมสร รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์เพื่อเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ทั้งเรื่องสนามแข่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขยายโครงการด้านธุรกิจในระดับโลก”

“การดำเนินการทุกอย่างเราจะเน้นไปที่การสร้างความสำเร็จระยะยาวให้ทั้งทีมชาย ทีมหญิง และทีมเยาวชนของสโมสร สร้างประโยชน์ให้แฟนบอล และผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้จะส่งผลให้เกิดธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสรหรือไม่”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ จนกว่าบอร์ดบริหารจะอนุมัติธุรกรรมใดๆก็ตามหรือจนกว่าจะมีการกระทำอื่นที่จำเป็นต้องมีประกาศอย่างเป็นทางการ” ปีศาจแดง แถลงปิดท้าย

ทั้งนี้คาดกันว่ามูลค่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากมีการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ อาจไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็มีนักลุงทุนทั้งมหาเศรษฐีในอังกฤษ, กลุ่มตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา เคยให้ความสนใจ

'ซาอุฯ' ประกาศ 23 พ.ย. เป็นวันหยุดแห่งชาติ หลังทีมพลิกชนะ 'อาร์เจนติน่า' ศึกฟุตบอลโลก

กษัตริย์แห่ง ซาอุดิอาระเบีย ประกาศให้วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดพิเศษของประเทศ เรียบร้อยแล้ว หลังจากทีมชาติของพวกเขาเพิ่งทำผลงานสุดช็อคโลก เอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้การคุมทีมของ แอร์กเว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มช็อคโลกลูกหนัง พร้อมกับสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรก ที่เก็บชัยชนะจากเกมนัดประเดิมสนามของตัวเองในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แถมยังกลายเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชียที่คว้าชัยชนะพร้อมเก็บสามแต้มในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้อีกด้วย

‘กาตาร์’ ทึ่ง!! แฟนบอลญี่ปุ่นเก็บขยะหลังเกมจบ ถามเก็บทำไม? ตอบ “เพราะเราเคารพสถานที่”

ฟุตบอลโลกกลับมาแล้ว และแฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตารอชมการแข่งขันฟุตบอลหลังจากรอคอยมาสี่ปี ซึ่งในการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่างชาติเจ้าภาพกับเอกวาดอร์ ‘Omr94’ ผู้ใช้อินตราแกรมรายหนึ่งชาวบาห์เรนออกมาเผยเรื่องราวประทับใจของแฟนบอลสัญชาติญี่ปุ่น โดยหลังจากจบเกมแล้ว แฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปชมเกมนี้ มีพฤติกรรมที่น่าชื่นชมจนได้รับคำชมเชยในตะวันออกกลางอย่างล้นหลามและกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก

ภายในวิดีโอเผยภาพที่หลังจากจบเกมพบกาตาร์เจอกับเอกวาดอร์ แฟนบอลชาวญี่ปุ่นไม่เดินออกจากสนามเหมือนคนอื่น นำถุงขยะใบใหญ่เดินไล่เก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้บนอัฒจันทร์ เช่น กล่องกระดาษ ถ้วย ขวดพลาสติก ธง และกระเป๋า ในโซนที่ตัวเองนั่งเชียร์อยู่ แม้ว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันในวันอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่แฟน ๆ ยังเข้าร่วมการแข่งขันกาตาร์กับเอกวาดอร์จากนั้นเลือกที่จะเดินไปรอบ ๆ เพื่อเก็บขยะโดยไม่ต้องร้องขอ 

ยูกันดา ‘ห้าม’ จนท.เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุกช่วงจดจ่อการแข่ง

ยูกันดา ‘ห้าม’ เจ้าหน้าที่เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุก

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ประเทศยูกันดา สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เรือนจำใช้โทรศัพท์มือถือช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เกรงนักโทษอาจหาโอกาสที่เจ้าหน้าที่กำลังตื่นเต้นกับการแข่งขันฟุตบอลหาทางหลบหนีออกจากเรือนจำ

“การเริ่มต้นแข่งขันฟุตบอลเวิลด์คัพตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน และความตื่นเต้นของการแข่งขัน อาจส่งผลให้นักโทษหลบหนี เจ้าหน้าที่จะต้องไม่รายงานการปฏิบัติหน้าที่ทางโทรศัพท์ เพราะจะทำให้เสียสมาธิและรบกวนระดับความเตรียมพร้อม” แฟรงค์ มายาจัน อิ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งยังสั่งเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ในเรือนจำ

หนุ่มอังกฤษดวงเฮง เดินหาเบียร์ซด แต่กลับได้ปาร์ตี้บ้านคนระดับ ‘ชีค’

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ยากกว่าหาน้ำมันอีก เพราะผิดกฎหมายในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามที่เคร่งจัด 

ก่อนหน้านี้ชายคนหนึ่งเพิ่งสร้างเรื่องด้วยการเดินถึง 11 กิโลเมตรเพื่อหาเบียร์ดื่ม แต่ล่าสุดมีเรื่องพีคกว่านั้นคือชายอังกฤษชื่อ ‘ร็อบ ฟิลลิปป์ส’ เดินทางไปดูฟุตบอลโลกกับครอบครัวแต่เจอเรื่องไม่คาดฝัน

ขณะกำลังปาร์ตี้เเละจะไปหาที่ต่อเขาไปเจอชายคนหนึ่ง เจ้าตัวบอกว่าจะไปหาเบียร์ดื่ม แต่ชายคนนั้นบอกเดี๋ยวจัดการให้ พาขึ้นรถแลนด์ครุยเซอร์สุดหรู เพื่อเดินทางไปคฤหาสน์ใหญ่ ที่มีทั้งสิงโต, นกหายาก, มี DJ มาเปิดเพลง เสิร์ฟอาหารแบบไม่อั้น จนมารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นคือลูกเจ้าของหมู่บ้านที่ฐานะเกินคำว่ารวยไปเยอะ 

อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ตำหนิสื่อวิจารณ์แต่ ‘ปูติน’ ทั้งนี้ ‘เซเลนสกี’ มีส่วนทำให้คนยูเครนทุกข์ทรมาน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ทำให้ประชาชนในประเทศของเขา ‘ทุกข์ทรมาน’ จากความเห็นของ ‘โยชิโร โมริ’ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พร้อมตำหนิสื่อมวลชนแดนปลาดิบมีความลำเอียงในการรายงานข่าวความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่วน เซเลนสกี ไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ นี่คือปัญหา เซเลนสกีทำประชาชนยูเครนจำนวนมากทุกข์ทรมาน” โมริ กล่าวระหว่างร่วมกิจกรรมทางการเมืองหนึ่งในกรุงโตเกียวเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ย.) ตามรายงานของเกียวโดนิวส์

“สื่อมวลชนญี่ปุ่นลำเอียงเข้าหาฝ่ายหนึ่ง พวกเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลรายงานข่าวจากตะวันตก ผมไม่อาจช่วยได้ แต่รู้สึกแค่ว่าพวกเขาพึ่งแต่รายงานข่าวจากยุโรปและอเมริกาเท่านั้น” โมริ ระบุ

นอกจากนี้ โมริ ยังวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่นในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ว่าลำเอียง และเอนเอียงเข้าหาสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top