Sunday, 15 June 2025
SPECIAL

'YG Entertainment' ค่ายศิลปิน K-pop ชั้นนำจากเกาหลีใต้ร่วมมือกับ 'GMM Grammy' ค่ายดนตรียักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เปิด YG”MM รับสมัครเด็กเทรนนิ่งเพื่อฝึกฝน พร้อมก้าวสู่การเป็นศิลปินระดับโลก

YG Entertainment ค่ายศิลปิน K-pop จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ผลิตไอดอลระดับโลก อย่าง Bigbang , Blackpink , IKON ได้จับมือกับ GMM Grammy บริษัทดนตรีชั้นนำของประเทศไทย เปิดบริษัท YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) โดยทั้งบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศิลปินไอดอลที่ครบวงจรที่สุดตั้งแต่การคัดเลือก, ฝึกซ้อม, สร้างสรรค์และโปรโมทผลงาน เพื่อผลักดันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพระดับโลก

โดยเมื่อวานนี้ (วันที่ 27 กันยายน 2564) YG”MM ได้เปิดรับสมัครเด็กฝึกหัดเพื่อพัฒนาเป็นศิลปินระดับโลก โดยมีคุณสมบัติและขั้นตอนการสมัครดังต่อไปนี้

คุณสมบัติ 
- เพศชาย / หญิง อายุระหว่าง 10-20 ปี (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2544 - พ.ศ.2554) ผู้สมัครอายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ ต้องได้รับความยินยอมจาก พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง 
- ไม่จำกัดสัญชาติ (แต่หากผ่านการคัดเลือก จะต้องเข้ารับการฝึกในประเทศไทย) 
- ไม่มีติดสัญญาผูกพันกับค่ายเพลง, สังกัด หรือบุคคลใด ๆ 
- สามารถสมัครได้ 1 คนต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน และ/หรือ หมายเลข Passport (หากพบว่ามีการทุจริตจะถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ในภายหลัง) 

ประเภทการสมัคร 
1.) Vocal, Rap - 1 ท่อน หรือ ไม่เกิน 1.30 นาที ไม่จำกัดแนวเพลง และต้องไม่มีดนตรีประกอบ
2.) Dance - ความยาว ไม่เกิน 1.30 นาที ไม่จำกัดแนวเพลง

ปทุมธานี - บิ๊กแจ๊สไม่ยอม! ให้ปทุมธานีเป็นแก้มลิง เพื่อรับน้ำป้องกันน้ำท่วมเต็มที่!

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว 24 ชั่วโมง เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง และลงเรือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเก็บของขึ้นที่สูง หลังผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานีเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและให้ทุกอำเภอ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ฝนตกหนักหรืออาจเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ. ปทุมธานี ได้แก่ พื้นที่เสี่ยงที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกร ที่ประกอบอาชีพประมง เพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัทห้างร้าน ที่ประกอบกิจการ ในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น ร่วมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้น 30 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวานฝนตกหนักจนถึงวันนี้ก็ยังตกอยู่ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้ออกคำสั่งแล้วว่า ให้แจ้งเตือนพี่น้องชาวปทุมธานีที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง ให้เตรียมยกของขึ้นที่สูง วันนี้ได้เอาเรือออกและเตือนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งให้เตรียมขนของขึ้นที่สูง ซึ่งพี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา เขาใช้ชีวิตปกติอยู่แล้ว ในฤดูน้ำหลากเขาจะมีการเตรียมตัวของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เราก็ต้องแจ้งเตือน เพราะอาจจะมีหลายคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารทางโซเซียล อาจไม่ทราบข้อมูลข่าวสาร จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นการเตรียมการ

โดยให้นายชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ ประธานสภาสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายสมร แตงอ่อนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ให้ไปดูเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท เพื่อดูปริมาณน้ำที่แท้จริง ที่ได้ปล่อยน้ำลงมา เพื่อที่จะวางแผนให้พี่น้องประชาชนถูก เพราะจังหวัดปทุมธานีต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน 1.พี่น้องที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 2. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในช่วงคลองระบายน้ำ รังสิตเหนือและรังสิตใต้ ซึ่งจังหวัดปทุมธานีจะไม่ใช้แกมลิงอีกต่อไป หากคิดว่าจังหวัดปทุมธานีเป็นแกมลิง พี่น้องชาวปทุมธานีที่อยู่หมู่บ้านจัดสรรอีกหลายร้อยหลายพันหมู่บ้านจะต้องเดือดร้อนหากผันน้ำเข้ามาท่วมทุ่งรังสิต 

2 เดือนที่ผ่านมาเราได้เตรียมการไว้แล้ว

1.เอารถดูดโคลนเข้าไปตามหมู่บ้านจัดสรร เพื่อล้างท่อระบายน้ำ ทั้งหมด ซึ่งได้ทำไปเยอะแล้ว

2.ได้นำเรือโป๊ะแบคโฮขุดลอกคลองทุกคลอง คลองส่งน้ำต้องเป็นคลองส่งน้ำ จะมีแต่สิ่งปริกูลมีแต่ขยะเต็มคลองอย่างนั้นไม่ได้ เราไล่ดำเนินการตั้งแต่คลองระพีพัฒน์ไปจนถึงคลองรังสิตประยูศักดิ์ระยะทาง 22 กิโลเมตร ทุกคลองต้องไม่มีผักตบชวาและไม่มีหญ้าขึ้นอีกต่อไป

 

ตม.ศรีสะเกษ ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.4 และจัดหางานจังหวัด บุกรวบกัมพูชา ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 ,พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ซึมดอน ผกก.ตม.จว.ศรีสะเกษ ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา

กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.จว.ศรีสะเกษ จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน  5 ราย กระทำผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าว ทำงานโดยไม่มีในอนุญาตทำงาน หรือนอกเหนือจากสิทธิที่จำทำได้ ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561 โดยในจำนวนนั้น มีคนต่างด้าวจำนวน 4 ราย กระทำผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY)” โดยจับกุมได้บริเวณ ริมถนนสาธารณะหน้าโรงเรียนเทศบาล 6 (โรงเรียนโนนสำนัก) ต.หนองหญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีคำสั่งจัดตั้งชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่ามีคนต่างด้าวมาเร่ขายไอศกรีมในพื้นที่ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้บูรณาการร่วมกับจัดหางานจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานข้างเคียง วางแผนเข้าตรวจสอบและจับกุม

ต่อมาพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เป็นรถขายไอศกรีมมีลักษะตรงตามที่ได้สืบทราบมา จึงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว จนทราบว่า มีการรวมตัวกันบริเวณใกล้โรงเรียนเทศบาล 6 (โรงเรียนโนนสำนัก) ต.หนองหญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนั้นพบรถขายไอศกรีมอีกรวม 5 คัน โดยมีบุคคล ไม่ทราบสัญชาติกำลังจัดไอศกรีมและอุปกรณ์เตรียมออกไปเร่ขาย จึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 5 คน ทราบชื่อคือ MRS.OEM อายุ 29 ปี, MRS.CHOEURN อายุ 25 ปี,MR.THORN อายุ 34 ปี,MR.KAO อายุ 27 ปี และMR.BORA อายุ 29 ปี จากการตรวจสอบโดยใช้ระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (Biometrics) พบว่า

 1. MR.KAO อายุ 27 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ T040xxxx Over Stay จำนวน 532 วัน

 2. MRS.CHOEURN อายุ 25 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ T040 xxxx Over Stay จำนวน 532 วัน

 3. MR.THORN อายุ 34 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ N0124 xxxx Over Stay จำนวน 335 วัน

 4. MRS.OEM อายุ 29 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ T008 xxxx Over Stay จำนวน 335 วัน

 5. MR.BORA อายุ 29 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ N0109 xxxx

บก.สส.สตม.ทจับกุมชาวเมียนมา อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต จัดหางานให้นายจ้างไทย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดนั้น

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.๒ บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

จับกุม นายแสน วิ มอญ อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับ  ศาลอาญา ที่ 614/2564 ลง 30 มี.ค.2564 ในข้อหา จัดหาให้คนทำงานในประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,เป็นคนต่างด้าวทำงานไม่มีใบอนุญาตทำงาน,โฆษณาจัดหางานไม่เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฉ้อโกงประชาชน”

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. สืบสวนถึงกลุ่มขบวนการ ลักลอบขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในขั้นตอนรองรับผู้หลบหนีเข้าเมืองโดย การจัดส่งให้กับนายหน้าในพื้นที่เพื่อกระจายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบแรงงาน  ได้รับแจ้งจากมีผู้เสียหายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร้องเรียนถึงพฤติกรรมฉ้อโกง ทำเอกสารปลอมและใช้เอกสารปลอม ของชายชาวเมียนมา โดยถูกหลอกลวงจากประกาศทาง FACEBOOK ของนาย SAN โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตพม่า ว่าสามารถจัดส่งแรงงานเมียนมาให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการได้ หรือหากผู้ใดที่มีแรงงานอยู่แล้วแต่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นาย SAN ก็จะรับจัดการดูแลเรื่องเอกสารให้กับผู้ประกอบการ โดยจะเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการในการทำเอกสารคนต่างด้าว รายละ 15,000 บาท จากนั้นก็จะออกเอกสารที่ไม่ถูกต้องให้กับแรงงานต่างด้าว ไปใช้เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ประกอบการจึงได้รับความเดือดร้อน ถูกดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน จึงทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบการและคนต่างด้าว เป็นอย่างมาก จึงมีหนังสือร้องเรียนมายัง กก.2 บก.สส.สตม. ต่อมาได้สืบสวนและติดตามพฤติกรรมของนาย SAN จนสืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมตามร้องเรียนจริง อยู่ในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร โดยเปิดบ้านที่เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นเป็นสำนักงานรับจัดหางานให้กับแรงงานต่างด้าว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบสำนักงาน พบนาย SAN อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา และถูกจับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิที่ทำได้” ส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน

 

‘แอลลี่’ ศิลปินอายุน้อย มากความสามารถ ใครจะรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ เธอต้องฝ่าฟันสารพัดคำดูถูก และการถูกบูลลี่ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ตัวเอง มองมุมบวก แปรเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นแรงผลักดัน จนก้าวขึ้นมาเป็นไอดอลวัยรุ่นที่น่าจบตามอง

“แอลลี่ - อชิรญา นิติพน” ศิลปินวัย 17 ปี จากค่าย 411 Music ลูกสาวศิลปินชื่อดัง “อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน” กับ “จอย-อัจฉริยา อังคสุวรรณศิริ” ที่ล่าสุด เจ้าตัวก้าวสู่การเป็นเฟรชชี่เต็มตัว ในสาขาวิชา “Online Bachelor of Professional Studies in Music Business” วิทยาลัยดนตรีเบิร์กลีย์ (Berklee College of Music) เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปถึงเส้นทางกว่าจะก้าวเข้าสู่วงการเพลง เดินตามความฝันด้านนักร้อง ได้เป็นศิลปินคนแรกของค่าย ที่แจ้งเกิดในเพลง “How To Love” และทำงานร่วมกับ ศิลปินและโปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวเกาหลี แอลลี่ต้องผ่านการฝึกเป็นศิลปินที่ใช้มาตรฐานเดียวกับ K-pop ส่งไปฝึกที่ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งระบบการฝึกซ้อม การมีผู้จัดการดูแลใกล้ชิด ทีมโปรดิวเซอร์ระดับโลก เรียกได้ว่าได้เห็นการถูกขัดเกลาให้เติบโตทั้งความสามารถ และการมีวินัยในการฝึกอย่างทุ่มเท ผ่านคราบน้ำตามานับไม่ถ้วน

ด้วยความที่แอลลี่เป็นที่จับตามาตั้งแต่เด็ก ในฐานะทายาทศิลปินผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจ กล้าแสดงออก แต่กว่าจะมีวันนี้เธอพบความเห็นมากมายที่พูดถึงเธอในโลกโซเชียลฯ และคำตัดสินนั้นทำให้เธอเปลี่ยนไป

แอลลี่เผยว่า คำแรงที่เคยเจอมา คือ “คิดว่าไม่ได้ผ่านอะไรมาเลย You ไม่ได้พยายามเลย”

ด้วยภาพลักษณ์และการถูกจับตามอง ทำให้แอลลี่ถูกมองว่า “เป็นศิลปินด้วยวิธีการที่ง่าย” “เติบโตมาในครอบครัวศิลปิน” แต่เธอยังคงมีมุมมองบวกๆ ซึ่งรับรู้ได้ผ่านบทสัมภาษณ์ ที่กล่าวว่า

“หนูก็คิดว่าถ้าเราไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นอะไร เราสามารถถามได้ อย่างแอลลี่เทรนหนักขนาดไหน แอลลี่เทรนนานแค่ไหน เป็นเรื่องที่ถามกันได้เพราะสงสัยกันได้ค่ะ

หนูก็ตอบด้วยความยินดีอยู่แล้ว หนูชอบเล่าเรื่องมากๆ แต่ว่าในชีวิตประจำวัน ที่มีคำว่านี่ไม่ได้พยายามเลยใช่ไหม หรือว่าไม่ได้ใช้เวลากับการทำเลยใช่ไหม หนูคิดว่าคนที่พยายามจริงๆ แล้วเขากำลังเหนื่อย ได้ยินคำเหล่านั้นมันยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีกค่ะ

หลาย ๆ คนอาจยังไม่เชื่อใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 นำไปสู่การคัดค้านไม่ให้คนในครอบครัวฉีดด้วย ในประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดกรณีเด็กวัย 12 ขวบ ฟ้องร้องพ่อตัวเอง ที่ไม่ให้ฉีดวัคซีน เพราะต้องการไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังจะเสียชีวิต

ที่เมืองโกรนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เด็กวัย 12 ขวบ ชนะการฟ้องร้องในชั้นศาลเพื่อขอให้ตัวเองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เพราะผู้เป้นพ่อไม่ยอมให้ฉีด ส่วนสาเหตุในการฉีดคือ เด็กชายต้องการเดินทางไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังจะเสียชีวิต 

ในกรณีนี้ส่งผลให้ผู้พิพากษาตัดสินว่า การฉีดวัคซีนโรคระบาดโควิด-19 จะลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปยังคุณยายซึ่งกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลาม ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่มีอาการรุนแรงถ้าติดเชื้อโควิด-19 

ปัจจุบัน ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้อนุญาตให้เด็กอายุระหว่าง 12 - 17 ปีชาวดัตช์สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่เด็กอายุต่ำกว่า 17 ปีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น ซึ่งตัวของคุณพ่อไม่ต้องการให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีน

บาร์ต ทรอมป์ ผู้พิพากษาประจำศาลแขวงโกรนิงเงิน กล่าวว่า “เด็กชายควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทันที เพราะประโยชน์ที่เขาจะสร้างมีความสำคัญมากกว่าความกังวลของพ่อ”

จากกรณีที่เด็กวัย 14 ปีเสียชีวิตจากความเครียดที่ถูกโกง หลังซื้อโทรศัพท์มือสองผ่านไอจีร้าน phonebymint พบผู้เสียหายเกิน 500 คน มีเงินหมุน 35 ล้าน ทางปปง. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ แต่ยังจับตัวการมาลงโทษไม่ได้

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ได้แถลงผลการจับกุม น.ส.นฤมล ชำนาญ อายุ 18 ปี และ น.ส.สายน้ำผึ้ง ชนะมาร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในการหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้เด็กอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนทำให้น้องเกิดความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

โดยผู้ต้องหาทั้งสองอ้างว่ารับจ้างเปิดบัญชีให้ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ เปิดร้านค้าออนไลน์ผ่านอินสตาแกรมชื่อ phonebymint โดยมียอดผู้ติดตามทั้งสิ้น 60,000 คน 

เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2564 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ภัทษลัลฎาค์ เกิดพงษ์” ได้ออกมาโพสต์เนื้อหาว่า “phonebymint นางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ ตัวจริง ณ ปัจจุบัน ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง (มีผู้เสียหายกว่า 500 คน) VS ครอบครัวน้องก้องเด็กอายุ 14 ที่เครียดจนเส้นเลือดสมองแตก ที่ต้องสูญเสียน้องไปอย่างไม่มีวันกลับ ชีวิตดี ๆ บนความตายของผู้อื่น โกงมาเกิน 5 ปี ผู้เสียหายเกิน 500 คน มีเงินหมุน 35 ล้าน นางมีหลายแอ็กเคานต์ หลายเพจ นางจ้างคนเปิดบัญชีไปทั่ว เวลาเสิร์ชชื่อคนโกงจึงไม่ขึ้น เพราะเป็นบัญชีธนาคารคนอื่นที่นางจ้าง แต่สุดท้ายเส้นทางการเงินจะไปรวมอยู่ที่นาง ส่วนเด็กอายุ 18 เมื่อวานที่โดนจับแค่คนรับเปิดบัญชี

ตม.สุราษฎร์ธานี จับต่อเนื่อง! บุกรวบนักพนันเมียนมากลางสวนยาง ลักลอบเล่นพนันชนไก่ ไม่สนโควิด

27 ก.ย. 2564 เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานีแถลงการจับกุมบุคคลต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย ลักลอบเล่นการพนัน (ชนไก่)  นำโดย ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.ท.ชาตรี ชูแก้ว รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังร่วมกับ สภ.เคียนซา และ กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26  ก.ย.64 ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันจับกุมตัวบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา  จำนวนทั้งสิ้น 7 รายดังนี้

1.Mr.Si Thura

2.Mr.Aung Win Thein

3.Mr.Tun Lin Oo

4.Mr.Myo Min

5.Mr.Min Aung

6.Mr.Win Kyaw Oo

7.Mr.Win Htein

โดยจับกุมได้  ที่บริเวณภายในสวนยาง ริมถนนเคียนซา201(เจริญราษฎร์) ม.2  ต.เคียนซา อ.เคียนซา จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 7 คนว่า "ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนัน (ชนไก่) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต"

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวรวมกลุ่มกันลักลอบเล่นการพนันไก่ชนอยู่ที่บริเวณภายในสวนยางริมถนนเคียนซา 201 (เจริญราษฎร์) หมู่ 2 ต. ปลายริก อ. เคียนซา จว. สุราษฎร์ธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและสนธิกำลังร่วมกับสภ. เคียนซาวางแผนจับกุมจนกระทั่งวันนี้ (26 ก.ย. 64) เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดที่มีการลักลอบเล่นการพนันไก่ชนดังกล่าวพบบุคคลลักษณะเป็นบุคคลต่างด้าวจำนวนประมาณ 20 คนกำลังล้อมวงรอบสังเวียนชนไก่โดยมีไก่ชนกำลังชนอยู่จำนวน 1 คู่และลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อบุคคลลักษณะเป็นบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถจับกุมตัวนักพนันเมียนมา ได้จำนวน 7 คน 

นอกจากนี้ได้พบไก่ชนจำนวน 5 ตัวพร้อมสังเวียน ,ถังแก๊สและแผ่นเหล็กสำหรับลูบน้ำไก่ , เงินสดรวมทั้งสิ้น 21,290 บาท สอบถามผู้ถูกจับที่ 1-7 รับว่าได้มีนายยาวไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง สัญชาติเมียนมาเป็นผู้จัดสังเวียนขนไก่และชักชวนผู้ถูกจับกับพวกนำไก่ชนมาชนพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแต่อย่างใดโดยจัดไก่ชนจำนวน 3 ยก พนันเอาทรัพย์สินคู่ละ 5,000 บาทโดยจะนำเงินสดของแต่ละคนมารวมกันเป็นการวางเดิมพัน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม  ส่วนพวกที่หลบหนีได้ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ในที่เกิดเหตุแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ยึดอุปกรณ์ชนไก่พร้อมไก่ชนเงินสดและรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลาง  นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ. เคียนซา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6 เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น การรวมกลุ่มทำกิจกรรม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด หรืออาจเกิดคลัสเตอร์ในการแพร่ของเชื้อโรคได้

 

ลำปาง - มทบ.32 รับมอบชุด PPE และสิ่งของอุปกรณ์ จากกลุ่ม Necromancers Ns Northern Chapter ใช้ใน รพ.สนามฯ

จากความร่วมมือร่วมใจแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของทุกภาคส่วน ได้แสดงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันเต็มกำลังขีดความสามารถ เป็นผลส่งให้สถานการณ์โควิดในพื้นที่จังหวัดลำปาง มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2564  กลุ่ม Necromancers Ns Northern Chapter ได้เดินทางมามอบชุดอุปกรณ์ป้องกันตนเอง หรือชุด PPE (Personal Protective Equipment) จำนวน 60 ชุด หมวก 100 ใบ พร้อมน้ำดื่ม 70 แพค แมส 1 ลัง ขนม ให้แก่โรงพยาบาลสนามกองทัพบก ศูนย์คัดกรองกองทัพภาคที่ 3 (มณฑลทหารบกที่ 32)

โดยมี พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณหน้ากองบังคับการมณฑลทหารบกที่ 32 ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

สุโขทัย - โลกออนไลน์แห่แชร์คลิป! เจ้าอาวาสวัดหนองทอง ลุยน้ำเชี่ยวนำข้าวสารอาหารแห้งช่วยโยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาที เฟซบุ๊กชื่อ “พระอาจารย์หมู วัดพระสมุทรเจดีย์” โดยมีสป. นายธนะโรจน์ วงศ์คณาพัฒน์ วัดหนองทอง สุโขทัย และหลวงพ่อเนรมิตรพระสิวลีใหญ่ ซึ่งมีการเข้าไปแชร์และคอมเมนต์สาธุ

เนื่องจากภาพและคลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ลงภาพพระสงฆ์และลูกศิษย์ช่วยกันนำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ใส่เรือก่อนที่จะช่วยกันดันเรือผ่ากระแสน้ำที่ไหลแรงและเฉียวออกจากทางประตูวัดกำแพงงาม ตำบลบ้านกล้วย เข้าไปในวัดกำแพงงามเพื่อที่จำนำข้าวสารอาหารแห้ง ไปให้โยมที่บ้านอยู่ด้านหลังวัดกำแพงงาม ที่ถูกน้ำท่วมไม่สามารถออกมาด้านนอกได้เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง

กรมส่งเสริมการเกษตร แถลงข่าวออนไลน์เผยความคืบหน้าโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ จาก COVID-19 ดำเนินการได้ตามแผน เกษตรกรสามารถลดต้นทุน

 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกภาคส่วน ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบของพี่น้องเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการจัดซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ที่ประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้ “โครงการแบ่งปันน้ำใจ เกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19” ซึ่งดำเนินการแล้ว 264 ครั้ง 46 จังหวัด รวมเป็นมูลค่าสินค้าทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร รวมถึงการช่วยกระจายผลผลิตให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ในแคมเปญ  “เกษตรกรแฮปปี้”  จำนวน 2 เฟส  สามารถช่วยระบาย มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ได้จำนวนมาก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ทำให้ราคาผลไม้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการขนส่งและเป็นจุดกระจายสินค้า 

สำหรับระยะยาว กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการสำคัญหลายโครงการ ภายใต้โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีโครงการสำคัญหลายโครงการได้แก่ โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งมีหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการ และโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินการในแต่ละโครงการ กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการเป็นไปตามแผนที่ได้วางกรอบเอาไว้เป็นที่น่าพอใจ และพร้อมกำชับให้กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบอย่างต่อเนื่อง  

ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการ แบ่งตามแหล่งที่มาของงบประมาณ ประกอบด้วย 1) เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 จำนวน 12 โครงการ เช่น โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) และโครงการที่หน่วยงานระดับจังหวัดเสนอขอดำเนินการ เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (สมุทรสงคราม) โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัยเชิงการค้าในกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (จังหวัดสตูล) เป็นต้น  ผลการดำเนินงานโดยภาพรวม มีการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 3,029 ล้านบาท คิดเป็น 56.92% ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร โดยมีหลายโครงการที่ดำเนินการเบิกจ่ายเสร็จสิ้นแล้ว  และ 2) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  
จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (จังหวัดสมุทรสงคราม) และโครงการโรงเรือนเพาะเห็ดอัจฉริยะ (จังหวัดสระบุรี) ขณะนี้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 1.14 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 83.37 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับ 

พันธมิตรจิตอาสา ขนข้าวกล่อง-น้ำดื่มแจก 'คนไร้บ้าน'​ ย่านหัวลำโพง ตะลุยฝั่งธนฯ แบ่งปันอาหารปันอิ่มช่วยชาวบางขุนเทียน สู้ภัยโควิด

(25 ก.ย.64)​ ที่หน้าบริษัท เปรมสวัสดิ์ (TALON) จำกัด ปากซอยบางขุนเทียน 11 นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นางสาวพรทิพย์ เตชะสมบูรณา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทในเครือ เวิลด์เมดิคอลซัพพลาย จำกัด ตัวแทนนักศึกษา สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.) หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 11-12 (สสสส.) พร้อมตัวแทนมูลนิธิสหชาติ ที่รวมตัวจากองค์กรต่างๆ ในนามกลุ่ม “พันธิมิตรจิตอาสา” เป็นสะพานบุญ ส่งมอบข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมทาน โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” จากเครือบริษัท ซีพี และโลตัส ส่งต่อความห่วงใยถึงชาวบ้านในชุมชน โดยมี นายชัยสิทธิ์ คุ้มปลื้ม ตัวแทนพร้อมชาวบ้านหมู่บ้านไกรสร เขตบางขุนเทียน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นำไปรับประทาน 

นายชัยสิทธิ์ คุ้มปลื้ม เปิดเผยว่า ชุมชนหมู่บ้านไกรสรมีผู้พักอาศัย 500 คน ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่กับบ้าน เป็นแม่บ้าน ยังมีความต้องการได้รับความช่วยเหลืออยู่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มีผู้ติดเชื้อโควิดประมาณ 50 คน โดยทุกคนได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล และสาธารณสุข นำผู้ป่วยไปพักฟื้น ส่งไปรักษา หรือบางรายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จะมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือถึงในบ้าน รวมถึงวันนี้ ได้รับการเอื้อเฟื้อจาก กลุ่มพันธมิตรจิตอาสา ที่นำอาหารพร้อมทานจากครัวปันอิ่ม มาแบ่งปันส่งมอบให้กับคนในชุมชนถึงมือ ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานแจ้งว่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรจิตอาสา แบ่งปันอาหารแก่ชาวบางขุนเทียนเสร็จสิ้น จึงเดินทางต่อนำอาหารและน้ำดื่มมาแจกจ่ายคนไร้บ้านหรือคนยากจน ที่รวมตัวกันอยู่ริมถนนฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม ติดกับสถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอด บรรดาคนไร้บ้าน ต่างพากันวิ่งกรูเข้ามา โดยไม่มีการนัดหมาย ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนใจบุญนำอาหารมาแจก ทีมงานกลุ่มพันธมิตรจิตอาสา จึงแจ้งขอให้เข้าคิว และเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แล้วค่อทยอยเดินเข้ามารับน้ำดื่มพร้อมอาหารนำไปรับประทาน 

กะเทาะ ‘ปัญหาเรียนออนไลน์’ วิกฤตการศึกษา ในยุคโควิด-19 | LOCK LENS GURU EP.47

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง 

???? พบกับ กูรู ‘ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา’ 
อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

???? ช่องทางรับชม LIVE 
YouTube: THE STATES TIMES

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021091105

.

.

“Joyful Train” รถไฟสายสุข ความสนุกที่เลือกได้ในแดนซากุระ

เราอาจจะคุ้นเคยกับภาพรถไฟนำเที่ยวของไทยที่ใช้ขบวนรถไฟปกติมาจัดเป็นขบวนพิเศษรับส่งผู้โดยสารไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เมื่อถึงปลายทางที่กำหนดก็ลงไปเล่นน้ำตก นอนเล่นริมชายหาด แล้วก็นั่งรถไฟขบวนเดิมกลับบ้าน แต่ในญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำทางด้านการขนส่งทางรถไฟได้มีการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ที่ผู้โดยสารสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์แปลกใหม่ระหว่างการโดยสาร ซึ่งเรียกขบวนรถไฟแบบนี้ว่า “Joyful Train”

Joyful Train เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่จัดเฉพาะเพื่อการท่องเที่ยว อาจจะมีการวิ่งเป็นประจำหรือวิ่งแค่ตามช่วงเทศกาล และรถที่ให้บริการมีตั้งแต่การจัดชุดขบวนโดยมีรถจักรไอน้ำลากจูง ขบวนรถดีเซลราง ขบวนรถไฟฟ้า รวมไปถึงรถไฟชินคันเซ็น และที่มีการพูดถึงกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวนั้นคือขบวนรถ Joyful Train ที่ให้บริการโดย JR East ที่ขบวนรถได้ที่ถูกออกแบบและตกแต่งให้เข้ากับธีมงานหรืองานเทศกาลต่าง ๆ ตั้งแต่การออกแบบที่นั่ง กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำบนรถ และอาหารที่ให้บริการ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างการเดินทาง

JR East เป็นผู้ให้บริการเดินรถทางภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น มีบริการ Joyful Train ในหลายรูปแบบ ขอเริ่มด้วยการแนะนำขบวนรถที่มีรูปแบบการตกแต่งภายในแบบเฉพาะตัวและมีกิจกรรมพิเศษบนขบวนรถ 

Toreiyu Tsubasa 
ขบวนรถไฟชินคันเซ็นที่ให้บริการในจังหวัดยามากาตะ และจังหวัดนี้มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น จึงได้ออกแบบให้มีอ่างแช่เท้าออนเซ็นบนรถ พร้อมกับที่นั่งบุเสื่อทาทามิ เพื่อให้รู้สึกเหมือนกับการพักผ่อนหลังจากแช่น้ำแร่ตามเรียวกัง พร้อมเคาน์เตอร์ให้บริการเครื่องดื่มที่เป็นผลผลิตมาจากท้องถิ่น และยังได้ของที่ระลึกเป็นผ้าขนหนูลายพิเศษสำหรับขบวนนี้โดยเฉพาะ

POKÉMON with YOU Train 
รถไฟขบวนนี้เริ่มให้บริการในปี 2012 เพื่อเป็นการสร้างความสุขให้เก็บเด็ก ๆ หลังจากที่ญี่ปุ่นต้องประสบกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขบวนรถตกแต่งด้วยสีเหลืองพร้อมกับตัวการ์ตูนปิกาจู ในขบวนมีรถเพียงแค่ 2 คัน คือตู้โดยสารและตู้ Playroom สำหรับเด็ก ๆ ให้มาเล่นกับตัวการ์ตูน และตามสถานีรถไฟต่าง ๆ ที่รถจอด ยังมีจุดให้ถ่ายรูปกับเหล่าตัวการ์ตูนอีกหลายที่พร้อมจุดเช็กอิน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้โดยสารเดินเที่ยวไปทั่วเมือง

HIGH RAIL 1375
เส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านเป็นทางรถไฟที่อยู่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น คือที่ระดับความสูง 1,375 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงนำความสูงนี้มาตั้งเป็นชื่อขบวนรถ และจัดธีมของรถขบวนนี้ให้เป็นรถไฟที่อยู่ใกล้ท้องฟ้ามากที่สุด และมุ่งเน้นการดูดาวจากจุดสูงสุดที่รถไฟสามารถผ่านได้ หากมาเที่ยวช่วงกลางวันสามารถมองวิวจากภาพมุมสูงและดูท้องฟ้าจำลองที่มีในรถได้ แต่หากมารอบเย็นจะได้ลงแวะที่สถานี และมีทัวร์ไปดูดาวที่รวมอยู่ในค่าโดยสารแล้วด้วย

นอกจากนั้นยังมีขบวนรถที่ทำเป็นภัตตาคารเคลื่อนที่ ผู้โดยสารสามารถชิมอาหารรสเลิศที่ปรุงจากวัตถุดิบในท้องถิ่นพร้อมกับชมบรรยากาศอันสวยงามสองข้างทาง

อัฟกันฯ ระอุ!! กาตาร์ - ปากีสถาน เริ่มบีบตอลิบาน หลังเบี้ยวสัญญาที่ให้ไว้

อัฟกานิสถานกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงทางสังคมและการเมืองอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลที่นำโดยกลุ่มตอลิบานเริ่ม ‘ออกลาย’ โดยมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงตั้งแต่ชั้นมัธยมไปเรียนหนังสือ และเริ่มห้ามผู้หญิงทำงาน ไปจนถึงบังคับให้ผู้หญิงใส่บูร์กา (Burqa) ซึ่งเป็นชุดคลุมทั้งตัวและใบหน้า

ในขณะที่ตอนตอลิบานเข้ามายึดคาบูล ตอลิบานประกาศว่าจะอนุญาตให้ผู้หญิงเรียนหนังสือและทำงานได้ปกติแค่ต้องใส่ฮิญาบ (Hijab) เท่านั้น

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการผิดสัญญาและแนวทางสันติภาพที่เคยตกลงไว้ในเวทีสันติภาพที่โดฮา ประเทศกาตาร์นั้น คาดการณ์ว่าเกิดจากความขัดแย้งภายใน

สายพิราบ vs สายเหยี่ยว
ปัจจุบันตอลิบานแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ ตอลิบานสายพิราบนำโดย Mullah Abdul Ghani Baradar หรือ ‘บาราดาร์’ และตอลิบานสายเหยี่ยวหรือพวกหัวรุนแรงที่ยึดถืออุดมการณ์รัฐอิสลามดั้งเดิมของตอลิบาน ที่นำโดยนาย Sirajuddin Haqqani หรือ ‘ฮักกานี’ ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย

โดยนายบาราดาร์ เป็นผู้บินไปเจรจาสันติภาพกับสหรัฐอเมริกา ที่กรุงโดฮาประเทศกาตาร์ และยังเป็นผู้นำตอลิบานคนแรกที่ได้พบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย

แต่แม้ว่านายบาราดาร์จะเป็นหัวหอกในการเจรจาสันติภาพก็จริง แต่อำนาจในการรบและกำลังทหารกลับอยู่กับกลุ่มของนายฮักกานี ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบอิสลามมิสท์ที่รู้จักแต่การสู้รบ และยังยึดมั่นกับอุดมการณ์ทางศาสนาแบบสุดโต่งเช่นเดิม

ดังนั้นในความเป็นจริง รัฐบาลตอลิบานอาจไม่ได้เป็นไปดังที่นายบาราดาร์เคยให้สัญญาไว้ ประกอบกับที่นายบาราดาร์หายตัวไปหลายวัน แม้แต่ตอนที่รัฐมนตรีต่างประเทศของกาตาร์บินมาอัฟกานิสถาน บินมาหารือกับตอลิบานล่าสุด นายบาราดาร์ก็ไม่ได้ไปพบ ทั้งที่เป็นผู้นำทีมเจรจาตั้งแต่แรก

ถึงขั้นมีข่าวออกมาว่านายบาราดาร์ถูกกลุ่มของนายฮักกานีสังหารจนเสียชีวิตไปแล้ว แต่ล่าสุดก็มีการนำวิดีโอที่มีนายบาราดาร์ ออกมายืนยันว่าตนเองยังไม่ตาย และอย่าไปเชื่อข่าวปลอม แต่หลายฝ่ายก็ยังมองว่าทั้งหมดอาจเป็นการจัดฉากบีบให้นายบาราดาร์สื่อสารเช่นนั้นก็เป็นได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top