Tuesday, 17 June 2025
SPECIAL

'กรณิศ' โต้ 'ก้าวไกล' บิดเบือนแรง กรณีสั่งซื้อ iPad พ้อ!! ข้าราชการไม่มีสิทธิใช้เครื่องมือที่ทันสมัยหรือ?

กรณิศ โต้ ส.ส.ก้าวไกลบิดเบือด ใช้มโนคติ คิดเองว่าสำนักนายกฯ จะซื้อ iPad ให้ข้าราชการ ชี้!! ข้าราชการมีสิทธิใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ 

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ​(พปชร.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงชี้แจงกรณีที่ส.ส.พรรคก้าวไกล มีการพาดพิงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าจะซื้อ iPad ProM1 ตัวท็อป พร้อมอุปกรณ์เสริมให้กับข้าราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวน 135 เครื่องเป็นเงิน 10 ล้านบาท ว่า...

'สนธิรัตน์' แนะ รัฐเตรียมการรับมือผลกระทบค่าไฟฟ้า-ค่าเงินบาทต่อประชาชน ห่วงติดกับดักระเบิดระลอกใหม่

วันนี้ (17 ก.ค.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยระบุว่า ค่าไฟ  และค่าเงินบาท เป็น 2 เรื่องกระทบปากท้องที่ต้องจับตา สัปดาห์ก่อนตนสำรวจข้อมูลเรื่องสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จะเห็นว่าส่งผลกระทบต่อพวกเราเต็มๆ โดยสัปดาห์นี้มีอีก 2 เรื่องที่ขอพูดถึงเพราะถือเป็น “ระเบิดเวลาปัญหาปากท้อง” ลูกต่อไป

1. ค่าไฟฟ้า (ค่าเอฟที FT) ที่กำลังเตรียมจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยหน่วยละ 5 บาท ในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคมที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมรับมือกับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลขีดสามารถในการส่งก๊าซของแหล่งบงกชเหนือ หรือ GBN  ว่าลดลงจากเดิม 500 เหลือ 385 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ช่วง 29 มิ.ย. - 16 ก.ค. 65) ซึ่งความสามารถที่ลดลงนี้อาจจะมีผลต่อการผลิตไฟฟ้า 

ทั้งนี้ ตนขออธิบายว่า ก๊าซธรรมชาติถูกนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการใช้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือเป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรม โรงแยกก๊าซ NGV และอื่นๆ โดยปัจจุบันความสามารถในการผลิตเราเทียบกับช่วงปีก่อนเหลือเพียงแค่ 65 เปอร์เซ็นต์ ลดลงกว่า 20.6 เปอร์เซ็นต์ ในการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้เอง 

ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ด้วยค่าก๊าซที่ตลาดโลกมีราคาแพงเราต้องนำเข้า ปัจจุบันแบ่งเป็นการนำเข้าจากเมียนมาร์ 17 เปอร์เซ็นต์ จากแหล่งยาดานา ซอติกา และเยตากุน และอีก 18 เปอร์เซ็นต์ คือนำเข้า LNG จากประเทศผู้ผลิตอื่น ๆ  ซึ่งในอนาคตการนำเข้าในสัดส่วนนี้จะเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งความสามารถการผลิตเรามีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เราก็จำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าที่มากขึ้น และแน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยต้นทุนด้านการแปรสภาพ LNG ให้เป็นก๊าซธรรมชาติและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง

นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ในส่วนของการนำเข้าทั้งจากเมียนมาร์ และ LNG จากผู้ผลิตเป็นการจัดซื้อโดยจ่ายเป็นเงินสกุล USD (ดอลลาร์สหรัฐ) และยิ่งค่าเงินบาทยิ่งอ่อนมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่า ราคาก๊าซจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสนใจในเรื่องค่าเงินบาท

2. ค่าเงินบาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เงินบาทอ่อนค่าไปที่ 36.73 บาทต่อ 1 USD อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 15 ปี และมีแนวโน้มผันผวน และมีความเสี่ยงที่จะอ่อนค่าลงอีก จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และมีผลต่อการแข็งค่าของ USD และความกังวลสถานการณ์โควิดในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องค่าเงิน และสถานการณ์เหล่านี้ยังไม่จบง่าย ๆ เราคงจะได้เห็นสถานการณ์ที่ยาวต่อจากนี้ ทั้งความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครนที่ทอดระยะเวลาออกไป ปัญหาเงินเฟ้อ และการเพิ่มดอกเบี้ยของ FED ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้

สำหรับค่าเงินที่อ่อนลงแม้จะเป็นความโชคดี และเอื้อต่อการส่งออกในบ้านเราที่มากขึ้น แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นผลกระทบในเชิงลบสำหรับธุรกิจภาคเอสเอ็มอี (SME) ที่นำเข้าสินค้า ที่จะได้รับทั้งผลกระทบจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นและไม่มีกำลังพอที่จะพัฒนาขีดความสามารถต่อภายใต้เงื่อนไขที่เป็นอยู่ รัฐจะต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป ไม่ว่าจะผ่านการจ้างงาน หรือพัฒนาความสามารถในการแข่งขันต่อไป

'อรรถวิชช์' เซ็ง ฝ่ายค้าน ไม่เอ่ยถึง รมว.พลังงาน ในศึกอภิปรายฯ ทั้งที่น้ำมันแพง-ค่ากลั่นสูงเกินจริง

'อรรถวิชช์' ผิดหวังฝ่ายค้าน น้ำมันแพง ค่ากลั่นสูงเกินจริง แต่ไม่มีชื่อ 'รมว.พลังงาน' ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วอนทุกฝ่าย อย่าทำให้ธุรกิจพลังงานเป็นแดนสนธยา 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า พร้อมด้วย โค้ชกานต์ นายกานต์ เพชรบูรณ์ คณะทำงานด้านกีฬา พรรคกล้า เปิดงานแข่งขันเปตอง K-Sport Mini Open เพื่อหาทุนสนับสนุนนักกีฬาเปตองระดับเยาวชน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขันถึง 66 ทีม ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วที่มีจัดการแข่งขันฟุตซอล โดยกลุ่ม Kla Sport ของพรรคกล้า ใช้กีฬาสานสัมพันธ์ในพื้นที่ ผลักดันนโยบายพัฒนาเยาวชนสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ สร้างรายได้ 

'รัสเซีย-เมียนมา' ความสัมพันธ์แบบ 'มหามิตร' แม้เวลาเปลี่ยน 'เพื่อนหมี' ยังเคียงข้างเสมอ

หลังจากที่เกิดการรัฐประหารในเมียนมา ก็เริ่มมีชื่อหลายประเทศที่เข้ามาสนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมา และประเทศหนึ่งที่ในอดีตแทบจะไม่มีใครพูดถึงเลย แต่แท้จริงมีความสัมพันธ์กับกองทัพเมียนมาอย่างแน่นแฟ้น นั่นก็คือ รัสเซีย

ความแน่นแฟ้นนี้สามารถย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่พม่ายังตกอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ และช่วงหนึ่งที่มีการลุกฮือขึ้นต่อต้านอังกฤษจากผู้นำที่ชื่อ 'นายพลอองซาน' จนถึงช่วงที่ได้รับเอกราชจากอังกกฤษนั้น นายพลอองซาน ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งพม่า ถึงกับถูกจารึกไว้ในงานเขียนของ โจเซฟ ซิลเวอร์สตีน ที่เขียนไว้ใน 'มรดกทางการเมืองของอองซาน' ว่า...

"นายพลอองซาน หนี้สินทางปัญญาต่อ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียต และผู้นำคอมมิวนิสต์คนอื่นๆ ได้ผลักดันให้เขาสามารถปลดแอกพม่าจากอังกฤษและนำพาพม่ามาเป็นประเทศสังคมนิยมในที่สุด ซึ่งในระหว่างการต่อสู้กับจักรวรรดิอังกฤษนั้น ทางโซเวียตให้ทั้งการสนับสนุนทางศีลธรรมและความช่วยเหลือทางการเงินแก่กลุ่มนักปฏิวัติชาวพม่าที่กำลังต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของอังกฤษด้วย"

แม้ภายหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ยังดำเนินนโยบายกับทางเมียนมา ว่าไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศและยังยับยั้งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อช่วยเมียนมาอีกด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมา กับรัสเซียยิ่งแนบแน่นมากขึ้นเมื่อรัสเซียได้มีส่วนร่วมในโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ และได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ด้านการป้องกันรายใหญ่ให้แก่กองทัพเมียนมา 

เปิด Resume รุ่นลายครามของพ่อมดไอที 'บิลเกตส์' สะท้อน!! รั้วการศึกษาแคบเกินไปสำหรับเขาจริงๆ

'บิล เกตส์' (Bill Gates) อยู่ดีๆ นึกครึ้มใจในวัยเกษียณ ขอแชร์จดหมายสมัครงาน หรือ Resume ของตัวเองที่เขียนขึ้นในปี 1974 ลงในเว็บ LinkedIn มาให้คนทั่วไปลองได้อ่านกัน ซึ่งในขณะนั้น บิล เกตส์ เพิ่งเข้าเรียนปีแรกในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

โดย Resume ฉบับนั้น ได้เปิดเผยส่วนสูง และน้ำหนักของบิล เกตส์ในวัย 19 ปี รวมถึงที่อยู่บ้านเก่าของพ่อ-แม่ของเขา และประสบการณ์เขียนโปรแกรมกับเพื่อนๆ สมัยมัธยม 

บิล เกตส์ ได้พูดแบบถ่อมตนว่า "ตัวผมตอนนั้นยังเขียน Resume ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เด็กรุ่นใหม่ๆ สมัยนี้ ซึ่งต่อให้ยังไม่จบมหาวิทยาลัยก็เถอะ แต่รับรองว่า เขียน Resume ได้ดีกว่าผมทุกคน"

แต่ความมหัศจรรย์ของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ทักษะการเขียน Resume หากแต่อยู่ที่เนื้อหาที่เขียนลงไปต่างหาก ที่ทำให้เราได้เห็นภาพจุดเริ่มต้นของ บิล เกตส์ ก่อนที่จะกลายเป็นพ่อมดแห่งวงการ IT ของโลกในเวลาต่อมา 

เริ่มต้นจากตัวเลขเงินเดือนที่เขาหาได้ แม้เพิ่งเข้าเรียนปีแรกที่ฮาร์วาร์ด ก็สูงถึง 12,000 เหรียญ (4.3 แสนบาท) ที่แม้แต่ยุคสมัยนี้ก็ถือเป็นรายได้ที่สูง ยิ่งย้อนกลับไปเมื่อ 48 ปีก่อน ยิ่งนับว่าเป็นรายได้ที่สุดยอดมากจริงๆ สำหรับเด็กมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเข้าเรียนปี 1 

แต่พอให้ระบุรายได้ หรือสถานที่ทำงานที่ต้องการ เขากลับตอบกว้างๆ ว่า "รายได้เท่าไหร่ หรือทำงานที่ไหนก็ได้" และ บิล เกตส์ หมายความเช่นนั้นจริงๆ เพราะหลังจากนั้นเพียง 1 ปี บิล เกตส์ ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไปตั้งบริษัท Microsoft กับเพื่อนสนิทอีกคน คือ 'พอล อัลเลน' ไกลถึงเมืองแอลบูเคอร์คี ในรัฐนิวเม็กซิโก 

ส่วนด้านการเรียน บิล เกตส์ ได้แจกแจงคอร์สที่เขาได้ลงเรียนในปีแรกที่ ฮาร์วาร์ดไว้ใน Resume ด้วย ซึ่งเป็นวิชาเกี่ยวกับระบบจัดการคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลและกราฟิก แถมยังระบุด้วยว่า ตนเป็นนักเรียนดีเด่น และได้เกรด A ทุกวิชา 

'หมอโต' อุทิศร่างเป็น 'อาจารย์หมอ' หลังเสียชีวิตจากเหตุการณ์ช่วย นทท. จมน้ำ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ร่วมอาลัย 'หมอโต' ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้อื่นจนนาทีสุดท้าย เสียชีวิตขณะลงไปช่วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจมน้ำที่หาดกะตะ จ.ภูเก็ต จนเสียชีวิตทั้งคู่ อุทิศร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ คณะแพทยศาสตร์ มช. เพื่อน ร่วมงาน ระบุเป็นคนดี

จากกรณี นายแพทย์สุรสิทธิ์ พงษ์เลาหพันธุ์ หรือหมอโต อายุ 55 ปี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลลำปาง ได้ลงไปช่วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กำลังจะจมน้ำทะเลที่หาดกะตะน้อย ต.กะรน จ.ภูเก็ต ขณะเดินทางไปเที่ยวกับครอบครัว

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ และนายแพทย์สุรสิทธิ์ พงษ์เลาหพันธุ์ ความกล้าหาญของคุณหมอได้รับการยกย่อง และไว้อาลัยแก่การจากไปของคุณหมอ ในโลกออนไลน์เป็นวงกว้าง

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 17 กรกฎาคม 2565 : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น
ปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ถ้าไม่มีความขยันหมั่นเพียร
มีแต่ความเกียจคร้าน
จะไม่มีทางพบกับความสำเร็จ
ในสิ่งนั้น ๆ เลย...

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
 

เรื่องวุ่นๆ กรุงเทพกลางแปลง หลังคนคลองเตยไล่กลุ่มยกเลิก 112 ที่เตรียมเปิดบูทรำลึก 'วัฒน์ วรรลยางกูร’ ผู้เขียนนิยายมนต์รักทรานซิสเตอร์

กลายเป็นเรื่องวุ่นๆ ในการจัดงานกรุงเทพกลางแปลงที่ศูนย์เยาวชนคลองเตย หลังกลุ่มเคลื่อนไหวยกเลิกมาตรา 112 ถูกปฏิเสธตั้งบูทรำลึกผู้เขียนนิยายมนต์รักทรานซิสเตอร์ เหตุนำลูกโป่งข้อความ 'วัฒน์ วรรลยางกูร ยกเลิก 112' เข้ามา ฟากคนคลองเตยขับไล่ ถามสรุปให้ฉายหนังหรือมาการเมือง ขณะที่ 'ปิยบุตร-เจี๊ยบ คลองถม' ได้ทีขยี้ เปรียบเหมือนตัวละครถูกไล่ ส่วน 'จอม ไฟเย็น' เผยเบื้องหลังจะเปิดตัววงดนตรี 'กิโยติน' เตรียมเพลงไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น

วันนี้ (16 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่กรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรม "กรุงเทพกลางแปลง" ฉายหนังกลางแปลงทั่วกรุงเทพฯ ตามนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ และกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ได้มีการจัดงานฉายหนังกลางแปลง เรื่อง 'มนต์รักทรานซิสเตอร์' แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นได้มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า 'กลุ่มนาดสินปฏิวัติ' นำโดย น.ส.กัลยมน สุนันท์รัตน์ หรือมิ้นท์ ฉายาเจ๊เขียว นำลูกโป่งข้อความ 'วัฒน์ วรรลยางกูร ยกเลิก 112' เข้ามาในพื้นที่งาน แต่ทางผู้จัดงานที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยไม่อนุญาตให้เข้ามาทำกิจกรรม จึงเกิดการโต้เถียงกัน

ขณะที่นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ 'ป้าเป้า' ผู้สูงวัยที่เป็นขวัญใจผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าราษฎร ได้มีปากเสียงกับชายชาวคลองเตยรายหนึ่ง ต่อมาชาวคลองเตยหลายรายรวมตัวกันไล่กลุ่มนาดสินปฏิวัติ และป้าเป้าออกจากพื้นที่ โดยชาวคลองเตยคนหนึ่งตะโกนว่า "สรุปแล้วนี่มาฉายหนังให้ดูหรือมาการเมือง" ขณะที่ตำรวจ สน.ท่าเรือได้ยึดลูกโป่งดังกล่าว ก่อนที่แกนนำจะตามไปรับคืน

ทันทีที่เรื่องนี้เกิดขึ้น เฟซบุ๊ก 'Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล' ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ก็ได้โพสต์ข้อความ เราต่างมีโอกาสกลายเป็น “แผน” และ “บักเสี่ยว” โดยระบุว่า ในภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” ซึ่งนำมาจากนวนิยายของนายวัฒน์ วรรลยางกูร มีฉากหนึ่งที่ “แผน” และ “บักเสี่ยว” หลบหนีออกจากงานตัดอ้อยได้ “บักเสี่ยว” มีเรื่องทะเลาะกับเจ้าของไร่อ้อย “แผน” เข้าไปช่วย “บักเสี่ยว” จนเกิดการมะรุมมะตุ้มกัน แผนและบักเสี่ยววิ่งหนีออกจากไร่อ้อย หลบขึ้นรถบรรทุกเข้าไปถึงในเมือง เร่ร่อน นอนข้างทาง คุ้ยหาของในขยะ จนได้เข้าไปในงานเลี้ยงไฮโซที่ให้ผู้ร่วมงานแต่งชุดแฟนซี และจัดระดมทุนให้คนบริจาคทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้

ด้วยสภาพการแต่งกายของแผนและบักเสี่ยว ที่มอมแมม สกปรก เสื้อขาด อันเนื่องมาจากการทำงานในไร่อ้อยและหลบหนีออกมา นอนข้างถนน ทำให้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงเข้าใจว่าทั้งสองคือแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน และเลือกแต่งแฟนซีสไตล์คนจน ไร้บ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น แผนและบักเสี่ยวเลยทำเนียนอยู่ในงาน มีผู้รากมากดี ไฮโซ เข้ามาคุยกับเขามากมาย ยกยอปอปั้น แนะนำตัวตามประสางานปาร์ตี้ไฮโซ ทั้งสองคนกินอาหารด้วยความหิวโหย ในที่สุด พวกเขาก็ถูกจับได้ เลยโดนคนจัดงานหิ้วตัวโยนออกมา จากเสียงอ่อนหวานแนะนำตัวโอภาปราศรัยตามสำเนียงผู้รากมากดีของบรรดาแขกเหรื่อ ก็กลายเป็นเสียงก่นด่าสาปส่งใส่แผนและบักเสี่ยวแทน จากงานบุญให้ “คนรวย” สำลักความดีด้วยการช่วย “คนจน” ก็กลายเป็น งานบุญที่ให้ “คนรวย” ไล่ “คนจน” ออกจากงาน

เมื่อเย็นวันที่ 15 ก.ค. กรุงเทพมหานครจัดฉาย “หนังกลางแปลง” ที่คลองเตย ตามแนวนโยบายการเปิดพื้นที่สาธารณะในกรุงเทพมหานครของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้พักผ่อนหย่อนใจและได้เสพงานศิลปวัฒนธรรม กำหนดการฉาย เป็นภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” มีผู้กำกับ ดารานำชาย หญิง ร่วมสนทนา ก่อนเริ่มงาน มีนักกิจกรรมถือลูกโป่งรูป วัฒน์ วรรลยางกูร พร้อมข้อความยกเลิกมาตรา 112 พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้างาน ส่วนในโลกออนไลน์ ความเห็นที่ปรากฏในไลฟ์ และรายงานข่าวมีคนมากมายบอกว่า…พวกนี้ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้หรือไงว่าเขาฉายหนังไม่ใช่งานการเมือง อยากรณรงค์ยกเลิก 112 ไปทำที่อื่น บางคนไปไกลขนาดว่า เดี๋ยวผู้ว่าฯ ของเราจะเดือดร้อน … เราทุกคนต่างก็มีโอกาสกลายเป็นแผนและบักเสี่ยว

จะกดดันทุกรูปแบบ!! ว่าที่ทูตสหรัฐ ประกาศจะให้ไทยปรับปรุงสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และลดการซื้อพลังงานจากพม่า เพื่อกดดันให้รัฐบาลทหารคืนประชาธิปไตย

นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐว่า ตั้งใจจะช่วยไทยปรับปรุงเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศ และให้ไทยร่วมกดดันพม่าด้วย

วุฒิสมาชิกสหรัฐตั้งกระทู้ถามนายโกเดคถึง ม. 112 ซึ่งส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และมีผู้ถูกจับกุมคุมขังมากมาย

นายโกเดค กล่าวว่า สหรัฐเคารพราชวงศ์ไทยในฐานะสถาบันหนึ่ง และเข้าใจความจงรักภักดีของคนไทยต่อราชวงศ์ แต่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เขาเคยเน้นย้ำทั้งต่อสาธารณะและในทางส่วนตัวถึงความสำคัญที่ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องหวาดกลัวการถูกจับกุม และจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

“ผมขอย้ำว่า คนที่ถูกจับกุมตัวจะต้องได้รับการปฏิบัติโดยเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเต็มที่ในระหว่างการดำเนินคดี”

ว่าที่ทูตสหรัฐยังระบุว่า จะช่วยเหลือประเทศไทยปรับปรุงสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงาน โดยบอกว่า ได้เห็นพัฒนาการบางอย่าง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก และเขายืนยันจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้มีพัฒนาการ

เปิดประวัติ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เจ้าของฉายา ‘นักรบกล้าใต้สุดสยาม’

หลังเกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพภาคที่ 4 ร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางสวนยางพาราของชาวบ้านหมู่ที่ 1 บ้านคลองยน ตำบลวังใหญ่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 กรกฎาคม 2565) โดยมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. และ "พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์" ตำแหน่ง "แม่ทัพภาคที่ 4" ติดอยู่ภายในเครื่อง รวม 7 นาย โดยชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือออกมาได้ ล่าสุดทุกคนอาการปลอดภัย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเทพา และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นความโชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต โดยโลกโซเชียลต่างช่วยกันภาวนาให้ทุกท่านปลอดภัย บางส่วนตั้งฉายาให้ทหารทุกนาย โดยเฉพาะพล.ทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับฉายาแม่ทัพกระดูกเหล็กไปแล้ว

หากจะย้อนประวัติของท่านในอดีต ต้องบอกว่านายทหารผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เคยผ่านสมรภูมิมามากมายสมกับคำว่า "ชายชาติทหาร"

สำนักข่าว SPMC สื่อเพื่อสันติ ให้ข้อมูลว่า เมื่อครั้งเป็น ร้อยโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ ทำหน้าที่ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4203 กรมทหารพรานที่ 42  จู่โจม ได้มีผลงานด้านยุทธการไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เขตงาน พัทลุง-ตรัง-สตูล การปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์ และนี่คือหนึ่งในหลายยุทธการของท่าน
 
เมื่อ 15 ก.พ.31 กรมทหารพรานที่ 42 (จู่โจม) ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจกวาดล้างทำลายที่มั่นของโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ตามแผนยุทธการทักษิณของกองกำลังผสมเฉพาะกิจไทย ซึ่งกรมทหารพรานที่ 42 (จู่โจม) โดยพันเอกพงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ ผู้บังคับการกรม ได้มอบหมายภารกิจดังกล่าวให้กองร้อยทหารพรานที่ 4203 มีร้อยโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็นผู้บังคับกองร้อย และกองร้อยทหารพรานที่ 4207  มีร้อยโทจรูญ เพ็ชรวา เป็นผู้บังคับกองร้อย เข้ารับผิดชอบปฏิบัติตามแผนฯ

ชื่นชม 3 เด็กหนุ่มชาวแคนาดา ช่วยหญิงสาวเข็นรถที่เสียบนทางเปลี่ยวฝ่าความมืดนานกว่า 3 ชั่วโมง พร้อมปฏิเสธสินน้ำใจที่คนส่งมาให้ล้นหลาม ยันทำด้วยหัวใจไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

เพจ 'ดร.โญ มีเรื่องเล่า' โดย ดร.โญธิน มานะบุญ นักวิชาการอิสระ ด้านความมั่นคง และประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ ได้โพสต์ข้อความสุดประทับใจของเด็กหนุ่ม 3 คนชาวแคนาดา ที่ช่วยหญิงสาวที่รถเสียบนถนนเปลี่ยว ว่า...

เด็กดีมีน้ำใจ (เด็กหนุ่มชาวแคนาเดียน)

เวลาประมาณตีหนึ่ง ขณะที่หญิงคนหนึ่งกำลังขับ Chevy Cobalt ของเธอ ไปตามทางหลวงหมายเลข 20 ที่แสนเปลี่ยวในเขต Fonthill มณฑล Ontario ประเทศแคนาดา 

ทันใดนั้นรถเธอก็เกิดเสีย โชคดีมีเด็กชายวัยรุ่นสามคนซึ่งกำลังเดินทางไปหาอะไรทานหลังกลับจากว่ายน้ำในช่วงดึก และเห็นรถที่ไอน้ำพุ่งโขมง และหญิงคนขับที่กำลังมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงลงไปช่วยทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในชุดว่ายน้ำ และพยายามช่วยกันแก้ไขซ่อมแซมรถของหญิงคนนั้น

คุณพ่อแต่ละคนของทั้งสามต่างก็เคยสอนวิธีการซ่อมรถ แต่พวกเขารู้ดีว่า อาการของรถคันนี้เกินความสามารถของพวกเขา เมื่อหญิงผู้เป็นเจ้าของรถเธอบอกพวกเขาว่า เธอไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าลากรถของเธอ 

ดังนั้น เด็กหนุ่มทั้งจึงช่วยกันเข็นรถ Chevy Cobalt ไปตามทางหลวง Merrittville Highway ไปยังบ้านของหญิงเจ้าของรถซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 4-5 ไมล์ 

ขณะที่หญิงเจ้าของรถบังคับทิศทางในขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามช่วยกันเข็นรถนานกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อถึงจุดหนึ่งระหว่างการเข็นรถนั้น Dan Morrison ผู้ขับขี่รถยนต์อีกคนหนึ่งจาก Niagara Falls ก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงขับรถช้าลง และค่อย ๆ ขับตามเพื่อให้ไฟหน้ารถส่องทางให้กับพวกเขา โดยเปิดไฟกะพริบเพื่อให้ผู้ขับขี่คนอื่น ๆ ได้มองเห็น 

Dan บอกว่า เขารู้สึกทึ่งกับความมีน้ำใจของเด็กหนุ่มทั้งสามที่ทำเพื่อหญิงคนนั้น ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพบเจอเรื่องของเด็ก ๆ แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ความเป็นพ่อทำให้ผมแค่ต้องการให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ เหล่านี้ปลอดภัย

‘บุณณดา’ เรียกร้อง ส.ก.สาทร แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ส.ก. ก่อนต่อสู้คดี ย้ำ ส.ก. ทำงานใกล้ชิดชุมชน หวั่นเป็นแบบอย่างไม่ดีต่อชุมชนและสังคม

จากกรณีที่นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร ถูกแจ้งความดำเนินคดี “อนาจาร-คุกคามทางเพศ” และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นสอบสวนนายอานุภาพให้การปฏิเสธและศาลอนุญาตให้ประกันตัว รวมถึงนายอานุภาพได้ประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกลและการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.65 ไปแล้วนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นถึงความจริงใจและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง

ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก.พรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวว่า ถึงแม้ ส.ก. เขตสาทร จะประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกลและการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรคฯ ที่มีการเรียกร้องเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมมาโดยตลอดนั้น  แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยต่อพฤติกรรมและศีลธรรมอันดีของ ส.ก.เขตสาทรท่านนี้  จึงอยากให้แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะต่อสู้คดี เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจดังเช่นนักการเมืองบางพรรคที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกัน เพราะถึงแม้จะออกมาปฏิเสธในชั้นสอบสวนแล้วนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าคดีมีมูล และสังคมต่างให้ความสนใจพร้อมทั้งเคลือบแคลงสงสัย หาก ส.ก.ท่านนี้มีความบริสุทธิ์ใจจริง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบในฐานะตัวแทนประชาชน รวมถึงการให้เกียรติสตรีเพศมากกว่านี้ 

NASA และ Roscosmos องค์กรสำรวจอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย บรรลุข้อตกลงระยะยาวฉบับใหม่ ที่จะยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกัน แถมกำลังจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักบิน และแชร์ไฟลต์สู่อวกาศร่วมกันในเดือนก.ย. นี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 65 ที่ผ่านมา NASA และ Roscosmos องค์กรสำรวจอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย เพิ่งบรรลุข้อตกลงระยะยาวฉบับใหม่ ที่จะยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกัน แถมกำลังจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักบิน และแชร์ไฟลต์สู่อวกาศร่วมกันในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

Roscosmos หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านโครงการอวกาศของรัสเซียกล่าวว่า ข้อตกลงนี้ เป็นการเห็นชอบร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือของโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสำรวจอวกาศเพื่อสันติ 

จากข้อตกลงนี้ จะทำให้ทั้งสหรัฐฯ และ รัสเซีย ยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกันได้ และนักบินอวกาศสหรัฐฯ ยังสามารถเข้าถึงยานแคปซูล Suyuz ของรัสเซียได้ด้วย 

ส่วนโครงการแลกเปลี่ยนนักบินอวกาศจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยเที่ยวบินแรก สหรัฐอเมริกาจะส่ง แฟรงค์ รูบิโอ นักบินอวกาศจาก NASA ไปกับยานอวกาศของมอสโคว์ ที่ส่งจากฐานปล่อยยาน ไบโคนูร์คอสโมโดรม ในประเทศคาซัคสถาน ร่วมกับนักบินอวกาศของรัสเซียอีก 2 คน 

ในทางกลับกัน รัสเซียก็จะส่ง แอนนา คิคินา นักบินอวกาศหญิงของรัสเซีย ไปกับยาน Space X Dragon พร้อมลูกเรือชาวอเมริกัน 2 คน และจากญี่ปุ่นอีก 1 คน โดยปล่อยยานจากศูนย์อวกาศเคเนดี ในรัฐฟลอริด้า และนี่จะเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศรัสเซียจะได้เดินทางสู่อวกาศไปกับยานของ Space X อีกด้วย

ในขณะที่สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ตัดขาดความสัมพันธ์แทบทุกอย่างบนโลก เนื่องจากความขัดแย้งในกรณีข้อพิพาทรัสเซีย-ยูเครน แต่ความร่วมมือกันในโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ อาจกลายเป็นโปรเจกต์เดียวที่ยังเหลืออยู่ 

รัฐบาล พร้อมรับมือผู้ป่วยโควิดพุ่ง  เปิด 2 แอปพลิเคชั่น Good Doctor Technology และ MorDee (หมอดี) ให้ผู้ป่วยพบหมอแบบออนไลน์ พร้อมจัดยาส่งถึงบ้านฟรี

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว คือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ซึ่งอาการเหล่านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางปฏิบัติให้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดยผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด ไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการตามสิทธิรักษาของตน รับยาแล้วกลับมากักตัวที่บ้าน 7+3 วันต่อ กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 การรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร นอกจากการรักษาตามแนวทางดังกล่าวแล้ว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มการให้บริการการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นความร่วมมือกับ 2 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นด้านสุขภาพดิจิทัล ผ่าน แอป “Good Doctor Technology” และ แอป “MorDee (หมอดี)” กล่าวคือ เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 (เฉพาะสิทธิบัตรทอง) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเพียงอันใดอันหนึ่ง จะได้พบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งจะทำการประเมินอาการ และจัดส่งยาถึงบ้านตามความจำเป็นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso

สำนักงานสลาก ฯ เตรียมเปิดจำหน่าย ‘สลากดิจิทัล’ งวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2565 จำนวน 7.1 ล้านใบ งวดที่ 4 ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’ พร้อมเตือน ปชช. ให้ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น

นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ พร้อมเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดที่ 4 ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ของวันที่ 17 ก.ค.65 เป็นต้นไป โดยงวดนี้จะมีสลากจำหน่ายเพิ่มเป็น 7,167,500 ใบ เพิ่มจากเดิมที่มี 5.1 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสลากของผู้ซื้อ หลังจากงวดที่ผ่านมามีการจำหน่ายหมดไวกว่าที่คาด โดยใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน

การพิจารณาเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลในอนาคต คณะกรรมการสลากฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยนำผลตอบรับด้านต่างๆ มาพิจารณาร่วมกันทุกมิติ ทั้งฝั่งคนซื้อและคนขาย รวมถึงจะทยอยเพิ่มสลากทีละน้อย 1-2 ล้านใบ ไม่ได้เพิ่มครั้งเดียวเป็นปริมาณมาก เพื่อให้ผู้ค้าสลากระบบเดิมมีเวลาปรับตัวและสามารถวางแผนการจำหน่ายสลากได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญต้องรักษาความสมดุลระหว่างผู้ค้าในระบบเก่าและระบบดิจิทัลให้อยู่ร่วมกันได้

ประธานกรรมการสลากฯ บอกว่า การจำหน่ายสลากที่ผ่านมามีผลตอบรับเป็นไปด้วยดี โดยประชาชนกว่า 1 ล้านคน สามารถเข้าถึงซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาทได้จริง อีกทั้งยังมีความสะดวก ความปลอดภัย เพราะสลากที่ซื้อทุกใบจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในแอพฯ สามารถขึ้นรางวัลได้ทันที ไม่ยุ่งยาก โดยสามารถเลือกซื้อได้ทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม ยกเว้นวันออกรางวัลจะซื้อได้ถึง 14.00 น. ซึ่งซื้อได้แบบไม่จำกัด ทุกเลข ทุกใบในราคา 80 บาท

ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่า สลากดิจิทัลขายหมดไวเพราะมีนายทุนกว้านซื้อไปขายต่อทำกำไรนั้น นายลวรณกล่าวว่า จากการติดตามข้อมูล พบว่าปริมาณการซื้อสลากดิจิทัลยังเคลื่อนไหวเป็นปกติ โดยสลาก5 ล้านใบ มีผู้ซื้อประมาณ 9 แสนคน เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งซื้อ 5-6 ใบเท่านั้น ไม่พบว่าใครซื้อมากขึ้น หรือซื้อกระจุกตัวแบบผิดสังเกต ที่สำคัญในการตรวจสอบตามโซเชียลมีเดียก็ไม่พบผู้ค้ารายใหญ่ขายสลากดิจิทัล มีเพียงรายย่อยโพสต์ขายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จับกุมดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top