Monday, 16 June 2025
SPECIAL

รวบหนุ่มตะวันออกกลาง! อดีตพ่อค้ายาเสพติดหัวหมอ แปลงโฉมตนเอง เปลี่ยนสัญชาติ - ชื่อสกุล - วันเดือนปีเกิด หวังตบตา สุดท้ายไม่รอด สืบสวน ตม.1 ตะครุบทันควัน!!

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

คดีนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบสวนติดตามขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของกลุ่มชาวตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการจับกุมมาแล้วนับสิบราย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวตะวันออกกลางที่มีประวัติถูกจับกุมดำเนินคดีและผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พร้อมกับมีการบันทึกข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้าม (Blacklist) และดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศต้นทางเป็นที่เรียบร้อย มีการลักลอบกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง โดยมีพฤติการณ์หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านสุขุมวิทเพื่อจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากย่านดังกล่าว มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตำหนิรูปพรรณของกลุ่มดังกล่าว พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ มีประชุมสั่งการ ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข่าวและตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับบุคคลต่างด้าวรายหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนต่างด้าวก็แสดงท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงแสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบุคคลต่างด้าวคนดังกล่าวคือนาย โมฮัมเมด ถือหนังสือเดินทางสัญชาติ อียิปต์ และจากการสอบถามพบว่าคนต่างด้าวรายนี้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรและพำนักอยู่ในราชอาณาจักร

โดยการอนุญาตสิ้นสุดมาเป็นเวลากว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ กก.สส.บก.ตม.1 จนได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางของนายโมฮัมเมดว่า นายโมฮัมเมดเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม เมื่อปี 2561 ในพฤติกรรมเป็นมาเฟียอาหรับ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในบริเวณซอยนานาให้กับนักท่องราตรีชาวต่างชาติ

 

สืบสวน ตม.1 จับหนุ่มแดนมังกร ใช้รอยตราประทับเข้าเมืองปลอม เบื้องหลังเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK COVID-19 ผิดกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

สืบเนื่องจาก กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ร่วมกับ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ได้ร่วมกันทำการสืบสวนและทราบข้อมูลจากสายลับว่า มีชายชาวจีนซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK COVID-19 ผิดกฎหมายจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทย และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หลบซ่อนตัวอยู่แถวบริเวณ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังสืบสวนติดตามตัวบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมาย จนกระทั่งพบคนต่างด้าวสัญชาติจีนลักษณะตรงตามที่สายลับได้แจ้ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายไห่หนิง อายุ 31 ปี สัญชาติจีน เมื่อคนต่างด้าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็แสดงอาการตระหนกตกใจและรีบจะขึ้นรถยนต์ส่วนตัวขับออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อทำการขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง และทำการตรวจสอบสิ่งของในรถยนต์คันดังกล่าว กลับไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่เมื่อนายไห่หนิง นำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อให้ตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูโดยละเอียดก็พบว่าในหน้า 24 ของหนังสือเดินทางดังกล่าว พบพิรุธของรอยตราประทับการเข้าเมืองและประเภทวีซ่าหลายประการ เช่น เดินทางเข้าในราชอาณาจักร

โดยได้รับวีซ่าประเภทท่องเที่ยวและขออนุญาตอยู่ต่อ แต่กลับพบรอยตราประทับขาเข้าอีกครั้ง โดยที่ไม่พบรอยตราประทับการออกนอกราชอาณาจักร ปรากฏในหน้าหนังสือเดินทางของนายไห่หนิงแต่ประการใด อีกทั้งในรอยตราประทับดังกล่าวยังพบอีกว่าประเภทวีซ่าที่ระบุในตราประทับขาเข้าเป็น “STN” ซึ่งไม่มีในสารบบประเภทวีซ่าของประเทศไทย และสิ่งผิดปกติอื่น ๆ อีกหลายประการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายไห่หนิง มาตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกด้วยระบบ BIOMETRICS ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง

ปรากฏว่าพบข้อมูลเพียงว่านายไห่หนิงเดินทางเข้ามาและได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรจนวันอนุญาตสิ้นสุด และไม่ได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกแต่ประการใด นอกจากนี้นายไห่หนิง ยังเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมายอีกด้วย

 

เพชรบุรี - ทำเก๋!! ชวนประชาชนไดร์ฟทรู ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บนรถ บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายแพทย์เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิดจุดบริการประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้บนรถ (Drive Thru Vaccine COVID-19) ที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่าอยากให้ชาวเพชรบุรีทั้งหมดได้รับวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทุกคน ซึ่งจากการติดตามผลการฉีดวัคซีน มีความห่วงใยคนที่มีความเคลื่อนไหวลำบาก เดินทางมาลำบาก ไม่สามารถที่จะเข้าถึงบริการได้ จึงร่วมแรงร่วมใจกันเปิดไดร์ฟทรู เพื่อกลุ่มคนที่พอเคลื่อนไหวได้แต่ญาติพี่น้องลำบากที่จะพามา การฉีดบนรถ หรือไดร์ฟทรู วันอาทิตย์ วันหยุด จะช่วยให้ฉีดได้สะดวกไม่ต้องลงจากรถและยังมีความสำคัญเนื่องจากว่าวันธรรมดา ญาติ ลูกหลาน ไม่สามารถพามาได้ ทั้งนี้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทั้งหมด มีความรู้สึกยินดีที่จะให้บริการ แม้เป็นวันหยุดก็ไม่ยอมหยุดมาช่วยกันทำงานตรงนี้ เพื่อรักษาชีวิตพี่น้องของชาวเพชรบุรีทุกคน

นายสันทัด รัตนะนิรุตติ ชาวเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้ขับรถพามารดามารับวัคซีน ที่ผ่านมามารดาตนมีความกลัวมากเรื่องวัคซีน แม้ว่าลูก ๆ ทุกคนที่ฉีดวัคซีนแล้วพยายามบอกแม่ให้ไปแต่ก็ไม่ยอมฉีด จนได้ข่าวว่าโรงพยาบาลพระจอมเกล้ามีบริการแบบไดร์ฟทรู คิดว่าเป็นวิธีที่ดี ลองคุยกับแม่ดูจนยอมตกลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพบวิธีนี้มาก่อน พอมาเห็นเป็นการบริการได้ดีมากทำให้แม่ลดความกลัว และก็จะพาแม่มาฉีดเข็มที่ 2 อีกครั้ง

ระยอง - รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืน ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการใช้วาวุธปืน และการยิงปืนของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระยอง

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 64 เวลา 08.30 น.ที่สนามยิงปืน หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดระยอง(นปพ.) อ.เมือง จ.ระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืน ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการใช้วาวุธปืนและการยิงปืนของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 16 ทีม ทุก สภ.ในพื้นที่จังหวัดระยองส่งข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วมจำนวน 3 ทีมแบ่งเป็น ทีม A ได้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทีม B ได้แก่มือดีของแต่ละ สภ. และ ทีม C สุ่มจากตำรวจใน สภ.ทีมละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 144 นาย ผู้แข่งขันต้องใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.เท่านั้น ผู้ชนะแต่ละทีมจะได้รับถัวยรางวัลจาก พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง

พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่า การจัดโครงการฝึกอบรมฯ ดังกล่าวให้กับข้าราชการตำรวจผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิต และทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการพัฒนาคน และการฝึกใช้อาวุธปืนให้มีความพร้อม มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะการใช้อาวุธปืนพกสั้นประจำกาย และฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ซึ่งการฝึกยิงปืนดังกล่าวเป็นหนึ่งในการพัฒนาบุคคล หากตำรวจยิงปืนแม่นยำ เข้าระงับเหตุถูกวิธี ยิงยับยั้งโจรผู้ร้ายได้ถูกจุด สามารถป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ป้องกันชีวิตประชาชนและชีวิตตนเอง อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่น ต่อองค์กรตำรวจ ตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ โดยแท้จริง

ประจวบคีรีขันธ์ - “หัวหิน” คึกคัก นทท.เต็มชายหาด พร้อมเปิดรับต่างชาติเดือน ต.ค.นี้

วันที่ 20 ก.ย. นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน มอบหมายให้ นายมนตรี ชูภู่ นางสาวบุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมผู้บริหารและ สท. ดูแลประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ของเทศบาลเมืองหัวหินรอบสุดท้ายอีก 4,000 คน ที่ รพ.หัวหิน ตามที่เทศบาลเมืองหัวหินใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้กับประชาชนในพื้นที่จำนวน 27,500 คน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเมืองหัวหินและสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว สถานประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปิดเมืองหัวหินในเดือน ต.ค.นี้

นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน เปิดเผยว่าจากกระแสการเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวตามโครงการหัวหินรีชาร์ท ล่าสุดมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้มีนักท่องเที่ยวจาก กทม. จังหวัดปริมณฑล เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนตากอากาศที่ อ.หัวหินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชายหาดหัวหินตลอดแนวตั้งแต่หน้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ไปทางหมู่บ้านเขาตะเกียบ มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เดินเล่นชายหาดอยู่เต็ม ส่งผลดีทำให้ธุรกิจม้าเช่าชายหาด ร้านอาหารซีฟู้ดทางลงชายหาดมีบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่น เช่นตลาดโต้รุ่งหัวหิน เริ่มมีนักท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อของ การจราจรบนถนสายหลักมีรถหนาแน่น เป็นสัญญาณที่ดีในการท่องเที่ยวก่อนถึงช่วงไฮซีซั่น

แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะมีข้อจำกัดจากการกำหนดเคอร์ฟิวก็ตาม สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเมืองหัวหิน นอกจากวัคซีนแล้ว เทศบาลได้รับนโยบายให้ทำโครงการสมาร์ทซิตี้ ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดความคมชัดสูงแล้ว 118 จุด จำนวน 486 ตัวในพื้นที่ 86 ตารางกิโลเมตร พร้อมระบบควบคุม 24 ชม. กล้องวงจรปิดสามารถติดตามใบหน้าบุคคลที่มีข้อมูลพื้นฐานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงป้อนเข้าระบบ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวหรือติดตามการเดินทางประชาชนในพื้นที่

ตราด - ตำรวจท่องเที่ยวตราด พร้อมดูแลนักท่องเที่ยว ขานรับโครงการ “เกาะช้างทูเก็ตเตอร์”

วันที่ 20 ก.ย. 64 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ สว.ส.ทท.6 กก.2 บก.ทท.1(ตำรวจท่องเที่ยวตราด) เปิดเผยว่า ตามที่ภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของ จ.ตราด ได้กำหนดเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั่วไป ตามโครงการเปิดการท่องเที่ยวรูปแบบพิเศษ ที่มีมาตรการในเรื่องความปลอดภัยการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ควบคู่กันไปด้วย ภายใต้ชื่อ เกาะช้างทูเก็ตเตอร์ “KOH CHANG TOGETHER” โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวเกาะช้างเป็นพื้นที่นำร่อง เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.64 เป็นต้นไป และก็เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนในพื้นที่เกาะช้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวตราด ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ 

ตำรวจเตือน! บุคคลนำคลิปหรือภาพลามกของตน ไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเงิน เสี่ยงถูกดำเนินคดี

วันที่ 20 ก.ย.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่มีบุคคลที่เรียกตัวเองว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์(Sex Creator) หรือพอร์นฮับเบอร์(Porn hubber)นำภาพหรือคลิปของตนเองในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่าน เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น OnlyFans หรือเว็บไซต์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มลับต่าง ๆ ที่เปิดรับสมาชิกและมีการเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือ ผู้นำคลิปไปเผยแพร่ ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากผู้อื่นเป็นค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่าแม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายด้วย และขอเรียนชี้แจ้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ดังนี้

กรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป)

- เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต  เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1)

- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- “ครอบครอง” สื่อลามกที่บุคคลในสื่อลามกอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ยกเว้น ครอบครองสื่อลามกเด็ก หรือ Child Pornography (บุคคลในสื่อลามกอายุต่ำกว่า18ปี)ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287/1

ฝากถึงพี่น้องประชาชน เซกซ์ครีเอเตอร์ และพอร์นฮับเบอร์ หรือผู้ที่คิดอยากทำเนื้อหาที่มีลักษณะลามก(Sex content)ที่จะนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ขอให้ตระหนักถึงผลกระทบด้านอื่น นอกเหนือจากในแง่ของกฎหมาย เนื่องจากเนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ดังกล่าว ไม่สามารถถูกทำให้หายไปได้ แต่จะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ วันหนึ่งท่านต้องมีครอบครัว วันหนึ่งท่านต้องออกจากวงการไปมีวิถีชีวิต หรือมีหน้าที่การงานอย่างอื่นที่อยู่นอกวงการนี้ ท่านและคนรอบตัวของท่าน คือคนที่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้โดยตรง ขออย่าให้เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า เพราะค่าตอบแทนเม็ดงามในวันนี้เป็นเพียงยาพิษเคลือบน้ำตาล ที่จะตามส่งผลร้ายแรงในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบช.ปส ตรวจยึดกัญชา 20 กิโลกรัม ส่งทางพัสดุ!! พร้อมของกลางรวมกว่า 1 ล้านบ้าน ที่โกดังบริษัทพัสดุแห่งหนึ่ง ในจว.พระนครศรีอยุธยา

วันที่ 19 ก.ย. 64 พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 พร้อมด้วยชุดจับกุม นปส.เพลินจิต กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ปป.7 สปป.ป.ป.ส., ฝขว.ศปก.ทบ. ได้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทางโซเชียล ส่งทางพัสดุไปรษณีย์โดยขยายผลจากเมื่อวันที่  18 ก.ย.64 ชุดจับกุม ได้ทำการตรวจยึดกัญชา น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ที่โกดังบริษัทพัสดุแห่งหนึ่ง จว.พระนครศรีอยุธยา   

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าวภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผช.ผบ.ตร.

ผบ.ตร. - แถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหา 8 คน ยาบ้า จำนวน 7,500,000 เม็ด กัญชา จำนวน 1,480 กิโลกรัม

วันที่ 19 ก.ย.64 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ท.ธนณัฐ ยังเฟื่องมนต์ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน., นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.สปป. สำนักงาน ป.ป.ส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.,  พล.ต.ต.สมบัติ ชูชัยยะ ผบก.อก.บช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 8 คน ของกลาง ยาบ้า จำนวน 7,500,000 เม็ด กัญชา จำนวน 1,480 กิโลกรัม

ตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด มุ่งเน้นเครือข่ายรายสำคัญและบุคคลที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อีกทั้งให้เน้นการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวมทั้งการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปประเทศที่ 3 โดยผ่านระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ ตลอดจนทำลายเครือข่ายกลุ่มนักค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส.อุดรธานี กก.3 บก.ปส.2 บช.ปส. ร่วมกับ ศวข.บก.ขส.บช.ปส. และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ทำการจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 1 คน ดังนี้  

นายเจด็จ สะดีวงค์ อายุ 45 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 5 ต.หนองข่า  อ.ปทุมราชวงศา จว.อำนาจเจริญ พร้อมของกลาง จำนวน 3 รายการ คือ

1. กัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวนประมาณ 620 แท่ง/กก.

2. รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบอร์น หมายเลขทะเบียน 1ฒก 4907 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน 

3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สถานที่เกิดเหตุ บริเวณถนนบ้านม่วง - สว่างแดนดิน (ถนนหมายเลข 2091) สี่แยกไฟแดงสว่างแดนดิน หมู่ที่ 11 ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จว.สกลนคร

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปส.3 และ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน นางกลิ่นนภา หรือกลิ่น  สมรฤทธิ์  อายุ 45 ปี  ที่อยู่ 161 หมู่ 9 ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จว.นครพนม  พร้อมของกลาง จำนวน 3 รายการ 1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ฝิ่นสุก) จำนวนประมาณ 3 กิโลกรัม 2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวนประมาณ 861 กิโลกรัม 3. รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน (นางกลิ่นนภาฯ ผตห.ขับ 1 คัน, จอดทิ้งที่เกิดแหตุ 1 คัน) โดยกล่าวหาว่า  "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ฝิ่นสุก) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" ที่เกิดเหตุ/ตรวจยึด บริเวณริมถนนพระยาพายัพพิริยะกิจ ต.ตลาด อ.พระประแดง จว.สมุทรปราการ ต่อเนื่องหลายพื้นที่หลายจังหวัดริมถนนซอยนวนคร 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี   

 

มุกดาหาร - กอ.รมน.จว. ม.ห. ลงพื้นที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ช่วยเหลือประชาชน และรักษาสถานะภาคีเครือข่ายรู้เท่าทันปัญหาการค้ามนุษย์

กอ.รมน.มุกดาหาร ในฐานะหน่วยงานความมั่นคง มีบทบาทหน้าที่บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มวลชน และประชาชน เพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง ให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชน กอ.รมน.มุกดาหาร จึงลงพื้นที่ผนึกกำลังใจคนไทยไม่ทิ้งกัน มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุงให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส covid-19

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2564 เวลา 09.00 น ภายใต้การอำนวยการของ พันเอก วิระ  สอนถม รอง ผอ.รมน.จังหวัด มุกดาหาร (ท) มอบหมายให้ พ.อ.สุรัช  จันทร์พวง หน.กนผ./ขว.กอ.รมน. ,พ.ท.ตระกูล  ตระกูลสม  หน.ขุดชุมชนสัมพันธ์ กอ.รมน. , จนท.กอ.รมน.มุกดาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มวลชน ลงพื้นที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ช่วยเหลือประชาชน และรักษาสถานะภาคีเครือข่ายรู้เท่าทันปัญหาการค้ามนุษย์ โดย ศปป.2 กอ.รมน. เป้าหมายคือประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 (COVID-19) ในพื้นที่ชุมชนตำบลมุกดาหาร จำนวน 3 เขต (16 ชุมชน) โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ถุง ได้แก่ เขต 1 ณ วัดแจ้งนาโป ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร จำนวน 74 คน ,เขต 2 ณ วัดศรีมงคลเหนือ ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร จำนวน 61 และ เขต 3 ณ วัดคำสายทอง ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร จำนวน 75 คน รวมทั้งสิ้น 200 คน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

วันหยุดเราไม่หยุด!! พันธมิตรจิตอาสา เดินหน้าช่วยกลุ่มเปราะบาง ชุมชนเสนานิคม 2 มอบข้าวปันอิ่มบรรเทาความหิว ฝ่าวิกฤติโควิด-19

(18 ก.ย.​ 64)​ ที่หน้าร้านค้ากลางชุมชนเสนานิคม 2 ฝั่งเหนือ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร กลุ่มพันธมิตรจิตอาสา นำโดย นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางถวิล เพิ่มเพียรสิน อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.1) หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 12 (สสสส.) ตัวแทนมูลนิธิสหชาติ ร่วมมอบข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมทาน จากโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” ของเครือซีพี พร้อมน้ำดื่ม โดยมี นายเมธี คล้ายรัศมี ตัวแทนผู้ประสานงาน และชาวชุมชนเสนานิคม 2 มารับมอบ 

ชุมชนเสนานิคม 2 ฝั่งเหนือ มีประชากรพักอาศัยกว่า 2,000 คน ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน ผู้ด้อยโอกาส คนตกงาน ขาดรายได้ มีจำนวนมาก

นายสมชาย จรรยา เปิดเยว่า อาหารถือเป็นปัจจัยแรกในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะในยามที่ลำบากจากวิกฤติ ผลกระทบที่ชาวชุมชนแต่ละที่ได้รับ โดยเฉพาะครอบครัวผู้ยากไร้และด้อยโอกาส หรือผู้ว่างงาน คือการรอความช่วยเหลือ “ข้าวกล่องจากครัวปันอิ่ม” เป็นที่พึ่งของชาวชุมชนช่วยแบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งยังช่วยให้ร้านอาหารได้มีรายได้พอที่จะประคองธุรกิจให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้

ไทยสมายล์บัส นำขบวน แพลตฟอร์ม รถบัสพลังงานไฟฟ้า เตรียมเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชน รถ-เรือ-ราง ทั่วกรุง ด้วยแอปพลิเคชั่น ทีเอสบี โก (TSB GO)

ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ “TSB” ผู้นำระบบแพลตฟอร์ม การให้บริการรถบัสพลังงานไฟฟ้า หรือ E-Bus ซึ่งเป็นนวัตกรรม ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบขนส่งมวลชนด้วยแอปพลิเคชั่น ทีเอสบี โก (TSB GO) ซึ่งสามารถติดตามพิกัด การเดินทางของรถประจำทาง เพื่อพลิกโฉมรถโดยสารในระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ที่ทันสมัย สะอาด สะดวกสบาย ปลอดภัย และไร้ PM2.5 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยเป็นรายแรก สนับสนุนภารกิจลดภาวะโลกร้อน เตรียมพร้อมที่จะเชื่อมต่อการเดินทาง “รถ-เรือ-ราง” แบบครบวงจร ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายเดินทางเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน

บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือ “TSB” ได้จัดพิธีเปิดการให้บริการรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า    Thai Smile Bus “The Way for your smiles” เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อมขึ้น โดยมี นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง  ไทยสมายล์บัส (TSB) ให้การต้อนรับ นายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ท่านสมัคร สุนทรเวช)แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนอย่างอบอุ่น พร้อมกับนำรถบัสพลังงานไฟฟ้า มาแสดงให้แขกผู้มีเกียรติ และผู้สนใจเยี่ยมชม สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ประทับใจ สมกับการรอคอย

 นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้ง  ไทยสมายล์บัส (TSB) กล่าวว่า “เราได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า ประชาชนในกรุงเทพฯ มีการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะถึง 2.72 ล้านคน จึงได้เตรียมการลงทุนและพัฒนาระบบต่างๆ จนในวันนี้ TSB มีความพร้อมแล้ว ที่จะนำแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ และเทคโนโลยีมาใช้เป็นหัวใจหลักในการบริการแก่ประชาชนด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และราคาประหยัด  

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา  ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสำนักงานพัฒนาภาค 4

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา  ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสำนักงานพัฒนาภาค 4

ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า ที่สำนักงานภาค  4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อ.ป่าบอน  จ.พัทลุง พลเอก นเรนทร์ สิริภูบาล ผู้บัญชาการทหารพัฒนา และคณะได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา  โดยเข้ารับการฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งสอบถามปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ณ ห้องประชุม สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมให้โอวาทแก่กำลังพล ให้แนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ปฏิบัติงานอย่างรอยคอบ มีความปลอดภัย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19

ต่อจากนั้นได้เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่กำลังพลผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน  17 นาย และร่วมรับประทานอาหารกับกำลังพล เพื่อสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชา 

สโมสรโรตารีบางรัก และ มูลนิธิเซนต์โยเซฟ มอบข้าวสารให้​ 'วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่หนองคาย'​

สโมสรโรตารีบางรัก และ มูลนิธิเซนต์โยเซฟ มอบข้าวสารให้​ 'วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่หนองคาย'​ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564 ณ​ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่หนองคาย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี "สโมสรโรตารีบางรัก" และ "มูลนิธิเซนต์โยเซฟ" มอบข้าวสารให้ "คนพิการ" และบุคลากร วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคาย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในช่วง Covid-19 โดยมี "บาทหลวงพงษ์ศักดิ์ นารินรักษ์ " จิตตาธิการวิทยาลัยฯ และอธิการวัดนักบุญอัลฟอลโซ หนองคาย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีรับมอบ

'คนสิทธิฯ-นักสันติวิธี'​ สถาบันพระปกเกล้า จูงมือ พันธมิตรจิตอาสา เดินเข้าชุมชนช่วยคนธนบุรี ปันความสุขผ่าน 'ข้าวกล่องปันอิ่ม'​

(18 ก.ย.​ 64)​ ที่ชุมชนหลวงพ่อโบสถ์บน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร กลุ่มพันธมิตรจิตอาสา พร้อมตัวแทนมูลนิธิสหชาติ นักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.) หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 11-12 (สสสส.) นำโดย นายสมชาย จรรยา อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายธนนนท ตุลาวสันต์ นางสาวพรทิพย์ เตชะสมบูรณากิจ นายสมิษฐิ์ มหาปิยศิลป์ และนายยิ่งยศ จิตเพียรธรรม ตัวแทนหลักสูตร บรอ.รุ่น 4 

ร่วมมอบข้าวกล่องพร้อมทานจากโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด” ของเครือบริษัท ซีพี พร้อมหน้ากากอนามัย นำเสริมภูมิร่างกายต้านโควิด และเจลแอลกอฮอล์ มอบให้กับชาวชุมชน โดยมี นายพศวัต สุมาสา 
ประธานชุมชน และชาวบ้าน รับมอบเพื่อนำไปรับประทาน ส่วนผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่ต้องกักตัวอยู่ภายในบ้าน ทางคณะกรรมการ จะนำไปมอบให้ในภายหลัง


 
สำหรับชุมชนหลวงพ่อโบสถ์บน มีผู้พักอาศัย 143 ครัวเรือน มีประชากรเกือบ 600 คน โดยมีผู้ที่ติดเชื้อโควิด 50 คน และทำการรักษาตามมาตรฐานด้านสาธารณสุขซึ่งหายดีแล้วเกือบหมด ล่าสุดยังเหลือผู้ที่ต้องกักตัวอีก 2 ครัวเรือน ส่วนผู้ป่วยติดเตียงมี 5 คน และผู้สูงอายุมีจำนวนเกือบ 50 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top